ข้ามไปเนื้อหา

ฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก 2025

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ออสการ์ พิแอสทรี และทีมของเขา แมกลาเรน-เมอร์เซเดส เป็นผู้นำตารางคะแนนชิงแชมป์โลกประเภทนักขับและผู้ผลิตตามลำดับ
ตราสัญลักษณ์สำหรับการแข่งขันฟอร์มูลาวันครบรอบ 75 ปี

การแข่งขัน เอฟไอเอ ฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก 2025 (อังกฤษ: 2025 FIA Formula One World Championship) เป็นการแข่งขันรถฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลกครั้งที่ 75 ภายใต้การรับรองในฐานะการแข่งขันระดับสูงสุดของการแข่งรถประเภทล้อเปิดโดยสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (เอฟไอเอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกีฬาท้าความเร็วระดับโลก การแข่งขันชิงแชมป์โลกถูกกำหนดให้เป็นการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ด้วยกันทั้งสิ้น 24 รายการที่จัดขึ้นทั่วโลก โดยการแข่งขันเริ่มต้นในเดือนมีนาคมและจะสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม

นักขับและทีมผู้ผลิตเข้าร่วมการแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์โลกประเภทนักขับ และแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตตามลำดับ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน นักขับจากเรดบูลเรซซิง-ฮอนด้าอาร์บีพีที เป็นแชมป์โลกประเภทนักขับฤดูกาลก่อนหน้า ขณะที่แมกลาเรน-เมอร์เซเดส เป็นแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตทีมฤดูกาลก่อนหน้า[1][2]

การแข่งขันฤดูกาล 2025 ถูกกำหนดให้เป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ผู้เข้าแข่งขันจะใช้เครื่องยนต์ต้นกําลังแบบเดิมซึ่งกำหนดใช้ครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 2014 เป็นเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงโดยเลิกใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานความร้อน (MGU-H) และใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานจลน์ (MGU-K) ที่มีกำลังขาออกสูงกว่าแทนในกฎข้อบังคับของฤดูกาล 2026[3][4] นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลสุดท้ายของรถรุ่นใช้หลักกราวด์เอฟเฟกต์ (ground-effect) ซึ่งใช้มาตั้งแต่ฤดูกาล 2022 และระบบลดแรงต้านอากาศ (drag reduction system; DRS) ซึ่งเข้ามาช่วยในการขึ้นนำตั้งแต่ฤดูกาล 2012 เนื่องจากรถที่ควบคุมอากาศพลศาสตร์ด้วยปีกหลังที่สามารถขยับได้จะเข้ามาแทนที่ในฤดูกาล 2026[5]

การแข่งขันฤดูกาล 2025 จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่เรอโนซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดหาเครื่องยนต์ให้แก่อาลปีน กำหนดการยุติการผลิตเครื่องยนต์หลังสิ้นสุดฤดูกาล 2025[6]

ผู้เข้าแข่งขัน

[แก้]

รายชื่อทีมผู้ผลิตและนักขับต่อไปนี้เข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก 2025 ซึ่งทุกทีมจะแข่งขันโดยใช้ยางรถยนต์ที่จัดหาโดยปีเรลลี[7] แต่ละทีมจะต้องส่งนักขับเข้าร่วมการแข่งขันอย่างน้อยสองคน โดยกำหนดให้นักขับหนึ่งคนประจำรถหนึ่งคันจากรถทั้งหมดสองคันที่กำหนดให้ใช้แข่งขัน[8]

ทีมและนักขับที่จะเข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก 2025
ผู้เข้าแข่งขัน ผู้ผลิต แชสซี เครื่องยนต์ นักขับ
หมายเลข ชื่อ การแข่งขัน
ที่ลงแข่ง
France บีดับเบิลยูทีอาลปีนเอฟวันทีม[9] อาลปีน-เรอโน เอ525[10] เรอโน อี-เทค อาร์อี25[11] 7
43
10
Australia แจ็ก ดูอัน
Argentina ฟรังโก โกลาปินโต
France ปีแยร์ กัสลี
1–6
รอการยืนยัน
1–6
United Kingdom แอสตันมาร์ตินอะแรมโคเอฟวันทีม[12] แอสตันมาร์ตินอะแรมโค-เมอร์เซเดส เอเอ็มอาร์25[13] เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอฟ1 เอ็ม16[14][15] 14
18
Spain เฟร์นันโด อาลอนโซ
Canada แลนซ์ สโตรลล์
1–6
1–6
Italy สกูเดเรียแฟร์รารีเอชพี[16] แฟร์รารี เอสเอฟ-25[17] แฟร์รารี 066/12[11] 16
44
Monaco ชาร์ล เลอแกลร์
United Kingdom ลูวิส แฮมิลตัน
1–6
1–6
United States มันนี่แกรมฮาสเอฟวันทีม[18] ฮาส-แฟร์รารี วีเอฟ-25[19] แฟร์รารี 066/12[20] 31
87
France แอ็สเตบาน ออกง
United Kingdom โอลิเวอร์ แบร์แมน
1–6
1–6
United Kingdom แมกลาเรนฟอร์มูลาวันทีม แมกลาเรน-เมอร์เซเดส เอ็มซีแอล39[21] เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอฟ1 เอ็ม16[22] 4
81
United Kingdom แลนโด นอร์ริส
Australia ออสการ์ พิแอสทรี
1–6
1–6
Germany เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีเปโตรนาสเอฟวันทีม[23] เมอร์เซเดส เอฟ1 ดับเบิลยู16[24] เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอฟ1 เอ็ม16[11] 12
63
Italy อันเดรอา คีมี อันโตเนลลี
United Kingdom จอร์จ รัสเซลล์
1–6
1–6
Italy วีซาแคชแอปเรซซิงบูลส์เอฟวันทีม[25] เรซซิงบูลส์-ฮอนด้าอาร์บีพีที วีคาร์บ 02[26] ฮอนด้าอาร์บีพีทีเอช002[27] 6
22
30
France อีซัก อาจาร์
Japan ยูกิ สึโนดะ
New Zealand เลียม ลอว์สัน
1–6
1–2
3–6
Austria ออราเคิลเรดบูลเรซซิง[28] เรดบูลเรซซิง-ฮอนด้าอาร์บีพีที อาร์บี21[29] ฮอนด้าอาร์บีพีทีเอช002[27] 1
30
22
Netherlands มักซ์ แฟร์สตัปเปิน
New Zealand เลียม ลอว์สัน
Japan ยูกิ สึโนดะ
1–6
1–2
3–6
Switzerland สเตกเอฟวันทีมคิกเซาเบอร์[30][a] คิกเซาเบอร์-แฟร์รารี ซี45[33] แฟร์รารี 066/12[34][35] 5
27
Brazil กาบรีแยล บอร์ตูเลตู
Germany นีโค ฮึลเคินแบร์ค
1–6
1–6
United Kingdom แอตลัสเซียนวิลเลียมส์เรซซิง[36] วิลเลียมส์-เมอร์เซเดส เอฟดับเบิลยู47[37] เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอฟ1 เอ็ม16[38] 23
55
Thailand อเล็กซานเดอร์ อัลบอน
Spain การ์โลส ไซนซ์ ยูนิออร์
1–6
1–6
แหล่งที่มา:[32][39]

นักขับรอบฝึกซ้อม

[แก้]

ตลอดการแข่งขันทั้งฤดูกาล ทีมผู้ผลิตแต่ละทีมจำเป็นต้องส่งนักขับที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันไม่เกินสองรายการ เข้าฝึกซ้อมในรอบแรกหรือรอบที่สองของรอบฝึกซ้อมซึ่งต้องเข้าร่วมทั้งหมดสี่ครั้ง โดยให้นักขับประจำรถหนึ่งคันในรอบฝึกซ้อมสองครั้ง[8]

นักขับที่เข้าร่วมรอบฝึกซ้อมรอบแรกและรอบที่สอง
ผู้ผลิต หมายเลข นักขับ การแข่งขัน
ที่ฝึกซ้อม
อาลปีน-เรอโน 62 Japan เรียว ฮิรากาวะ 3
แอสตันมาร์ตินอะแรมโค-เมอร์เซเดส 34 Brazil ฟีลีปี ดรูกอวิช 4
แฟร์รารี 38 Sweden ดีนอ เบกานอวิช 4
ฮาส-แฟร์รารี 50 Japan เรียว ฮิรากาวะ 4
เมอร์เซเดส 72 Denmark เฟรเดอริก เวสตี 4
เรดบูลเรซซิง-ฮอนด้าอาร์บีพีที 37 Japan อายูมุ อิวาซะ 4
วิลเลียมส์-เมอร์เซเดส 46 United Kingdom ลู้ก บราวนิง 4
แหล่งที่มา:[32]

การเปลี่ยนแปลงทีม

[แก้]

อาร์บียกเลิกอักษรย่อในชื่อของทีม และเข้าแข่งขันในฤดูกาล 2025 ภายใต้ชื่อ เรซซิงบูลส์ โดยเปลี่ยนแปลงทั้งชื่อทีมและชื่อผู้ผลิต[25]

การเปลี่ยนแปลงนักขับ

[แก้]
โอลิเวอร์ แบร์แมน (บนซ้าย) อันเดรอา คีมี อันโตเนลลี (บนกลาง) แจ็ก ดูอัน (บนขวา) กาบรีแยล บอร์ตูเลตู (ล่างซ้าย) เลียม ลอว์สัน (ล่างกลาง) และ อีซัก อาจาร์ (ล่างขวา) ต่างเปิดตัวเป็นนักแข่งหลักให้แก่ฮาส, เมอร์เซเดส, อาลปีน, เซาเบอร์, เรดบูลเรซซิง และเรซซิงบูลส์ตามลำดับ
ยูกิ สึโนดะ (ซ้าย) ย้ายจากเรซซิงบูลส์ไปยังเรดบูลเรซซิงตั้งแก่การแข่งขันเจแปนนีสกรังด์ปรีซ์เป็นต้นมา โดยแทนที่ เลียม ลอว์สัน ส่วน ฟรังโก โกลาปินโต (ขวา) จะเข้ามาแทนที่ แจ็ก ดูอัน ที่อาลปีนตั้งแต่การแข่งขันเอมีเลีย-โรมัญญากรังด์ปรีซ์จนถึงออสเตรียนกรังด์ปรีซ์

ลูวิส แฮมิลตัน ออกจากเมอร์เซเดสหลังจากอยู่กับทีมมานานถึงสิบสองฤดูกาลเพื่อเข้าร่วมแฟร์รารี ทำให้สถิติของเขาคือนักขับที่เข้าแข่งขันให้แก่ทีมผู้ผลิตเดียวในฤดูกาลติดต่อกันอย่างต่อเนื่องสิ้นสุดลง และเป็นฤดูกาลแรกที่เขาเข้าแข่งขันโดยไม่ใช้เครื่องยนต์ของเมอร์เซเดส[40][41] โดยเขาเข้ามาแทนที่ การ์โลส ไซนซ์ ยูนิออร์ นักขับผู้อยู่กับแฟร์รารีมาถึงสี่ฤดูกาลซึ่งย้ายไปเซ็นสัญญาหลายปีกับวิลเลียมส์ เดิมทีไซนซ์จะเข้ามาเพื่อแทนที่ของ โลแกน ซาร์เจนต์ แต่ซาร์เจนต์ถูกเปลี่ยนตัวกับ ฟรังโก โกลาปินโต ก่อนในช่วงกลางฤดูกาล 2024[42][43][44] โกลาปินโตออกจากวิลเลียมส์และเข้าร่วมอาลปีนในฐานะนักขับสำรองในเดือนมกราคม ค.ศ. 2025[45] แฮมิลตันถูกแทนที่โดย อันเดรอา คีมี อันโตเนลลี นักขับจากทีมนักแข่งรุ่นใหม่ของเมอร์เซเดสที่เลื่อนขั้นมาจากการแข่งขันฟอร์มูลาทู[46][47]

ฮาสเปลี่ยนแปลงนักขับใหม่ทั้งหมดสำหรับฤดูกาล 2025 นักขับเดิมอย่าง นีโค ฮึลเคินแบร์ค ออกจากทีมหลังจากเข้าแข่งขันให้สองฤดูกาลเพื่อเข้าร่วมเซาเบอร์ ซึ่งเป็นทีมที่เขาเคยลงแข่งให้ในฤดูกาล 2013[48][49] เขาถูกแทนที่โดย โอลิเวอร์ แบร์แมน นักขับที่เลื่อนขั้นมาจากฟอร์มูลาทูและเคยเข้าแข่งขันในฤดูกาลก่อนหน้าที่ซาอุดีอาระเบียนกรังด์ปรีซ์ให้แก่แฟร์รารี และอาเซอร์ไบจานและเซาเปาโลกรังด์ปรีซ์ให้แก่ฮาส[50] เช่นเดียวกับนักขับเดิมอีกคนคือ เควิน เมานุสเซิน ที่ออกจากทีมหลังจากเข้าแข่งขันให้สองช่วงโดยรวมเป็นเวลาถึงเจ็ดฤดูกาล[51] เขาถูกแทนที่โดย แอ็สเตบาน ออกง นักขับที่แยกทางกับอาลปีนก่อนการแข่งขันอาบูดาบีกรังด์ปรีซ์ของฤดูกาลที่แล้ว หลังจากเข้าแข่งขันให้ทีมถึงห้าฤดูกาล[52] แจ็ก ดูอัน ซึ่งเป็นนักขับที่เข้าแข่งแทนในการแข่งขันดังกล่าว ได้เข้าแทนที่เป็นนักแข่งหลักให้แก่อาลปีนสำหรับฤดูกาล 2025[53][54]

วัลต์เตริ โบตตัส และ โจว กวั้นยฺหวี่ ต่างแยกทางกับเซาเบอร์หลังจากทั้งสองเข้าแข่งขันให้สามฤดูกาล[55] โบตตัสกลับไปเข้าร่วมเมอร์เซเดสอีกครั้งในฐานะนักขับสำรอง ซึ่งเขาเคยเข้าแข่งขันให้แก่ทีมมาก่อนหน้าแล้วตั้งแต่ฤดูกาล 2017 ถึง 2021[56] ส่วนโจวได้เข้าร่วมแฟร์รารีในฐานะนักขับสำรองเช่นเดียวกัน[57] โดยตำแหน่งว่างเคียงคู่กับฮึลเคินแบร์คนั้นได้เข้ามาแทนที่โดย กาบรีแยล บอร์ตูเลตู แชมป์ฟอร์มูลาทู ฤดูกาล 2024[58]

เซร์ฆิโอ เปเรซ ออกจากเรดบูลเรซซิงหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2024 แม้ว่าเขาจะเซ็นสัญญากับทีมถึงฤดูกาล 2026 ไว้ก็ตาม[59] เขาถูกแทนที่โดย เลียม ลอว์สัน นักขับที่ได้เลื่อนขั้นมาจากทีมรองคือเรซซิงบูลส์ หลังจากเข้าร่วมการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ไปได้ห้ารายการในฤดูกาล 2023 กับสกูเดเรียอัลฟาทอรี และอีกหกรายการในฤดูกาล 2024 กับทีมในชื่อเดิมคืออาร์บี[60] อีซัก อาจาร์ นักขับสำรองของเรดบูลเรซซิงและรองแชมป์ฟอร์มูลาทู ฤดูกาล 2024 ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นนักแข่งหลักให้แก่เรซซิงบูลส์แทนที่ลอว์สัน[61]

การเปลี่ยนแปลงนักขับในฤดูกาล

[แก้]

เลียม ลอว์สัน ถูกลดตำแหน่งกลับมาเป็นนักขับให้แก่เรซซิงบูลส์ภายหลังการแข่งขันไชนีสกรังด์ปรีซ์ โดย ยูกิ สึโนดะ จะเข้าแข่งขันครั้งแรกให้แก่เรดบูลเรซซิงในการแข่งขันถัดมาคือเจแปนนีสกรังด์ปรีซ์[62]

แจ็ก ดูอัน ถูกลดตำแหน่งไปเป็นนักขับสำรองให้แก่อาลปีนภายหลังการแข่งขันไมอามีกรังด์ปรีซ์ โดยนักขับสำรองคนเดิมคือ ฟรังโก โกลาปินโต กลายมาเป็นนักแข่งหลักแทนภายใต้สัญญาแบบ "หมุนเวียนตำแหน่ง" โดยมีผลตั้งแต่การแข่งขันเอมีเลีย-โรมัญญากรังด์ปรีซ์จนถึงการแข่งขันออสเตรียนกรังด์ปรีซ์ โกลาปินโตเคยเข้าร่วมการแข่งขันมาก่อนหน้าเก้ารายการกับวิลเลียมส์ในฤดูกาล 2024[63]

ปฏิทินการแข่งขัน

[แก้]
ที่ตั้งของประเทศเจ้าภาพการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ (แสดงอาณาเขตดินแดนโดยพฤตินัย): ประเทศที่มีกำหนดการแข่งขันในฤดูกาลนี้จะเน้นด้วยสีเขียว และที่ตั้งของสนามแข่งขันจะแสดงด้วยเครื่องหมายจุดสีดำ ส่วนประเทศที่เคยจัดการแข่งขันในอดีตจะเน้นด้วยสีเทาเข้ม และสนามแข่งขันที่ใช้แสดงด้วยเครื่องหมายจุดสีขาว

ปฏิทินการแข่งขันฤดูกาล 2025 มีกำหนดการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ 24 รายการเท่ากับฤดูกาลก่อนหน้า[64][65] โดยการแข่งขันไชนีส, ไมอามี, เบลเจียน, ยูไนเต็ดสเตตส์, เซาเปาโล และการ์ตาร์กรังด์ปรีซ์ถูกกำหนดให้นำเสนอรูปแบบการแข่งขันแบบสปรินต์[66][67]

ลำดับ การแข่งขัน สนามแข่งขัน วันแข่งขัน
1 ออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศออสเตรเลีย อัลเบิร์ตพาร์กเซอร์กิต เมลเบิร์น 16 มีนาคม
2 ไชนีสกรังด์ปรีซ์ ประเทศจีน เซี่ยงไฮ้อินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต เซี่ยงไฮ้ 23 มีนาคม
3 เจแปนนีสกรังด์ปรีซ์ ประเทศญี่ปุ่น ซูซูกะเซอร์กิตอินเตอร์เนชันแนลเรซซิงคอร์ส ซูซูกะ 6 เมษายน
4 บาห์เรนกรังด์ปรีซ์ ประเทศบาห์เรน บาห์เรนอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต เศาะคีร 13 เมษายน
5 ซาอุดีอาระเบียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ญิดดะฮ์คอร์นิชเซอร์กิต ญิดดะฮ์ 20 เมษายน
6 ไมอามีกรังด์ปรีซ์ สหรัฐอเมริกา ไมอามีอินเตอร์เนชันแนลออโตโดรม ไมอามีการ์เดนส์ ฟลอริดา 4 พฤษภาคม
7 เอมีเลีย-โรมัญญากรังด์ปรีซ์ ประเทศอิตาลี อีโมลาเซอร์กิต อีโมลา 18 พฤษภาคม
8 โมนาโกกรังด์ปรีซ์ ประเทศโมนาโก ซีร์กุยเดอมอนาโก โมนาโก 25 พฤษภาคม
9 สเปนิชกรังด์ปรีซ์ ประเทศสเปน ซีร์กูอิตดาบาร์ซาโลนา-กาตาลุญญา มอมมาโล 1 มิถุนายน
10 แคนาเดียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศแคนาดา ซีร์กุยฌีล-วีลเนิฟว์ มอนทรีออล 15 มิถุนายน
11 ออสเตรียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศออสเตรีย เรดบูลริง ชปีลแบร์ค 29 มิถุนายน
12 บริติชกรังด์ปรีซ์ สหราชอาณาจักร ซิลเวอร์สโตนเซอร์กิต ซิลเวอร์สโตน 6 กรกฎาคม
13 เบลเจียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศเบลเยียม ซีร์กุยเดอสปา-ฟร็องกอร์ช็อง สตาฟว์โล 27 กรกฎาคม
14 ฮังกาเรียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศฮังการี ฮังกาโรริง โมดโยโรด 3 สิงหาคม
15 ดัตช์กรังด์ปรีซ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เซียร์กูยต์ซันต์โฟร์ต ซันต์โฟร์ต 31 สิงหาคม
16 อิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศอิตาลี มอนซาเซอร์กิต มอนซา 7 กันยายน
17 อาเซอร์ไบจานกรังด์ปรีซ์ ประเทศอาเซอร์ไบจาน บากูซิตีเซอร์กิต บากู 21 กันยายน
18 สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์ ประเทศสิงคโปร์ มารีนาเบย์สตรีตเซอร์กิต สิงคโปร์ 5 ตุลาคม
19 ยูไนเต็ดสเตตส์กรังด์ปรีซ์ สหรัฐอเมริกา เซอร์กิตออฟดิอเมริกาส์ ออสติน เท็กซัส 19 ตุลาคม
20 เม็กซิโกซิตีกรังด์ปรีซ์ ประเทศเม็กซิโก เอาโตโดรโมเอร์มาโนสโรดริเกซ เม็กซิโกซิตี 26 ตุลาคม
21 เซาเปาโลกรังด์ปรีซ์ ประเทศบราซิล อิงแตร์ลากูสเซอร์กิต เซาเปาลู 9 พฤศจิกายน
22 ลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์ สหรัฐอเมริกา ลาสเวกัสสตริปเซอร์กิต พาราไดซ์ เนวาดา 22 พฤศจิกายน
23 กาตาร์กรังด์ปรีซ์ ประเทศกาตาร์ ลูซัยล์อินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต ลูซัยล์ 30 พฤศจิกายน
24 อาบูดาบีกรังด์ปรีซ์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยาสมารีนาเซอร์กิต อาบูดาบี 7 ธันวาคม
แหล่งที่มา:[64]

การเปลี่ยนแปลงปฏิทินการแข่งขัน

[แก้]

การแข่งขันออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์ถูกกำหนดให้เป็นการแข่งขันแรกสำหรับฤดูกาล 2025 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้จัดเปิดฤดูกาลนับตั้งแต่ฤดูกาล 2019 จากเดิมที่ถูกกำหนดให้เป็นการแข่งขันรายการที่สามในการแข่งขันสามฤดูกาลก่อนหน้า ถัดจากบาห์เรนและซาอุดีอาระเบียนกรังด์ปรีซ์ โดยการแข่งขันทั้งสองรายการถูกกำหนดจัดการแข่งขันให้หลังเดือนเราะมะฎอนในฤดูกาล 2025[68][69] การแข่งขันรัสเซียนกรังด์ปรีซ์อยู่ภายใต้สัญญาให้จัดการแข่งขันในฤดูกาล 2025[70] อย่างไรก็ตามสัญญาดังกล่าวถูกยุติลงในฤดูกาล 2022 เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย[71]

สรุปฤดูกาล

[แก้]

การเปิดตัวฤดูกาล

[แก้]

ผู้เข้าแข่งขันจากทั้งสิบทีมต่างเข้าร่วมงานเปิดตัวฤดูกาลรวมในชื่อ เอฟวัน 75 ไลฟ์ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2025 ที่ดิโอทูอะรีนาในลอนดอน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการแข่งขันฟอร์มูลาวันครบรอบ 75 ปี ภายในงานมีการเปิดเผยลวดลายบนรถสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลของแต่ละทีม ในขณะที่นักขับและหัวหน้าทีมต่างให้สัมภาษณ์ต่อหน้าผู้ชมในอะรีนา พร้อมกับคั่นกลางด้วยการแสดงสดและตัวอย่างภาพยนตร์ฟอร์มูลาวัน งานได้รับการถ่ายทอดสดผ่านสกายสปอตส์ในสหราชอาณาจักร และอีเอสพีเอ็นในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับทางบัญชีสื่อสังคมของฟอร์มูลาวัน[72][73][74] โดยการถ่ายทอดสดทางยูทูบมีผู้เข้าชมมากกว่าการถ่ายทอดสดที่ผ่านมาของฟอร์มูลาวันด้วยยอดผู้เข้าชม 1.1 ล้านคนในระหว่างการถ่ายทอดสด[75]

ก่อนเริ่มฤดูกาล

[แก้]

การทดสอบก่อนเริ่มฤดูกาลจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2025 ที่บาห์เรนอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิตในเศาะคีร[76] การ์โลส ไซนซ์ ยูนิออร์ นักขับของวิลเลียมส์เป็นผู้ทำเวลาได้ดีที่สุดในการทดสอบทั้งสามวัน[77]

ช่วงต้นฤดูกาล

[แก้]

แลนโด นอร์ริส นักขับของแมกลาเรนได้ตำแหน่งโพลในการแข่งขันออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์ ซึ่งจัดแข่งขันภายใต้สนามกึ่งแห้งกึ่งเปียกและสภาพอากาศแปรปรวน นอร์ริสเป็นผู้นำในส่วนใหญ่ของการแข่งขัน โดยเขาเสียตำแหน่งไปขณะหนึ่งเมื่อเขาและ ออสการ์ พิแอสทรี นักขับร่วมทีมเสียการควบคุมรถหลังติดตั้งยางสำหรับสนามกึ่งเปียก ทำให้พิแอสทรีหลุดออกไปอยู่บนสนามหญ้าข้างทางเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะนำรถกลับมาบนเส้นทางโดยที่ต้องตกไปอยู่ในอันดับที่สิบสามและกู้อันดับมาอยู่ในอันดับที่เก้า มักซ์ แฟร์สตัปเปิน ในรถเรดบูลเรซซิงขับตามหลังนอร์ริสในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน นอร์ริสรักษาระยะห่างจากแฟร์สตัปเปินไว้ได้จนชนะการแข่งขัน นำชัยชนะแรกที่ออสเตรเลียมาให้แก่แมกลาเรนนับตั้งแต่ชัยชนะครั้งล่าสุดของทีมในฤดูกาล 2012 นอกจากนี้นอร์ริสยังหยุดสถิติตำแหน่งผู้นำการชิงแชมป์โลกประเภทนักขับติดต่อกันของแฟร์สตัปเปิน ซึ่งเขาถือตำแหน่งนี้มาตั้งแต่การแข่งขันสเปนิชกรังด์ปรีซ์ 2022 อันเดรอา คีมี อันโตเนลลี ทำอันดับขึ้นมาได้สิบสองอันดับ และจบการแข่งขันในอันดับที่สี่จากที่ออกตัวในอันดับที่สิบหก นักขับถึงหกคนด้วยกันที่ถอนตัวจากการแข่งขัน ได้แก่ อีซัก อาจาร์ จากเรซซิงบูลส์, แจ็ก ดูอัน จากอาลปีน, การ์โลส ไซนซ์ ยูนิออร์ จากวิลเลียมส์, เฟร์นันโด อาลอนโซ จากแอสตันมาร์ติน, กาบรีแยล บอร์ตูเลตู จากเซาเบอร์ และ เลียม ลอว์สัน นักขับร่วมทีมของแฟร์สตัปเปินระหว่างการแข่งขัน[b][78]

ลูวิส แฮมิลตัน ได้ตำแหน่งโพลในการแข่งขันรอบสปรินต์ที่ไชนีสกรังด์ปรีซ์ ซึ่งเขารักษาตำแหน่งไว้ได้และชนะรอบสปรินต์โดยนำหน้าพิแอสทรีและแฟร์สตัปเปิน ในขณะที่นอร์ริสได้อันดับที่หกในการคัดเลือกรอบสปรินต์และจบการแข่งขันในอันดับที่แปด[79] พิแอสทรีได้ตำแหน่งโพลแรกในอาชีพของเขาจากการแข่งขันหลัก[80] โดยเขารักษาตำแหน่งไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และพาทีมขึ้นโพเดียมในอันดับที่หนึ่งและสองร่วมกับนอร์ริสที่รับมือกับระบบเบรกของรถซึ่งใกล้จะขัดข้องระหว่างการแข่งขัน ตามมาด้วย จอร์จ รัสเซลล์ ที่ได้อันดับที่สามให้แก่เมอร์เซเดส การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการจบอันดับที่หนึ่งและสองครั้งที่ 50 ของแมกลาเรนนับตั้งแต่เริ่มเข้าแข่งขันฟอร์มูลาวัน[81] ชาร์ล เลอแกลร์ จากแฟร์รารี และ ปีแยร์ กัสลี จากอาลปีน ถูกตัดสิทธิ์หลังสิ้นสุดการแข่งขันเนื่องจากน้ำหนักรถของพวกเขาต่ำกว่ากำหนด[82] ขณะที่แฮมิลตันถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถสึกหรอมากเกินไป[83]

แฟร์สตัปเปินได้ตำแหน่งโพลแรกในฤดูกาลให้ตนเองที่เจแปนนีสกรังด์ปรีซ์ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันแรกที่เขาได้ออกตัวในตำแหน่งโพลนับตั้งแต่การแข่งขันล่าสุดคือออสเตรียนกรังด์ปรีซ์ 2024 ก่อนที่เขาจะจบการแข่งขันลงด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาด โดยนำหน้านักขับของแมกลาเรนทั้งสองคนคือนอร์ริสและพิแอสทรีที่ได้อันดับรองลงมาตามลำดับ ทำให้แฟร์สตัปเปินชนะการแข่งขันเจแปนนีสกรังด์ปรีซ์จากตำแหน่งโพลเป็นสมัยที่สี่ติดต่อกันนับตั้งแต่ฤดูกาล 2022 อันโตเนลลีจากเมอร์เซเดสกลายเป็นนักขับอายุน้อยที่สุดที่ได้ขึ้นนำและทำรอบเร็วที่สุดของการแข่งขันในประวัติศาสตร์ฟอร์มูลาวัน การแข่งขันไม่มีนักขับคนใดถอนตัวระหว่างแข่งขัน[84][85]

พิแอสทรีได้ตำแหน่งโพลที่สองในฤดูกาลให้ตนเองที่บาห์เรนกรังด์ปรีซ์ และรักษาตำแหน่งจนเข้าเส้นชัยนำหน้ารัสเซลล์ที่ประสบกับปัญหาระบบไฟฟ้าโดยรวมภายในรถ และตามมาด้วยนอรร์ริส นักขับร่วมทีมของพิแอสทรี ไซนซ์เป็นนักขับเพียงคนเดียวที่ถอนตัวจากการแข่งขัน หลังจากรถของเขาปะทะกับรถของ ยูกิ สึโนดะ นับขับของเรดบูลเรซซิง[b][86] นีโค ฮึลเคินแบร์ค จากเซาเบอร์ถูกตัดสิทธิ์หลังสิ้นสุดการแข่งขันเนื่องจากแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถสึกหรอมากเกินไป[87]

แฟร์สตัปเปินได้ตำแหน่งโพลที่สองในฤดูกาลให้ตนเองที่ซาอุดีอาระเบียนกรังด์ปรีซ์ ขณะที่นอร์ริสประสบอุบัติเหตุในรอบคัดเลือกรอบที่สามทำให้เขาได้ตำแหน่งเริ่มในอันดับที่สิบ ก่อนที่เขาจะสามารถกู้อันดับมาอยู่ในอันดับที่สี่ระหว่างการแข่งขัน ส่วนนักขับร่วมทีมอย่างพิแอสทรีที่ออกตัวในอันดับที่สองนั้นชนะการแข่งขัน โดยนำหน้าแฟร์สตัปเปินที่ได้รับโทษปรับเวลาห้าวินาทีจากการขับรถออกนอกเส้นทางระหว่างช่วงชิงตำแหน่งขึ้นนำ และเลอแกลร์ซึ่งได้อันดับบนโพเดียมแรกในฤดูกาลให้แก่แฟร์รารี การแข่งขันส่งผลให้พิแอสทรีเป็นผู้นำบนตารางคะแนนชิงแชมป์โลกประเภทนักขับครั้งแรกในอาชีพ และทำให้เขากลายเป็นนักขับชาวออสเตรเลียคนแรกที่ขึ้นนำการชิงแชมป์โลก นับตั้งแต่ มาร์ก เว็บเบอร์ ซึ่งเป็นผู้จัดการของเขา เคยขึ้นนำจากการแข่งขันเจแปนนีสกรังด์ปรีซ์ 2010 ในขณะที่สึโนดะและกัสลีต้องถอนตัวจากการแข่งขันหลังจากเกิดการปะทะกันของรถทั้งสองคัน[88]

อันโตเนลลีได้ตำแหน่งโพลในการแข่งขันรอบสปรินต์ที่ไมอามีกรังด์ปรีซ์ ก่อนจะตกลงมาที่อันดับที่เจ็ดหลังจากเกิดการปะทะกับแฟร์สตัปเปินที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากพิตอย่างไม่ปลอดภัย ซึ่งแฟร์สตัปเปินได้รับโทษปรับเวลาจนทำให้เขาอยู่ที่อันดับสุดท้ายของการแข่งขัน ถือเป็นครั้งแรกของเขาที่ไม่ได้คะแนนใดเลยในการแข่งขันทุกรูปแบบนับตั้งแต่การแข่งขันเบลเจียนกรังด์ปรีซ์ 2016 นอร์ริสชนะการแข่งขันนี้ไปหลังจากได้สับเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นนำแทนพิแอสทรีในช่วงการเดินรถดูแลความปลอดภัยท้ายการแข่งขันจากอุบัติเหตุของอาลอนโซ แฮมิลตันได้อันดับที่สามด้วยกลยุทธ์การเข้าพิตล่วงหน้าของแฟร์รารี ขณะที่รถของนักขับร่วมทีมอย่างเลอแกลร์เกิดอุบัติเหตุระหว่างรอบสำรวจสนามแข่ง และไม่ได้เข้าร่วมการการแข่งขันรอบสปรินต์[89] แฟร์สตัปเปินได้ตำแหน่งโพลในการแข่งขันหลักนำหน้านอร์ริสและอันโตเนลลี แต่พิแอสทรีสามารถขึ้นนำและชนะการแข่งขันไปได้ ตามมาด้วยนอร์ริสและรัสเซลล์ นักขับสี่คนถอนตัวจากการแข่งขัน ได้แก่ ดูอัน, โอลิเวอร์ แบร์แมน จากฮาส, บอร์ตูเลตู และลอว์สัน[90]

ผลการแข่งขันและตารางคะแนน

[แก้]

ผลการแข่งขันกรังด์ปรีซ์

[แก้]
ลำดับ กรังด์ปรีซ์[c] ตำแหน่งโพล ทำรอบเร็วที่สุด นักชับที่ชนะ ทีมผู้ผลิตที่ชนะ รายงาน
1 Australia ออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์ สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส สหราชอาณาจักร แมกลาเรน-เมอร์เซเดส รายงาน
2 China ไชนีสกรังด์ปรีซ์ ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส[d] ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี สหราชอาณาจักร แมกลาเรน-เมอร์เซเดส รายงาน
3 Japan เจแปนนีสกรังด์ปรีซ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน ประเทศอิตาลี อันเดรอา คีมี อันโตเนลลี ประเทศเนเธอร์แลนด์ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน ประเทศออสเตรีย เรดบูลเรซซิง-ฮอนด้าอาร์บีพีที รายงาน
4 Bahrain บาห์เรนกรังด์ปรีซ์ ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี สหราชอาณาจักร แมกลาเรน-เมอร์เซเดส รายงาน
5 Saudi Arabia ซาอุดีอาระเบียนกรังด์ปรีซ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี สหราชอาณาจักร แมกลาเรน-เมอร์เซเดส รายงาน
6 United States ไมอามีกรังด์ปรีซ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี สหราชอาณาจักร แมกลาเรน-เมอร์เซเดส รายงาน
7 Italy เอมีเลีย-โรมัญญากรังด์ปรีซ์ รายงาน
8 Monaco โมนาโกกรังด์ปรีซ์ รายงาน
9 Spain สเปนิชกรังด์ปรีซ์ รายงาน
10 Canada แคนาเดียนกรังด์ปรีซ์ รายงาน
11 Austria ออสเตรียนกรังด์ปรีซ์ รายงาน
12 United Kingdom บริติชกรังด์ปรีซ์ รายงาน
13 Belgium เบลเจียนกรังด์ปรีซ์ รายงาน
14 Hungary ฮังกาเรียนกรังด์ปรีซ์ รายงาน
15 Netherlands ดัตช์กรังด์ปรีซ์ รายงาน
16 Italy อิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ รายงาน
17 Azerbaijan อาเซอร์ไบจานกรังด์ปรีซ์ รายงาน
18 Singapore สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์ รายงาน
19 United States ยูไนเต็ดสเตตส์กรังด์ปรีซ์ รายงาน
20 Mexico เม็กซิโกซิตีกรังด์ปรีซ์ รายงาน
21 Brazil เซาเปาโลกรังด์ปรีซ์ รายงาน
22 United States ลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์ รายงาน
23 Qatar กาตาร์กรังด์ปรีซ์ รายงาน
24 United Arab Emirates อาบูดาบีกรังด์ปรีซ์ รายงาน
แหล่งที่มา:[64][92]

ระบบการให้คะแนน

[แก้]

คะแนนจะมอบให้กับนักขับที่ได้รับการจัดอันดับในสิบอันดับแรกของการแข่งขัน และนักขับในแปดอันดับแรกของรอบสปรินต์[93][e] ในกรณีที่คะแนนของนักขับเสมอกัน ระบบนับคะแนนถอยหลังจะถูกใช้โดยนักขับที่มีผลการแข่งขันดีที่สุดจะได้รับการจัดอันดับสูงกว่า หากผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเหมือนกันจะตัดสินโดยผลลัพธ์ถัดไปที่ดีที่สุดและไล่ต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผู้ชนะ[95] คะแนนจะมอบให้โดยใช้ระบบดังต่อไปนี้:

อับดับ  1   2   3   4   5   6   7   8   9   10 
กรังด์ปรีซ์ 25 18 15 12 10 8 6 4 2 1
สปรินต์[c] 8 7 6 5 4 3 2 1
แหล่งที่มา:[93]

ตารางคะแนนชิงแชมป์โลกประเภทนักขับ

[แก้]
อันดับ นักขับ AUS
ประเทศออสเตรเลีย
CHN
ประเทศจีน
JPN
ประเทศญี่ปุ่น
BHR
ประเทศบาห์เรน
SAU
ประเทศซาอุดีอาระเบีย
MIA
สหรัฐอเมริกา
EMI
ประเทศอิตาลี
MON
ประเทศโมนาโก
ESP
ประเทศสเปน
CAN
ประเทศแคนาดา
AUT
ประเทศออสเตรีย
GBR
สหราชอาณาจักร
BEL
ประเทศเบลเยียม
HUN
ประเทศฮังการี
NED
ประเทศเนเธอร์แลนด์
ITA
ประเทศอิตาลี
AZE
ประเทศอาเซอร์ไบจาน
SIN
ประเทศสิงคโปร์
USA
สหรัฐอเมริกา
MXC
ประเทศเม็กซิโก
SAP
ประเทศบราซิล
LVG
สหรัฐอเมริกา
QAT
ประเทศกาตาร์
ABU
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คะแนน
1 ประเทศออสเตรเลีย ออสการ์ พิแอสทรี 9 1P 2 3 1PF 1 12 131
2 สหราชอาณาจักร แลนโด นอร์ริส 1PF 28 F 2 3 4F 21 F 115
3 ประเทศเนเธอร์แลนด์ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน 2 43 1P 6 2P 4P 99
4 สหราชอาณาจักร จอร์จ รัสเซลล์ 3 34 5 2 5 34 93
5 ประเทศโมนาโก ชาร์ล เลอแกลร์ 8 DSQ5 4 4 3 7 53
6 ประเทศอิตาลี อันเดรอา คีมี อันโตเนลลี 4 67 6F 11 6 67 48
7 สหราชอาณาจักร ลูวิส แฮมิลตัน 10 DSQ1 7 5 7 83 41
8 ประเทศไทย อเล็กซานเดอร์ อัลบอน 5 7 9 12 9 5 30
9 ประเทศฝรั่งเศส แอ็สเตบาน ออกง 13 5 18 8 14 12 14
10 ประเทศแคนาดา แลนซ์ สโตรลล์ 6 9 20 17 16 165 14
11 ประเทศญี่ปุ่น ยูกิ สึโนดะ 12 166 12 9 Ret 106 9
12 ประเทศฝรั่งเศส ปีแยร์ กัสลี 11 DSQ 13 7 Ret 138 7
13 ประเทศสเปน การ์โลส ไซนซ์ ยูนิออร์ Ret 10 14 Ret 8 9 7
14 ประเทศเยอรมนี นีโค ฮึลเคินแบร์ค 7 15 16 DSQ 15 14 6
15 สหราชอาณาจักร โอลิเวอร์ แบร์แมน 14 8 10 10 13 Ret 6
16 ประเทศฝรั่งเศส อีซัก อาจาร์ Ret 11 8 13 10 11 5
17 ประเทศสเปน เฟร์นันโด อาลอนโซ Ret Ret 11 15 11 15 0
18 ประเทศนิวซีแลนด์ เลียม ลอว์สัน Ret 12 17 16 12 Ret 0
19 ประเทศออสเตรเลีย แจ็ก ดูอัน Ret 13 15 14 17 Ret 0
20 ประเทศบราซิล กาบรีแยล บอร์ตูเลตู Ret 14 19 18 18 Ret 0
อันดับ นักขับ AUS
ประเทศออสเตรเลีย
CHN
ประเทศจีน
JPN
ประเทศญี่ปุ่น
BHR
ประเทศบาห์เรน
SAU
ประเทศซาอุดีอาระเบีย
MIA
สหรัฐอเมริกา
EMI
ประเทศอิตาลี
MON
ประเทศโมนาโก
ESP
ประเทศสเปน
CAN
ประเทศแคนาดา
AUT
ประเทศออสเตรีย
GBR
สหราชอาณาจักร
BEL
ประเทศเบลเยียม
HUN
ประเทศฮังการี
NED
ประเทศเนเธอร์แลนด์
ITA
ประเทศอิตาลี
AZE
ประเทศอาเซอร์ไบจาน
SIN
ประเทศสิงคโปร์
USA
สหรัฐอเมริกา
MXC
ประเทศเม็กซิโก
SAP
ประเทศบราซิล
LVG
สหรัฐอเมริกา
QAT
ประเทศกาตาร์
ABU
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คะแนน
แหล่งที่มา:[92][96][97]
คำสำคัญ
สี ผล
ทอง ชนะเลิศ
เงิน อันดับ 2
ทองแดง อันดับ 3
เขียว อันดับอื่นที่ได้คะแนน
ฟ้า อันดับอื่นที่ไม่ได้คะแนน
ไม่ถูกจัดอันดับ แต่จบการแข่งขัน (NC)
ม่วง ไม่ถูกจัดอันดับ เพราะถอนตัวระหว่างแข่งขัน (Ret)
แดง ไม่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก (DNQ)
ไม่ได้เข้าร่วมรอบก่อนคัดเลือก (DNPQ)
ดำ ถูกตัดสิทธิ์ (DSQ)
ขาว ไม่ได้ออกตัว (DNS)
การแข่งขันถูกยกเลิก (C)
ว่าง ไม่ได้เข้าร่วมรอบฝึกซ้อม (DNP)
ได้รับการยกเว้น (EX)
ไม่ได้เข้าร่วมงาน (DNA)
ถอนตัว (WD)
ตัวย่อ หมายถึง
ตัวยก อันดับที่ได้คะแนนในการแข่งขันรอบสปรินต์
P ตำแหน่งโพล
F ทำรอบเร็วที่สุด

ตารางคะแนนชิงแชมป์โลกประเภทผู้ผลิต

[แก้]
อันดับ ผู้ผลิต AUS
ประเทศออสเตรเลีย
CHN
ประเทศจีน
JPN
ประเทศญี่ปุ่น
BHR
ประเทศบาห์เรน
SAU
ประเทศซาอุดีอาระเบีย
MIA
สหรัฐอเมริกา
EMI
ประเทศอิตาลี
MON
ประเทศโมนาโก
ESP
ประเทศสเปน
CAN
ประเทศแคนาดา
AUT
ประเทศออสเตรีย
GBR
สหราชอาณาจักร
BEL
ประเทศเบลเยียม
HUN
ประเทศฮังการี
NED
ประเทศเนเธอร์แลนด์
ITA
ประเทศอิตาลี
AZE
ประเทศอาเซอร์ไบจาน
SIN
ประเทศสิงคโปร์
USA
สหรัฐอเมริกา
MXC
ประเทศเม็กซิโก
SAP
ประเทศบราซิล
LVG
สหรัฐอเมริกา
QAT
ประเทศกาตาร์
ABU
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คะแนน
1 สหราชอาณาจักร แมกลาเรน-เมอร์เซเดส 1PF 1P 2 2 1PF 1 12 246
9 28 F 3 3 4F 21 F
2 ประเทศเยอรมนี เมอร์เซเดส 3 34 5 2 5 34 141
4 67 6F 11 6 67
3 ประเทศออสเตรีย เรดบูลเรซซิง-ฮอนด้าอาร์บีพีที 2 43 1P 6 2P 4P 105
Ret 12 12 9 Ret 106
4 ประเทศอิตาลี แฟร์รารี 8 DSQ1 4 4 3 7 94
10 DSQ5 7 5 7 83
5 สหราชอาณาจักร วิลเลียมส์-เมอร์เซเดส 5 7 9 12 8 5 37
Ret 10 14 Ret 9 9
6 สหรัฐอเมริกา ฮาส-แฟร์รารี 13 5 10 8 13 12 20
14 8 18 10 14 Ret
7 สหราชอาณาจักร แอสตันมาร์ตินอะแรมโค-เมอร์เซเดส 6 9 11 15 11 15 14
Ret Ret 20 17 16 165
8 ประเทศอิตาลี เรซซิงบูลส์-ฮอนด้าอาร์บีพีที 12 11 8 13 10 11 8
Ret 166 17 16 12 Ret
9 ประเทศฝรั่งเศส อาลปีน-เรอโน 11 13 13 7 17 138 7
Ret DSQ 15 14 Ret Ret
10 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คิกเซาเบอร์-แฟร์รารี 7 14 16 18 15 14 6
Ret 15 19 DSQ 18 Ret
อันดับ ผู้ผลิต AUS
ประเทศออสเตรเลีย
CHN
ประเทศจีน
JPN
ประเทศญี่ปุ่น
BHR
ประเทศบาห์เรน
SAU
ประเทศซาอุดีอาระเบีย
MIA
สหรัฐอเมริกา
EMI
ประเทศอิตาลี
MON
ประเทศโมนาโก
ESP
ประเทศสเปน
CAN
ประเทศแคนาดา
AUT
ประเทศออสเตรีย
GBR
สหราชอาณาจักร
BEL
ประเทศเบลเยียม
HUN
ประเทศฮังการี
NED
ประเทศเนเธอร์แลนด์
ITA
ประเทศอิตาลี
AZE
ประเทศอาเซอร์ไบจาน
SIN
ประเทศสิงคโปร์
USA
สหรัฐอเมริกา
MXC
ประเทศเม็กซิโก
SAP
ประเทศบราซิล
LVG
สหรัฐอเมริกา
QAT
ประเทศกาตาร์
ABU
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คะแนน
แหล่งที่มา:[92][96][97]
คำสำคัญ
สี ผล
ทอง ชนะเลิศ
เงิน อันดับ 2
ทองแดง อันดับ 3
เขียว อันดับอื่นที่ได้คะแนน
ฟ้า อันดับอื่นที่ไม่ได้คะแนน
ไม่ถูกจัดอันดับ แต่จบการแข่งขัน (NC)
ม่วง ไม่ถูกจัดอันดับ เพราะถอนตัวระหว่างแข่งขัน (Ret)
แดง ไม่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก (DNQ)
ไม่ได้เข้าร่วมรอบก่อนคัดเลือก (DNPQ)
ดำ ถูกตัดสิทธิ์ (DSQ)
ขาว ไม่ได้ออกตัว (DNS)
การแข่งขันถูกยกเลิก (C)
ว่าง ไม่ได้เข้าร่วมรอบฝึกซ้อม (DNP)
ได้รับการยกเว้น (EX)
ไม่ได้เข้าร่วมงาน (DNA)
ถอนตัว (WD)
ตัวย่อ หมายถึง
ตัวยก อันดับที่ได้คะแนนในการแข่งขันรอบสปรินต์
P ตำแหน่งโพล
F ทำรอบเร็วที่สุด
หมายเหตุ
  • แถวในตารางไม่ได้หมายถึงคะแนนของนักขับคนใดคนหนึ่ง ตารางคะแนนชิงแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตนั้นจะอ้างอิงอันดับการแข่งขันในแต่ละกรังด์ปรีซ์ โดยจัดเรียงตามการจัดอันดับอันเป็นที่สิ้นสุดหลังจบการแข่งขันเท่านั้น (ไม่ได้จัดตามคะแนนสะสมทั้งหมดที่ทำได้ในการแข่งขันนั้น ซึ่งรวมถึงคะแนนจากรอบสปรินต์ด้วย)

หมายเหตุ

[แก้]
  1. เซาเบอร์ได้รับการสนับสนุนจากสเตก ซึ่งผู้ก่อตั้งร่วมเป็นผู้สนับสนุนของคิกด้วย[31] โดยเซาเบอร์เข้าร่วมในการแข่งขันรายการที่ 1 ภายใต้ชื่อ "คิก เซาเบอร์เอฟวันทีม"[32]
  2. 2.0 2.1 เลียม ลอว์สัน เป็นนักขับของเรดบูลเรซซิงในการแข่งขันสองรายการแรก ก่อนจะถูกแทนที่โดย ยูกิ สึโนดะ นับตั้งแต่การแข่งขันเจแปนนีสกรังด์ปรีซ์เป็นต้นมา[62]
  3. 3.0 3.1 การแข่งขันไชนีส, ไมอามี, เบลเจียน, ยูไนเต็ดสเตตส์, เซาเปาโล และการ์ตาร์กรังด์ปรีซ์นำเสนอรูปแบบการแข่งขันแบบสปรินต์[66]
  4. เดิมที ลูวิส แฮมิลตัน เป็นผู้ทำรอบได้เร็วที่สุด แต่เขาถูกตัดสิทธิ์ในภายหลังเนื่องจากแผ่นไม้กันกระแทกใต้ท้องรถมีความหนาต่ำกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำ[83] แลนโด นอร์ริส ซึ่งทำรอบได้เร็วเป็นอันดับรองลงมาจึงกลายเป็นผู้ทำรอบได้เร็วที่สุดในการแข่งขันแทน[91]
  5. ในกรณีที่การแข่งขันสิ้นสุดลงก่อนกำหนด จำนวนคะแนนที่มอบให้กับแต่ละอันดับอาจลดลง ขึ้นอยู่กับว่าการแข่งขันนั้นดำเนินการไปมากน้อยเพียงใด[94]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Verstappen crowned champion as Russell heads Mercedes 1–2 in Las Vegas". Formula One. 24 November 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 December 2024. สืบค้นเมื่อ 24 November 2024.
  2. "Norris sails to victory ahead of Sainz and Leclerc in Abu Dhabi as McLaren seal constructors' championship". Formula One. 8 December 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2024. สืบค้นเมื่อ 8 December 2024.
  3. Nichol, Jake (21 January 2024). "Everything to know about F1's 2026 power unit revolution". RacingNews365. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 August 2024. สืบค้นเมื่อ 15 April 2024.
  4. เจษฎา บุญประสม (9 มิถุนายน 2024). "รถแข่ง F1 กติกาใหม่ ปี 2026 ต่างจากปัจจุบันที่ใช้ตั้งแต่ปี 2022 อย่างไร ?". Main Stand. สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม 2025.
  5. Mitchell-Malm, Scott; Anderson, Ben (6 June 2024). "F1 reveals 2026 cars – Everything worth knowing". The Race. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 September 2024. สืบค้นเมื่อ 6 June 2024.
  6. "Alpine confirm they are to shut down works engine programme at the end of 2025". Formula One. 30 September 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 September 2024. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
  7. "Pirelli to continue as Formula 1's exclusive tyre supplier until 2027". Formula One. 10 October 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 May 2024. สืบค้นเมื่อ 30 April 2024.
  8. 8.0 8.1 "2025 Formula One Sporting Regulations – Issue 4" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). 26 February 2025. สืบค้นเมื่อ 26 February 2025.
  9. "BWT and Alpine F1 team combine forces in strategic partnership aimed at sustainability drive". BWT. 11 February 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 April 2024. สืบค้นเมื่อ 24 April 2024.
  10. "First pictures: Alpine presents its livery for the 2025 F1 season". RaceFans.net. Collantine Media. 18 February 2025. สืบค้นเมื่อ 18 February 2025.
  11. 11.0 11.1 11.2 "What engine every F1 team is using for 2026 rules". The Race. 8 January 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 May 2024. สืบค้นเมื่อ 8 February 2024.
  12. "F1: Aston Martin sela acordo de patrocínio com Aramco". Motorsport.uol.com Brazil. Motorsport Network. 3 February 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2024. สืบค้นเมื่อ 25 January 2024.
  13. "Aston Martin Aramco announces high-performance partnership with PUMA". Aston Martin F1 Team. สืบค้นเมื่อ 16 December 2024. PUMA car branding will debut on the AMR25 when it is launched ahead of the 2025 F1 season.
  14. "AMR25". Aston Martin F1 Team.
  15. "Aston Martin confirm Honda as F1 engine partner from 2026 as Japanese manufacturer makes official return to sport". Sky Sports. 24 May 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 February 2024. สืบค้นเมื่อ 8 February 2024.
  16. "Ferrari and HP Announce a Title Partnership". HP. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 April 2024. สืบค้นเมื่อ 24 April 2024.
  17. Velasco, Paul (30 January 2025). "Ferrari confirms SF-25 as name for 2025 Formula 1 car". GrandPrix247.com. สืบค้นเมื่อ 30 January 2025.
  18. "Haas sign new title sponsor for 2023 in multi-year deal". Formula One. 20 October 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2022. สืบค้นเมื่อ 22 October 2022.
  19. "Haas showcase new livery for 2025 season at F1 75 Live". Formula One. 18 February 2025. สืบค้นเมื่อ 19 February 2025.
  20. "Haas to stick with Ferrari amid engine crisis". GrandPrix.com. Inside F1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 August 2020. สืบค้นเมื่อ 30 August 2020.
  21. Kalinauckas, Alex (13 February 2025). "McLaren becomes first F1 team to reveal 2025 car design". Motorsport.com Australia. Motorsport Network. สืบค้นเมื่อ 13 February 2025.
  22. Cooper, Adam (28 September 2019). "McLaren's deal to use Mercedes F1 engines again from 2021 announced". Autosport.com. Motorsport Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2021. สืบค้นเมื่อ 17 September 2022.
  23. Noble, Jonathan (28 September 2022). "Mercedes signs early Petronas deal extension ahead of new F1 2026 rules". Motorsport.com. Motorsport Network. สืบค้นเมื่อ 24 April 2024.
  24. "W16 Launch Date Confirmed". Mercedes-AMG Petronas F1 Team. 27 January 2025. สืบค้นเมื่อ 27 January 2025.
  25. 25.0 25.1 Noble, Jonathan (2 September 2024). "What's really going on with RB's name change plans for F1 2025". Motorsport.com. Motorsport Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 November 2024. สืบค้นเมื่อ 7 September 2024.
  26. "Hahnair to join Visa Cash App RB Formula 1 Team". Visa Cash App RB Formula One Team. สืบค้นเมื่อ 16 December 2024. As from the start of the 2025 season, the Hahnair logo will feature on the VCARB-02 mirrors
  27. 27.0 27.1 "F1: Motores Red Bull voltam a ter nome da Honda em 2023". Motorsport.uol.com Brazil. Motorsport Network. 15 December 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 March 2024. สืบค้นเมื่อ 25 January 2024.
  28. "Acordo Red Bull/Oracle é "o maior na história da F1"". Autoracing.com Brazil. 10 February 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 April 2023. สืบค้นเมื่อ 25 January 2024.
  29. "Oracle Red Bull Racing Partners with Neat". Oracle Red Bull Racing. สืบค้นเมื่อ 16 December 2024. Beginning in 2025, Neat will be featured on Oracle Red Bull Racing’s RB21 car [...]
  30. Nichol, Jake (1 January 2024). "Sauber announces official team name for 2024 and 2025". RacingNews365. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 April 2024. สืบค้นเมื่อ 24 April 2024.
  31. "Sauber to run under Stake F1 Team name in 2024–25". Motorsport.com. Motorsport Network. 15 December 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 December 2023. สืบค้นเมื่อ 18 March 2024.
  32. 32.0 32.1 32.2 รายชื่อผู้เข้าแข่งขันอย่างเป็นทางการ:
    • Connelly, Garry; Ennser, Gerd; Geilhausen, Tanja; Selley, Matthew; Bernoldi, Enrique (14 March 2025). "2025 Australian Grand Prix – Entry List (Corrected)" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 14 March 2025.
    • Shetty, Nish; Ennser, Gerd; Selley, Matthew; Lamy, Pedro; Zheng, Honghai (21 March 2025). "2025 Chinese Grand Prix – Entry List" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 21 March 2025.
    • Connelly, Garry; Remmerie, Mathieu; Lamy, Pedro; Tsuge, Kazuhiro (4 April 2025). "2025 Japanese Grand Prix – Entry List" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 4 April 2025.
    • Connelly, Garry; Remmerie, Mathieu; Liuzzi, Vitantonio; Al Hilli, Mazen (11 April 2025). "2025 Bahrain Grand Prix – Entry List" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 11 April 2025.
    • Shetty, Nish; Bacquelaine, Loïc; Bernoldi, Enrique; Al Aldabi, Hasan (18 April 2025). "2025 Saudi Arabian Grand Prix – Entry List" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 20 April 2025.
    • Holter, Felix; Remmerie, Mathieu; Warwick, Derek; Pence, Steve (2 May 2025). "2025 Miami Grand Prix – Entry List" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 4 May 2025.
  33. "Stake F1 Team KICK Sauber and CoinPayments launch partnership prior to 2025 season". Sauber Group. 17 February 2025. สืบค้นเมื่อ 18 February 2025. As part of the agreement, CoinPayments’ logo will be sported on the team’s 2025 challenger, the soon-to-be unveiled C45.
  34. "Audi to team up with Sauber for Formula One entry in 2026". USA Today. Associated Press. 26 October 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 August 2024. สืบค้นเมื่อ 8 February 2024.
  35. Kisby, Cambridge (23 July 2024). "Audi's F1 team explained: 2026 entry concerns as Binotto and Wheatley are drafted in". Motorsport.com. Motorsport Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 May 2024. สืบค้นเมื่อ 22 September 2024.
  36. Mann-Bryans, Mark (11 February 2025). "Record title sponsorship for Williams F1 as Atlassian deal announced". Autosport.com. Motorsport Network. สืบค้นเมื่อ 11 February 2025.
  37. "Williams Racing is pleased to announce a new multi-year partnership with Santander that will begin in 2025". Williams Racing. 9 December 2024. Santander or Openbank branding will feature on the FW47, driver helmets and team clothing throughout 2025
  38. Baldwin, Alan (8 January 2024). Sarkar, Pritha (บ.ก.). "Williams F1 team to use Mercedes engines until at least 2030". Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 September 2024. สืบค้นเมื่อ 8 February 2024.
  39. "2025 FIA Formula One World Championship – Entry List". Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). 26 February 2025. สืบค้นเมื่อ 26 February 2025.
  40. Cook, Sam (1 September 2023). "Hamilton set to break Schumacher record with new Mercedes contract". GPFans. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 September 2024. สืบค้นเมื่อ 6 February 2024.
  41. "Team Statement". Scuderia Ferrari. 1 February 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 February 2024. สืบค้นเมื่อ 1 February 2024.
  42. Coleman, Madeline (2 February 2024). "Ferrari's prestige lured Lewis Hamilton – and cost Carlos Sainz his seat". The Athletic. The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 September 2024. สืบค้นเมื่อ 6 February 2024.
  43. "Sainz signs for Williams as Spaniard's F1 future is confirmed". Formula One. 29 July 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 September 2024. สืบค้นเมื่อ 29 July 2024.
  44. "Williams Racing announces that Franco Colapinto will race with the team for the remainder of the 2024 FIA Formula 1 World Championship season". Williams Racing. Williams Group. 27 August 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 September 2024. สืบค้นเมื่อ 27 August 2024.
  45. "BWT Alpine Formula One Team enters into agreement with Williams Racing to secure services of Franco Colapinto on multi-year deal". Alpine global media website. Renault Group. 9 January 2025. สืบค้นเมื่อ 9 January 2025.
  46. "Antonelli confirmed as Hamilton's replacement with Mercedes looking ahead to 'next chapter'". Formula One. 31 August 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 August 2024. สืบค้นเมื่อ 31 August 2024.
  47. Ramsay, George (31 August 2024). "Mercedes confirms 18-year-old Andrea Kimi Antonelli as Lewis Hamilton's replacement". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 September 2024. สืบค้นเมื่อ 22 September 2024.
  48. "Nico Hulkenberg to depart Haas at the end of 2024". Formula One. 26 April 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 September 2024. สืบค้นเมื่อ 21 September 2024. But it's now been confirmed that the 36-year-old will depart the American squad – and make his way to Sauber – at the end of the campaign.
  49. Cleeren, Filip (26 April 2024). "Hulkenberg to join Sauber in 2025 ahead of Audi F1 entry". Motorsport.com. Motorsport Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 July 2024. สืบค้นเมื่อ 21 September 2024.
  50. "F2 star Ollie Bearman promoted to F1 with Haas for 2025". Formula One. 4 July 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 July 2024. สืบค้นเมื่อ 4 July 2024.
  51. "Magnussen to leave Haas when contract expires at the end of 2024 season". Formula One. 18 July 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 July 2024. สืบค้นเมื่อ 18 July 2024.
  52. Barretto, Lawrence (3 June 2024). "Alpine to part ways with Ocon at end of 2024 season". Formula One. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 August 2024. สืบค้นเมื่อ 3 June 2024.
  53. "Doohan to race for Alpine in 2025 as F1 promotion confirmed". Formula 1. 23 August 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 September 2024. สืบค้นเมื่อ 23 August 2024.
  54. "Alpine confirm Doohan to race in Abu Dhabi as Ocon is released". Formula One. 2 December 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 December 2024. สืบค้นเมื่อ 2 December 2024.
  55. "Bottas and Zhou to leave Kick Sauber as team confirm decision to part ways". Formula One. 6 November 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 November 2024. สืบค้นเมื่อ 6 November 2024.
  56. "Bottas to re-join Mercedes as reserve driver in 2025". Formula One. 19 December 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 December 2024. สืบค้นเมื่อ 19 December 2024.
  57. McDonagh, Connor (5 February 2025). "Axed Zhou Guanyu lands new role with Ferrari for 2025". Crash.net. Crash Media Group. สืบค้นเมื่อ 5 February 2025.
  58. "Kick Sauber confirm rookie Bortoleto as second driver for 2025". Formula One. 6 November 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 November 2024. สืบค้นเมื่อ 6 November 2024.
  59. "Perez and Red Bull agree to part ways following conclusion of 2024 season". Formula One. 18 December 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2024. สืบค้นเมื่อ 18 December 2024.
  60. "Liam Lawson Joins Max Verstappen for 2025 Season". Oracle Red Bull Racing. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2024. สืบค้นเมื่อ 19 December 2024.
  61. "Hadjar signs for RB as he takes final seat on 2025 F1 grid". Formula One. 20 December 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2024. สืบค้นเมื่อ 20 December 2024.
  62. 62.0 62.1 "Tsunoda to replace Lawson at Red Bull from Japanese GP as New Zealander drops down to Racing Bulls". Formula One. 27 March 2025. สืบค้นเมื่อ 27 March 2025.
  63. "Alpine confirm Colapinto to replace Doohan for next five rounds as team opt to 'rotate' seat". Formula One. 7 May 2025. สืบค้นเมื่อ 7 May 2025.
  64. 64.0 64.1 64.2 "FIA and Formula 1 announce calendar for 2025". Formula One. 12 April 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 September 2024. สืบค้นเมื่อ 12 April 2024.
  65. "The key differences and stand outs from the 2025 F1 calendar". Formula One. 12 April 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 October 2024. สืบค้นเมื่อ 12 April 2024.
  66. 66.0 66.1 "FIA and Formula 1 announce 2025 Sprint calendar". Formula One. 11 July 2024. สืบค้นเมื่อ 11 July 2024.
  67. Boxall-Legge, Jake (11 July 2024). "F1 Announces Sprint Race Calendar for 2025, Belgium Replaces Austria". Motorsport.com. Motorsport Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 September 2024. สืบค้นเมื่อ 11 July 2024.
  68. "Australia to open the Formula 1 season in 2025 as Bahrain and Saudi races shift for Ramadan". The Associated Press. 12 April 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2024. สืบค้นเมื่อ 15 April 2024.
  69. Patterson, Emily (2 February 2024). "Revealed: Aussie F1 fans get major Hamilton coup". Nine's Wide World of Sports. Nine Entertainment. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 July 2024. สืบค้นเมื่อ 3 February 2024.
  70. Saunders, Nate (28 February 2017). "Russian Grand Prix extends F1 deal until 2025". ESPN UK. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 August 2024. สืบค้นเมื่อ 3 February 2024.
  71. Benson, Andrew (3 March 2022). "Formula 1 terminates contract with Russian Grand Prix". BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 May 2022. สืบค้นเมื่อ 3 March 2022.
  72. "F1 confirms plans for first ever season launch event at London's The O2 in 2025". Formula One. 12 February 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 February 2025. สืบค้นเมื่อ 13 February 2025.
  73. Bailey, Michael (18 February 2025). "F1 75 live updates: 2025 Formula 1 season launch event latest as teams reveal new car liveries". The Athletic. The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 February 2025. สืบค้นเมื่อ 18 February 2025.
  74. "Watch all the action from the F1 75 Live launch event". Formula One. 18 February 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2025. สืบค้นเมื่อ 19 February 2025.
  75. Hicks, Olivia (19 February 2025). "F1 reveals mammoth viewership figures on YouTube for 75 Live event at The O2 in London". The Athletic. The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2025. สืบค้นเมื่อ 19 February 2025.
  76. "F1 and FIA confirm Bahrain to host 2025 pre-season testing". Formula One. 16 September 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 September 2024. สืบค้นเมื่อ 16 September 2024.
  77. "In Numbers: Who was the fastest and who recorded the most laps at Bahrain's 2025 pre-season test?". Formula One. 1 March 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2025. สืบค้นเมื่อ 2 March 2025.
  78. "Norris beats Verstappen to victory in dramatic Australian GP opener amid late-race chaos". Formula One. 16 March 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 March 2025. สืบค้นเมื่อ 16 March 2025.
  79. "Hamilton storms to Sprint victory and first Ferrari win in China ahead of Verstappen and Piastri". Formula One. 22 March 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 March 2025. สืบค้นเมื่อ 22 March 2025.
  80. "Piastri edges out Russell and Norris for breakthrough maiden F1 pole during Chinese GP Qualifying". Formula One. 22 March 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 March 2025. สืบค้นเมื่อ 22 March 2025.
  81. "Piastri beats Norris and Russell to victory in Chinese Grand Prix with statement performance". Formula One. 23 March 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 March 2025. สืบค้นเมื่อ 23 March 2025.
  82. "Leclerc and Gasly disqualified from Chinese Grand Prix over car weight breaches". Formula One. 23 March 2025. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 March 2025. สืบค้นเมื่อ 23 March 2025.
  83. 83.0 83.1 "Hamilton disqualified from Chinese GP after skid block breach as Ferrari suffer double disqualification". Formula One. 23 March 2025. สืบค้นเมื่อ 23 March 2025.
  84. "Verstappen surges to fourth consecutive Japanese GP victory ahead of Norris and Piastri". Formula One. 6 April 2025. สืบค้นเมื่อ 6 April 2025.
  85. "Facts and Stats: Mercedes rookie Antonelli becomes youngest ever race leader and fastest lap holder". Formula One. 6 April 2025. สืบค้นเมื่อ 6 April 2025.
  86. "Piastri storms to controlled victory in Bahrain Grand Prix ahead of Russell and Norris". Formula One. 13 April 2025. สืบค้นเมื่อ 13 April 2025.
  87. "Hulkenberg disqualified from Bahrain Grand Prix over skid block breach". Formula One. 13 April 2025. สืบค้นเมื่อ 13 April 2025.
  88. "Piastri clinches victory in Saudi Arabia from Verstappen and Leclerc as McLaren driver becomes new championship leader". Formula One. 20 April 2025. สืบค้นเมื่อ 20 April 2025.
  89. "Norris wins chaotic Miami Sprint from Piastri and Hamilton after late Safety Car and multiple incidents". Formula One. 4 May 2025. สืบค้นเมื่อ 5 May 2025.
  90. "Piastri wins from Norris and Russell as McLaren seal commanding 1-2 in Miami Grand Prix". Formula One. 5 May 2025. สืบค้นเมื่อ 5 May 2025.
  91. Shetty, Nish; Ennser, Gerd; Selley, Matthew; Lamy, Pedro; Zheng, Honghai (23 March 2025). "2025 Chinese Grand Prix – Final Race Classification" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 23 March 2025.
  92. 92.0 92.1 92.2 "FIA Formula One World Championship Results 2025". Motorsport Stats. Motorsport Network. สืบค้นเมื่อ 22 March 2025.
  93. 93.0 93.1 "The beginner's guide to the F1 weekend". Formula One. สืบค้นเมื่อ 3 February 2025.
  94. Cooper, Sam (23 February 2023). "Wet races, half points and a new fan engagement activity – the FIA rule changes analysed". PlanetF1. Planet Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 March 2023. สืบค้นเมื่อ 25 March 2023.
  95. "The beginner's guide to the F1 Drivers' Championship". Formula One. สืบค้นเมื่อ 3 February 2025.
  96. 96.0 96.1 Holter, Felix; Remmerie, Mathieu; Warwick, Derek; Pence, Steve (5 May 2025). "2025 Miami Grand Prix – Championship Points" (PDF). Fédération Internationale de l'Automobile (FIA). สืบค้นเมื่อ 5 May 2025.
  97. 97.0 97.1 รายงานผลการแข่งขันรอบสปรินต์อย่างเป็นทางการ:

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]