ปูต๋าชือหลี่
| ปูต๋าชือหลี่ | |
|---|---|
| ไทฮองไทเฮา | |
| ดำรงพระยศ | 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1333 – ค.ศ. 1340 |
| ก่อนหน้า | จักรพรรดินีดากี |
| ถัดไป | จักรพรรดินีเฉิงเซี่ยวเจา (ราชวงศ์หมิง) |
| ฮองไทเฮา | |
| ดำรงพระยศ | 2 กันยายน ค.ศ. 1332 — 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1333 |
| ก่อนหน้า | จักรพรรดินีบาบูกัน |
| ถัดไป | จักรพรรดินีหลี่ (ราชวงศ์หมิง) |
| ฮองเฮา | |
| ดำรงพระยศ | 8 กันยายน ค.ศ. 1329 – 2 กันยายน ค.ศ. 1332 |
| ก่อนหน้า | จักรพรรดินีพูดาซ่า |
| ถัดไป | จักรพรรดินีดาลีเยเทมีชี |
| ประสูติ | ค.ศ. 1307 |
| สวรรคต | ค.ศ. 1340 |
| คู่อภิเษก | ซายาท ข่าน |
| พระราชบุตร | Aratnadara El Tegüs Taipingna |
| ราชวงศ์ | หยวน |
พระนางปูต๋าซือหลี่ หรือพระนามอื่นว่า พระนางบูดาชิริ , พระนางพูดาชิรี และ พระนางพุทธศิริ ( มองโกเลีย : ᠪᠤᠳᠢᠰᠢᠷᠢ, Budashri, Sinicized) (จีน:卜答失里) (ประมาณ ค.ศ. 1307 – ประมาณ ค.ศ. 1340) เป็นจักรพรรดินีจีนแห่งราชวงศ์หยวนและเป็นพระอัครมเหสีในซายาท ข่าน[1] พระนางทนงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นเวลาหนึ่ง และทรงอำนาจมาก ในระหว่างปี ค.ศ. 1332 ถึง 1339 พระนางทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลังจากพระราชสวามีเสด็จสวรรคต และมีการเลือกข่านพระองค์ใหม่ ในช่วงปีค.ศ. 1332-1333
พระนางประสูติในสกุลฮองีรัด[2] พระราชบิดาคือเจ้าชายทิวาบาลา ลู่ ส่วนพระราชมารดาคือเจ้าหญิงเซงเง ลากี ลู่[3]
จักรพรรดินี
[แก้]ไม่ปรากฏว่าพระนางทรงอภิเษกสมรสกับซายาท ข่านเมื่อใด จนปี ค.ศ. 1328 ซายาท ข่านเสด็จขึ้นครองราชย์ พระนางจึงได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดินี
ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1329 พระนางจึงได้รับตราพระราชลัญจกร
ในรัชสมัยของซายาทข่าน พระนางทรงได้รับมอบหมายให้ทรงเนรเทศทอกอนโทโมร์ ข่าน ไปยัง อาณาจักรโครยอและจากย้ายไปยังมณฑลเหอหนานในที่สุด
โดยก่อนการเนรเทศ พระนางทรงยัดข้อหาไว้ว่า พระองค์ไม่ใช่พระราชโอรสใน โคทักท์ ข่าน (จักรพรรดิหยวนหมิงจง)
ในระหว่างที่ทอกอนโทโมร์ ข่าน ถูกเนรเทศพระนางจึงทรงสั่ง สำเร็จโทษพระนางพูดาซ่า โดยกล่าวหาว่าพระนางพูดาซ่าจะทรงก่อรัฐประหาร
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
[แก้]ในปี ค.ศ. 1332 พระนางทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ด้วยพระราชสวามีของพระนางมิได้เลือกรัชทายาท กล่าวกันว่าพระราชสวามีของพระนาง ทรงมีพระราชประสงค์ให้ พระราชบุตรของพระเชษฐาสืบพระราชบัลลังก์ต่อ จึงทำให้พระนางมิได้เลือกพระราชโอรสของพระนางเองเป็นจักรพรรดิ แต่ทรงเลือกรินชิมบัล ข่าน ซึ่งมีพระชนมายุได้ 6 พรรษา ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิในวันที่ที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1332 แทน
แท้จริงนั้นมาจากการที่พระนางทรงถูกกดดันโดยที่ปรึกษา เอล เตมูร์ จึงทำให้พระนางมิทรงเลือกพระราชบุตร หนึ่งเดือนหลังจากที่พระนางทรงสถาปนจักรพรรดิหยวนหนิงจง (รินชิมบัล ข่าน)แล้ว พระนางจึงดำรงพระยศเป็นพระพันปีหลวง (ฮองไทเฮา) และได้ทรงสำเร็จราชการแทนพระองค์ จะถึงกระนั้น เพียงสองเดือน(ห้าสิบสามวัน) จักรพรรดิก็เสด็จสวรรคต[4]
ด้านเอล เตมูร์จึงยืนกรานให้พระนางสถาปนาเอล เตกุสขึ้นครองบัลลังก์ แต่พระนางทรงปฏิเสธ โดยทรงยืนยันว่าพระนางยังคงเคารพพระราชประสงค์ของพระราชสวามี ทั้งนี้ เอล เตกุสยังเยาว์เกินไปที่จะครองราชย์
จึงทำให้พระนาง เชิญทอกอนโทโมร์ ข่าน พระชันษาได้ 13 ปี กลับมาจากเหอหนาน และสถาปนาทอกอนโทโมร์ ข่านเป็นจักรพรรดิในปี ค.ศ. 1333 จนในปี ค.ศ. 1336 พระนางจึงดำรงพระยศเป็นพระอัยยิกาเจ้า (ไทฮองไทเฮา)
พระนางพูดาชิรีทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นเวลาเจ็ดปี ตลอดจักรวรรดิมา จนในปี ค.ศ. 1340 เมื่อจักรพรรดิทรงเติบโตขึ้น พระองค์จึงเริ่มสงสัยเกี่ยวกับความอยุติธรรมที่พระราชบิดาและพระวิมาดา ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วของพระองค์ต้องประสบ
พระองค์ทรงชี้ถึงความผิดต่างๆ ที่พระนางทรงกระทำต่อพระองค์ ส่งผลให้ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1340 จักรพรรดิจึงทรงมีพระบรมราชโองการ ให้ถอนพระอิสริยยศพระนางพูดาชิรี และสั่งให้เนรเทศพระนางไปยังเมืองตงอัน (ปัจจุบันคือเมืองหล่างฟาง ใน มณฑลเหอเป่ย ) พระนางถูกสำเร็จโทษในที่สุด ทอกอนโทโมร์ ข่านยังทรงสั่งประหารชีวิตเอล เตกุสอีกด้วย พระนางพูดาชิรีจึงเสด็จสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชันษาได้ 33 ปี[5]
พระบรมวงศานุวงศ์
[แก้]สันนิษฐานว่าพระนางให้การประสูติพระราชโอรส 3 พระองค์คือ
- อารัตนดารา ( สิ้นพระชนม์ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1331)

- กุนาดารา หรือ เอล เตกุส (ป. 1329 – 1340 )
- เป่าหนิง ต่อมาเปลี่ยนพระนามเป๋น ไท่ปิงน่า (สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์)[6]
และไม่ปรากฏพระราชธิดา
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Denis Twitchett, Herbert Franke, John K. Fairbank. The Cambridge History of China.
- ↑ Heads of State of Mongolia
- ↑ Lily Xiao Hong Lee, Sue Wiles. Biographical Dictionary of Chinese Women, Volume II: Tang Through Ming 618-1644
- ↑ Jeremiah Curtin. The Mongols: A history.
- ↑ Lily Xiao Hong Lee, Sue Wiles. Biographical Dictionary of Chinese Women, Volume II: Tang Through Ming 618-1644
- ↑ Lily Xiao Hong Lee, Sue Wiles. Biographical Dictionary of Chinese Women, Volume II: Tang Through Ming 618-1644