พูดคุย:ปราสาทบายน

ไม่รองรับเนื้อหาของหน้าในภาษาอื่น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ธงพระธรรมจักร
ธงพระพุทธศาสนาสากล
ปราสาทบายน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิกิพระพุทธศาสนา และสถานีย่อย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะรวบรวมเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ถ้าต้องการมีส่วนร่วมโครงการ สามารถเข้าร่วมได้ที่หน้าโครงการ
 โครง  บทความนี้อยู่ที่ระดับโครง ตามการจัดระดับการเขียนบทความ
ปราสาทบายน เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการวิกิอาเซียน เพื่อรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศสมาชิกของอาเซียน ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในโครงการได้โดยการช่วยกันพัฒนาบทความปราสาทบายน หรือแวะไปที่โครงการวิกิอาเซียน เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
 โครง  บทความนี้อยู่ที่ระดับโครง ตามการจัดระดับการเขียนบทความ

อาจคัดลอกมาจากเว็บอื่น[แก้]

ก่อนหน้านี้ คุณ Joekong72 ได้แจ้งให้ลบบทความนี้เนื่องจาก "บทความนี้ส่วนหนึ่งคัดลอกมาจากเว็บของข้าพเจ้า http://www.geocities.com/matial_jk/pra_muay.html ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง" ซึ่งผมลองเข้าไปอ่านแล้วงงกว่าเดิม เพราะเป็นเว็บเกี่ยวกับมวย และลองอ่านผ่านๆ ดูก็ไม่เห็นเนื้อหาหรือรูปภาพที่มีการคัดลอก เลยอาจจะให้คุณ Joekong72 เข้ามาอธิบายเพิ่มนะครับ ว่าส่วนไหนที่คัดลอกมา ซึ่งตอนนี้ติดต่อไปแล้ว --Manop | พูดคุย 05:07, 12 กันยายน 2007 (ICT)


เรียนคุณ Manop

หากคุณอ่านบทความของผมโดยละเอียดคุณคงจะพบข้อความว่า

"มวยเป็นศิลปการต่อสู้ของภูมิภาคสุวรรณภูมิ เข้าใจว่าจะเป็นศาสตร์ดั้งเดิมของขอม มีหลักฐานอายุนับพันปี เป็นภาพแกะสลักหินบนปราสาทบายน ที่เสียมเรียบ สลักบนกำแพงเป็นภาพแสดงการประดัญหรือการต่อสู้ในท่วงท่าของมวยโบราณไว้ ความเก่าแก่ของปราสาทบายนจึงยืนยันถึงความเก่าแก่ของศาสตร์การต่อสู้ที่เรียกว่ามวยได้เป็นอย่างดี


คำว่ามวย เป็น ภาษาขะแมร์ แปลว่าหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไทยรับคำมาจากขะแมร์เพราะอิทธิพลความรุ่งเรืองของขะแมร์ ซึ่งรับมาจากขอมอีกที มาจากคำว่า "เนี๊ยะประดั่ญเลขมูย" อันมีความหมายว่านักสู้อันดับหนึ่ง และเรียกกันสั้น ๆ ว่า "เนี๊ยะมูย" และคนไทนำมาเรียกสั้น ๆ ว่า "นักมวย" เหมือนกับกับคำว่า "เนี๊ยะเลง" ที่แปลว่า "นักเล่น" เช่นนักเลงว่าว นักเลงมีด นักเลงดาบ นักเลงหัวไม้ (ใช้กับพวกเล่นไม้ตะพด อาวุธเก่าแก่ของนักเลงไทยสมัยโบราณ) "

ซึ่งใน wikipedia ใช้ข้อความว่า

"รอบ ปราสาทบายนที่เสียมเรียบจะปรากฏภาพโดยเฉพาะภาพแกะสลักอายุนับพันปีเหล่านั้น รอบปราสาทบายนจะเห็นภาพของ "การประดั่ญ" เรียกเป็นภาษาไทยว่า ภาพการต่อสู้ อยู่บนกำแพงปราสาทบายน "มวย" เป็นศาสตร์อันยิ่งใหญ่ มรดกของขอมแห่งสุวรรณภูมิ ขอม เป็นคนละชนชาติกันกับ ขะแมร์ หรือกัมพูชาในทุกวันนี้มวยนี่มันมีมานานตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจคำว่า มวย เอง เป็น ภาษาขะแมร์ แปลว่า "หนึ่ง"ทั้งหมดนี้ไทยรับคำมาจากขะแมร์เพราะอิทธิพลความรุ่งเรืองของขะแมร์ที่รับมาจากขอม มาจากคำว่า "เนี๊ยะประดั่ญเลขมูย" อันมีความหมายว่านักสู้อันดับหนึ่ง และเรียกกันสั้น ๆ ว่า"เนี๊ยะมูย" และคนไทนำมาเรียกสั้น ๆ ว่า "นักมวย"

ซึ่งเป็นข้อความเดิมจากบทความของผมทุกข้อความ ที่มีการอ้างอิงถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรขอม อักษร ภาษาและการสืบทอดวัฒนธรรม เพื่อความนุ่มนวลลงไม่ทำร้ายความรู้สึกของคนไทยที่ชาตินิยมจัดผมจึงจัดการแก้ไขให้นุ่มนวลลงเพื่อถนอมน้ำใจเหล่าคนที่มีความเป็นชาตินิยมจัด ผมไม่แน่ใจว่าไฟล์บทความตัวเดิมผมยังอยู่หรือเปล่า หากสามารถค้นเจอจะนำมายืนยันได้

ส่วนที่ผมต้องค้านการนำมาเผยแพร่เว็บข้อมูลสาธารณะนั้น เพราะว่า ข้อความทั้งหมดเกิดจาก "การสันนิษฐานส่วนตัว" ของผมเอง หาได้มีเอกสารหรือหลักฐานอ้างอิงใด ๆ ไม่ บทความดังกล่าวอยู่ใน"เว็บส่วนตัว"ของผม และผมได้อ้างอิงในเว็บผมเสมอว่า บทความหรือข้อความต่าง ๆ ดังกล่าวในเว็บ เป็นเพียงความคิดเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงต้องคัดค้านมา ปัจจุบันมีหลายเว็บนำข้อความดังกล่าวจาก wikipedia ไปอ้างอิง ซึ่งมันกลายเป็นว่าผมมีส่วนในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจผิด ๆ ดังกล่าว จึงต้องขอคัดค้านมา

ขอแสดงความนับถือ


ขออนุญาติเพิ่มเติมครับ นี่คือบทความเก่าผมที่ผมค้นจนเจอ

"ผมตามค้นหาหลักฐานของการกำเนิดของบางสิ่งบางอย่าง แต่มาพบคำตอบของอีกพวกนี้โดยบังเอิญ มีหลักฐานหลายอย่างที่เป็นประจักษ์พยานอย่างดีที่คนไทยต้องเปิดใจยอมรับครับ แต่อาจจะไม่ยอมรับ ประการแรกหากคุณมีโอกาสเดินทางเข้าสู่กัมพูชา คุณลองแวะไปดูปราสาทบายนที่เสียมเรียบครับ ลองเดินดูรอบ ๆ โดยเฉพาะภาพแกะสลักอายุนับพันปีเหล่านั้นรอบ ๆปราสาทบายนครับ คุณจะเห็นภาพของการประดั่ญ เรียกเป็นภาษาไทยว่าภาพการต่อสู้ อยู่บนกำแพงปราสาทบายน ถ้าคุณไม่มีอคติลำเอียงรักชอบในแผ่นดินที่คุณกำเนิดเกิดอาศัยเป็นพิเศษ ด้วยจิตใจที่เป็นกลางคุณจะตอบได้ว่าท่าทางที่เห็นนั้นคืออะไร ความเก่าแก่ของปราสาทบายนจึงยืนยันถึงความเก่าแก่ของศาสตร์การต่อสู้ที่เรียกว่า มวยได้เป็นอย่างดี

ผมกำลังจะบอกคุณว่า "มวย" เป็นศาสตร์อันยิ่งใหญ่ มรดกของขอมแห่งสุวรรณภูมิ ขอบอกก่อนนะครับ ขอม เป็นคนละชนชาติกันกับ ขะแมร์ หรือกัมพูชาในทุกวันนี้นะครับ แค่อยากจะบอกว่ามวยนี่มันมีมานานตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจนู่นล่ะครับ สมัยนั้นเมื่อขอมเป็นมหาอำนาจ ทุก ๆ ชาติจึงซึมซับเอาอารยธรรมขอมมาใช้โดยไม่รู้ตัว ไอ้ผมก็หวั่น ๆ ใจอยู่เหมือนกันว่าที่ผมแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ จะโดนรุมด่ารึเปล่า

ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ที่ศึกษาและวิเคราะห์จากหลักฐานที่ยังคงเหลืออยู่นะครับ หลาย ๆ อย่างที่คนไทยไม่รู้ หรือรู้แต่อาจจะไม่อยากยอมรับ อย่างเช่นคำว่ามวยเอง เป็น ภาษาขะแมร์ แปลว่า "หนึ่ง"ทั้งหมดนี้ไทยรับคำมาจากขะแมร์เพราะอิทธิพลความรุ่งเรืองของขะแมร์ที่รับมาจากขอม มันมาจากคำว่า "เนี๊ยะประดั่ญเลขมูย" อันมีความหมายว่านักสู้อันดับหนึ่ง และเรียกกันสั๊น ๆ ว่า "เนี๊ยะมูย" และคนไทนำมาเรียกสั้น ๆ ว่า "นักมวย" เหมือนกับกับคำว่า "เนี๊ยะเลง" ที่แปลว่า "นักเล่น"(เนี๊ยะหมายถึงคน เลง หมายถึงเล่น) เช่นนักเลงว่าว นักเลงมีด นักเลงดาบ อะไรพวกนี้ การกระจัดกระจายของวัฒนธรรมขอมในภูมิภาคอินโดจีนก็เนื่องจากความยิ่งใหญ่ของขอมในอดีต มวยถูกพัฒนาดัดแปลงไปตามท้องถิ่น จึงเกิดเป็นลายต่าง ๆ หรือทางมวยต่าง ๆ (ตามแต่จะเรียกในภาษาใหน) กลายเป็นมวยเสือลากหาง (แถบลาวและภาคอิสานของไทย) มวยโคราช(แถบบริเวณที่ราบสูงโคราช) มวย ไชยา(ผมรู้จักผู้ที่สืบทอดมวยโคราชจากครูบัวบางคน และผู้ที่สืบทอดมวยไชยาจากครูเขตต์ ครูทองหลายคนพอสมควร) ท่าเสา ลพบุรี อุตรดิตถ์ พระนคร และสายอื่น ๆ อีกมากมายในไทย ยังคงมีการสืบทอดมวยในพม่า กัมพูชาหรือลาวด้วยกันทั้งนั้น แต่เนื่องด้วยความวุ่นวายทางการเมือง ทำให้ศาสตร์แขนงนี้แทบจะไร้ผู้สืบทอด ในกัมพูชาเอง "ประดั่ญ เซรี" หรือ "มูย ขะแมร์" ยังมีการสืบทอดอย่างสวยสดงดงาม และร้ายกาจ โดยไม่ถูกฝรั่งมาบงการให้ลดอาวุธห้ามลูกไม้ต่าง ๆ จึงยังคงเหลือวิชาที่เกือบจะคงเอกลักษณ์เดิมไว้ได้ทั้งหมด แต่ผู้สืบทอดเหลือน้อยลง แต่ในไทย เนื่องด้วยอิทธิพลจากชาติตะวันตก การกล่าวหาว่ารุนแรงและป่าเถื่อน ทำไห้อาวุธมวยไทยหลายอย่างถูกห้ามในการใช้จริงบนเวที มวยไทยทุกวันนี้จึงเหลือแต่เพียงซากร่องรอยอารยธรรมความเจริญของขอมเหลือเป็นรอยจาง ๆ ให้เห็น แต่เนื่องด้วยไม่ประสบกับภาวะสงคราม ภัยคอมมิวนิตส์ และความวุ่นวายทางการเมืองเทียบเท่าประเทศเพื่อนบ้าน ไทยจึงอ้างตัวตลอดว่ามวยเป็นของชาติตนเองเพียงชาติเดียวได้โดยที่เพื่อนบ้านชาติอื่นผู้ร่วมสืบทอดมรดกอารยธรรมขอมไม่มีโอกาสได้มาตอบโต้ หรือประชาสัมพันธ์ให้ชาวโลกได้ทราบได้รู้จัก การกระทำเช่นนี้ได้สร้างความไม่ขุ่นเคืองใจให้เกิดขึ้นในเพื่อนบ้านพอสมควร คนบางคนในบางประเทศเรียกพฤติกรรมของไทยว่า พฤติกรรมโจร ปล้นตั้งแต่บรรพบุรุษยันลูกหลาน จริง ๆ แล้วประชากรจำนวนมากในเขตลาว ไทย กัมพูชา ล้วนมีบรรพบุรุษเป็นขอม มอญ ละว้า ลาว แต่ถูกกลืนวัฒนธรรมโดยผู้มาทีหลัง เพราะฉะนั้นดินแดนสุวรรณภูมินี้ จึงอุดมไปด้วย คนลาว ไทย ขะแมร์ และชาติพันธุ์ย่อย ๆ อื่น ๆ นับร้อยสายอันเป็นเครือญาติกัน มีความผูกพันกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจากบรรพบุรษแต่มาแตกแยกกันทีหลัง การยอมรับที่มาแห่งวัฒนธรรม แล้วร่วมกันสร้างสรรค์ความสัมพันธ์อันดีในภูมิภาคสุวรรณภูมิกันผมว่าน่าจะดีกว่าการจะมาทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง จริง ๆ แล้วถ้านับย้อนขึ้นไปแล้ว มันก็เครือญาติกันทั้งนั้น

ขอมเองมีภาษาประจำชาติ และมีอักขระเป็นของตัวเอง ไม่อยากบอกว่าจากหลักฐานที่ผมค้นพบมันเป็นภาษาอะไร เพราะหลักฐานที่ผมกำลังค้นหามันยังน้อย และมีทั้งข้อสนับสนุนและขัดแย้งกัน อีกอย่างมันค่อนข้างจะกระทบกระเทือนสั่นคลอนความเชื่อพวกบุชาฝรั่งพอสมควร เพราะคนไทยใจฝรั่งมันเยอะ ฝรั่งบอกอะไรมันเชื่อหมด เอาเป็นว่าขอมเคยเป็นชาติที่เรืองอำนาจครอบครองดินแดนสุวรรณภูมิมาก่อน วิถีชีวิตของขอมมีอิทธิพลต่อภูมิภาคสุวรรณภูมินี้มาก ชนชาติอื่นที่เคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่ที่หลัง ก็รับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และศิลปวิทยาของขอมมาใช้ทั้งหมด แล้วประยุกต์ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตของตนเอง ความเจริญของอาณาจักรขอมในสมัยนั้นส่งอิทธิพลไปไกลถึงอินเดีย อันนี้คนที่บูชาฝรั่งรับไม่ได้ ยิ่งถ้าผมสิ่งที่ผมบางเรื่องที่เกี่ยวพันกับศาสนาและความเชื่อผมก็คงถูกด่ายับ ขอไม่เอ่ยถึง เพราะพวกเชื่อฝรั่งมันเยอะ เอาเป็นว่าอาณาจักรขอมเคยรุ่งเรืองอยู่นานกว่าที่ลาวกลุ่มหนึ่งจะเดินทางจากหลวงพระบางมาทางแม่น้ำลู แม่น้ำดำ ตัดผ่านลำน้ำโขงเข้าสู่สุโขทัย (พวกที่เชื่อฝรั่งตอนนี้ก็ด่าผมยับอีกนั่นล่ะ จะบอกว่าคนไทเคลื่อนย้ายจากยูนานลงมาทางเชียงแสนเชียงราย จริง ๆ แล้วศิลาจารึกที่สิมวัดวิชุน บ้านวิชุน เมืองหลวงพระบางเป็นหลักฐานยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างดี แต่พี่ไทยคงไม่ยอมมั๊งที่อารยธรรมลาวจะเก่าแก่กว่า และยอมรับไม่ได้ว่าพ่อขุนรามคำแหงเป็นลาว ) เอาเป็นว่าเมื่อชนกลุ่มน้อยเหล่านี้เข้ามาอยู่ใต้อำนาจขอมก็รับอิทธิพลจากขอมมาหมด ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต ศาสนา(เรื่องนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ) ภาษา อักขระ (ซึ่งฝรั่งพยายามหลอกให้เชื่อนักหนาว่าอักษรขอม-มอญ ดัดแปลงมาจากอักษรปัลลวะ หรือคฤนถ์ ของอินเดีย) หรือแม้แต่ศิลปยุทธ อันที่คนไทยเรียกว่า "มวย" นี่ก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของขอม

เมื่อชนชาติไทรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ การโค่นล้มขอมก็ตามมา หลาย ๆ ชนชาติเป็นอิสระจากการเป็นเมืองขึ้นของขอม ทั้งลาวสุโขทัย ขะแมร์และลาวกลุ่มอื่นจึงได้รับเอกราชก่อร่างสร้างอาณาจักรของตนขึ้นมา สิ่งที่หลงเหลือจากอารยธรรมขอมก็ได้ถูกถ่ายทอดเข้าสู่ชนชาติต่าง ๆ บนดินแดนสุวรรณภูมิ อักขระขอมก็ถูกถ่ายทอดเข้าสู่กัมพูชา ถูกดัดแปลงเป็นอักษรเจรียง อักษรมูล ของขะแมร์ ดินแดนล้านนานำอักษรขอมมาใช้แล้วดัดแปลงเป็น "ตั๋วเมือง" ให้เข้ากับภาษายวนล้านนา ดินแดนสุวรรณภูมิหิมพานต์ ก็นำอักษรขอมมาใช้และดัดแปลงเป็น "โต่ท่ำ" หรือตัวธรรม ใช้จารึกปิฏกและคัมภีร์ทางศาสนา เมื่อพระเจ้าอู่ทองมาตั้งอาณาจักรอยุธยาขึ้น ก็ยังรับอักษรขอมมาใช้เป็นตัวขอม หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า "ขอมหวัด" รู้สึกน้ำจะเยอะ เหลือเกิน เอาเป็นว่าจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นชิ้นเป็นอันมีหลงเหลือให้เห็นอยู่ สรุปได้ชัดเจนว่ามวยเป็นศาสตร์ของขอม เพียงแต่ว่าจะยอมรับกันรึเปล่าเท่านั้นเอง ใครอ่านแล้วไม่เห็นด้วยขอให้รู้ไว้เลยครับผมบ้า ง่ายดี "