ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสียง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ต้องการอ้างอิง}} |
|||
[[ไฟล์:Processing of sound.jpg|thumb|right|300px|แผนภูมิแสดงการได้ยินเสียง (น้ำเงิน : [[คลื่นเสียง]]; แดง: [[แก้วหู]]; เหลือง: [[คลอเคลีย]]; เขียว: [[สเตอริโอซีเลีย|เซลล์รับรู้การได้ยิน]]; ม่วง : [[สเปกตรัมความถี่]] ของการตอบสนองการได้ยิน; ส้ม: [[อิมพัลส์ประสาท]])]] |
[[ไฟล์:Processing of sound.jpg|thumb|right|300px|แผนภูมิแสดงการได้ยินเสียง (น้ำเงิน : [[คลื่นเสียง]]; แดง: [[แก้วหู]]; เหลือง: [[คลอเคลีย]]; เขียว: [[สเตอริโอซีเลีย|เซลล์รับรู้การได้ยิน]]; ม่วง : [[สเปกตรัมความถี่]] ของการตอบสนองการได้ยิน; ส้ม: [[อิมพัลส์ประสาท]])]] |
||
'''เสียง''' เป็นคลื่นเชิงกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือน ก็จะทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของ[[คลื่นเสียง]] และถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น [[อากาศ]] ไปยัง[[หู]] แต่เสียงสามารถเดินทางผ่านสสารในสถานะ[[ก๊าซ]] [[ของเหลว]] และ[[ของแข็ง]]ก็ได้ แต่ไม่สามารถเดินทางผ่าน[[สุญญากาศ]]ได้ |
'''เสียง''' เป็นคลื่นเชิงกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือน ก็จะทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของ[[คลื่นเสียง]] และถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น [[อากาศ]] ไปยัง[[หู]] แต่เสียงสามารถเดินทางผ่านสสารในสถานะ[[ก๊าซ]] [[ของเหลว]] และ[[ของแข็ง]]ก็ได้ แต่ไม่สามารถเดินทางผ่าน[[สุญญากาศ]]ได้ |
||
บรรทัด 44: | บรรทัด 45: | ||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{Reflist}} |
|||
* McKeever,Susan;Foote,Martyn (1993).The Random House science encyclopedia.Toronto:Random House. ISBN 0-394-22341-1 |
* McKeever,Susan;Foote,Martyn (1993).The Random House science encyclopedia.Toronto:Random House. ISBN 0-394-22341-1 |
||
* ศิวเวทกุล,ประชา.คู่มือวิทยาศาสตร์คำนวณ ม.ต้น (ม.1-ม.2-ม.3).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์เดอะบุคส์.ISBN 974-394-126-6 |
* ศิวเวทกุล,ประชา.คู่มือวิทยาศาสตร์คำนวณ ม.ต้น (ม.1-ม.2-ม.3).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์เดอะบุคส์.ISBN 974-394-126-6 |
||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
{{wikiquote}} |
|||
⚫ | |||
{{wikibooks}} |
|||
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Sound|เสียง}} |
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Sound|เสียง}} |
||
{{วิกิพจนานุกรม|เสียง}} |
{{วิกิพจนานุกรม|เสียง}} |
||
*{{cite web |
|||
| author = Eric Mack |
|||
| title = Stanford scientists created a sound so loud it instantly boils water |
|||
| website = CNET |
|||
| date = 20 May 2019 |
|||
| url = https://www.cnet.com/news/stanford-scientists-created-a-sound-so-loud-it-instantly-boils-water/}} |
|||
* [http://www.acoustics.salford.ac.uk/schools/index1.htm Sounds Amazing; a KS3/4 learning resource for sound and waves (uses Flash)] |
|||
* [http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/sound/soucon.html HyperPhysics: Sound and Hearing] |
|||
* [http://podcomplex.com/guide/physics.html Introduction to the Physics of Sound] |
|||
* [http://www.phys.unsw.edu.au/~jw/hearing.html Hearing curves and on-line hearing test] |
|||
* [http://www.audiodesignline.com/howto/audioprocessing/193303241 Audio for the 21st Century] |
|||
* [http://www.sengpielaudio.com/calculator-soundlevel.htm Conversion of sound units and levels] |
|||
* [http://www.sengpielaudio.com/Calculations03.htm Sound calculations] |
|||
* [http://www.audiocheck.net Audio Check: a free collection of audio tests and test tones playable on-line] |
|||
* [http://salfordacoustics.co.uk/sound-waves More Sounds Amazing; a sixth-form learning resource about sound waves] |
|||
⚫ | |||
{{Authority control}} |
|||
[[หมวดหมู่:การได้ยิน]] |
[[หมวดหมู่:การได้ยิน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:33, 7 พฤศจิกายน 2564
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เสียง เป็นคลื่นเชิงกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือน ก็จะทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของคลื่นเสียง และถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ ไปยังหู แต่เสียงสามารถเดินทางผ่านสสารในสถานะก๊าซ ของเหลว และของแข็งก็ได้ แต่ไม่สามารถเดินทางผ่านสุญญากาศได้
เมื่อการสั่นสะเทือนนั้นมาถึงหู มันจะถูกแปลงเป็นพัลส์ประสาท ซึ่งจะถูกส่งไปยังสมอง ทำให้เรารับรู้และจำแนกเสียงต่าง ๆ ได้
การเกิดเสียง
เริ่มเกิดขึ้นเมื่อวัตถุหรือแหล่งกำเนิดเสียงมีการสั่นสะเทือนส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของอากาศที่อยู่โดยรอบ กล่าวคือโมเลกกุลของอากาศเหล่านี้จะเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิมไปชนกับโมเลกุลที่อยู่ถัดไป ก่อให้เกิดการถ่ายโอนโมเมนตัมจากโมเลกุลที่มีการเคลื่อนที่ให้กับโมเลกุลที่อยู่ในสภาวะปกติ จากนั้นโมเลกุลที่ชนกันนี้จะแยกออกจากกันโดยโมเลกุลที่เคลื่อนที่มาจะถูกดึงกลับไปยังตำแหน่งเดิมด้วยแรงปฏิกิริยาและโมเลกุลที่ได้รับการถ่ายโอนพลังงานจะเคลื่อนที่ไปชนกับโมเลกุลที่อยู่ถัดไป ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นสลับกันไปมาได้เมื่อสื่อกลาง (ในที่นี้คืออากาศ) มีคุณสมบัติของความยืดหยุ่น การเคลื่อนที่ของโมเลกุลอากาศนี้จึงเกิดเป็นคลื่นเสียง
คุณลักษณะของเสียง
คุณลักษณะเฉพาะของเสียง ได้แก่ ความยาวช่วงคลื่น แอมปลิจูด และความเร็ว
เสียงแต่ละเสียงมีความแตกต่างกัน เสียงสูง-เสียงต่ำ, เสียงดัง-เสียงเบา, หรือคุณภาพของเสียงลักษณะต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดเสียง และจำนวนรอบต่อวินาทีของการสั่นสะเทือน
ความถี่
ระดับเสียง (pitch) หมายถึง เสียงสูงเสียงต่ำ สิ่งที่ทำให้เสียงแต่ละเสียงสูงต่ำแตกต่างกันนั้น ขึ้นอยู่กับความเร็วในการสั่นสะเทือนของวัตถุ วัตถุที่สั่นเร็วเสียงจะสูงกว่าวัตถุที่สั่นช้า โดยจะมีหน่วยวัดความถี่ของการสั่นสะเทือนต่อวินาที เช่น 60 รอบต่อวินาที, 2,000 รอบต่อวินาที เป็นต้น และนอกจาก วัตถุที่มีความถี่ในการสั่นสะเทือนมากกว่า จะมีเสียงที่สูงกว่าแล้ว หากความถี่มากขึ้นเท่าตัว ก็จะมีระดับเสียงสูงขึ้นเท่ากับ 1 ออกเตฟ (octave) ภาษาไทยเรียกว่า 1 ช่วงคู่แปด
ความยาวช่วงคลื่น
ความยาวช่วงคลื่น (wavelength) หมายถึง ระยะทางระหว่างยอดคลื่นสองยอดที่ติดกันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการอัดตัวของคลื่นเสียง (คล้ายคลึงกับยอดคลื่นในทะเล) ยิ่งความยาวช่วงคลื่นมีมาก ความถี่ของเสียง (ระดับเสียง) ยิ่งต่ำลง
ความกว้างช่วงคลื่น
ความกว้างช่วงคลื่น (bandwidth) หมายถึง ขนาดของวงคลื่นสองวงที่แผ่กันซึ่งเกิดขึ้นเมื่อความยาวของคลื่นเสียงมีน้อย ยิ่งความกว้างช่วงคลื่นมีมาก ความถี่ของเสียง (ระดับเสียง) ยิ่งสูงขึ้น
ความดันเสียง
หมายถึง ค่าความดันของคลื่นเสียงที่เปลี่ยนแปลงไปจากความดันบรรยากาศปกติ ซึ่งค่าความดันที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือ ค่าความสูงคลื่นหรือแอมปลิจูด การตอบสนองของหูต่อความดันเสียงไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรง แต่มีความสัมพันธ์นลักษณะของลอกาลิทึม (Logarithm) ดังนั้น ค่าระดับความดันเสียง ที่อ่านได้จากการตรวจวัดโดยเครื่องวัดเสียงนั้น เป็นค่าทีได้จากการเปรียบเทียบกับความดันเสียงอ้างอิงแล้ว มีหน่วยวัดเป็น เดชิเบล (decibel : dB)
แอมพลิจูด
แอมพลิจูด (amplitude) หมายถึง ความสูงระหว่างยอดคลื่นและท้องคลื่นของคลื่นเสียง ที่แสดงถึงความเข้มของเสียง (Intensity) หรือความดังของเสียง (Loudness) ยิ่งแอมปลิจูดมีค่ามาก ความเข้มหรือความดังของเสียงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ประเภทของเสียง
แบ่งตามลักษณะการเกิดเสียงได้ 3 ลักษณะ
1. เสียงดังแบบต่อเนื่อง (continuous Noise) เป็นเสียงดังที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ คือ เสียงดังต่อเนื่องแบบคงที่ (steady-state Noise) และเสียงดีงต่อเนื่องที่ไม่คงที่ (Non steady state Noise)
1.1 เสียงดังต่อเนื่องแบบคงที่ (Steady-state Noise) เป็นลักษณะเสียงดังต่อเนื่องที่มีระดับเสียง เปลี่ยนแปลง ไม่เกิน 3 เดซิเบล เช่น เสียงจากเครื่องทอผ้า เครื่องปั่นด้าย เสียงพัดลม เป็นต้u
1.2 เสียงดังต่อเนื่องที่ไม่คงที่ (Non-steady state Noise) เป็นลักษณะเสียงดังต่อเนื่องที่มี ระดับเลียงเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 10 เดชิเบล เช่น เสียงจากเลื่อยวงเดือน เครื่องเจียร เป็นต้น
2. เสียงดังเป็นช่วงๆ (lntermittent Noise) เป็นเสียงที่ดังไม่ต่อเนีอง มีความเงียบหรีอเบากว่าเป็นระยะๆลลับไปมา เช่น เสียงเครื่องปั๊ม/อัดลม เสียงจราจร เสียงเครื่องบินที่บินผ่านไปมา เป็นต้น
3. เสียงดังกระทบ หรือ กระแทก (lmpact or lmpulse Noise) เป็นเสียงที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว ในเวลาน้อยกว่า 1 วินาที มีการเปลี่ยนแปลงของเสียงมากกว่า 40 เดชิเบล เช่น เสียงการตอกเสาเข็ ม การปั๊มชิ้นงาน การทุบเคาะอย่างแรง เป็นต้น
อ้างอิง
- McKeever,Susan;Foote,Martyn (1993).The Random House science encyclopedia.Toronto:Random House. ISBN 0-394-22341-1
- ศิวเวทกุล,ประชา.คู่มือวิทยาศาสตร์คำนวณ ม.ต้น (ม.1-ม.2-ม.3).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์เดอะบุคส์.ISBN 974-394-126-6
แหล่งข้อมูลอื่น
- Eric Mack (20 May 2019). "Stanford scientists created a sound so loud it instantly boils water". CNET.
- Sounds Amazing; a KS3/4 learning resource for sound and waves (uses Flash)
- HyperPhysics: Sound and Hearing
- Introduction to the Physics of Sound
- Hearing curves and on-line hearing test
- Audio for the 21st Century
- Conversion of sound units and levels
- Sound calculations
- Audio Check: a free collection of audio tests and test tones playable on-line
- More Sounds Amazing; a sixth-form learning resource about sound waves
- เสียง เก็บถาวร 2011-12-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก icphysics.com