ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบราซิล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
บริการเปลี่ยนหมวดหมู่อัตโนมัติด้วยบอต
บรรทัด 44: บรรทัด 44:


[[หมวดหมู่:การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบราซิล| ]]
[[หมวดหมู่:การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบราซิล| ]]
[[หมวดหมู่:การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2562–2563 เรียงตามประเทศและดินแดน|บราซิล]]
[[หมวดหมู่:การระบาดทั่วของโควิด-19 แบ่งตามประเทศ|บราซิล]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:02, 20 เมษายน 2564

การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในประเทศบราซิล พ.ศ. 2563
ผู้ป่วยต่อผู้อยู่อาศัย 100,000 คนแบ่งตามรัฐ
แผนที่ของรัฐที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ยืนยันแล้ว
โรคโควิด-19
สายพันธุ์ไวรัสไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)
สถานที่ประเทศบราซิล
การระบาดครั้งแรกอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน
ผู้ป่วยต้นปัญหาเซาเปาลู
ผู้ป่วยยืนยันสะสม13,193,205 คน[1]
ผู้ป่วยปัจจุบัน1,188,271 คน[1]
หาย11,664,158 คน[1]
เสียชีวิต340,776 คน[1]
อัตราการเสียชีวิต2.58%
เว็บไซต์ของรัฐบาล
coronavirus.saude.gov.br

การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในประเทศบราซิล พ.ศ. 2563 เป็นส่วนหนึ่งของการระบาดทั่วอย่างต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2 (SARS-CoV-2) ไวรัสดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าแพร่กระจายไปยังบราซิลในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020[2] เมื่อชายคนหนึ่งจากเซาเปาลูรับการตรวจไวรัสได้ผลบวก โรคนี้แพร่กระจายไปทุกรัฐในบราซิลภายในวันที่ 21 มีนาคม ส่วนวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2020 ประเทศนี้มีรายงานผู้ป่วย 1 ล้านราย ซึ่งในเวลานี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเกือบ 49,000 คน[3][4] ณ เดือนกันยายน 2020 ประเทศบราซิลมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันมากเป็นอันดับสามของโลกรองจากประเทศอินเดียและสหรัฐ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ประเทศมีรายงานผู้ป่วย 2 ล้านคน ส่วนวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2020 ประเทศรายงานว่ามีผู้ป่วย 3 ล้านคน โดยมีผู้เสียชีวิตมากถึง 100,000 คน ซึ่งบราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดในโลก

การระบาดของโรคได้ก่อให้เกิดการตอบสนองที่หลากหลายจากรัฐบาลกลางของรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมีผลกระทบต่อการเมือง, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม[5] และเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ทางบราซิลได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางทางอากาศชั่วคราว[6] และผู้ว่าการรัฐส่วนใหญ่ได้กำหนดให้มีการกักกันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส[7]

เส้นเวลา

เมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2020 กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่าได้มีการสอบสวนกรณีผู้ต้องสงสัยของโควิด-19 ในเบโลโอรีซอนชีซึ่งเกี่ยวข้องกับนักเรียนที่เพิ่งเดินทางกลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน[8][9] ส่วนวันรุ่งขึ้น ทางกระทรวงได้ประกาศว่ากำลังสอบสวนอีกสองคดีที่ต้องสงสัยในโปร์ตูอาเลกรีและกูรีชีบา[ต้องการอ้างอิง]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "Painel Coronavírus" (ภาษาPortuguese). Ministry of Health. สืบค้นเมื่อ 8 April 2021.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  2. "Brasil confirma primeiro caso da doença". Ministerio da Saude. 26 February 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 March 2020. สืบค้นเมื่อ 4 March 2020.
  3. Charner, Flora (19 June 2020). "Brazil tops 1 million Covid-19 cases. It may pass the US next, becoming the worst-hit country on the planet". CNN. สืบค้นเมื่อ 19 June 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  4. "Painel Coronavírus". สืบค้นเมื่อ 12 June 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  5. "Deforestation of Amazon rainforest accelerates amid COVID-19 pandemic". ABC News. 6 May 2020.
  6. Pedro Fonseca; Jamie McGeever (28 March 2020). "Coronavirus: Brazil bans foreign air travelers". The Mercury News. สืบค้นเมื่อ 13 April 2020.
  7. "Brazil reports more than 1,000 coronavirus deaths". BBC News. 11 April 2020. สืบค้นเมื่อ 13 April 2020.
  8. "Ministério da Saúde confirma 3 casos suspeitos de coronavírus no Brasil". Exame Abril. 28 January 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 January 2020. สืบค้นเมื่อ 29 January 2020.
  9. Cruz, Carolina (28 January 2020). "Ministério da Saúde investiga caso suspeito de coronavírus em MG". G1 (ภาษาโปรตุเกสแบบบราซิล). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2020. สืบค้นเมื่อ 28 January 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น

  • COVID-19 in Brazil – Ministry of Health
  • "Coronavirus Brazil updates and news" [Latest news and statistics of coronavirus in Brazil.] (ภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน, โปรตุเกส, เยอรมัน, อิตาลี, สวีเดน, นอร์เวย์, ฟินแลนด์, เอสโตเนีย และ รัสเซีย). สืบค้นเมื่อ 4 April 2020.