ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ราชทินนาม"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Dharmadana (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''ราชทินนาม''' [ราด-ชะ-ทิน-นะ-นาม] หมายถึง นามที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามยศหรือตำแหน่งราชการ เพื่อให้เป็นเครื่องเสริมพระเกียรติยศ เพิ่มอิทธิพลและอำนาจ รวมถึงให้เกิดสิริมงคลแก่บ้านเมือง โดยมีใช้ตั้งแต่ทินนามพระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ ขุนนาง พระพุทธรูป พระสังฆาธิการ ช้างม้าที่ขึ้นระวางเป็นช้างต้น ม้าต้น และเรือพระราชที่นั่ง<ref>{{cite web |url=https://drmlib.parliament.go.th/site.php?mod=document&op=doc_poll&url=aHR0cHM6Ly9kbC5wYXJsaWFtZW50LmdvLnRoL2JpdHN0cmVhbS9oYW5kbGUvbGlydC81MDI0NTIvMjU0NV8lRTAlQjglOTUlRTAlQjglQjElRTAlQjklODklRTAlQjglODclRTAlQjklODAlRTAlQjglODglRTAlQjklODklRTAlQjglQjIlRTAlQjglOUUlRTAlQjglQTMlRTAlQjglQjAlRTAlQjglQTIlRTAlQjglQjIlRTAlQjglODElRTAlQjglQTMlRTAlQjglQjglRTAlQjglODclRTAlQjglQTMlRTAlQjglQjElRTAlQjglOTUlRTAlQjglOTklRTAlQjklODIlRTAlQjglODElRTAlQjglQUElRTAlQjglQjQlRTAlQjglOTklRTAlQjglOTclRTAlQjglQTMlRTAlQjklOENfJUUwJUI4JTgxJUUwJUI4JUEzJUUwJUI4JUExJUUwJUI4JUE4JUUwJUI4JUI0JUUwJUI4JUE1JUUwJUI4JTlCJUUwJUI4JUIyJUUwJUI4JTgxJUUwJUI4JUEzLnBkZj9zZXF1ZW5jZT0x&handle=502452&uid=0&target=download&ip=49.228.23.17&col_status=false&collection=381|page=313|title=เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์|publisher=สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร}}</ref>
'''ราชทินนาม''' [ราดชะทินนะนาม] หมายถึง นามที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามยศหรือตำแหน่งราชการ เพื่อให้เป็นเครื่องเสริมพระเกียรติยศ เพิ่มอิทธิพลและอำนาจ รวมถึงให้เกิดสิริมงคลแก่บ้านเมือง โดยมีใช้ตั้งแต่ทินนามพระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ ขุนนาง พระพุทธรูป พระสังฆาธิการ ช้างม้าที่ขึ้นระวางเป็นช้างต้น ม้าต้น และเรือพระราชที่นั่ง<ref>{{cite web |url=https://drmlib.parliament.go.th/site.php?mod=document&op=doc_poll&url=aHR0cHM6Ly9kbC5wYXJsaWFtZW50LmdvLnRoL2JpdHN0cmVhbS9oYW5kbGUvbGlydC81MDI0NTIvMjU0NV8lRTAlQjglOTUlRTAlQjglQjElRTAlQjklODklRTAlQjglODclRTAlQjklODAlRTAlQjglODglRTAlQjklODklRTAlQjglQjIlRTAlQjglOUUlRTAlQjglQTMlRTAlQjglQjAlRTAlQjglQTIlRTAlQjglQjIlRTAlQjglODElRTAlQjglQTMlRTAlQjglQjglRTAlQjglODclRTAlQjglQTMlRTAlQjglQjElRTAlQjglOTUlRTAlQjglOTklRTAlQjklODIlRTAlQjglODElRTAlQjglQUElRTAlQjglQjQlRTAlQjglOTklRTAlQjglOTclRTAlQjglQTMlRTAlQjklOENfJUUwJUI4JTgxJUUwJUI4JUEzJUUwJUI4JUExJUUwJUI4JUE4JUUwJUI4JUI0JUUwJUI4JUE1JUUwJUI4JTlCJUUwJUI4JUIyJUUwJUI4JTgxJUUwJUI4JUEzLnBkZj9zZXF1ZW5jZT0x&handle=502452&uid=0&target=download&ip=49.228.23.17&col_status=false&collection=381|page=313|title=เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์|publisher=สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร}}</ref>


ที่มาของราชทินนาม [[พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)]] สันนิษฐานว่า ชื่อเดิมของขุนนางไทยฟังไม่ไพเราะ อีกประการหนึ่ง คือ เป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้ว กล่าวคือ เป็นธรรมเนียมมาแต่อดีตที่พระมหากษัตริย์จะพระราชทานราชทินนามต่อท้ายนามชั้นบรรดาศักดิ์แก่ขุนนางที่มีความดีความชอบหรือมีความสามารถในทางใดทางหนึ่ง เช่น ขุนวิจิตรอักษร ซึ่งหมายถึง ผู้มีความสามารถในการอักษร หรือ พระปราบพลแสน ซึ่งหมายถึง ผู้ที่ปราบพ่ายพลลงได้เป็นจำนวนมาก เป็นต้น ราชทินนามอาจไม่ได้ตั้งตามความสามารถเท่านั้นแต่อาจตั้งตามชื่อบุคคลสำคัญในคัมภีร์ไสยศาสตร์ ในเนื้อเรื่องทางพุทธศาสนา หรือแม้แต่คุณลักษณะของขุนนาง เช่น ขุนซุกซนสังฆกรณ์ ราชทินนามที่มาจากความขี้ฟ้องของข้าราชการคนนั้น<ref name="ศิลปวัฒนธรรม">{{cite web |title=“หลวงการ์เดนกิจบริรักษ์” ขุนนางสยาม ราชทินนามอังกฤษ สมัย ร.5 |url=https://www.silpa-mag.com/culture/article_24040 |publisher=ศิลปวัฒนธรรม}}</ref>
ที่มาของราชทินนาม [[พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)]] สันนิษฐานว่า ชื่อเดิมของขุนนางไทยฟังไม่ไพเราะ อีกประการหนึ่ง คือ เป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้ว กล่าวคือ เป็นธรรมเนียมมาแต่อดีตที่พระมหากษัตริย์จะพระราชทานราชทินนามต่อท้ายนามชั้นบรรดาศักดิ์แก่ขุนนางที่มีความดีความชอบหรือมีความสามารถในทางใดทางหนึ่ง เช่น ขุนวิจิตรอักษร ซึ่งหมายถึง ผู้มีความสามารถในการอักษร หรือ พระปราบพลแสน ซึ่งหมายถึง ผู้ที่ปราบพ่ายพลลงได้เป็นจำนวนมาก เป็นต้น ราชทินนามอาจไม่ได้ตั้งตามความสามารถเท่านั้นแต่อาจตั้งตามชื่อบุคคลสำคัญในคัมภีร์ไสยศาสตร์ ในเนื้อเรื่องทางพุทธศาสนา หรือแม้แต่คุณลักษณะของขุนนาง เช่น ขุนซุกซนสังฆกรณ์ ราชทินนามที่มาจากความขี้ฟ้องของข้าราชการคนนั้น<ref name="ศิลปวัฒนธรรม">{{cite web |title=“หลวงการ์เดนกิจบริรักษ์” ขุนนางสยาม ราชทินนามอังกฤษ สมัย ร.5 |url=https://www.silpa-mag.com/culture/article_24040 |publisher=ศิลปวัฒนธรรม}}</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:00, 12 เมษายน 2564

ราชทินนาม [ราดชะทินนะนาม] หมายถึง นามที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามยศหรือตำแหน่งราชการ เพื่อให้เป็นเครื่องเสริมพระเกียรติยศ เพิ่มอิทธิพลและอำนาจ รวมถึงให้เกิดสิริมงคลแก่บ้านเมือง โดยมีใช้ตั้งแต่ทินนามพระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ ขุนนาง พระพุทธรูป พระสังฆาธิการ ช้างม้าที่ขึ้นระวางเป็นช้างต้น ม้าต้น และเรือพระราชที่นั่ง[1]

ที่มาของราชทินนาม พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) สันนิษฐานว่า ชื่อเดิมของขุนนางไทยฟังไม่ไพเราะ อีกประการหนึ่ง คือ เป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้ว กล่าวคือ เป็นธรรมเนียมมาแต่อดีตที่พระมหากษัตริย์จะพระราชทานราชทินนามต่อท้ายนามชั้นบรรดาศักดิ์แก่ขุนนางที่มีความดีความชอบหรือมีความสามารถในทางใดทางหนึ่ง เช่น ขุนวิจิตรอักษร ซึ่งหมายถึง ผู้มีความสามารถในการอักษร หรือ พระปราบพลแสน ซึ่งหมายถึง ผู้ที่ปราบพ่ายพลลงได้เป็นจำนวนมาก เป็นต้น ราชทินนามอาจไม่ได้ตั้งตามความสามารถเท่านั้นแต่อาจตั้งตามชื่อบุคคลสำคัญในคัมภีร์ไสยศาสตร์ ในเนื้อเรื่องทางพุทธศาสนา หรือแม้แต่คุณลักษณะของขุนนาง เช่น ขุนซุกซนสังฆกรณ์ ราชทินนามที่มาจากความขี้ฟ้องของข้าราชการคนนั้น[2]

ราชทินนามของขุนนางอาจมีซ้ำกันได้ เนื่องจากราชทินนามโดยส่วนมากแล้ว คือนามที่ได้รับพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานตั้งตามตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้นหากขุนนางมีตำแหน่งหน้าที่การงานเดียวกันก็หมายความว่าจะมีราชทินนามเหมือนกันด้วย ยังมีราชทินนามที่ใช้ภาษาอังกฤษมาตั้ง อย่าง หลวงการ์เดนกิจบริรักษ์ ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานให้กับเจ้ากรมสวนสราญรมย์ เป็นต้น[2]

ในคณะสงฆ์ไทยมีการพระราชทานสมณศักดิ์ให้แก่พระเถรานุเถระ แบ่งเป็นลำดับขั้น ตั้งแต่พระครู ไล่ขึ้นไปถึงพระราชาคณะชั้นสามัญ ชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม จนถึงสมเด็จพระราชาคณะ โดยในแต่ละชั้นก็จะมีราชทินนามประกอบด้วย ทำนองเดียวกับขุนนางศักดินา[3]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. "เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์". สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร. p. 313.
  2. 2.0 2.1 ""หลวงการ์เดนกิจบริรักษ์" ขุนนางสยาม ราชทินนามอังกฤษ สมัย ร.5". ศิลปวัฒนธรรม.
  3. ศรัณย์ ทองปาน. "ยศ และ ราชทินนาม (ชื่อจริงและชื่อเล่น ตอนที่ 4)". สารคดี.