ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาเรียแห่งเท็ค"
Yokoronichi (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ต้องการอ้างอิง}} |
{{ต้องการอ้างอิง}} |
||
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์ |
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์ |
||
| ชื่อ =สมเด็จ |
| ชื่อ =สมเด็จพระราชินีแมรี |
||
| สีพิเศษ = Mediumpurple |
| สีพิเศษ = Mediumpurple |
||
| ภาพ = file:Queen Mary Bassano.jpg |
| ภาพ = file:Queen Mary Bassano.jpg |
||
บรรทัด 24: | บรรทัด 24: | ||
| วัดประจำรัชกาล = |
| วัดประจำรัชกาล = |
||
}} |
}} |
||
'''สมเด็จ |
'''สมเด็จพระราชินีแมรี''' ({{lang-de|Maria von Teck}}) หรือ '''เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี ออกัสตา ลูอิส โอลกา พอลีน คลอดีน แอกเนสแห่งเท็ก''' ({{lang-en|Princess Victoria Mary Augusta Louise Olga Pauline Claudine Agnes of Teck}}) เป็นเจ้าหญิงเยอรมันจาก[[ราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค]] ผู้ซึ่งอภิเษกสมรสเข้าสู่พระราชวงศ์อังกฤษ พระนางเป็นพระอัครมเหสีใน[[พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร|พระเจ้าจอร์จที่ 5]] จึงถูกออกพระนามว่า '''สมเด็จพระราชินีแมรี''' (Queen Mary) พระนางยังทรงมีพระยศเป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดียและพระราชินีแห่งไอร์แลนด์อีกด้วย |
||
หกสัปดาห์ภายหลังจากการหมั้นหมายกับ[[เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์]] รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ เจ้าชายสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปวดบวม ในปีต่อมาเจ้าหญิงแมรีทรงหมั้นหมายกับรัชทายาทพระองค์ใหม่ พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ คือ เจ้าชายจอร์จ ในฐานะสมเด็จพระราชินีอัครมเหสีตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 2453]] พระองค์ทรงสนับสนุนพระราชสวามีตลอดช่วง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เนื่องจากพระพลานามัยที่ไม่สมบูรณ์และการเปลี่ยนแปลงทางการครั้งใหญ่ที่เกิดมาจากผลกระทบหลังสงครามและการอุบัติขึ้นของลัทธิ[[สังคมนิยม]]และ[[ชาตินิยม]] หลังการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชสวามีเมื่อปี [[พ.ศ. 2479]] [[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด]] พระโอรสองค์โตได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี-จักรพรรดิ แต่กลับสร้างความผิดหวังให้กับพระองค์ด้วยการสละราชสมบัติในปีเดียวกันเพื่ออภิเษกกับนางวอลลิส ซิมป์สัน สาวสังคมชาวอเมริกันที่หย่าร้างมาแล้วสองครั้ง พระองค์ทรงสนับสนุน[[พระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายอัลเบิร์ต]] ซึ่งทรงสืบต่อราชบัลลังก์อังกฤษเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 6 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี [[พ.ศ. 2495]] พระองค์ก็เสด็จสวรรคตในปีต่อมา |
หกสัปดาห์ภายหลังจากการหมั้นหมายกับ[[เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์]] รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ เจ้าชายสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปวดบวม ในปีต่อมาเจ้าหญิงแมรีทรงหมั้นหมายกับรัชทายาทพระองค์ใหม่ พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ คือ เจ้าชายจอร์จ ในฐานะสมเด็จพระราชินีอัครมเหสีตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 2453]] พระองค์ทรงสนับสนุนพระราชสวามีตลอดช่วง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เนื่องจากพระพลานามัยที่ไม่สมบูรณ์และการเปลี่ยนแปลงทางการครั้งใหญ่ที่เกิดมาจากผลกระทบหลังสงครามและการอุบัติขึ้นของลัทธิ[[สังคมนิยม]]และ[[ชาตินิยม]] หลังการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชสวามีเมื่อปี [[พ.ศ. 2479]] [[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด]] พระโอรสองค์โตได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี-จักรพรรดิ แต่กลับสร้างความผิดหวังให้กับพระองค์ด้วยการสละราชสมบัติในปีเดียวกันเพื่ออภิเษกกับนางวอลลิส ซิมป์สัน สาวสังคมชาวอเมริกันที่หย่าร้างมาแล้วสองครั้ง พระองค์ทรงสนับสนุน[[พระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายอัลเบิร์ต]] ซึ่งทรงสืบต่อราชบัลลังก์อังกฤษเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 6 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี [[พ.ศ. 2495]] พระองค์ก็เสด็จสวรรคตในปีต่อมา |
||
บรรทัด 39: | บรรทัด 39: | ||
== หมั้นหมายและอภิเษกสมรส == |
== หมั้นหมายและอภิเษกสมรส == |
||
ในช่วงเดือนธันวาคม [[พ.ศ. 2434]] เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ ("เมย์") ได้ทรงหมั้นหมายกับพระญาติชั้นที่สองคือ [[เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์]] พระโอรสองค์ใหญ่ใน[[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายแห่งเวลส์]] พระองค์ทรงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าสาวของดยุก เนื่องจากความโปรดปรานในตัวเจ้าหญิงของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเป็นหลัก รวมทั้งบุคลิกที่เข็มแข็งและการรู้ถึงหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ดยุกแห่งคลาเรนซ์ได้สิ้นพระชนม์อีกหกสัปดาห์ต่อมาในโรคระบาดไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งแพร่ระบาดทั่วประเทศอังกฤษในช่วงฤดูหนาวปี พ.ศ. 2434 - 35 |
ในช่วงเดือนธันวาคม [[พ.ศ. 2434]] เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ ("เมย์") ได้ทรงหมั้นหมายกับพระญาติชั้นที่สองคือ [[เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์และเอวอนเดล|เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์]] พระโอรสองค์ใหญ่ใน[[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายแห่งเวลส์]] พระองค์ทรงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าสาวของดยุก เนื่องจากความโปรดปรานในตัวเจ้าหญิงของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเป็นหลัก รวมทั้งบุคลิกที่เข็มแข็งและการรู้ถึงหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ดยุกแห่งคลาเรนซ์ได้สิ้นพระชนม์อีกหกสัปดาห์ต่อมาในโรคระบาดไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งแพร่ระบาดทั่วประเทศอังกฤษในช่วงฤดูหนาวปี พ.ศ. 2434 - 35 |
||
ถึงแม้จะเป็นความล้มเหลว สมเด็จพระราชินีนาถก็ยังคงโปรดเจ้าหญิงมาเรียในฐานะผู้ได้รับเลือกอันเหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์ในอนาคต และ[[พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งยอร์ก]] พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ซึ่งตอนนี้ทรงเป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์ทรงใกล้ชิดกับเจ้าหญิงมาเรียระหว่างช่วงเวลาของการไว้อาลัยร่วมกันของทั้งสองพระองค์ ในเดือนพฤษภาคม [[พ.ศ. 2436]] เจ้าชายจอร์จทรงขออภิเษกในเวลาอันควรและเจ้าหญิงมาเรียก็ทรงตกลง การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง เจ้าหญิงมาเรียและเจ้าชายจอร์จทรงรักกันอย่างลึกซึ้งในเวลาไม่นาน เจ้าชายจอร์จไม่ทรงมีสนมลับเลย (เป็นระดับของความซื่อสัตย์ที่ไม่ธรรมดาในยุคนั้น) และทรงเขียนพระหัตถเลขาถึงเจ้าหญิงมาเรียอยู่เกือบจะทุกวัน |
ถึงแม้จะเป็นความล้มเหลว สมเด็จพระราชินีนาถก็ยังคงโปรดเจ้าหญิงมาเรียในฐานะผู้ได้รับเลือกอันเหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์ในอนาคต และ[[พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งยอร์ก]] พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ซึ่งตอนนี้ทรงเป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์ทรงใกล้ชิดกับเจ้าหญิงมาเรียระหว่างช่วงเวลาของการไว้อาลัยร่วมกันของทั้งสองพระองค์ ในเดือนพฤษภาคม [[พ.ศ. 2436]] เจ้าชายจอร์จทรงขออภิเษกในเวลาอันควรและเจ้าหญิงมาเรียก็ทรงตกลง การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง เจ้าหญิงมาเรียและเจ้าชายจอร์จทรงรักกันอย่างลึกซึ้งในเวลาไม่นาน เจ้าชายจอร์จไม่ทรงมีสนมลับเลย (เป็นระดับของความซื่อสัตย์ที่ไม่ธรรมดาในยุคนั้น) และทรงเขียนพระหัตถเลขาถึงเจ้าหญิงมาเรียอยู่เกือบจะทุกวัน |
||
การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ [[6 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2436]] ณ [[โบสถ์หลวง]] [[พระราชวังเซนต์เจมส์]] ใน[[กรุงลอนดอน]] และมีพระโอรสและธิดา 6 พระองค์คือ |
การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ [[6 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2436]] ณ [[:en:St. James's Palace|โบสถ์หลวง]] [[พระราชวังเซนต์เจมส์]] ใน[[กรุงลอนดอน]] และมีพระโอรสและธิดา 6 พระองค์คือ |
||
* '''[[สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร|อดีตพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งวินด์เซอร์]]''' (เอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต คริสเตียน จอร์จ แอนดรูว์ แพทริค เดวิด; [[23 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2437]] - [[28 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2515]]) |
* '''[[สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร|อดีตพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งวินด์เซอร์]]''' (เอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต คริสเตียน จอร์จ แอนดรูว์ แพทริค เดวิด; [[23 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2437]] - [[28 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2515]]) |
||
** ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น [[ดยุกแห่งคอร์นวอลล์]] [[ดยุกแห่งรอธซี]] เอิร์ลแห่งแคร์ริค บารอนเรนฟรูว์ ลอร์ดแห่งไอเอิลส์ เจ้าชายและจอมทัพแห่งสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ [[6 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2453]] หลังจากการเสวยราชสมบัติของพระชนก |
** ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น [[ดยุกแห่งคอร์นวอลล์]] [[ดยุกแห่งรอธซี]] เอิร์ลแห่งแคร์ริค บารอนเรนฟรูว์ ลอร์ดแห่งไอเอิลส์ เจ้าชายและจอมทัพแห่งสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ [[6 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2453]] หลังจากการเสวยราชสมบัติของพระชนก |
||
บรรทัด 53: | บรรทัด 53: | ||
** ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น '''[[ดยุกแห่งยอร์ก]]''' เอิร์ลแห่งอินเวอร์เนส และบารอนคิลลาร์เนย์ เมื่อวันที่ [[20 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2463]] |
** ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น '''[[ดยุกแห่งยอร์ก]]''' เอิร์ลแห่งอินเวอร์เนส และบารอนคิลลาร์เนย์ เมื่อวันที่ [[20 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2463]] |
||
** เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐา เมื่อวันที่ [[11 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2479]] |
** เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐา เมื่อวันที่ [[11 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2479]] |
||
** ทรงอภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ [[26 เมษายน]] [[พ.ศ. 2466]] ณ [[มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์]] [[กรุงลอนดอน]] กับ [[สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี|เลดีเอลิซาเบธ แองเจลา มาร์เกอริต โบวส์-ลีออน]] ([[4 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2443]] - [[30 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2545]]) ดำรงพระอิสริยยศเป็น '''สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี''' ในรัชกาลปัจจุบัน |
** ทรงอภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ [[26 เมษายน]] [[พ.ศ. 2466]] ณ [[เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์|มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์]] [[กรุงลอนดอน]] กับ [[สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี|เลดีเอลิซาเบธ แองเจลา มาร์เกอริต โบวส์-ลีออน]] ([[4 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2443]] - [[30 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2545]]) ดำรงพระอิสริยยศเป็น '''สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี''' ในรัชกาลปัจจุบัน |
||
* '''[[เจ้าหญิงแมรี พระราชกุมารีและเคาน์เตสแห่งแฮร์วูด]]''' (วิกตอเรีย อเล็กซานดรา อลิซ แมรี่; [[25 เมษายน]] [[พ.ศ. 2440]] - [[28 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2508]]) |
* '''[[เจ้าหญิงแมรี พระราชกุมารีและเคาน์เตสแห่งแฮร์วูด]]''' (วิกตอเรีย อเล็กซานดรา อลิซ แมรี่; [[25 เมษายน]] [[พ.ศ. 2440]] - [[28 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2508]]) |
||
** ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น '''[[ราชกุมารี]]''' เมื่อวันที่ [[1 มกราคม]] [[พ.ศ. 2475]] |
** ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น '''[[ราชกุมารี]]''' เมื่อวันที่ [[1 มกราคม]] [[พ.ศ. 2475]] |
||
** ทรงอภิเษกสมรสวันที่ [[28 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2465]] ณ [[เวสต์มินส์เตอร์แอบบีย์]] กรุงลอนดอน กับ[[ |
** ทรงอภิเษกสมรสวันที่ [[28 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2465]] ณ [[เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์|เวสต์มินส์เตอร์แอบบีย์]] กรุงลอนดอน กับ[[:en:Henry Lascelles, 6th Earl of Harewood|เฮนรี จอร์จ ชาร์ลส์ ลาสเซลส์]] ([[9 กันยายน]] [[พ.ศ. 2425]] - [[23 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2490]]) '''เอิร์ลที่ 6 แห่งแฮร์วูด''' ไวเคานต์ลาสเซลส์ และบารอนแฮร์วูด ดำรงบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดา เมื่อวันที่ [[6 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2472]] |
||
** ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น '''เคาน์เตสแห่งแฮร์วูด''' หลังจากการดำรงบรรดาศักดิ์ขุนนางของพระภัสดา |
** ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น '''เคาน์เตสแห่งแฮร์วูด''' หลังจากการดำรงบรรดาศักดิ์ขุนนางของพระภัสดา |
||
* '''[[เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์]]''' (เฮนรี่ วิลเลี่ยม เฟรเดอริค อัลเบิร์ต; [[31 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2443]] - [[10 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2517]]) |
* '''[[เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์]]''' (เฮนรี่ วิลเลี่ยม เฟรเดอริค อัลเบิร์ต; [[31 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2443]] - [[10 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2517]]) |
||
บรรทัด 122: | บรรทัด 122: | ||
* พ.ศ. 2453 – 2479: สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร (Her Majesty The Queen of the United Kingdom) |
* พ.ศ. 2453 – 2479: สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร (Her Majesty The Queen of the United Kingdom) |
||
** ใน[[บริติชอินเดีย]]; พ.ศ. 2453 – 2479: สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอินเดีย (Her Imperial Majesty The Empress of India) |
** ใน[[บริติชอินเดีย]]; พ.ศ. 2453 – 2479: สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอินเดีย (Her Imperial Majesty The Empress of India) |
||
* พ.ศ. 2479 – 2495: สมเด็จพระราชินีแม |
* พ.ศ. 2479 – 2495: สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งสหราชอาณาจักร (Her Majesty Queen Mary of the United Kingdom) |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:44, 2 ตุลาคม 2563
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
สมเด็จพระราชินีแมรี | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
วิตอเรีย แมรี่ ออกัสตา ลูอีส โอลกา พอลีน คลอดีน แอกเนส | |||||||||
รัชกาลก่อนหน้า | เจ้าหญิงอเล็กซันดราแห่งเดนมาร์ก | ||||||||
รัชกาลถัดไป | เอลิซาเบธ โบวส์-ลีออน | ||||||||
ประสูติ | 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2410 พระราชวังเคนซิงตัน ลอนดอน สหราชอาณาจักร | ||||||||
สวรรคต | 24 มีนาคม พ.ศ. 2496 (85 พรรษา) พระตำหนักมาร์ลโบโรห์ ลอนดอน สหราชอาณาจักร | ||||||||
พระราชสวามี | พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร | ||||||||
พระราชบุตร | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระเจ้าจอร์จที่ 6 เจ้าหญิงแมรี พระราชกุมารี เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์ เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคนต์ เจ้าชายจอห์น | ||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์ | เวือร์ทเทิมแบร์ค (พระราชสมภพ) ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา (อภิเษกสมรส) วินด์เซอร์ (สถาปนา) | ||||||||
พระราชบิดา | ฟรานซิส ดยุกแห่งเท็ค | ||||||||
พระราชมารดา | เจ้าหญิงแมรี แอดิเลดแห่งเคมบริดจ์ |
สมเด็จพระราชินีแมรี (เยอรมัน: Maria von Teck) หรือ เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี ออกัสตา ลูอิส โอลกา พอลีน คลอดีน แอกเนสแห่งเท็ก (อังกฤษ: Princess Victoria Mary Augusta Louise Olga Pauline Claudine Agnes of Teck) เป็นเจ้าหญิงเยอรมันจากราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค ผู้ซึ่งอภิเษกสมรสเข้าสู่พระราชวงศ์อังกฤษ พระนางเป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าจอร์จที่ 5 จึงถูกออกพระนามว่า สมเด็จพระราชินีแมรี (Queen Mary) พระนางยังทรงมีพระยศเป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดียและพระราชินีแห่งไอร์แลนด์อีกด้วย
หกสัปดาห์ภายหลังจากการหมั้นหมายกับเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์ รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ เจ้าชายสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปวดบวม ในปีต่อมาเจ้าหญิงแมรีทรงหมั้นหมายกับรัชทายาทพระองค์ใหม่ พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ คือ เจ้าชายจอร์จ ในฐานะสมเด็จพระราชินีอัครมเหสีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 พระองค์ทรงสนับสนุนพระราชสวามีตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากพระพลานามัยที่ไม่สมบูรณ์และการเปลี่ยนแปลงทางการครั้งใหญ่ที่เกิดมาจากผลกระทบหลังสงครามและการอุบัติขึ้นของลัทธิสังคมนิยมและชาตินิยม หลังการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชสวามีเมื่อปี พ.ศ. 2479 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสองค์โตได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี-จักรพรรดิ แต่กลับสร้างความผิดหวังให้กับพระองค์ด้วยการสละราชสมบัติในปีเดียวกันเพื่ออภิเษกกับนางวอลลิส ซิมป์สัน สาวสังคมชาวอเมริกันที่หย่าร้างมาแล้วสองครั้ง พระองค์ทรงสนับสนุนเจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งทรงสืบต่อราชบัลลังก์อังกฤษเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 6 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ก็เสด็จสวรรคตในปีต่อมา
ในช่วงเวลาของพระองค์ สมเด็จพระราชินีแมรีทรงเป็นที่รู้จักถึงการกำหนดลีลาให้พระราชวงศ์อังกฤษดำเนินไป ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างของความเป็นระเบียบทางการและขนบธรรมเนียมของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะในงานพระราชพิธีต่าง ๆ พระองค์เป็นสมเด็จพระราชินีมเหสีที่ทรงเข้าร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกของทายาทของพระองค์ นอกจากนั้นพระองค์ที่ยังทรงเป็นที่รู้จักถึงการประดับเพชรพลอยในงานพิธีทางการต่าง ๆ ทรงทิ้งชุดเครื่องเพชรต่างๆ ซึ่งถือว่าประเมินค่ามิได้ในขณะนี้เอาไว้
พระชนม์ชีพในวัยเยาว์
เจ้าหญิงมาเรียแห่งเท็คประสูติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2410 ณ พระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน พระชนกคือฟรานซิส ดยุกแห่งเท็ค พระโอรสในดยุกอเล็กซานเดอร์แห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค ซึ่งประสูติกับพระชายาจากการอภิเษกสมรสต่างฐานันดรศักดิ์ (morganatic) คือ เคาน์เตสคลอดีน เรดีย์ ฟอน คิส-เรเดอ (ได้รับการสถาปนาเป็น เคาน์เตสแห่งโฮเอ็นชไตน์ในจักรวรรดิออสเตรีย) ส่วนพระชนนีคือเจ้าหญิงแมรี แอดิเลดแห่งเคมบริดจ์ พระธิดาพระองค์ที่สามและพระองค์เล็กในเจ้าชายอดอลฟัส ดยุกแห่งเคมบริดจ์ และ เจ้าหญิงออกัสตาแห่งเฮสส์-คาสเซิล เจ้าหญิงทรงเข้าพิธีบัพติศมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2410 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังเคนซิงตัน จากชาร์ลส์ โธมัส ลองเลย์ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี โดยได้มีพระบิดาและพระมารดาทูนหัวคือ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าชายแห่งเวลส์ (พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และพระสัสสุระของเจ้าหญิงมาเรีย) แกรนด์ดัชเชสแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์ และ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์
แม้พระชนนีของพระองค์จะเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าจอร์จที่ 3 แต่เจ้าหญิงมาเรียทรงเป็นเพียงเชื้อพระราชวงศ์ชั้นรองของพระราชวงศ์อังกฤษ ดยุกแห่งเท็ค พระชนกของพระองค์เป็นพระโอรสจากการอภิเษกสมรสต่างฐานันดรศักดิ์ มิทรงมีสิทธิในมรดกหรือทรัพย์สินใด ๆ ทั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศชั้นเล็กอย่าง Serene Highness อย่างไรก็ตาม ดัชเชสแห่งเท็คทรงได้รับเบี้ยหวัดประจำปีจากรัฐสภาจำนวนห้าพันปอนด์ อีกทั้งยังทรงได้รับอีกสี่พันปอนด์ต่อปีจากดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชนนีอีกด้วย แม้กระนั้นครอบครัวยังคงมีหนี้สินมากและถูกบังคับให้อาศัยอยู่ต่างแดนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 เพื่อประหยัดการใช้จ่าย ครอบครัวเท็คได้เดินทางท่องไปทั่วทวีปยุโรป เพื่อเยี่ยมเยี่ยนพระประยูรญาติและพำนักอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีในช่วงระยะหนึ่ง เจ้าหญิงมาเรียได้ทรงเพลิดเพลินกับการเสด็จยังสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ โบสถ์วิหาร และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
ในปี พ.ศ. 2428 ครอบครัวเท็คกลับมายังกรุงลอนดอนและได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตำหนักขาว ในราชอุทยานริชมอนด์เป็นที่พักอาศัย เจ้าหญิงมาเรียทรงสนิทสนมกับพระชนนีและทรงทำหน้าที่เป็นเลขนุการอย่างไม่เป็นการ โดยทรงช่วยเหลือในการจัดเลี้ยงสังสรรค์และงานสังคมต่างๆ นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงสนิทสนมกับแกรนด์ดัชเชสแห่งเม็คเล็นบูร์ก-สเตรลิตซ์ (พระอิสริยยศเดิม เจ้าหญิงออกัสตาแห่งเคมบริดจ์) พระมาตุจฉาและเขียนพระหัตถเลขาถึงพระองค์ทุกสัปดาห์มิเคยขาด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดนทรงช่วยเหลือในการส่งจดหมายจากเจ้าหญิงมาเรียถึงพระมาตุจฉา ซึ่งประทับอยู่ในดินแดนของฝ่ายศัตรูในประเทศเยอรมนี จนกระทั่งถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในปลายปี พ.ศ. 2459
หมั้นหมายและอภิเษกสมรส
ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2434 เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ ("เมย์") ได้ทรงหมั้นหมายกับพระญาติชั้นที่สองคือ เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์ พระโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าชายแห่งเวลส์ พระองค์ทรงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าสาวของดยุก เนื่องจากความโปรดปรานในตัวเจ้าหญิงของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเป็นหลัก รวมทั้งบุคลิกที่เข็มแข็งและการรู้ถึงหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ดยุกแห่งคลาเรนซ์ได้สิ้นพระชนม์อีกหกสัปดาห์ต่อมาในโรคระบาดไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งแพร่ระบาดทั่วประเทศอังกฤษในช่วงฤดูหนาวปี พ.ศ. 2434 - 35
ถึงแม้จะเป็นความล้มเหลว สมเด็จพระราชินีนาถก็ยังคงโปรดเจ้าหญิงมาเรียในฐานะผู้ได้รับเลือกอันเหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์ในอนาคต และเจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งยอร์ก พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ซึ่งตอนนี้ทรงเป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์ทรงใกล้ชิดกับเจ้าหญิงมาเรียระหว่างช่วงเวลาของการไว้อาลัยร่วมกันของทั้งสองพระองค์ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2436 เจ้าชายจอร์จทรงขออภิเษกในเวลาอันควรและเจ้าหญิงมาเรียก็ทรงตกลง การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง เจ้าหญิงมาเรียและเจ้าชายจอร์จทรงรักกันอย่างลึกซึ้งในเวลาไม่นาน เจ้าชายจอร์จไม่ทรงมีสนมลับเลย (เป็นระดับของความซื่อสัตย์ที่ไม่ธรรมดาในยุคนั้น) และทรงเขียนพระหัตถเลขาถึงเจ้าหญิงมาเรียอยู่เกือบจะทุกวัน
การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังเซนต์เจมส์ ในกรุงลอนดอน และมีพระโอรสและธิดา 6 พระองค์คือ
- อดีตพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งวินด์เซอร์ (เอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต คริสเตียน จอร์จ แอนดรูว์ แพทริค เดวิด; 23 มิถุนายน พ.ศ. 2437 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2515)
- ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น ดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ดยุกแห่งรอธซี เอิร์ลแห่งแคร์ริค บารอนเรนฟรูว์ ลอร์ดแห่งไอเอิลส์ เจ้าชายและจอมทัพแห่งสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 หลังจากการเสวยราชสมบัติของพระชนก
- ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายแห่งเวลส์ และเอิร์ลแห่งเชสเตอร์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2453
- เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระราชบิดา เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2479 และสละราชสมบัติแก่พระอนุชา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2479
- ทรงดำรงพระอิสริยยศ ดยุกแห่งวินด์เซอร์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2480 ภายหลังจากการสละราชสมบัติ
- ทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2480 ณ ปราสาทกงเด ประเทศฝรั่งเศส กับเบสซี วอลลิส วอร์ฟิลด์ (19 มิถุนายน พ.ศ. 2439 - 24 เมษายน พ.ศ. 2529) หรือ นางวอลลิส ซิมป์สัน ภรรยาม่ายของนายเออร์เนส อัลดริช ซิมป์สัน สามีคนที่สอง และเป็น ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ หลังจากการสมรส
- พระเจ้าจอร์จที่ 6 (อัลเบิร์ต เฟรเดอริค อาร์เธอร์ จอร์จ; 14 ธันวาคม พ.ศ. 2438 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495)
- ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น ดยุกแห่งยอร์ก เอิร์ลแห่งอินเวอร์เนส และบารอนคิลลาร์เนย์ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2463
- เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2479
- ทรงอภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2466 ณ มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ กรุงลอนดอน กับ เลดีเอลิซาเบธ แองเจลา มาร์เกอริต โบวส์-ลีออน (4 สิงหาคม พ.ศ. 2443 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2545) ดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี ในรัชกาลปัจจุบัน
- เจ้าหญิงแมรี พระราชกุมารีและเคาน์เตสแห่งแฮร์วูด (วิกตอเรีย อเล็กซานดรา อลิซ แมรี่; 25 เมษายน พ.ศ. 2440 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2508)
- ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น ราชกุมารี เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2475
- ทรงอภิเษกสมรสวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465 ณ เวสต์มินส์เตอร์แอบบีย์ กรุงลอนดอน กับเฮนรี จอร์จ ชาร์ลส์ ลาสเซลส์ (9 กันยายน พ.ศ. 2425 - 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2490) เอิร์ลที่ 6 แห่งแฮร์วูด ไวเคานต์ลาสเซลส์ และบารอนแฮร์วูด ดำรงบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2472
- ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เคาน์เตสแห่งแฮร์วูด หลังจากการดำรงบรรดาศักดิ์ขุนนางของพระภัสดา
- เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์ (เฮนรี่ วิลเลี่ยม เฟรเดอริค อัลเบิร์ต; 31 มีนาคม พ.ศ. 2443 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2517)
- ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น ดยุกแห่งกลอสเตอร์ เอิร์ลแห่งอัลส์เตอร์ และบารอนคัลโลเด็น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2471
- ทรงอภิเษกสมรสวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 ณ พระราชวังบักกิงแฮม กรุงลอนดอน กับ เลดีอลิซ คริสตาเบล มอนเตกู-ดักลาส-สก็อต (25 ธันวาคม พ.ศ. 2444 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2547) ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงอลิซ ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ ในรัชกาลปัจจุบัน
- เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคนต์ (จอร์จ เอ็ดเวิร์ด อเล็กซานเดอร์ เอ็ดมันด์; 20 ธันวาคม พ.ศ. 2445 - 25 สิงหาคม พ.ศ. 2485)
- ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น ดยุกแห่งเคนต์ เอิร์ลแห่งเซนต์แอนดรูว์ และบารอนดาวน์แพทริก เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2477
- ทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 ณ เวสต์มินส์เตอร์แอบบีย์ กรุงลอนดอน กับ เจ้าหญิงมารีนาแห่งกรีซและเดนมาร์ก (13 ธันวาคม พ.ศ. 2449 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2511) ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงมารีนา ดัชเชสแห่งเคนต์ ในรัชกาลปัจจุบัน
- เจ้าชายจอห์น (จอห์น ชาร์ลส์ ฟรานซิส; 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 - 18 มกราคม พ.ศ. 2462)
ดัชเชสแห่งยอร์ก
ภายหลังจากการอภิเษกสมรส เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรีทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงดัชเชสแห่งยอร์ก (HRH The Duchess of York) ดยุกและดัชเชสแห่งยอร์กประทับอยู่ที่ตำหนักยอร์ก ซึ่งเป็นเรือนหลังเล็กในเขตพระราชฐานแซนดริงแฮม ในมณฑลนอร์โฟล์ค ทั้งสองพระองคก็ยังทรงมีห้องชุดในพระราชวังเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอนอีกด้วย ตำหนักยอร์คเป็นเรือนที่สมถะสำหรับเชื้อพระวงศ์ แต่เป็นที่โปรดปรานของเจ้าชายจอร์จ ซึ่งโปรดชีวิตแบบเรียบง่าย ทั้งสองพระองค์ได้ประทับร่วมกับพระโอรสและธิดาหกพระองค์คือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายอัลเบิร์ต เจ้าหญิงแมรี เจ้าชายเฮนรี เจ้าชายจอร์จ และเจ้าชายจอห์น
ดัชเชสทรงทุ่มเทให้กับพระโอรสและธิดามาก แต่ทรงให้อยู่ในความดูแลของพระพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของครอบครัวระดับสูงในสมัยนั้น พระพี่เลี้ยงคนแรกโดนไล่ออกจากความไร้มารยาท และคนที่สองถูกจับได้ว่าทารุณข่มเหงพระโอรสและพระธิดา พระพี่เลี้ยงจะหยิกเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก่อนที่นำพระองค์ไปเฝ้าดยุกและดัชเชส โดยทำให้ทรงกันแสงอย่างจงใจเพื่อจะได้เสด็จกลับมากับเธอโดยเร็ว เธอก็โดนไล่ออกเช่นกัน และมีผู้ช่วยคนใหม่ที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่รักอย่างมากมาแทนคือ นางบิลล์
ประวัติศาสตร์ได้จดจำสมเด็จพระราชินีแมรีในฐานะพระชนนีที่เฉยเมย พระองค์มิเคยทรงสังเกตเห็นถึงความละเลยของพระพี่เลี้ยงต่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและเจ้าชายอัลเบิร์ต และเจ้าชายจอห์น พระโอรสองค์เล็กทรงถูกทอดทิ้งอยู่ห่างไกลอยู่ที่พระราชวังแซนดริงแฮม ในความดูแลของนางบิลล์ ดังนั้นสาธารณชนจึงไม่เคยได้เห็นพระโรคลมชักของพระองค์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะทรงมีภาพพจน์ต่อสาธารณชนที่ขึงขังและชีวิตพระส่วนพระองค์ที่เคร่งครัดในศีลธรรม พระองค์ก็เป็นพระชนนีที่เอาใจใส่ในหลายเรื่อง โดยทรงเผยให้เป็นถึงด้านความรักและขี้เล่นต่อพระโอรสและธิดาและทรงสอนประวัติศาสตร์และดนตรีให้กับทุกพระองค์
ในฐานะดยุกและดัชเชสแห่งยอร์ค เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงมาเรียทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านสาธารณะมากมาย เมื่อในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2444 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสด็จสวรรคตและเจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด พระสัสสุระของดัชเชสแห่งยอร์ค เสวยราชสมบัติสืบต่อเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 นับแต่นั้นทั้งสองพระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายดยุกและเจ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์และยอร์ก (TRH The Duke and Duchess of Cornwall and York) และก็ได้เสด็จประพาสทั่วจักรวรรดิอังกฤษ โดยเสด็จเยือนยิบรอลตาร์ มอลตา อียิปต์ ลังกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มอริเชียส แอฟริกาใต้ และแคนาดาเป็นเวลาแปดเดือน ไม่เคยมีเชื้อพระวงศ์องค์ใดเสด็จต่างประเทศแบบหมายมาดเช่นนี้มาก่อน ดัชเชสทรงกันแสงน้ำพระเนตรหลั่งไหลออกมาเมื่อทรงทราบว่าจะต้องจากพระโอรสและธิดาไป (ทุกพระองค์ทรงอยู่ในความดูแลของพระอัยกาและพระอัยยิกา) เป็นช่วงเวลาอันนาน ในระหว่างการเสด็จประพาส ทั้งสองพระองค์ทรงเปิดวาระการประชุมแรกของรัฐสภาออสเตรเลีย เมื่อเครือรัฐออสเตรเลียได้ก่อตั้งขึ้น
เจ้าหญิงแห่งเวลส์
ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 เก้าวันหลังการเสด็จกลับถึงสหราชอาณาจักรและการเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เจ้าชายจอร์จทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายแห่งเวลส์ และเจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ก็ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (HRH The Princess of Wales) ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จจากพระราชวังเซนต์เจมส์ไปประทับยังตำหนักมาร์ลโบโร พระราชฐานในกรุงลอนดอน ขณะที่ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระองค์ได้โดยเสด็จพระสวามีไปในการเยือนจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีและราชอาณาจักรเวือร์ทเท็มแบร์กเมื่อปี พ.ศ. 2447 และในปีต่อมาก็มีพระประสูติกาลเจ้าชายจอห์น พระโอรสองค์สุดท้าย ซึ่งเป็นการประสูติที่ยากลำบากและแม้ว่าพระองค์จะทรงฟื้นพระองค์ได้รวดเร็ว แต่พระโอรสองค์ใหม่ก็ทรงทุกข์ทรมานกับปัญหาต่างๆ ที่ที่เกี่ยวกับระบบหายใจ
ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2448 เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์เสด็จประพาสต่างประเทศอีกครั้งเป็นเวลาแปดเดือน ครั้งนี้ก็เป็นการเสด็จประพาสอินเดีย และพระโอรสและธิดาทรงอยู่ในการดูแลของพระอัยกาและพระอัยยิกาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองพระองค์ผ่านทางอียิปต์ทั้งขาไปและกลับ โดยขากลับได้เสด็จประพาสประเทศกรีซ ตามมาด้วยการเสด็จเยือนประเทศสเปนเกือบจะทันทีเพื่อไปร่วมงานพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปนและเจ้าหญิงวิกตอเรีย ยูจีนีแห่งแบ็ตเต็นเบิร์ก ซึ่งทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวทรงรอดพ้นจากการลอบปลงพระชนม์ได้อย่างหวุดหวิด อีกครั้งหนึ่งเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการเสด็จกลับถึงสหราชอาณาจักร ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จยังประเทศนอร์เวย์เพื่อไปร่วมในงานพระราชพธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีโฮกุนที่ 7 และสมเด็จพระราชินีม้อด (พระขนิษฐาในเจ้าชายจอร์จ)
สมเด็จพระราชินี
ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เสด็จสวรรคตและเจ้าชายแห่งเวลส์ก็เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อ เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่จึงได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินีแห่งสหราชอาณาจักร พระสวามีซึ่งขณะนี้ทรงเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงขอให้พระองค์เลือกใช้หนึ่งในสองพระนามทางการของพระองค์ ดังนั้นเนื่องจากทรงตรองว่ามิควรใช่พระนาม "วิกตอเรีย" จึงได้ทรงเลือกพระนาม "แมรี่" นับแต่นั้นมา สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกกับพระสวามีเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2454 ณ เวสต์มินส์เตอร์แอบบีย์ กรุงลอนดอน และต่อมาเสด็จเยือนประเทศอินเดีย เพื่อในการเฉลิมฉลองการราชาภิเษกที่กรุงเดลี (Delhi Durbar) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2454 พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีเสด็จประพาสทั่วประเทศไปในการเยี่ยมเยียนพสกนิกรใหม่ของพระองค์ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีของพวกเขา
ในช่วงเริ่มแรกของการเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระราชินีแมรี่ ก็ได้เห็นการก่อตัวของความขัดแย้งกับสมเด็จพระราชินีอเล็กซานดรา พระพันปีหลวง แม้ว่าทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นมิตรและสนิทสนมกัน แต่พระราชินีอเล็กซานยังทรงดื้อรั้นในหลายเรื่อง พระองค์มีพระประสงค์ลำดับก่อนหน้าสมเด็จพระราชินีแมรี่ในงานพระบรมศพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทรงรั้งรอการเสด็จออกจากพระราชบัคกิ้งแฮม และทรงเก็บงำเครื่องเพชรประจำราชวงศ์ต่างๆ ที่ควรจะตกทอดมายังสมเด็จพระราชินีองค์ใหม่ไว้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงดำเนินการผลักดันความอดอยากที่พระราชวังบักกิงแฮม ด้วยการแบ่งปันอาหาร และเสด็จเยียมเยียนทหารที่บาดเจ็บและใกล้ตายในโรงพยาบาล ยังความกดดันทางอารมณ์ต่อพระองค์เป็นอันมาก หลังจากสามปีของสงครามกับเยอรมนี ความรู้สึกต่อต้านเยอรมนีท่ามกลางสาธารณชนในประเทศอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น พระราชวงศ์รัสเซียซึ่งถูกขับออกจากราชสมบัติโดยรัฐบาลปฏิวัติ ได้รับการปฏิเสธการให้ที่ลี้ภัย โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระมเหสีของพระเจ้าซาร์ทรงเป็นชาวเยอรมันโดยกำเนิด ข่าวการสละราชสมบัติของพระเจ้าซาร์ทำให้เกิดการส่งเสริมให้มีการสละราชสมบัติในอังกฤษ ซึ่งต้องการให้ระบอบสาธารณรัฐเข้ามาแทนที่ระบอบกษัตริย์ หลังจากพวกสาธาณรัฐนิยมเอาภูมิหลังเยอรมันของพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีมาเป็นการโต้แย้งเพื่อการปฏิรูป พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเปลี่ยนชื่อของพระราชวงศ์อังกฤษเป็นวินด์เซอร์และสละพระอิสริยยศของเยอรมันทั้งหมด ส่วนพระประยูรญาติของพระราชินีทรงสละพระอิสริยยศของเยอรมันทั้งหมดและทรงใช้ราชสกุลอังกฤษ "เคมบริดจ์" ในปี พ.ศ. 2461 สงครามได้สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนีและการสละราชสมบัติและการเสด็จลี้ภัยออกนอกประเทศของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งเยอรมนี
สองเดือนหลังการสิ้นสุดสงคราม พระโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีแมรี "จอห์นนี่ตัวน้อยที่รักผู้น่าสงสารของพวกเรา" สิ้นพระชนม์ขณะทรงพระชนมายุเพียง 13 พรรษา พระองค์ทรงบรรยายถึงความสะเทือนพระทัยและความโทมนัสของพระองค์ในสมุดบันทึก ที่บทความตอนหนึ่งได้ถูกตีพิมพ์ออกมาภายหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระองค์
การสนับสนุนพระราชสวามีอย่างมั่นคงแน่วแน่ของสมเด็จพระราชินีแมรี่เข้มแข็งมากขึ้นในรัชกาลของพระองค์ พระองค์ได้ทรงแนะนำพระสวามีในเรื่องการกล่าวสุนทรพจน์ต่างๆ และได้ทรงนำความรู้อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพระราชวงศ์มาแนะนำพระองค์ในเรื่องของบ้านเมือง พระองค์ทรงซาบซึ้งในความรอบคอบ ความเฉลียวฉลาดและการตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีแมรี่มาก
พระองค์ทรงคงความมั่นพระทัยในพระองค์อย่างไม่เสื่อมคลายตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจในช่วงหลังสงคราม แม้จะมีความไม่สงบของประชาชนเกี่ยวกับเงื่อนไขของสังคม การประกาศอิสรภาพของไอร์แลนด์ และลัทธิชาตินิยมของอินเดีย
อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายทศวรรษ 1920 พระเจ้าจอร์จที่ 5 ประชวรมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้สมเด็จพระราชินีแมรีต้องคอยทรงปรนนิบัติพระองค์ ในระหว่างการประชวรของพระองค์ในปี พ.ศ. 2471 เซอร์ ฟาร์กูฮาร์ บูซซาร์ด หนึ่งในแพทย์ประจำพระองค์ได้ถูกถามว่าใครเป็นผู้ช่วยชีวิตขององค์พระเจ้าอยู่หัว เขาตอบว่า "สมเด็จพระราชินี" ในปี พ.ศ. 2478 พระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรีทรงจัดงานฉลองพิธีรัชดาภิเษก ด้วยการจัดงานเลี้ยงฉลองต่างๆ ทั่วทั้งจักรวรรดิอังกฤษ ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรัชดาภิเษก พระเจ้าจอร์จที่ 5 แสดงความเคารพพระมเหสีต่อหน้าสาธารณชน ด้วยการตรัสกับคนเขียนสุนทรพจน์ว่า "ใส่ย่อหน้านั้นไว้ตรงท้ายสุด เราไม่เชื่อว่าเราจะสามารถพูดถึงพระราชินีได้เมื่อต้องนึกถึงสิ่งที่เราเป็นหนี้เธอทั้งหมด"
สมเด็จพระราชชนนี
พระเจ้าจอร์จที่ 5 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2479 หลังจากบารอน ดอว์สันแห่งเพนน์ แพทย์ประจำพระองค์ได้ฉีดมอร์ฟีนและโคเคน ซึ่งอาจจะเร่งการสวรรคตให้เร็วขึ้น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ พระราชโอรสองค์โตในสมเด็จพระราชินีแมรี่เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และตอนนี้พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมราชชนนี ถึงกระนั้นก็มิได้ทรงใช้พระอิสริยยศมากนี้นัก แต่ทรงเป็นที่รู้จักว่า สมเด็จพระราชินีแมรี (Queen Mary)
ภายในปีนั้น กษัตริย์องค์ใหม่ทรงทำให้เกิดวิกฤติการณ์รัฐธรรมนูญด้วยการประกาศพระประสงค์ที่จะอภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สัน สนมลับชาวอเมริกัน ที่หย่าร้างมาแล้วสองครั้ง สมเด็จพระราชินีแมรีมิทรงเห็นด้วยกับการหย่าร้างและทรงรู้สึกว่านางซิมป์สันไม่เหมาะกับการเป็นมเหสีของพระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากทรงได้รับคำแนะนำจากสแตนเลย์ บาลด์วิน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรว่าพระองค์ไม่ทรงคงเป็นกษัตริย์และอภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สันได้ พระองค์จึงสละราชสมบัติ แม้ว่าจะทรงซื่อสัตย์และให้การสนับสนุนพระโอรส แต่สมเด็จพระราชินีแมรี่มิทรงเข้าใจในมุมมองของพระองค์ว่าทำไมกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดจะละเลยภาระหน้าที่การเป็นกษัตริย์เพื่อความรู้สึกส่วนพระองค์เช่นนี้ ถึงแม้พระองค์ทรงพบกับวอลลิสที่ราชสำนักแล้ว แต่ภายหลังพระองค์ทรงปฏิเสธที่จะพบกับเธออีกไม่ว่าจะเป็นในที่สาธารณะหรือว่าเป็นการส่วนพระองค์ สมเด็จพระราชินีทรงให้การสนับสนุนตามหลักศีลธรรมกับเจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุกแห่งยอร์ก ซึ่งขี้อายและพูดติดอ่าง ให้เสวยราชสมบัติแทนที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เป็นพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระองค์ก็ยังทรงร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์และพระราชินีองค์ใหม่ด้วย นับได้ว่าเป็นสมเด็จพระพันปีหลวงพระองค์แรกที่เคยปฏิบัติเช่นนี้ พระองค์ทรงผิดหวังกับสิ่งที่เป็นการละทิ้งหน้าที่ของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดและพระองค์ไม่เคยทรงแปรเปลี่ยนความไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทรงรับรู้ว่าเป็นความเสียหายแก่ราชบัลลังก์ แต่ความรักของพระองค์ที่มีต่อกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดในฐานะที่เป็นพระราชโอรสยังคงเหมือนเดิม
สมเด็จพระราชินีแมรีทรงช่วยเหลืออย่างแข็งขันในการเลี้ยงดูพระราชนัดดาทั้งสองพระองค์คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธและเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต โรส ซึ่งพระชนกและพระชนนีทรงเห็นว่ามิจำเป็นที่ทั้งสองพระองค์จะต้องมีภาระหน้าที่จากระบบทางการศึกษาแบบบังคับ โดยการนำทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสยังสถานที่ต่างๆ ในกรุงลอนดอน เยี่ยมชมหอแสดงงานศิลปะและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระเจ้าจอร์จที่ 6 โปรดให้พระชนนีอพยพออกจากกรุงลอนดอน แม้ว่าพระราชินีแมรี่ยังทรงลังเล แต่ก็ได้ทรงตัดสินพระทัยที่จะไปประทับอยู่ที่ตำหนักแบดมินตันกับแมรี่ ซอเมอร์เซ็ต ดัชเชสแห่งโบฟอร์ต พระนัดดาซึ่งเป็นธิดาของอดอลฟัส ลอร์ดเคมบริดจ์ พระอนุชา พระองค์ ข้าราชบริพารสี่สิบห้าคนและสิ่งของเครื่องใช้ของพระองค์ที่ต้องใช้กระเป๋าสัมภาระเจ็ดสิบใบในการขนย้ายจากกรุงลอนดอนใช้เนื้อที่ในตำหนักทั้งหมด ยกเว้นแต่ห้องชุดของดยุกและดัชเชสอีกเจ็ดปีถัดไป คนที่บ่นกับการจัดของเป็นพวกข้าราชบริพาร ซึ่งคิดว่าตำหนักเล็กไป สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงสนับสนุนความอุตสาหะ ในการทำสงครามโดยการเสด็จเยี่ยมกองทหารและโรงงานและทรงช่วยเก็บรวบรวมเศษซากวัตถุต่างๆ พระองค์ยังทรงให้คนนำรถไปส่งทหารที่ได้พบบนท้องถนน และทำให้พระนัดดาของพระองค์เกิดความรำคาญใจด้วยการมีเถาไม้เลื้อยโบราณขาดลงมาจากกำแพงของตำหนักแบดมินตัน ซึ่งพระองค์เห็นว่าเป็นอันตรายและไม่น่าดูชม ในปี พ.ศ. 2485 เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคนต์ พระราชโอรสองค์เล็กสิ้นพระชนม์จากอุบติเหตุทางเครื่องบินระหว่างทรงปฏิบัติราชการ ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จกลับตำหนักมาร์ลโบโรในปี พ.ศ. 2488 หลังจากสงครามในทวีปยุโรปสิ้นสุดลงจากการพ่ายแพ้ของนาซีเยอรมัน
สมเด็จพระราชินีแมรี่บางครั้งทรงถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแสวงหาศิลปวัตถุอย่างเอาจริงเอาจังสำหรับเป็นของสะสมในพระราชวงศ์ ในหลากหลายโอกาส พระองค์ทรงปรารภกับเจ้าของบ้านหรือบุคคลอื่นว่าพระองค์โปรดปรานกับสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของมาก เพื่อหวังว่าเจ้าของจะเต็มใจถวายให้โดยสมัครใจ
ความรู้อันกว้างขวางและการค้นคว้าในเรื่องสมบัติที่เป็นของสำนักการสะสมงานศิลป์หลวงของพระราชินีแมรี่ยังช่วยในการบ่งบอกประเภทของสิ่งประดิษฐ์หรืองานศิลป์ที่อยู่ผิดตำแหน่งมาหลายปี ดังตัวอย่างเช่น พระราชวงศ์ได้ให้มิตรสายชาวอังกฤษในสมัยก่อนๆ ยืมสิ่งของต่างๆ เหล่านั้นกับซึ่งยังไม่ได้รับกลับคืนมา ทันทีที่พระองค์ได้ระบุบ่งสิ่งของที่หายไปในรายการทรัพย์สินเล่มเก่า พระองค์จะทรงเขียนถึงผู้ที่ครอบครองอยู่เพื่อขอสิ่งของกลับคืน พระองค์ทรงเป็นนักสะสมวัตถุและรูปภาพที่กระตือรือร้นด้วยเส้นสายในพระราชวงศ์ เช่น พระองค์ทรงจ่ายการตีราคาในตลาดเปิดอย่างใจกว้างเมื่อทรงรับซื้อเครื่องเพชรจากนายหน้าของสมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงมาเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย และยังทรงจ่ายสามเท่าของการตีราคาเมื่อทรงซื้อ Cambridge Emeralds ของครอบครัวจากเลดี้คิลเมอร์รี สนมลับของเจ้าชายฟรานซิส พระอนุชาผู้ล่วงลับ
ในปี พ.ศ. 2495 พระเจ้าจอร์จที่ 6 เสด็จสวรรคต โดยเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สามที่สวรรคตก่อนสมเด็จพระราชินีแมรี่ และเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระราชนัดดาได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์เสด็จสวรรคตในปีต่อมาด้วยโรคมะเร็งปอด (ซึ่งสาธารณชนทราบว่าเป็น "ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร") ขณะมีพระชนมายุ 85 พรรษา โดยมิได้ทรงเห็นพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในกรณีของการสวรรคตของพระองค์ สมเด็จพระราชินีแมรี่โปรดให้ทราบว่างานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต้องไม่เลื่อนออกไป พระศพตั้งไว้ให้สักการะที่ห้องโถงใหญ่เวสต์มินส์เตอร์ ซึ่งกลุ่มพสกนิกรที่ไว้อาลัยเข้าแถวเดินผ่านโลงพระศพ พระศพของพระองค์ฝังอยู่ข้างพระราชสวามีตรงส่วนกลางของโบสถ์เซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์
พระราชอิสริยยศ
- พ.ศ. 2410 – 2436: เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่แห่งเท็ค (Her Serene Highness Princess Victoria Mary of Teck)
- พ.ศ. 2436 – 2444: ดัชเชสแห่งยอร์ก (Her Royal Highness The Duchess of York)
- 22 มกราคม – 9 พฤศจิกายน 2444: ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์และยอร์ก (Her Royal Highness The Duchess of Cornwall and York)
- พ.ศ. 2444 – 2453: เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (Her Royal Highness The Princess of Wales)
- ในประเทศอังกฤษ; พ.ศ. 2444 – 2453: ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ (Her Royal Highness The Duchess of Cornwall)
- ในประเทศสกอตแลนด์; พ.ศ. 2444 – 2453: ดัชเชสแห่งรอเธอเซย์ (Her Royal Highness The Duchess of Rothesay)
- พ.ศ. 2453 – 2479: สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร (Her Majesty The Queen of the United Kingdom)
- ในบริติชอินเดีย; พ.ศ. 2453 – 2479: สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอินเดีย (Her Imperial Majesty The Empress of India)
- พ.ศ. 2479 – 2495: สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งสหราชอาณาจักร (Her Majesty Queen Mary of the United Kingdom)
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2410
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2496
- มาเรียแห่งเท็ค
- ราชินีแห่งสหราชอาณาจักร
- สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง
- คู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักร
- จักรพรรดินีอังกฤษ
- จักรพรรดินีอินเดีย
- บุคคลจากเคนซิงตัน
- เจ้าหญิงแห่งเวลส์
- ดัชเชสแห่งรอทซีย์
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จีบีอี
- อัศวินแห่งการ์เตอร์
- เสียชีวิตจากมะเร็งปอด