ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 23: บรรทัด 23:


พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ มีพระอนุชา พระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 3 พระองค์คือ
พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ มีพระอนุชา พระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 3 พระองค์คือ
* '''พระองค์เจ้าชายทองแถมถวัลยวงศ์''' (ภายหลังได้รับสถาปนาเป็นกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ต้นราชสกุลทองแถม)
* '''พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทองแถมถวัลยวงศ์''' (ภายหลังได้รับสถาปนาเป็นกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ต้นราชสกุลทองแถม)
* '''พระองค์เจ้าชายเจริญรุ่งราษี'''
* '''พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายเจริญรุ่งราษี'''
* '''พระองค์เจ้าหญิงกาญจนากร'''
* '''พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงกาญจนากร'''


พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงเริ่มการศึกษาวิชาอักษรไทย และ[[ภาษาบาลี]] กับพระองค์เจ้ากฤษณา หม่อมเจ้าหญิงจอ และพระยาปริยัติธรรมธาดา (เปี่ยม) และทรงศึกษาภาษาต่างประเทศกับ นางเลียวโนเว็น และ นายแป็ตเตอสัน จนสามารถตรัส และเขียนภาษาอังกฤษได้ดี
พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงเริ่มการศึกษาวิชาอักษรไทย และ[[ภาษาบาลี]] กับพระองค์เจ้ากฤษณา หม่อมเจ้าหญิงจอ และพระยาปริยัติธรรมธาดา (เปี่ยม) และทรงศึกษาภาษาต่างประเทศกับ นางเลียวโนเว็น และ นายแป็ตเตอสัน จนสามารถตรัส และเขียนภาษาอังกฤษได้ดี
บรรทัด 41: บรรทัด 41:
พ.ศ. 2442 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2442/001/4.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งผู้บัญชาการกรมทหารเรือและผู้บังคับการกรมต่าง ๆ]</ref>
พ.ศ. 2442 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2442/001/4.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งผู้บัญชาการกรมทหารเรือและผู้บังคับการกรมต่าง ๆ]</ref>


ภายหลังเกิด[[คดีพญาระกา]]ขึ้นในปี พ.ศ. 2452 - พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกระทำปัพพานียกรรม ขับกรมหลวงประจักษ์ฯ และพระโอรส-ธิดาออกจากพระราชสำนัก พระองค์เองทรงถูกห้ามมิให้เข้าเฝ้าในที่รโหฐาน ให้เฝ้าได้แต่ในท้องพระโรงหรือในที่มีผู้เฝ้าอยู่มากเท่านั้น ห้ามหม่อมเจ้าไศลทองโดยเฉพาะมิให้เข้าในเขตพระราชฐาน และห้ามหม่อมเจ้าหญิงชายอื่น ๆ ในกรมหลวงประจักษ์ฯ มิให้ขึ้นสู่พระราชมณเฑียร ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2453 เป็นต้นมาจนตลอดรัชกาลก็มิได้พ้นพระราชอาญาจนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคต
ภายหลังเกิด[[คดีพญาระกา]]ขึ้นในปี พ.ศ. 2452 - พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกระทำปัพพานียกรรม ขับกรมหลวงประจักษ์ฯ และพระโอรส-ธิดาออกจากพระราชสำนัก พระองค์เองทรงถูกห้ามมิให้เข้าเฝ้าในที่รโหฐาน ให้เฝ้าได้แต่ในท้องพระโรงหรือในที่มีผู้เฝ้าอยู่มากเท่านั้น ห้ามหม่อมเจ้าไศลทองโดยเฉพาะมิให้เข้าในเขตพระราชฐาน และห้ามหม่อมเจ้าหญิงชายอื่น ๆ ในกรมหลวงประจักษ์ฯ มิให้ขึ้นสู่พระราชมณเฑียร ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2453 เป็นต้นมาจนตลอดรัชกาลก็มิได้พ้นพระราชอาญาจนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคต


== สิ้นพระชนม์ ==
== สิ้นพระชนม์ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:55, 13 สิงหาคม 2563

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 4
พระองค์เจ้าชั้นเอก
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่งพ.ศ. 2442 — 2444
ก่อนหน้าเจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์
ถัดไปสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ประสูติ5 เมษายน พ.ศ. 2399
สิ้นพระชนม์25 มกราคม พ.ศ. 2467 (67 ปี)
หม่อม9 คน
พระบุตร25 องค์
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมารดาเจ้าจอมมารดาสังวาลย์ ในรัชกาลที่ 4

นายพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (5 เมษายน พ.ศ. 2399 – 25 มกราคม พ.ศ. 2467) อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสังวาลย์ และเป็นต้นราชสกุลทองใหญ่

พระประวัติ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม มีพระนามเดิมว่าพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสังวาลย์ พระสนมโท ธิดานายศัลยวิชัย หุ้มแพร (ทองคำ ณ ราชสีมา) [1][2][3] เป็นพระเจ้าลูกเธอองค์ที่ 25 และเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 13 ในรัชกาลที่ 4 ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันเสาร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง จุลศักราช 1218 ตรงกับวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2399 เมื่อสมโภชเดือนแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ เพราะในวันประสูติมีผู้นำทองคำก้อนใหญ่ ซึ่งขุดได้ที่ตำบลบางสะพานในเวลานั้นได้เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงถือว่าเป็นศุภนิมิตมงคลสำหรับพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้

พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ มีพระอนุชา พระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 3 พระองค์คือ

  • พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทองแถมถวัลยวงศ์ (ภายหลังได้รับสถาปนาเป็นกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ต้นราชสกุลทองแถม)
  • พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายเจริญรุ่งราษี
  • พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงกาญจนากร

พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงเริ่มการศึกษาวิชาอักษรไทย และภาษาบาลี กับพระองค์เจ้ากฤษณา หม่อมเจ้าหญิงจอ และพระยาปริยัติธรรมธาดา (เปี่ยม) และทรงศึกษาภาษาต่างประเทศกับ นางเลียวโนเว็น และ นายแป็ตเตอสัน จนสามารถตรัส และเขียนภาษาอังกฤษได้ดี

ไฟล์:สุริยุปราคาเต็มดวง๒๔๑๘.jpg
ภาพวาดสุริยุปราคาเต็มดวง วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2418

ผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2411 และเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2418 และประทับที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว) เมื่อลาสิกขาแล้วทรงศึกษาวิชากฎหมายจากขุนหลวงไกรศรี (หนู) แล้วเข้ารับราชการเป็นนักเรียนศาลฎีกาในสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ เป็นอธิบดีศาลฎีกา

นายพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม แม่ทัพฝ่ายใต้ (ฉายก่อนหน้าที่จะยกกองทัพไปปราบฮ่อวันหนึ่ง)

เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2418 ได้เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ขึ้นในประเทศไทยพระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ได้ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คณะนักดาราศาสตร์อังกฤษได้ตั้งค่ายสังเกตสุริยุปราคาที่แหลมเจ้าลาย จังหวัดเพชรบุรี นักดาราศาสตร์เหล่านี้ไม่สามารถถ่ายภาพสุริยุปราคาไว้ได้ คงมีแต่ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ และถูกบันทึกอยู่ในตำราดาราศาสตร์ ในนามของ Prince Tong

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรมเมื่อ พ.ศ. 2424 เป็นกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ทรงเป็นกำลังสำคัญของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการรักษาดินแดนไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศสครั้งวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ทรงเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ปราบปรามกบฏจีนฮ่อในมณฑลลาวพวนจนสงบราบคาบ และได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรี[4][5]

ในเวลาต่อมาทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ พ.ศ. 2436 ทรงตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวนที่บ้านหมากแข้ง ทรงสร้างความเจริญจากหมู่บ้านชนบทจนเป็นเมืองอุดรซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็นจังหวัดอุดรธานี

พ.ศ. 2442 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ[6]

ภายหลังเกิดคดีพญาระกาขึ้นในปี พ.ศ. 2452 - พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกระทำปัพพานียกรรม ขับกรมหลวงประจักษ์ฯ และพระโอรส-ธิดาออกจากพระราชสำนัก พระองค์เองทรงถูกห้ามมิให้เข้าเฝ้าในที่รโหฐาน ให้เฝ้าได้แต่ในท้องพระโรงหรือในที่มีผู้เฝ้าอยู่มากเท่านั้น ห้ามหม่อมเจ้าไศลทองโดยเฉพาะมิให้เข้าในเขตพระราชฐาน และห้ามหม่อมเจ้าหญิงชายอื่น ๆ ในกรมหลวงประจักษ์ฯ มิให้ขึ้นสู่พระราชมณเฑียร ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2453 เป็นต้นมาจนตลอดรัชกาลก็มิได้พ้นพระราชอาญาจนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคต

สิ้นพระชนม์

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม สิ้นพระชนม์ด้วยโรคพระอันตะ (ไส้ใหญ่ ) พิการ ณ วังตรอกสาเก เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2467 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2468) เวลา 18.00 น. สิริพระชันษาได้ 67 ปี 295 วัน วันต่อมา เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ เจ้าพนักงานเชิญพระศพขึ้นรถพระวอวิมานไปพระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เชิญพระศพขึ้นตั้งบนแว่นฟ้าสองชั้น ประกอบโกศมณฑป แวดล้อมด้วยเครื่องสูง สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชทรงทอดผ้าไตรถวายพระภิกษุ 20 รูป มีสมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) เป็นประธาน[7]

พระโอรสและพระธิดา

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม มีหม่อม 9 คน ได้แก่

  • หม่อมสุวรรณ (สกุลเดิม นาครทรรพ)
  • หม่อมพริ้ง (สกุลเดิม นาครทรรพ)
  • หม่อมแจ่ม (สกุลเดิม นาครทรรพ)
  • หม่อมจันทร์ (สกุลเดิม นาครทรรพ)
  • หม่อมนวม (สกุลเดิม นาครทรรพ)
  • หม่อมเปลี่ยน
  • หม่อมทองสุก หรือศุข (สกุลเดิม สุริยวงศ์)
  • หม่อมเติม (สกุลเดิม นาครทรรพ)
  • หม่อมแก้ว (สกุลเดิม นาครทรรพ)

มีพระโอรส 11 องค์ และมีพระธิดา 15 องค์ รวม 26 องค์ ได้แก่

ลำดับ พระรูปและพระนาม เพศ พระมารดา ประสูติ สิ้นชีพตักษัย คู่สมรส
1
หม่อมเจ้าสุพรรณ์พิมพ์
ญ. หม่อมสุวรรณ ไม่มีข้อมูล 11 ธันวาคม พ.ศ. 2432
2
หม่อมเจ้าประสบสุวรรณ
ญ. หม่อมสุวรรณ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2419 พ.ศ. 2422
3
ไฟล์:หม่อมเจ้าทองทีฆายุ.JPG
หม่อมเจ้าทองฑีฆายุ ทองใหญ่
ช. หม่อมพริ้ง 4 มิถุนายน พ.ศ. 2429[8] 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2486 หม่อมลุดมิลา ทองใหญ่ ณ อยุธยา
4
หม่อมเจ้าอุไรวรรณ ทองใหญ่
ญ. หม่อมจันทร์ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2431[8] 10 เมษายน พ.ศ. 2520
5
หม่อมเจ้าทองอนุวัติ ทองใหญ่
ช. หม่อมพริ้ง 9 ธันวาคม พ.ศ. 2431[8] 9 เมษายน พ.ศ. 2496 หม่อมเยื้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา
หม่อมจรูญ ทองใหญ่ ณ อยุธยา
6
หม่อมเจ้าพันธ์สิหิงค์ ทองแถม
ญ. หม่อมนวม 18 ธันวาคม พ.ศ. 2433[8] 20 มกราคม พ.ศ. 2476 หม่อมเจ้าทองเชื้อธรรมชาติ ทองแถม
7
หม่อมเจ้าสอิ้งมาศ ทองใหญ่
ญ. หม่อมจันทร์ 16 กันยายน พ.ศ. 2435[8] 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515
8
หม่อมเจ้านาฏนพคุณ ทองใหญ่
ญ. หม่อมนวม พ.ศ. 2435 1 ตุลาคม พ.ศ. 2456 หม่อมเจ้าพันธุคำนพคุณ ทองแถม
9
หม่อมเจ้าทองมุ่นใหญ่ ทองใหญ่
ช. หม่อมเปลี่ยน 5 มกราคม พ.ศ. 2437[8] พ.ศ. 2506
10
หม่อมเจ้าไศลทอง ทองใหญ่
ช. หม่อมนวม 9 มีนาคม พ.ศ. 2437[8] 30 ตุลาคม พ.ศ. 2512 หม่อมฟ้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา
11
หม่อมเจ้าก่องกาญจนา ทองใหญ่
ญ. หม่อมทองสุก 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2438[8] พ.ศ. 2506
12
หม่อมเจ้ามาลากนก ทองใหญ่
ญ. หม่อมจันทร์ 5 มีนาคม พ.ศ. 2439[8] 1 เมษายน พ.ศ. 2483
13
หม่อมเจ้ามาลกสุวรรณ ทองใหญ่
ญ. หม่อมเปลี่ยน มีนาคม พ.ศ. 2439 1 เมษายน พ.ศ. 2468

ถึง 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468[8]

14
หม่อมเจ้ากรัณฑ์คำ ทองใหญ่
ญ. หม่อมทองสุก 13 สิงหาคม พ.ศ. 2439[8] 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2528
15
หม่อมเจ้าลำทองแร่ ทองใหญ่
ญ. หม่อมนวม 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2440[8] 15 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ไต๋ ปาณิกบุตร
16
หม่อมเจ้าแพร่ทองทราย ทองใหญ่
ญ. หม่อมนวม 22 มิถุนายน พ.ศ. 2441[8] 7 ตุลาคม พ.ศ. 2527 เภตรา ณ หนองคาย
17
หม่อมเจ้าข่ายทองถัก ทองแถม
ญ. หม่อมเปลี่ยน 10 สิงหาคม พ.ศ. 2441[8] 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 หม่อมเจ้าทองเชื้อธรรมชาติ ทองแถม
18
สลักทองนูน คเนจร
ญ. หม่อมนวม 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2443[8] 26 สิงหาคม พ.ศ. 2531 หลวงคัคณจรเสนีย์ (หม่อมหลวงอารี คเนจร)
19
หม่อมเจ้าโหล
ช. ไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมูล ก่อน 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468[8]
20
หม่อมเจ้าลายฉลุทอง ทองใหญ่
ช. หม่อมจันทร์ 19 กันยายน พ.ศ. 2444[8] 13 มีนาคม พ.ศ. 2534 หม่อมเจ้านงลักษณ์ทัศนีย์ ทองใหญ่
หม่อมพริ้ม ทองใหญ่ ณ อยุธยา
21
หม่อมเจ้าทองทูลถวาย ทองใหญ่
ช. หม่อมนวม 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446[8] 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 หม่อมสำเนียง ทองใหญ่ ณ อยุธยา
22
หม่อมเจ้าเถาทองตรา ทองใหญ่
ญ. หม่อมจันทร์ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2448[8] พ.ศ. 2496
23
หม่อมเจ้าทองประทาศรี ทองใหญ่
ช. หม่อมนวม 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2449[8] 2 มกราคม พ.ศ. 2526 หม่อมราชวงศ์วลี ทองใหญ่
หม่อมคำนวณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา
24
หม่อมเจ้าทองแกมแก้ว ทองใหญ่
ช. หม่อมแก้ว 11 กันยายน พ.ศ. 2449[8] 15 เมษายน พ.ศ. 2533 หม่อมประกายคำ ทองใหญ่ ณ อยุธยา
25
หม่อมเจ้าทองคำเปลว ทองใหญ่
ช. หม่อมนวม 1 เมษายน พ.ศ. 2455[8] 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 หม่อมอรพิน ทองใหญ่ ณ อยุธยา
26
หม่อมเจ้าแดง
ช. ไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมูล ก่อน 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468[8]

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ (5 เมษายน พ.ศ. 2399 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411)
  • พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ (1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 - พ.ศ. 2424)
  • พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม (พ.ศ. 2424 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442)
  • พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 - 25 มกราคม พ.ศ. 2467)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

พระอนุสรณ์

  • พระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นพระอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณภายในพื้นที่ค่ายประจักษ์ศิลปาคม กรมทหารราบที่13 มณฑลทหารบกที่24 อุดรธานี เป็นพระอนุสาวรีย์ทรงยืนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นสำหรับเป็นสถานที่สักการะของทหารในสังกัดมณฑลทหารบกที่24
  • พระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นพระอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกกรมหลวงประจักษ์ ถนนทหาร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นพระอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นสำหรับเป็นสถานที่สักการะของประชาชนทั่วไป แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่ สนามทุ่งศรีเมือง ต่อมาจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ห้าแยกกรมหลวงประจักษ์
  • พระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นพระอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณภายในโรงเรียนประจักษ์ศิลปาคม อำเภอประจักษ์ศิลปาคม

วันก่อตั้งเมืองอุดรธานี

วันที่18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันที่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ยกทัพมาสร้างบ้านแปลงเมือง ณ บ้านเดื่อหมากแข้ง ทางจังหวัดอุดรธานีจึงได้เลือกวันดังกล่าวเป็นวัดเฉลิมฉลองครบรอบการก่อตั้งเมืองอุดรธานีและจะมีการรำบวงสรวงทุกปีเพื่อแสดงออกถึงความรักและความสามัคคีของคนอุดรธานี

แหล่งข้อมูลอื่น

อ้างอิง

  1. กรมศิลปากร, จดหมายเหตุนครราชสีมา 11 กันยายน พ.ศ. 2497, พิมพ์สนองคุณ เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) และ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินท์ ณ ราชสีมา), กรุงเทพฯ: ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ม.ป.ป.)
  2. ต้นสกุล ณ ราชสีมา ย้อนเรื่อง เมืองโคราช
  3. หากนับทางสายสกุลพระมารดา กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมทรงเป็นผู้สืบสายสกุล “ณ ราชสีมา” ชั้น 5 สาย "พระยาสุริยเดช (ทัศน์ รายณสุข ณ ราชสีมา)" และ ชั้น 4 สาย "เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา)"
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตั้งปริวีเคาน์ซิลเลอร์, เล่ม 4, หน้า 45
  5. ราชกิจจานุเบกษา, สัญญาบัตรปริวีเคาน์ซิลเลอร์, เล่ม 4, หน้า 47-48
  6. พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งผู้บัญชาการกรมทหารเรือและผู้บังคับการกรมต่าง ๆ
  7. "ข่าวสิ้นพระชนม์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 41 (ง): 3849. 1 กุมภาพันธ์ 2467. สืบค้นเมื่อ 8 กรกฎาคม 2563. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. 8.00 8.01 8.02 8.03 8.04 8.05 8.06 8.07 8.08 8.09 8.10 8.11 8.12 8.13 8.14 8.15 8.16 8.17 8.18 8.19 8.20 8.21 8.22 นราธิปประพันธ์พงศ์, กรมพระ, 2404-2474, ผู้รวบรวม. บาญชีมหามกุฏราชสันตติวงศ์ พุทธศก 2468 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงรวบรวม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, พ.ศ. 2468. 167 หน้า.
  9. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชพิธีฉัตรมงคล, เล่ม 4, ตอน 32, 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2430, หน้า 258
  10. พระราชทานบำเหน็จความชอบแม่ทัพนายกอง และเจ้านครหลวงพระบางทูลลา (หน้า ๒๖๓)
  11. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๔, เล่ม 21, ตอน 32, 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2447, หน้า 564
  12. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม 14, ตอน 1, 4 เมษายน พ.ศ. 2440, หน้า 24
  13. พระราชทานตราเครื่องราชอิสริยยศ
  14. "พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยยศญี่ปุ่น" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 5 (ตอน 22): หน้า 179. 1 ตุลาคม 2431. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  15. "พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ออสเตรีย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 6 (ตอน 21): หน้า 175. 25 สิงหาคม 2432. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  16. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์รุสเซีย, เล่ม ๘, ตอน ๔๖, ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๘๙๑, หน้า ๔๑๔
  17. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๙, ตอน ๔๖, ๒o กรกฎาคม พ.ศ. ๑๒๑ , หน้า ๓๑๕
  • Jeffy Finestone. 2542. สมุดพระรูป พระราชโอรส พระราชธิดา พระราชนัดดาใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. ปรียนันทนา รังสิต,ม.ร.ว. โลมาโฮลดิ้ง
ก่อนหน้า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ถัดไป
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
(2 กันยายน พ.ศ. 2442 - 15 มกราคม พ.ศ. 2443)
พระยาชลยุทธโยธินทร์ (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ)
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
(พ.ศ. 2442 - พ.ศ. 2444)
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช