ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เยือร์เกิน คล็อพ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Poang6 (คุย | ส่วนร่วม)
แปลบทนำเพิ่ม
Poang6 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 30: บรรทัด 30:
คล็อพเคยเล่นให้กับ[[แอร์สเทอเอฟเอสเฟาไมนทซ์ 05|ไมนทซ์ 05]] เป็นระยะเวลายาวนานถึง 12 ปี โดยรับตำแหน่งกองหน้าตัวรุกก่อนที่จะย้ายมาเป็นกองหลัง หลังจากประกาศเลิกเล่นในปี 2001 ก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 2004 เพื่อนำสโมสรเลื่อนขั้นสู่[[บุนเดิสลีกา]]ในปี 2004 แต่ในฤดูกาล 2006–07 ก็ยังไม่สามารถทำได้จึงลาออกในปี ค.ศ. 2008 ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมนานที่สุดของสโมสร จากนั้นเขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม[[โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์]] ในบุลเดิสลีกา นำทีมได้แชมป์ในฤดูกาล 2010–11 ก่อนที่จะนำดอร์ทมุนท์สร้างสถิติครองแชมป์ในลีกและชนะถ้วยในประเทศมากที่สุด คล็อพยังนำทีมดอร์ทมุนท์เป็นรองชนะเลิศใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13]] ก่อนจะออกจากสโมสรในปี 2015 ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมนานที่สุดของสโมสร
คล็อพเคยเล่นให้กับ[[แอร์สเทอเอฟเอสเฟาไมนทซ์ 05|ไมนทซ์ 05]] เป็นระยะเวลายาวนานถึง 12 ปี โดยรับตำแหน่งกองหน้าตัวรุกก่อนที่จะย้ายมาเป็นกองหลัง หลังจากประกาศเลิกเล่นในปี 2001 ก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 2004 เพื่อนำสโมสรเลื่อนขั้นสู่[[บุนเดิสลีกา]]ในปี 2004 แต่ในฤดูกาล 2006–07 ก็ยังไม่สามารถทำได้จึงลาออกในปี ค.ศ. 2008 ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมนานที่สุดของสโมสร จากนั้นเขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม[[โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์]] ในบุลเดิสลีกา นำทีมได้แชมป์ในฤดูกาล 2010–11 ก่อนที่จะนำดอร์ทมุนท์สร้างสถิติครองแชมป์ในลีกและชนะถ้วยในประเทศมากที่สุด คล็อพยังนำทีมดอร์ทมุนท์เป็นรองชนะเลิศใน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13]] ก่อนจะออกจากสโมสรในปี 2015 ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมนานที่สุดของสโมสร


คล็อพได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี ค.ศ. 2015 นำทีมสู่นัดชิงชนะเลิศของ[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก]]ในฤดูกาล[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2018|2018]]และ[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019|2019]] โดยในครั้งหลังทำให้ลิเวอร์พูดครองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ถือเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 ของสโมสร และถือเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมของเขา คล็อพนำสโมสรได้อันดับ 2 บนตาราง[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19]] จนในฤดูกาลถัดมาคล็อพก็สามารถทำให้ลิเวอร์พูลชนะเลิศใน[[ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019]]และ[[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019]] (ถือเป็นครั้งแรกของสโมสร) นำทีมไร้พ่าย 44 นัดในลีก ยาวนานเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ และยังทำให้ทีมเป็นแชมป์ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของลิเวอร์พูลได้
คล็อพได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี ค.ศ. 2015 นำทีมสู่นัดชิงชนะเลิศของ[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก]]ในฤดูกาล [[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2018|2018]] และ [[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019|2019]] โดยในครั้งหลังทำให้ลิเวอร์พูดครองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ถือเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 ของสโมสร และถือเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมของเขา คล็อพนำสโมสรได้อันดับ 2 บนตาราง[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19]] จนในฤดูกาลถัดมาคล็อพก็สามารถทำให้ลิเวอร์พูลชนะเลิศใน[[ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019]]และ[[ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019]] (ถือเป็นครั้งแรกของสโมสร) นำทีมไร้พ่าย 44 นัดในลีก ยาวนานเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ และยังทำให้ทีมเป็นแชมป์ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของลิเวอร์พูลได้


==การจัดการทีม==
==การจัดการทีม==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:36, 28 มิถุนายน 2563

เยือร์เกิน คล็อพ
คล็อพกับลิเวอร์พูลในปี 2019
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เยือร์เกิน นอร์แบร์ท คล็อพ
วันเกิด (1967-06-16) 16 มิถุนายน ค.ศ. 1967 (56 ปี)
สถานที่เกิด ชตุทท์การ์ท เยอรมนีตะวันตก
ส่วนสูง 1.90 m (6 ft 3 in)
ตำแหน่ง กองหน้า / กองหลัง
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ลิเวอร์พูล (ผู้จัดการ)
สโมสรเยาวชน
1975–1983 เอสเฟากลัทเทิน
1983–1989 ทูสแอร์เกินซิงเงิน
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1989–2001 ไมนทซ์ 05 338 (52)
จัดการทีม
2001–2008 ไมนทซ์ 05
2008–2015 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์
2015– ลิเวอร์พูล
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

เยือร์เกิน นอร์แบร์ท คล็อพ (เยอรมัน: Jürgen Norbert Klopp) เกิดเมื่อ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1967 เป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน และเคยเป็นผู้เล่น ปัจจุบันเป็นผู้จัดการลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก

คล็อพเคยเล่นให้กับไมนทซ์ 05 เป็นระยะเวลายาวนานถึง 12 ปี โดยรับตำแหน่งกองหน้าตัวรุกก่อนที่จะย้ายมาเป็นกองหลัง หลังจากประกาศเลิกเล่นในปี 2001 ก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 2004 เพื่อนำสโมสรเลื่อนขั้นสู่บุนเดิสลีกาในปี 2004 แต่ในฤดูกาล 2006–07 ก็ยังไม่สามารถทำได้จึงลาออกในปี ค.ศ. 2008 ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมนานที่สุดของสโมสร จากนั้นเขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ในบุลเดิสลีกา นำทีมได้แชมป์ในฤดูกาล 2010–11 ก่อนที่จะนำดอร์ทมุนท์สร้างสถิติครองแชมป์ในลีกและชนะถ้วยในประเทศมากที่สุด คล็อพยังนำทีมดอร์ทมุนท์เป็นรองชนะเลิศในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 ก่อนจะออกจากสโมสรในปี 2015 ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมนานที่สุดของสโมสร

คล็อพได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี ค.ศ. 2015 นำทีมสู่นัดชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2018 และ 2019 โดยในครั้งหลังทำให้ลิเวอร์พูดครองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ถือเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 ของสโมสร และถือเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมของเขา คล็อพนำสโมสรได้อันดับ 2 บนตารางพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 จนในฤดูกาลถัดมาคล็อพก็สามารถทำให้ลิเวอร์พูลชนะเลิศในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 (ถือเป็นครั้งแรกของสโมสร) นำทีมไร้พ่าย 44 นัดในลีก ยาวนานเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ และยังทำให้ทีมเป็นแชมป์ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของลิเวอร์พูลได้

การจัดการทีม

ไมนทซ์ 05

เยือร์เกิน คล็อพ เป็นศูนย์หน้าที่มีความเร็วและความแม่นยำในการยิงมาก ในอดีตเป็นศูนยืหน้าของทีมไมนทซ์ 05 โดยทำประตูไปกว่า 52 ประตู ในการเล่นให้กับไมนทซ์ 05 ถึง 12 ปี ถือว่าเป็นตำนานของทีมไมนทซ์ 05 และปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นโค้ชให้ไมนทซ์ 05 กับดรอร์ทมุนและมีชื่อเสียงอย่างมาก จนลิเวอร์พูลสนใจและเซ็นสัญญาณเป็นโค้ชให้กับลิเวอร์พูลจนจวบปัจจุบัน

โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์

จากความสามารถในการวางแผน และชั้นเชิงในการจัดตัวผู้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้คล็อพนำทีมดอร์ทมุนคว้าชัยเป็นแชมป์ในรายการบุสเดสลีกาได้สำเร็จ ทำใหคล็อพเป็นที่สนใจของสโมสรต่างๆมากมาย สุดท้ายลิเวอร์พูลได้ทำการสนใจให้คล็อพไปคุมทีม ณ ปัจจุบัน คล็อพได้เข้าคุมทีมลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการ

ลิเวอร์พูล

ในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2015 คล็อพได้เซ็นสัญญาเข้ารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ระยะเวลา 3 ปี โดยเข้ารับหน้าที่แทน เบรนดัน ร็อดเจอส์[1][2]

คล็อพรับหน้าที่คุมทีมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในนัดที่ 9 ของฤดูกาล ที่ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบุกไปเยือน ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามไวท์ฮาร์ตเลน โดยผลการแข่งขันทั้งคู่เสมอกันไป 0-0[3]

คล็อพนำพาลิเวอร์พูลชนะครั้งแรก ในรายการลีกคัพ เมื่อเป็นฝ่ายเอาชนะ บอร์นมัท ไปได้ 1-0 ที่สนามแอนฟีลด์ และได้รับชัยชนะอีกครั้งในครั้งต่อมา ในพรีเมียร์ลีกนัดที่ 11 เมื่อลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายบุกไปเยือน เชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ 1-3 โดยเป็นฝ่ายถูกยิงนำไปก่อน 1-0 ทำให้ลิเวอร์พูลเอาชนะเชลซีได้ที่สนามแห่งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 นัด อีกทั้งทำให้ตำแหน่งผู้จัดการทีมเชลซีของ โชเซ มูรีนโย อยู่ในภาวะวิกฤตอีกด้วย เนื่องจากคุมทีมแพ้เป็นนัดที่ 6 ของฤดูกาลแล้ว [4] และแพ้ครั้งแรกในฤดูกาลนัดที่ 12 เมื่อลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายแพ้ต่อ คริสตัลพาเลซ ที่สนามแอนฟีลด์ 1-2 นับเป็นการคุมทีมนัดที่ 7 [5]

คล็อพคุมลิเวอร์พูลชนะเลิศพรีเมียร์ลีกในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2020 หลังจากแมนเชสเตอร์ซิตี พ่ายแพ้ต่อ เชลซี 2–1 ที่สนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในนัดที่ 31 ของการแข่งขัน ซึ่งทำให้คะแนนของลิเวอร์พูลมีมากกว่าแมนฯ ซิตีในขณะนั้นถึง 23 คะแนน ซึ่งเกินกว่าโอกาสในการเก็บคะแนนได้ของแมนฯ ซิตีซึ่งมีโอกาสที่จะทำได้สูงสุดเพียง 21 คะแนน ซึ่งเป็นการชนะเลิศพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นครั้งที่ 19 ในการชนะเลิศลีกสูงสุด [6]

สถิติการจัดการทีม

ณ วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2015
ทีม ตั้งแต่ ถึง บันทึก
เกม ชนะ เสมอ แพ้ % ชนะ
ไมนทซ์ 05 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 30 มิถุนายน ค.ศ. 2008 270 109 78 83 040.37
โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 318 179 69 70 056.29
ลิเวอร์พูล 8 ตุลาคม ค.ศ. 2015[2] ปัจจุบัน 66 34 19 13 051.52
ทั้งหมด 654 322 166 166 049.24

เกียรติประวัติ

คล็อพ (ที่สองจากซ้าย) กับการฉลองแชมป์บุนเดิสลีกาของโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ในฤดูกาล 2010–11

ผู้จัดการทีม

โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์[7]

ลิเวอร์พูล[8][7]

ส่วนบุคคล

อ้างอิง

  1. "Liverpool FC confirm Jürgen Klopp appointment". Liverpool F.C. 8 October 2015. สืบค้นเมื่อ 8 October 2015.
  2. 2.0 2.1 Smith, Ben (8 October 2015). "Liverpool: Jurgen Klopp agrees three-year deal as manager". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 8 October 2015.
  3. ""คล็อปป์" พอใจผลเสมอ-เวลาน้อยได้แค่นี้ก็ดีแล้ว". ผู้จัดการออนไลน์. 18 October 2015. สืบค้นเมื่อ 18 October 2015.
  4. "คลิปไฮไลท์พรีเมียร์ลีก เชลซี 1-3 ลิเวอร์พูล Chelsea 1-3 Liverpool". football-fun.net. 31 October 2015. สืบค้นเมื่อ 1 November 2015.
  5. "คลิปไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 1-2 คริสตัล พาเลซ Liverpool 1-2 Crystal Palace". football-fun.net. 8 November 2015. สืบค้นเมื่อ 9 November 2015.
  6. เดอะค็อปสตาร์ทรถแห่! เชลซี เชือด แมนฯ ซิตี้ 2-1 ส่งลิเวอร์พูลการันตีแชมป์ tureid.net 26 june 2020
  7. 7.0 7.1 "MANAGERS - JÜRGEN KLOPP". lfchistory.net. LFC History. สืบค้นเมื่อ 20 January 2020.
  8. "Jürgen Klopp - Profile". liverpoolfc.com. Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 20 January 2020.
  9. 9.0 9.1 "Marco Reus ist Fußballer des Jahres" (ภาษาเยอรมัน). kicker.de. 12 August 2012. สืบค้นเมื่อ 18 March 2015. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |trans_title= ถูกละเว้น แนะนำ (|trans-title=) (help)
  10. "FIFA Ballon d'Or 2013 – voting results" (PDF). FIFA.com. สืบค้นเมื่อ 18 March 2015.
  11. "Messi, Rapinoe Crowned The Best in Milan". FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. 23 September 2019. สืบค้นเมื่อ 23 September 2019.

แหล่งข้อมูลอื่น