ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 41: บรรทัด 41:
* พฤศจิกายน พ.ศ. 2420 รับราชการยศนายสิบทหาร ห้อง (ช่าง) เงินเดือน 12 บาท มีหน้าที่ ควบคุมบังคับช่างที่รักษาความสะอาดในพระที่นั่ง
* พฤศจิกายน พ.ศ. 2420 รับราชการยศนายสิบทหาร ห้อง (ช่าง) เงินเดือน 12 บาท มีหน้าที่ ควบคุมบังคับช่างที่รักษาความสะอาดในพระที่นั่ง
* พ.ศ. 2425 ผู้บังคับกรมเด็กชา (รวม ขุนหมื่นชาวที่เข้ากับ ลูกหมู่ลาวสีไม้) มี ตำแหน่งเทียบเท่า นายร้อยทหารหน้า
* พ.ศ. 2425 ผู้บังคับกรมเด็กชา (รวม ขุนหมื่นชาวที่เข้ากับ ลูกหมู่ลาวสีไม้) มี ตำแหน่งเทียบเท่า นายร้อยทหารหน้า
* พ.ศ. 2428 เป็นหลวงราชดรุณรักษ์ เทียบเท่าร้อยโทกรมทหารหน้า ถือศักดินา ๖๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2428/022/169.PDF สำเนาสัญญาบัตรปีระกาสัปตศก] </ref>
* พ.ศ. 2428 เป็นหลวงราชดรุณรักษ์ เทียบเท่าร้อยโทกรมทหารหน้า ถือศักดินา ๖๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2428/021/169.PDF สำเนาสัญญาบัตรปีระกาสัปตศก] </ref>
* พ.ศ. 2433 ยกกรมเด็กชาขึ้นเป็นกระทรวงวัง
* พ.ศ. 2433 ยกกรมเด็กชาขึ้นเป็นกระทรวงวัง
* 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 เป็นหลวงสิทธินายเวร มหาดเล็กเวรสิทธิ์ ถือศักดินา ๘๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2436/007/88_2.PDF พระราชทานสัญญาบัตร] </ref>
* 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 เป็นหลวงสิทธินายเวร มหาดเล็กเวรสิทธิ์ ถือศักดินา ๘๐๐<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2436/007/88_2.PDF พระราชทานสัญญาบัตร] </ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:11, 13 มิถุนายน 2563

เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์
(หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา)
เกิด31 มีนาคม พ.ศ. 2405
เสียชีวิต26 มกราคม พ.ศ. 2484 (78 ปี)
บุพการี

มหาเสวกเอก เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (นามเดิม: หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา; 31 มีนาคม พ.ศ. 2405 - 26 มกราคม พ.ศ. 2484) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

ประวัติ

ชาติกำเนิด

เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เป็นบุตรของหม่อมเจ้าเสาวรส อิศรเสนา และหม่อมมุหน่าย อิศรเสนา เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2405 ที่พระตำหนัก หม่อมเจ้าเสาวรส อิศรเสนา บริเวณถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร สมรสกับหม่อมราชวงศ์หญิงอรุณ นพวงศ์

การศึกษา

การรับราชการ

รัชกาลที่ 5

  • พฤศจิกายน พ.ศ. 2420 รับราชการยศนายสิบทหาร ห้อง (ช่าง) เงินเดือน 12 บาท มีหน้าที่ ควบคุมบังคับช่างที่รักษาความสะอาดในพระที่นั่ง
  • พ.ศ. 2425 ผู้บังคับกรมเด็กชา (รวม ขุนหมื่นชาวที่เข้ากับ ลูกหมู่ลาวสีไม้) มี ตำแหน่งเทียบเท่า นายร้อยทหารหน้า
  • พ.ศ. 2428 เป็นหลวงราชดรุณรักษ์ เทียบเท่าร้อยโทกรมทหารหน้า ถือศักดินา ๖๐๐[3]
  • พ.ศ. 2433 ยกกรมเด็กชาขึ้นเป็นกระทรวงวัง
  • 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 เป็นหลวงสิทธินายเวร มหาดเล็กเวรสิทธิ์ ถือศักดินา ๘๐๐[4]
  • 10 กันยายน พ.ศ. 2441 เป็นเจ้าหมื่นเสมอใจราช หัวหมื่นมหาดเล็กปลายเชือกเวรสิทธิ์ ถือศักดินา ๑๐๐๐[5]
  • พ.ศ. 2443 ปฏิบัติงานในกรมสุขาภิบาล (จัดทำถนนและสาธารณสถาน) ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เป็นเจ้ากรมโยธา ทำการก่อสร้างทั่วไป
  • 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 เป็น พระยาวรพงษ์พิพัฒน์ จางวางมหาดเล็ก ถือศักดินา ๑๐๐๐[6]
  • พ.ศ. 2452 เป็นผู้ดูแลกำกับการสร้างท่าเทียบเรือพระที่นั่ง

รัชกาลที่ 6

  • พ.ศ. 2453 เป็นองคมนตรี ในสมัยรัชกาลที่ 6
  • พ.ศ. 2455 ดำรงตำแหน่งในสภาจางวาง ยศจางวางโท
  • พ.ศ. 2456 เป็นอธิบดีกรมตรวจมหาดเล็ก
  • พ.ศ. 2457 เป็นจางวางเอก
  • พ.ศ. 2458 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอัศวราชอีกตำแหน่งหนึ่ง

รัชกาลที่ 7

  • พ.ศ. 2469 ผู้บัญชาการมหาดเล็กกรรมการชำระสะสางเงิน พระคลังข้างที่ และตัดทอนรายจ่ายราชสำนัก
  • พ.ศ. 2469 ผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง
  • พ.ศ. 2469 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ สกุลกษัตริ์ยศรีบวรราชเสนานุรักษ์ มหาสวามิภักดิ์บรมราชูปสดมภ์ ศุทธสมเสวกามาตย์มหาร์ชวังคณบดี ราชธรรมปรเพณีศรีรัตนมนเทียรบาล มุทราธารนนทิวาหเนศ บุนยเกษตรศรณเกษมสวัสดิ์ บรมราชาธิปัตเยนทรมนตรี มหาเสนาบดีอภัยพีริยปรากรมพาหุ[7] ศักดินา 10000 ไร่ เงินเดือน 2,200 บาท
  • พ.ศ. 2470 เสนาบดีกระทรวงวัง[8]
  • พ.ศ. 2475 ผู้สำเร็จราชการพระราชวัง หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
  • พ.ศ. 2476 เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง
  • พ.ศ. 2477 ออกจากราชการหลังจากยุบกระทรวงวังเป็นสำนักพระราชวัง รับบำนาญเดือนละ 950 บาท รวมอายุราชการ 57 ปี

รัชกาลที่ 8

  • 26 ม.ค. 2484 ถึงแก่อสัญกรรม

การประกอบธุรกิจ

  • 2426 - 2427 ธุรกิจรับส่งผู้โดยสาร โดยรถม้า และรถเก๋ง
  • 2428 ธุรกิจสร้างตู้เสาเกลียว เครื่องเรือน และทำเครื่องแป้ง
  • 2439 ธุรกิจโรงเลื่อยจักร ข้างวัดตรี ริมคลองบางลำพู (หน้าวัดรังสี)
  • 2444 ธุรกิจเตาเผาอิฐ
  • 2445 - 2447 ธุรกิจโรงสีข้าวที่บางโพ
  • 2450 ตั้งท่าเรือจ้าง ณ ถนนพระอาทิตย์ ธุรกิจเรือเมล์เขียว (คลองบางหลวง)
  • 2451 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อตั้งบริษัท รถไฟบางบัวทอง จำกัดสินใช้ โดย สร้างทางรถไฟสายบางบัวทองลงทุนด้วยเงินยืม
  • 2452 ธุรกิจมวนบุหรี่ ต่อมาสนใจโรงงานยาสูบ
  • 2458 เริ่มเดินรถไฟสายบางบัวทอง ใช้รถจักรไอน้ำ ราง 75 เซนติเมตร โดนใช้รถจักรไอน้ำขนาดเล็ก
  • 8 มกราคม 2465 ได้ทำสัญญากับกรมรถไฟหลวงเพื่อขยายเส้นทางรถไฟ (หลักฐานสัญญาเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
  • 2465 - 2469 ธุรกิจโรงงานน้ำตาลทรายที่ทับหลวง ลงทุนด้วยเงินยืม แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
  • 2468 จดทะเบียน ตั้งบริษัท รถไฟบางบัวจำกัดสินใช้
  • 2469 เริ่มการขยายเส้นทางไป วัดระแหง ที่ ลาดหลุมแก้ว
  • 2470 ต่อมาปรับปรุงจากรถกำลังไอน้ำ พลังงานฟืน มาเป็นรถราง 4 ล้อ เครื่องเบนซิน โดยใช้น้ำมัน ตราหอย จาก บริษัทอิสเอเชียติก ปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งปัจจุบัน คือ น้ำมัน เชลล์ จาก บริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แต่ต่อมา ซื้อน้ำมันจาก โซโกนี่ (เปลี่ยนชื่อเป็น สแตนดาร์ดแวคัมออยล์ เมื่อปี 2477) ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัทเอสโซสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  • 5 เมษายน 2473 แก้ไขสัญญาเดินรถไฟบางบัวทองกับกรมรถไฟหลวง เพื่อ ถอนรางที่ อยู่วัดเฉลิมพระเกียรติ (ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดนนทบุรีเดิมที่ตลาดขวัญ) ให้เดินรถไฟตรงไปที่ท่านั้นฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดนนทบุรีแห่งใหม่ที่บางขวาง พร้อมยืดระยะรถไฟจากบางบัวทองไปที่วัดระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี (หลักฐานสัญญาเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เช่นกัน)
  • 2477 แก้ไขรถราง 4 ล้อให้มาใช้ น้ำมันดีเซล แทนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
  • 19 กุมภาพันธ์ 2480 เกิดอุบัติเหตุ รถราง 4 ล้อรถไฟบางบัวทองชนกัน คนขับ ช้ำในตายที่โรงพยาบาลกลาง
  • 2483 เมื่อ บริษัทอิสเอเชียติก ปิโตรเลียม จำกัด และ สแตนดาร์ดแวคัมออยล์ เลิกการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย รถไฟบางบัวจำกัดสินใช้ ต้องซื้อน้ำมันดีเซล จากกรมเชื้อเพลิง กระทรวงกลาโหม (น้ำมันสามทหาร) แทน
  • 16 กรกฎาคม 2485 ประกาศเลิกกิจการ รถไฟบางบัวทอง แล้วดำเนินการถอนรางและ รถจักรไปขาย บริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย จำกัด เจ้าของโรงงานน้ำตาลวังกะพี้
  • กันยายน 2485 เริ่มการถอนรางและไม้หมอนไปกองรวมกันที่ สถานีรถไฟบางบำหรุ
  • 2 มกราคม 2486 เลิกกิจการรถไฟบางบัวทอง อย่างเป็นทางการ

อ้างอิง

  • หม่อมหลวงยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา. ประวัติ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ กรุงเทพ , สำนักพิมพ์บรรณกิจ (1991) จำกัด , 2525.
  • อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ หลวงพิสูจน์พาณิชลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช.,ท.จ.ว. ณ. เมรุหลวงหน้า พลับพลาอิศร์ยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส. วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2528.
  • เอกสารชุดรถไฟบางบัวทอง จากกรมราชเลขาธิการ สมัยรัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7 (มีในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
  • เอกสารชุดรถไฟบางบัวทอง จากสำนักนายกรัฐมนตรี (มีในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
  1. พระราชทานตรารัตนวราภรณ์
  2. "พระราชทานตราวชิรมาลา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 32 (ตอน ง): หน้า 1898. 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  3. สำเนาสัญญาบัตรปีระกาสัปตศก
  4. พระราชทานสัญญาบัตร
  5. พระราชทานสัญญาบัตร
  6. พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการ เลื่อบรรดาศักดิ์พระยาวรพงษ์พิพัฒน์เป็นเจ้าพระยา, เล่ม ๔๓, ตอน ง, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๙, หน้า ๓๐๑๔-๙
  8. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศตั้ง เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เสนาบดีกระทรวงวัง และเสนาบดีกระทรวงธรรมการ กับอธิบดีศาลฎีกา, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ก, ๒๐ มีนาคม ๒๔๖๙, หน้า ๗๒๓

แหล่งข้อมูลอื่น