ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สฤษดิ์ ธนะรัชต์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
== เรื่องอื้อฉาวภายในครอบครัว == |
|||
{{ต้องการอ้างอิง-ส่วน}} |
|||
[[ไฟล์:Bangkoktimes2.jpg|thumb|200px|[[หนังสือพิมพ์]]บางกอกไทม์ ฉบับวันที่ [[20 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2507]] ลงข่าวหลังการอสัญกรรมของจอมพลสฤษดิ์]] |
|||
[[ไฟล์:วิจิตรา ธนะรัชต์.jpg|thumb|left|จอมพล[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] [[นายกรัฐมนตรีไทย]]และท่านผู้หญิง[[วิจิตรา ธนะรัชต์]]]] |
|||
หนึ่งเดือนหลังจากที่จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ทายาททั้งหลายต่างก็เริ่มวิวาทแก่งแย่งทรัพย์มรดกมหาศาลของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ [[14 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2507]] บุตรทั้ง 7 คนของจอมพลสฤษดิ์ได้ฟ้อง[[วิจิตรา ธนะรัชต์|ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์]] ที่พยายามจะตัดสิทธิในส่วนแบ่งอันถูกต้องของทายาท |
|||
เนื่องจากเป็นเรื่องอื้อฉาวมาก ประชาชนจึงต่างให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งในคดีนี้และสื่อมวลชนก็ยกให้เป็นคดีที่อื้อฉาวที่สุดในเมืองไทย การที่ประชาชนให้ความสนใจในการพิจารณาคดีนี้ จึงเป็นการบังคับให้รัฐบาลจอมพลถนอมต้องเข้าแทรกแซงและสอบสวนเบื้องหลังความมั่งคั่งของจอมพลสฤษดิ์ |
|||
ได้มีการเปิดพินัยกรรมของจอมพลสฤษดิ์ที่บ้านของจอมพลถนอม ต่อหน้าทนายความและนายทหารคนสำคัญๆ ที่เป็นผู้ใกล้ชิดจอมพลสฤษดิ์ ตัวพินัยกรรมเองลงวันที่ [[19 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2502]] หลังจากจอมพลสฤษดิ์ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงเล็กน้อย ข้อสำคัญในพินัยกรรมกล่าวว่าทรัพย์สินทั้งหมดของจอมพลสฤษดิ์ให้ตกแก่[[วิจิตรา ธนะรัชต์|ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์]]แต่เพียงผู้เดียว โดยมีข้อแม้ว่าท่านผู้หญิงต้องให้ลูกเลี้ยง คือ[[เศรษฐา ธนะรัชต์|พันตรีเศรษฐา ธนะรัชต์]]และ[[สมชาย ธนะรัชต์|ร้อยโทสมชาย ธนะรัชต์]] คนละ 1 ล้านบาท พร้อมทั้งบ้านหนึ่งหลังที่เหมาะสมกับฐานะของบุคคลทั้งสอง อย่างไรก็ตาม จะเป็นไปตามเงื่อนไขนี้ก็ต่อเมื่อทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นเงินสดมีมากกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ที่นาของจอมพลสฤษดิ์จะต้องแบ่งให้แก่บุตรชายคนโตทั้งสองคนจำนวนเท่า ๆ กัน |
|||
โจทก์ร้องเรียนว่าจอมพลสฤษดิ์ได้เขียนพินัยกรรมขึ้นอีกฉบับหนึ่งซึ่งถูก[[วิจิตรา ธนะรัชต์|ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์]] ทำลายไปแล้วหลังจากที่เข้าบุกบ้านส่วนตัวของจอมพลสฤษดิ์ในค่ายกองพลที่ 1 บุตรชายทั้งสองกล่าวหาท่านผู้หญิงวิจิตราว่าได้พยายามจะรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดของจอมพลสฤษดิ์ไว้โดยอ้างว่ามีเงินจำนวนถึง 2,874,009,794 บาท รวมกันอสังหาริมทรัพย์อีกมากมายที่ไม่สามารถจะประมาณได้ ตรงกันข้ามท่านผู้หญิงวิจิตรากลับกล่าวว่าตนรู้เพียงว่ามีเงินเพียง 12 ล้านบาทเท่านั้น |
|||
ขณะที่รอคอยผลการตัดสินจากศาล บุตรของจอมพลสฤษดิ์ก็ได้ร้องเรียนจอมพลถนอมให้ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 17 แห่ง[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502]] ในการสอบสวนเรื่องราวนี้ทั้งหมด หลังจากที่พิจารณาอย่างคร่าวๆ แล้ว รัฐบาลรู้สึกว่าหากมิได้ลงมือกระทำการอย่างรวดเร็วแล้ว ก็จะทำให้ฐานะของรัฐบาลไม่ดีในสายตาของประชาชน ดังนั้นเมื่อวันที่ [[26 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2507]] จอมพลถนอมจึงออกประกาศว่าตนจะได้นำมาตรา 17 มาใช้ในการยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์และตั้งคณะกรรมการสอบสวนขอบข่ายการฉ้อราษฎร์บังหลวงของจอมพลสฤษดิ์ |
|||
จากรายงานของคณะกรรมการคณะนี้ ปรากฏว่าจอมพลสฤษดิ์ได้ใช้เงินแผ่นดินเพื่อเลี้ยงดูนางบำเรอและลงทุนในธุรกิจ เงินผลประโยชน์ที่สำคัญๆ 3 แหล่งที่รัฐบาลสนใจคือ เงินงบประมาณ 394 ล้านบาทที่เป็นเงินสืบราชการลับของสำนักนายกรัฐมนตรี เงิน 240 ล้านบาทจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาล และประมาณ 100 ล้านบาทซึ่งควรที่จะให้แก่กองทัพบกซึ่งได้เปอร์เซนต์จากการขายสลากกินแบ่ง |
|||
ในระหว่างการสอบสวน อธิบดีกรมทะเบียนการค้าเปิดเผยว่า จอมพลสฤษดิ์และท่านผู้หญิงวิจิตรามีผลประโยชน์จากบริษัทต่างๆ ถึง 45 แห่ง การถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งก็คือในบริษัทกรุงเทพกระสอบป่าน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท ต่อมาสมาชิกผู้หนึ่งในคณะกรรมการบริษัทได้ให้ปากคำว่า หุ้นส่วนเหล่านี้ได้โอนไปให้น้องชายจอมพลสฤษดิ์สองคน ซึ่งทั้งนี้ก็หมายความว่า จอมพลสฤษดิ์ได้ผลประโยชน์มหาศาลจากอุตสาหกรรมข้าว ซึ่งกฎหมายบังคับให้ซื้อกระสอบป่านจากบริษัทนี้ นอกจากจำนวนหุ้นและบัญชีเงินฝากในธนาคารจำนวนมากมายแล้ว จอมพลสฤษดิ์ยังมีที่ดินอีกจำนวนมหาศาล ดังที่อธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่า จอมพลสฤษดิ์มีที่ดินมากกว่า 20,000 ไร่ในต่างจังหวัด และที่ดินอีกนับแปลงไม่ถ้วนทั้งในและทั่วพระนคร ส่วนเงินสดที่เก็บไว้ในธนาคารต่างๆ นั้น จอมพลสฤษดิ์มีอยู่ประมาณ 410 ล้านบาท ซึ่งถูกยึดไว้เพื่อพิจารณาว่าเงินส่วนใดเป็นของรัฐบาลหรือไม่ |
|||
ในที่สุดศาลก็ได้พิจารณาคดีวิวาทเกี่ยวกับทรัพย์สินของจอมพลสฤษดิ์ตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2507 ศาลแนะนำให้ประนีประนอมกันโดยที่ให้ท่านผู้หญิงวิจิตราและพันโทเศรษฐาเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน และให้ตกลงกันเองต่อเมื่อปรากฏผลขั้นสุดท้ายของการสอบสวนของรัฐบาลแล้ว |
|||
== บทบาททางสังคม == |
== บทบาททางสังคม == |
||
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วง [[พ.ศ. 2500]] อาทิ เช่น การนำนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้และนำความเจริญกระจายสู่ชนบท |
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วง [[พ.ศ. 2500]] อาทิ เช่น การนำนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้และนำความเจริญกระจายสู่ชนบท |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:53, 6 มิถุนายน 2563
บทบาททางสังคม
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วง พ.ศ. 2500 อาทิ เช่น การนำนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้และนำความเจริญกระจายสู่ชนบท
รถตุ๊กๆ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้ประกาศห้ามใช้รถสามล้อวิ่งในถนนสายต่างๆ โดยการยกเลิกการจดทะเบียนจักรยานสามล้อและจักรยานสามล้อส่วนบุคคลที่ใช้ในจังหวัดพระนครและธนบุรี ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับปัญหาการจราจร ปัญหาทางสังคมอันเนื่องมาจากการอพยพของคนต่างจังหวัดเข้ามาประกอบอาชีพนี้ และปัญหาความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยได้นำรถบรรทุกสามล้อยี่ห้อไดฮัทสุที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาดัดแปลงใช้แทนและได้ทดลองใช้เป็นครั้งแรกในย่านเยาวราช
การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ได้นำหลักการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า (Without Weapon) จากการฝึกของกองทัพสหรัฐมาใช้ในกองทัพไทยเป็นครั้งแรก อันได้แก่ ท่าตรง, ตามระเบียบ พัก และต่อมาได้นำมาใช้ในองต์กรต่างๆอาทิ โรงเรียน องค์กรต่างๆ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและฝึกความมีวินัยตามโนบายในขณะนั้น
ดูเพิ่ม
เกียรติยศและรางวัลที่ได้รับ
จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ พลตำรวจเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับพระราชทานยศ "นายกองใหญ่" ในฐานะนายกรัฐมนตรีและมีฐานะเป็นประธานกรรมการและผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2503[1][2]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับพระราชเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด ดังนี้
- พ.ศ. 2502 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหน้า)[3]
- พ.ศ. 2502 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[4]
- พ.ศ. 2505 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)[5]
- พ.ศ. 2495 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[6]
- พ.ศ. 2494 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[7]
- พ.ศ. 2505 - เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา[8]
- พ.ศ. 2477 – เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.) [9]
- พ.ศ. 2505 – เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[10]
- พ.ศ. 2485 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
- พ.ศ. 2505 - เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[11]
- พ.ศ. 2493 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 2 (อ.ป.ร.2)[12]
- พ.ศ. 2501 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)[13]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศเป็นอันมาก[14]
- พ.ศ. 2497 - ลีเจียนออฟเมอริต ชั้นผู้บังคับบัญชา (สหรัฐอเมริกา)
- พ.ศ. 2498 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระบรมรูป ชั้นที่ 1 (ลาว)
- พ.ศ. 2498 - เครื่องอิสริยยศลำดับสหไมตรี ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2498 - เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2499 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ล้านช้างร่มขาว ชั้นประถมาภรณ์
อ้างอิง
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดน
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจ เล่ม 78 ตอน 88 ง พิเศษ หน้า 16 27 ตุลาคม พ.ศ. 2504
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เล่ม ๗๖ ตอนที่ ๑๑๕ ฉบับพิเศษ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ หน้า ๓๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า ๑๔๐๐ เล่ม ๗๖ ตอนที่ ๕๓ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๒
- ↑ แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เล่ม ๗๙ ตอน ๖๙ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ หน้า ๑๖๙๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า ๔๖๔๗ เล่ม ๖๙ ตอนที่ ๗๒ ๙ ธันวาคม ๒๔๙๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หน้า ๕๖๔๖ เล่ม ๖๘ ตอนที่ ๗๔ ๑๑ ธันวาคม ๒๔๙๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ หน้า ๑ เล่ม ๗๙ ตอน ๘๓ ฉบับพิเศษ, ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๕
- ↑ บัญชีรายนามผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (สังกัด ร. พัน ๔ หน้า ๒๒๔๑)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน ฉบับพิเศษ หน้า ๙ เล่ม ๗๙ ตอนที่ ๔๕ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๐๕
- ↑ รายนามผู้ที่สมควรได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๘ หน้า ๓๐๓๙ เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๓๙ ๑๗ กรกฎาคม ๒๔๙๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ หน้า ๓๖๕ เล่ม ๗๕ ตอนที่ ๑๒ ๔ กุมพาพันธ์ ๒๕๐๑
- ↑ อาจศึก ดวงสว่าง. การพัฒนาลิกไนท์ในประเทศไทย. 2507[1]
- สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะที่ 29 : 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 - 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 [2]
แหล่งข้อมูลอื่น
ก่อนหน้า | สฤษดิ์ ธนะรัชต์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
จอมพลผิน ชุณหะวัณ | ผู้บัญชาการทหารบก (23 มิถุนายน พ.ศ. 2497 - 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506) |
จอมพลถนอม กิตติขจร | ||
จอมพล ป. พิบูลสงคราม | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (31 มีนาคม พ.ศ. 2500 - 16 กันยายน พ.ศ. 2500) |
จอมพลถนอม กิตติขจร | ||
จอมพลถนอม กิตติขจร | ไฟล์:Seal Prime Minister of Thailand.png นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (ครม. 29) (9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506) |
จอมพลถนอม กิตติขจร | ||
พลตำรวจเอก ไสว ไสวแสนยากร | อธิบดีกรมตำรวจ (พ.ศ. 2502 – พ.ศ. 2506) |
พลตำรวจเอก ประเสริฐ รุจิรวงศ์ | ||
จอมพลถนอม กิตติขจร (สมัยที่ 1) |
ไฟล์:Silpakorn University Logo.svg นายกคณะกรรมการมหาวิทยาลัยศิลปากร คนที่ 3 (พ.ศ. 2503 – พ.ศ. 2507) |
จอมพลถนอม กิตติขจร (สมัยที่ 2) |
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2451
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2506
- นักการเมืองไทย
- นายกรัฐมนตรีไทย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติไทย
- รัฐมนตรีไทยที่ไม่ได้ประจำกระทรวง
- นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- อธิบดีกรมตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย
- ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย
- ทหารบกชาวไทย
- จอมพล
- บุคคลจากกรุงเทพมหานคร
- ชาวไทยเชื้อสายลาว
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ น.ร.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า)
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- ผู้ได้รับเหรียญชัยสมรภูมิ
- ผู้ได้รับเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
- ผู้ได้รับเหรียญราชการชายแดน
- ผู้ได้รับเหรียญจักรมาลา
- ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.2
- ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1
- บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
- พรรคชาติสังคม
- เสียชีวิตจากภาวะไตล้มเหลว
- ผู้นำที่ขึ้นสู่ตำแหน่งจากรัฐประหาร
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ผู้นำที่ได้อำนาจจากรัฐประหาร