ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยโสธราเถรี"
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ล ลบหมวดหมู่:เจ้าหญิงอินเดียด้วยฮอทแคต |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{กล่องข้อมูล บุคคลในพระพุทธประวัติ |
|||
| name = พระภัททากัจจานาเถรี |
|||
| img = Yasodhara.jpg |
|||
| img_size = |
|||
| img_capt = |
|||
| ชื่อเดิม = |
|||
| พระนามเดิม = |
|||
| ชื่ออื่น = |
|||
| พระนามอื่น = พิมพา<br>ยโสธรา<br>ภัททกิจจานา<br>ภัททกัจจายนา |
|||
| วันเกิด = |
|||
| วันประสูติ = 80 ปีก่อนพุทธศักราช |
|||
| สถานที่ประสูติ = [[เทวทหะ]] [[แคว้นโกลิยะ]] |
|||
| สถานที่บวช = |
|||
| วิธีบวช = [[เอหิภิกขุอุปสัมปทา]] |
|||
| สถานที่บรรลุธรรม = |
|||
| ตำแหน่ง = |
|||
| เอตทัคคะ = ผู้ทรงอภิญญาใหญ่ |
|||
| อาจารย์ = |
|||
| ลูกศิษย์ = |
|||
| เสียชีวิต = |
|||
| นิพพาน = 2 ปีก่อนพุทธศักราช |
|||
| ปรินิพพาน = |
|||
| สถานที่เสียชีวิต = |
|||
| สถานที่นิพพาน = |
|||
| สถานที่ปรินิพพาน = |
|||
| ชาวเมือง = [[เทวทหะ]] |
|||
| นามพระบิดา = [[พระเจ้าสุปปพุทธะ]] |
|||
| นามพระมารดา = [[พระนางอมิตา]] |
|||
| วรรณะเดิม = [[วรรณะกษัตริย์|กษัตริย์]] |
|||
| ราชวงศ์ = [[โกลิยะ]] |
|||
| การศึกษา = |
|||
| อาชีพ = |
|||
| ชื่อสถานที่ = |
|||
| หมายเหตุ = |
|||
}} |
|||
'''ภัททากัจจานา''' ({{lang-pi|Bhaddakaccānā}} ''ภทฺทกจฺจานา'') หรือ '''ยโสธรา''' ({{lang-pi|Yasodharā}}; {{lang-sa|Yaśodharā}} ''ยโศธรา'') บางแห่งออกนามว่า '''พิมพา''' หรือ '''ยโสธราพิมพา''' เป็นพระชายาของ[[พระโคตมพุทธเจ้า|เจ้าชายสิทธัตถะ]]ก่อนตรัสรู้เป็น[[พระพุทธเจ้า]] เป็นพระมารดาของ[[ราหุล]] และเป็นพระขนิษฐาของ[[พระเทวทัต]] หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระนางยโสธราได้อุปสมบทเป็น[[ภิกษุณี]]และบรรลุเป็น[[พระอรหันต์]]ในที่สุด |
|||
== พระประวัติ == |
== พระประวัติ == |
||
=== พระชนม์ชีพช่วงต้น === |
=== พระชนม์ชีพช่วงต้น === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:58, 5 มิถุนายน 2563
พระประวัติ
พระชนม์ชีพช่วงต้น
ยโสธราเป็นพระราชธิดาในพระเจ้าสุปปพุทธะแห่งโกลิยะ[1][2] กับพระนางอมิตาแห่งสักกะ มีพระเชษฐาพระองค์หนึ่งนามว่าพระเทวทัต[3][4] พระชนกเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าอัญชนะแห่งโกลิยะ[5] ส่วนพระชนนีเป็นพระขนิษฐาของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งสักกะ พระชนกและพระชนนีเป็นเครือญาติกัน สืบสันดานมาแต่พระเจ้าโอกกากราช (Okkākarāj)[6][7][8] โดยตระกูลสักกะและโกลิยะจะสมรสกันระหว่างสองตระกูลเท่านั้น[9] ดอนัลด์ เอส. โลเปซ (Donald S. Lopez) ศาสตราจารย์ด้านพุทธศาสนาและทิเบตศึกษา และริชาร์ด เอฟ. กอมบริช (Richard F. Gombrich) นักภารตวิทยาและนักวิชาการด้านภาษาบาลี-สันสกฤตและพุทธศึกษา อธิบายว่าช่วงเวลานั้นอิทธิพลของพระเวทไม่น่าจะเข้าถึงแคว้นทั้งสอง รวมทั้งการเสกสมรสในหมู่เครือญาตินั้นเป็นเรื่องต้องห้ามของสังคมอารยัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าตระกูลทั้งสองนี้อาจมิได้สืบเชื้อสายชาวอารยัน[10]
ยโสธราเป็นหนึ่งในเจ็ดมนุษย์ สัตว์ และสิ่งของที่เกิดวันเดียวกับสิทธัตถะ โคตมะเรียกว่าสหชาติ 7 ได้แก่ นางยโสธราหรือพิมพา พระอานนท์ นายฉันนะ อำมาตย์กาฬุทายี ม้ากัณฑกะ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และขุมทรัพย์ทั้งสี่[11][12]
กล่าวกันว่ายโสธรามีพระสิริโฉมงดงาม มีพระสรีระและผิวพรรณงามดุจทองคำชั้นดีที่สุดจึงมีพระนามว่าภัททากัจจานา แม้เจ้าหญิงรูปนันทาซึ่งเป็นพระญาติจะทรงงามจนได้สมญาว่าชนบทกัลยาณี ก็ยังงามไม่เทียมเท่า[13]
เสกสมรส
ยโสธราเสกสมรสกับสิทธัตถะขณะพระชันษา 16 ปี และได้ประสูติกาลพระโอรสพระองค์แรกและพระองค์เดียวคือราหุล ขณะมีพระชันษา 29 ปี ซึ่งช่วงเวลานั้นสิทธัตถะกำลังตัดสินพระทัยออกบวช หลังพบเทวทูต 4 พระเจ้าสุทโธทนะนำข่าวพระกุมารประสูติใหม่มาแจ้งให้ทราบ สิทธัตถะทรงอุทานออกมาว่า "ราหุลํ ชาตํ พนฺธนํ ชาตํ" แปลว่า "บ่วงเกิดขึ้นแล้ว พันธนาการเกิดขึ้นแล้ว" ทั้ง ๆ ที่พระองค์กำลังตัดห่วงอาลัยอื่นแล้ว แต่กลับมีห่วงใหม่ขึ้นมาผูกมัดมิให้พระองค์ออกผนวช[14]
คืนหนึ่งสิทธัตถะลอบเสด็จออกจากพระราชวังในยามวิกาลเพื่อออกผนวชหลังราหุลประสูติเพียง 7 วัน ครั้นรุ่งสางยโสธราเศร้าโศกพระทัยยิ่งที่สวามีหายออกไป ฝ่ายพระเจ้าสุทโธทนะและยโสธราก็เพียรติดตามข่าวสิทธัตถะอยู่เสมอด้วยความรักและนับถือ เมื่อยโสธราทรงทราบว่าสิทธัตถะได้ออกไปแสวงหาสัจธรรมเพื่อตรัสรู้ พระองค์จึงทรงดำเนินพระชนมชีพอย่างเรียบง่ายตามอย่างสิทธัตถะ[15] ยโสธราเมื่อได้ทราบข่าวพระสวามีว่าทรงนุ่งผ้าย้อมน้ำฝาด ก็ทรงนุ่งผ้าย้อมน้ำฝาดบ้าง ทราบว่าพระสวามีเสวยภัตตาหารหนเดียว พระนางก็เสวยพระกระยาหารเพียงหนเดียว ทราบว่าพระสวามีทรงละที่นอนใหญ่ ก็ทรงเอาผ้าปูนอนบนพระแท่นบรรทมขนาดน้อย ทราบว่าพระสวามีเว้นจากเครื่องหอมและดอกไม้ พระนางก็เว้นจากเครื่องหอมและดอกไม้ จนกระทั่งสิทธัตถะบรรลุโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า[13]
ออกบวช
หลังพระโคตมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระเจ้าสุทโธทนะจึงทูลเชิญให้พุทธองค์เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ สองปีหลังการตรัสรู้จึงเสด็จไปยังกบิลพัสดุ์ ช่วงแรกยโสธรามิได้ออกไปต้อนรับพุทธองค์ พระพุทธเจ้าจึงถือบาตรเสด็จไปหายโสธรา เมื่อยโสธราเห็นเช่นนั้นจึงรีบเสด็จไปหาพุทธองค์ ทรงจับข้อพระพุทธบาททั้งสองเกลือกบนพระเศียรแล้วถวายบังคม โดยพระพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าเรื่องจันทกินรีชาดกจนนางยโสธราบรรลุโสดาปัตติผล[13] ต่อมาจึงให้ราหุลตามเสด็จพุทธองค์ และออกบวชเป็นสามเณรรูปแรกในพุทธศาสนาขณะอายุ 7 ขวบ[16]
ครั้นพระเจ้าสุทโธทนะนิพพานในเศวตฉัตร และพระเจ้ามหานามะขึ้นเสวยราชสมบัติแทน พระนางมหาปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยหญิงอีก 500 คนออกบวชเป็นภิกษุณี ต่อมายโสธรามีพระประสงค์ที่จะบวชเป็นภิกษุณีบ้าง เพราะไม่มีกิจอันใดในพระราชวังแล้ว พระมหาปชาบดีโคตมีจึงทรงบวชให้ตามพระประสงค์มีนามว่า "พระภัททากัจจานาเถรี" ขณะบวชก็ทรงบำเพ็ญเพียร เจริญวิปัสสนา เพียงครึ่งเดือนก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งให้พระภัททากัจจานาเถรีเป็นเอตทัคคะด้านอภิญญาใหญ่ เพราะสามารถระลึกชาติได้ถึงอสงไขยหนึ่งกับอีกแสนกัปเพียงครั้งเดียว[13]
นิพพาน
พระภัททากัจจานาเถรีนิพพานในพรรษาที่ 43 แห่งพระผู้มีพระภาค ขณะมีพระชนมายุได้ 78 พรรษา ก่อนที่พระนางจะนิพพาน พระนางได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยได้แสดงอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ และขอขมาในการล่วงเกินพระผู้มีพระภาคเจ้า ทั้งทางกาย วาจา ใจ ในครั้นเมื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันหลายกัปในกาลก่อน แล้วทูลลาเสด็จสู่พระนิพพาน[13]
อ้างอิง
- ↑ "IX:12 King Suppabuddha blocks the Lord Buddha's path". Members.tripod.com. 2000-08-13.
- ↑ "Dhammapada Verse 128 Suppabuddhasakya Vatthu". Tipitaka.net.
- ↑ K.T.S. Sarao (2004). "In-laws of the Buddha as Depicted in Pāli Sources". Chung-Hwa Buddhist Journal. Chung-Hwa Institute of Buddhist Studies (17). ISSN 1017-7132.
- ↑ "Suppabuddha". Dictionary of Pali Names.
- ↑ "Koliyā". Palikanon.com.
- ↑ พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ. "ศากยวงศ์". ประตูสู่ธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระญาติฝ่ายพระพุทธบิดาและพระพุทธมารดา". พุทธะ. 2553. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "แคว้นสักกะและศากยวงศ์". พุทธะ. 2553. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Why was the Sakyan Republic Destroyed? by S. N. Goenka (Translation and adaptation of a Hindi article by S. N. Goenka published by the Vipassana Research Institute in December 2003, archived)
- ↑ อดิเทพ พันธ์ทอง (20 พฤษภาคม 2559). "พุทธประวัตินอกกระแส (ในไทย): "สิทธัตถะ" เกิดในสังคมแบบชนเผ่า ไม่ได้ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "เกิดเหตุอันอัศจรรย์ เกิดสหชาติทั้ง 7 ในกาลประสูติมีอะไรบ้าง". วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล. สืบค้นเมื่อ 2 มิถุนายน 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สหชาติทั้ง ๗". พุทธะ. 18 ธันวาคม 2552. สืบค้นเมื่อ 2 มิถุนายน 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 "ประวัติพระภัททากัจจานาเถรี เอตทัคคผู้ได้บรรลุอภิญญาใหญ่". ประตูสู่ธรรม. สืบค้นเมื่อ 2 มิถุนายน 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมุดภาพพระพุทธประวัติ ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนาโดยครูเหม เวชกร ภาพที่ ๑๐ ทรงสรงสนานน้ำในสระ ราชบุรุษไปทูลว่า พระนางพิมพาประสูติพระโอรสแล้ว". 84000.org. 28 ตุลาคม 2545. สืบค้นเมื่อ 2 มิถุนายน 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "The Compassionate Buddha". Geocities.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-21. สืบค้นเมื่อ 2009-09-23.
- ↑ "สามเณรราหุล". ธรรมะไทย. สืบค้นเมื่อ 2 มิถุนายน 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ยโสธรา
- ยโสธรา (พระภัททากัจจานาเถรี), เอตทัคคะผู้ได้บรรลุอภิญญาใหญ่ (๔)