ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษีอากรในประเทศไทย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 12: | บรรทัด 12: | ||
=== บุคคลธรรมดา === |
=== บุคคลธรรมดา === |
||
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือภาษีที่เก็บจากบุคคลทั่วไปหรือจากหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษ ประเทศไทยจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามแหล่งเงินได้และหลักถิ่นที่อยู่ ประเภทของเงินพึงได้ของบุคคลธรรมดา เช่น เงินได้เนื่องจากการทำงาน เงินได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ เงินได้จากการให้เช่า และอื่น ๆ โดยมีข้อยกเว้นบางประการ มีอัตราภาษีที่กำหนดแบบอัตราก้าวหน้า ระหว่างปี 2532 ถึง 2557 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนโครงสร้างอัตราภาษีแล้ว 3 ครั้ง |
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือภาษีที่เก็บจากบุคคลทั่วไปหรือจากหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษ ประเทศไทยจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามแหล่งเงินได้และหลักถิ่นที่อยู่ ประเภทของเงินพึงได้ของบุคคลธรรมดา เช่น เงินได้เนื่องจากการทำงาน เงินได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ เงินได้จากการให้เช่า และอื่น ๆ โดยมีข้อยกเว้นบางประการ มีอัตราภาษีที่กำหนดแบบอัตราก้าวหน้า ระหว่างปี 2532 ถึง 2557 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนโครงสร้างอัตราภาษีแล้ว 3 ครั้ง และเริ่มมีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีแก่บุคคลที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 50,000 บาทต่อปีในปี 2542 ก่อนเพิ่มขึ้นเป็น 80,000 บาทในปี 2546 และไม่เกิน 150,000 บาทในปี 2551<ref name="par">[https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parbudget/ewt_dl_link.php?nid=210 การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 - 2557]. สำนักงบประมาณของรัฐสภา. ฉบับที่ 7/2558.</ref>{{rp|12–13}} |
||
== ภาษีจากการบริโภค == |
|||
=== ภาษีมูลค่าเพิ่ม === |
|||
ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเป็นภาษีทางอ้อมชนิดหนึ่งที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าและบริการ โดยจัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนการผลิต การจำหน่ายหรือการให้บริการ ปัจจุบันจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 ทั้งนี้ เป็นการเก็บตามประมวลรัษฎากรร้อยละ 6.3 และตามกฎหมายขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นร้อยละ 0.7 (1/9 ของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่กรมสรรพากรจัดเก็บตามประมวลรัษฎากร) |
|||
== เลิกใช้ == |
|||
[[ภาษีการขาย]]เป็นภาษีที่เลิกใช้แล้วตั้งแต่ปี 2535 พบว่ามีข้อบกพร่อง ได้แก่ ความซ้ำซ้อนของภาษีและความบิดเบือนทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลเสียต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการส่งออก ภาษีการค้าหมดไปในที่สุดในปี 2547<ref name="par"/>{{rp|16}} |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:53, 5 มิถุนายน 2563
ภาษีอากรในประเทศไทยอาจเกี่ยวข้องกับการจ่ายภาษีให้แก่ราชการสองระดับ ได้แก่ ราชการส่วนกลาง (กรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร) และราชการส่วนท้องถิ่น รายได้ภาษีหลักของรัฐบาลมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปีงบประมาณ 2558 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประมาณการรายได้จากภาษีอากร 2.15 ล้านล้านบาท
ภาพรวม
กรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลังซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษี รายได้ของรัฐได้มาจากภาษีอากรเกินร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งหมด กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีอากรคิดเป็นร้อยละ 70 ของรายได้จากสามกรมที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร สัดส่วนของภาษีทางอ้อมต่อรายได้ทั้งหมดของรัฐค่อย ๆ ลดลงจากร้อยละ 62 ในพุทธทศวรรษ 2530 เหลือประมาณร้อยละ 50 ในปี 2557 ส่วนสัดส่วนของภาษีทางตรงต่อรายได้ทั้งหมดของรัฐเพิ่มขึ้นจากต่ำกว่าร้อยละ 30 ในช่วงเดียวกันเป็นประมาณร้อยละ 40 ในปี 2557
เมื่อแบ่งภาษีออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วยภาษีอากรจากทุน ภาษีอากรจากแรงงาน ภาษีอากรจากการบริโภค และภาษีอื่น ๆ พบว่าระหว่างปี 2533–2557 ภาษีอากรจากการบริโภคคิดเป็นร้อยละ 62.3 ของรายได้ภาษี ส่วนภาษีอากรจากทุนเพิ่มขึ้น 10 เท่าจาก 64,000 ล้านบาทเป็น 740,000 ล้านบาทในช่วงเดียวกัน
ภาษีเงินได้
นิติบุคคล
ภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นภาษีอากรที่จัดเก็บจากเงินได้ของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กิจการร่วมค้า มูลนิธิ และอื่น ๆ มีการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ในกรอบบัญชีปี 2555 และร้อยละ 20 ในปี 2556
บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือภาษีที่เก็บจากบุคคลทั่วไปหรือจากหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษ ประเทศไทยจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามแหล่งเงินได้และหลักถิ่นที่อยู่ ประเภทของเงินพึงได้ของบุคคลธรรมดา เช่น เงินได้เนื่องจากการทำงาน เงินได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ เงินได้จากการให้เช่า และอื่น ๆ โดยมีข้อยกเว้นบางประการ มีอัตราภาษีที่กำหนดแบบอัตราก้าวหน้า ระหว่างปี 2532 ถึง 2557 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนโครงสร้างอัตราภาษีแล้ว 3 ครั้ง และเริ่มมีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีแก่บุคคลที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 50,000 บาทต่อปีในปี 2542 ก่อนเพิ่มขึ้นเป็น 80,000 บาทในปี 2546 และไม่เกิน 150,000 บาทในปี 2551[1]: 12–13
ภาษีจากการบริโภค
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเป็นภาษีทางอ้อมชนิดหนึ่งที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าและบริการ โดยจัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนการผลิต การจำหน่ายหรือการให้บริการ ปัจจุบันจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 ทั้งนี้ เป็นการเก็บตามประมวลรัษฎากรร้อยละ 6.3 และตามกฎหมายขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นร้อยละ 0.7 (1/9 ของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่กรมสรรพากรจัดเก็บตามประมวลรัษฎากร)
เลิกใช้
ภาษีการขายเป็นภาษีที่เลิกใช้แล้วตั้งแต่ปี 2535 พบว่ามีข้อบกพร่อง ได้แก่ ความซ้ำซ้อนของภาษีและความบิดเบือนทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลเสียต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการส่งออก ภาษีการค้าหมดไปในที่สุดในปี 2547[1]: 16
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 - 2557. สำนักงบประมาณของรัฐสภา. ฉบับที่ 7/2558.
- การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 - 2557. สำนักงบประมาณของรัฐสภา. ฉบับที่ 7/2558.