ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรณีมายาเกวซ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล Potapt ย้ายหน้า กรณีมายาเกซ ไปยัง กรณีมายาเกวซ |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:43, 2 มิถุนายน 2563
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
กรณี มายาเกวซ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามเวียดนาม | |||||||
เรือเอสเอส มายาเกวซ ขณะถูกเรือปืนของเขมรแดงล้อม | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
สหรัฐ | กัมพูชาประชาธิปไตย | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
เรนเดลล์ ดับเบิลยู. ออสติน | เอ็ม ซอน | ||||||
กำลัง | |||||||
220 | 85-100 | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บ 41 คน สูญหาย 3 คน (เสียชีวิต) ซีเอช-53 ซีสตัลเลียน 3 ลำถูกยิงตก[1] |
เสียชีวิต 13–25 คน บาดเจ็บ 15 คน เรือปืนจมลง 3 ลำ |
กรณีมายาเกวซ (อังกฤษ: Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐที่รวดเร็ว และเกิดขึ้นเพียง 3 วัน ระหว่างวันที่ 13–15 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 แต่ได้ส่งผลกระทบต่อการเมืองยังภูมิภาคอินโดจีน
เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกันชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชาเพียง 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของกัมพูชาประชาธิปไตย (เขมรแดง) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง ใกล้กับเมืองกัมปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)
การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการหยามหน้ารัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง และด้วยขณะนั้นสงครามเวียดนามเพิ่งยุติลงได้เพียงไม่กี่วัน เนื่องจากการที่กองทัพเขมรแดงและเวียดนามเหนือสามารถบุกยึดกรุงไซง่อน ประเทศเวียดนามใต้ และกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของลัทธิคอมมิวนิสต์ และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐ
รัฐบาลสหรัฐโดยประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินประมาณ 1,000 นาย จากเกาะโอกินาวะและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินอู่ตะเภาในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพอเมริกันที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมาออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้
ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางสหรัฐมิได้กระทำการแจ้งอย่างเป็นทางการแก่รัฐบาลไทย อันถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจำนวน 10,000 คน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ทำการประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ อย่างรุนแรง โดยประณามการกระทำของสหรัฐว่าเป็นจักรวรรดินิยมอเมริกันที่คุกคามภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการชุมนุมลักษณะเช่นนี้และมีความพยายามเคลื่อนไหวที่จะให้มีการถอนกำลังทหารของสหรัฐออกจากประเทศไทยมาแล้ว โดยรัฐบาลไทยได้ขีดเส้นตายว่า สหรัฐต้องถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยให้หมดภายใน 18 เดือน และการชุมนุมประท้วงครั้งนี้นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา เมื่อ 2 ปีก่อน
รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ตอบโต้สหรัฐด้วยการขอให้ทางการสหรัฐทำหนังสือขอโทษมาอย่างเป็นทางการ และจะมีการพิจารณาทบทวนข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างกัน และพลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีคำสั่งเรียกตัวอานันท์ ปันยารชุน เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐกลับด่วน
ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว ต่อมา ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เครื่องบินรบรุ่น เอฟ-4 ลำสุดท้ายก็ได้บินออกจากสนามบินกองทัพอากาศอุดรธานี ถือเป็นการปิดฉากการประจำการทางทหารของสหรัฐในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด[2][3]
อ้างอิง
- ↑ 33 ปี.. นาวิกฯ อีกคนเพิ่งได้กลับจากกัมพูชา
- ↑ กระแสต้าน "จักรวรรดินิยมอเมริกัน" นักศึกษาชุมนุมประท้วงการใช้ฐานทัพอากาศในไทย โดยไม่ขออนุญาต หน้า 149, กาลานุกรมสยามประเทศไทย 2485-2554 โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ISBN 978-974-228-070-3
- ↑ Walter LaFeber, America, Russia, and the Cold War, 1945-1990, (McGraw - Hill, Inc., 1991), pp. 281 – 282.