ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จู เต๋อ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 52: บรรทัด 52:
{{Chinese name|[[Zhu (surname)|Zhu (Chu)]]}}
{{Chinese name|[[Zhu (surname)|Zhu (Chu)]]}}


'''จอมพลจูเต๋อ''' ({{Zh-all|朱德}}) ([[1 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1886|1886]]- [[6 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1976|1976]]) เป็นชาวจีนที่เป็น[[นายพล]] [[ขุนศึก]] [[นักการเมือง]] [[นักปฏิวัติ]] และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]] เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจนใน[[มณฑลเสฉวน]] ปี ค.ศ. 1886 เขาได้รับอุปการะจากลุงผู้ร่ำรวยตอนอายุเก้าขวบ ความมั่งคั่งนี้ทำให้เขาได้รับการศึกษาชั้นต้นที่ดีเยี่ยมซึ่งนำไปสู่การเข้าเรียนในโรงเรียนวิชาทหาร ภายหลังช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโรงเรียนวิชาทหาร เขาได้เข้าร่วมกองทัพกบฏ และไม่นานก็กลายเป็นขุนศึก หลังจากนั้นเขาก็ได้ยอมรับลัทธิคอมมิวนิสต์ เขาได้มีอำนาจด้วยยศทหารของ[[กองทัพแดงจีน]]ในขณะที่อยู่ในการรักษาความปลอดภัยประเทศ ในช่วงที่จีนภายใต้การควบคุมของเหมา จูได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]] เขาได้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพสายที่แปดในช่วง[[สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง]] ในปี ค.ศ. 1955 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในสิบจอมพลแห่ง[[กองทัพปลดปล่อยประชาชน]] ซึ่งเขาได้รับการยกย่องในฐานะผู้ก่อตั้งที่สำคัญ จูยังเป็นบุคคลทางการเมืองที่สำคัญจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1976 ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการประจําสภาประชาชนแห่งชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ถึง ค.ศ. 1976 จูเป็นประมุขแห่งรัฐของ[[สาธารณรัฐประชาชนจีน]]
'''จอมพลจูเต๋อ''' ({{Zh-all|朱德}}) ([[1 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1886|1886]]- [[6 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1976|1976]]) เป็นชาวจีนที่เป็น[[นายพล]] [[ขุนศึก]] [[นักการเมือง]] [[นักปฏิวัติ]] และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]] เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจนใน[[มณฑลเสฉวน]] ปี ค.ศ. 1886 เขาได้รับอุปการะเลี้ยงดูจากลุงผู้ร่ำรวยในตอนอายุเก้าขวบ ความมั่งคั่งนี้ทำให้เขาได้รับการศึกษาชั้นต้นที่ดีเยี่ยมซึ่งนำไปสู่การเข้าเรียนในโรงเรียนวิชาทหาร ภายหลังช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโรงเรียนวิชาทหาร เขาได้เข้าร่วมกองทัพกบฏ และไม่นานก็กลายเป็นขุนศึก หลังจากนั้นเขาก็ได้ยอมรับลัทธิคอมมิวนิสต์ เขาได้มีอำนาจด้วยยศทหารของ[[กองทัพแดงจีน]]ในขณะที่อยู่ในการรักษาความปลอดภัยประเทศ ในช่วงที่จีนภายใต้การควบคุมของเหมา จูได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]] เขาได้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพสายที่แปดในช่วง[[สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง]] ในปี ค.ศ. 1955 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในสิบจอมพลแห่ง[[กองทัพปลดปล่อยประชาชน]] ซึ่งเขาได้รับการยกย่องในฐานะผู้ก่อตั้งที่สำคัญ จูยังเป็นบุคคลทางการเมืองที่สำคัญจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1976 ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการประจําสภาประชาชนแห่งชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ถึง ค.ศ. 1976 จูเป็นประมุขแห่งรัฐของ[[สาธารณรัฐประชาชนจีน]]


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:19, 2 มิถุนายน 2563

จูเต๋อ
朱德
จอมพลจูเต๋อในเครื่องแบบกองทัพปลดปล่อยประชาชน
ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ
ดำรงตำแหน่ง
เมษายน พ.ศ. 2502 – กรกฎาคม พ.ศ. 2519
ผู้นำเหมา เจ๋อตง
ก่อนหน้าหลิว เซ่าฉี
ถัดไปYe Jianying
รองประธานาธิบดี
ดำรงตำแหน่ง
27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502
Chairmanเหมา เจ๋อตง
ถัดไปSoong Ching-ling และ ต่ง ปี้หวู
รองเลขาธิการพรรค
ดำรงตำแหน่ง
28 กันยายน พ.ศ. 2499 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2509
Chairmanเหมา เจ๋อตง
Secretary of the Central Commission for Discipline Inspection คนที่ 1
ดำรงตำแหน่ง
พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 – มีนาคม พ.ศ. 2498
ถัดไปต่ง ปี้หวู
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพปลดปล่อยประชาชน
ดำรงตำแหน่ง
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 – 27 กันยายน พ.ศ. 2497
ก่อนหน้าpost established
ถัดไปpost abolished
สมาชิก
สภาประชาชนแห่งชาติ
ดำรงตำแหน่ง
15 กันยายน พ.ศ. 2497 – 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2519
เขตเลือกตั้งมณฑลเสฉวน
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด1 ธันวาคม ค.ศ. 1886(1886-12-01)
Yilong County, มณฑลเสฉวน, ราชวงศ์ชิง
เสียชีวิต6 กรกฎาคม ค.ศ. 1976(1976-07-06) (89 ปี)
กรุงปักกิ่ง
ศาสนาไม่มีศาสนา
พรรคการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน
คู่สมรสKang Keqing

จอมพลจูเต๋อ (จีน: 朱德) (1 ธันวาคม 1886- 6 กรกฎาคม 1976) เป็นชาวจีนที่เป็นนายพล ขุนศึก นักการเมือง นักปฏิวัติ และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจนในมณฑลเสฉวน ปี ค.ศ. 1886 เขาได้รับอุปการะเลี้ยงดูจากลุงผู้ร่ำรวยในตอนอายุเก้าขวบ ความมั่งคั่งนี้ทำให้เขาได้รับการศึกษาชั้นต้นที่ดีเยี่ยมซึ่งนำไปสู่การเข้าเรียนในโรงเรียนวิชาทหาร ภายหลังช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโรงเรียนวิชาทหาร เขาได้เข้าร่วมกองทัพกบฏ และไม่นานก็กลายเป็นขุนศึก หลังจากนั้นเขาก็ได้ยอมรับลัทธิคอมมิวนิสต์ เขาได้มีอำนาจด้วยยศทหารของกองทัพแดงจีนในขณะที่อยู่ในการรักษาความปลอดภัยประเทศ ในช่วงที่จีนภายใต้การควบคุมของเหมา จูได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาได้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพสายที่แปดในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1955 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในสิบจอมพลแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชน ซึ่งเขาได้รับการยกย่องในฐานะผู้ก่อตั้งที่สำคัญ จูยังเป็นบุคคลทางการเมืองที่สำคัญจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1976 ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการประจําสภาประชาชนแห่งชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ถึง ค.ศ. 1976 จูเป็นประมุขแห่งรัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ประวัติ

จูเต๋อเกิดในครอบครัวเศรษฐี จูเต๋อเป็นผู้มีอิทธิพลเขามีลูกน้องมาก ชอบใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย แต่จูเต๋อเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด ทำงานเก่ง จูเต๋อเป็นนักอ่านและชื่นชอบวรรณกรรมเรื่อง "ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน"

การรับราชการระยะแรก

จูเต๋อเข้าเรียนในวิทยาลัยการทหารของมณฑลยูนนาน และ ได้ทำงานในกองทัพบกในปีค.ศ. 1911 ดร.ซุนยัดเซ็นทำการปฏิวัติราชวงศ์ชิงจูเต๋อเข้าร่วมทำการปฏิวัติในมณฑลยูนนานด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1921 เขาเป็นผู้บัญชาการตำรวจมณฑลยูนนาน และ ได้เป็นเจ้ากรมการคลัง และช่วงนั้น เขารับเงินใต้โต๊ะ ติดผู้หญิง สูบฝิ่น จนได้รับฉายาว่า ขุนพลขี้ยา จูเต๋อมีภรรยา 9 คน


พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ค.ศ. 1921 จูเต๋อเริ่มศึกษาแนวคิดของลัทธิมาร์กซิสต์ จนกระทั่งจูเต๋อได้พบกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำลังศึกษาและใช้แนวความคิดของมาร์กซ์ในทางการเมืองกันอยู่ แต่ไม่มีใครสนใจจูเต๋อเพราะเขาเป็นเพียงแค่ "ขุนพลขี้ยา" จูเต๋อจึงเดินทางไปศึกษาแนวคิดของลัทธิมาร์กซ์ที่ประเทศเยอรมนี ปีต่อมาค.ศ. 1922 ในประเทศเยอรมนี จูเต๋อพบกับโจวเอินไหลเขาจึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในที่สุด ค.ศ. 1925 จูเต๋อไปเรียนวิชาทางการทหารต่อในกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย และกลับมายังจีน แต่ฐานะของความเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ

รัฐบาลจีนก๊กมินตั๋ง

จูเต๋อกลับไปทำงานในกองทัพของรัฐบาลจีนก๊กมินตั๋งของเจียงไคเชคเมื่อ ดร.ซุนยัดเซ็นได้ถึงแก่กรรม และขณะนั้นนายพลเจียงไคเชคดำรงตำแหน่งแม่ทัพของก๊กมินตั๋ง จูเต๋ออยู่ในฐานะของทหารของพรรคก๊กมินตั๋งได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจ และเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนนายทหารของเมืองหนันชาง เมืองหลวงมณฑลฝูเจี้ยน

การเปลี่ยนสู่พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ค.ศ. 1927 เกิดสงครามกลางเมือง โจวเอินไหลได้ปฏิวัติหนันชางได้จนสำเร็จ โดย จูเต๋อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งหนันชางในขณะนั้น ได้เชิญนายทหารของพรรคก๊กมินตั๋งไปกินเลี้ยงร่ำสุรากัน และถูกกันตัวไปไหนไม่ได้ ขณะในเมืองทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างดุเดือดถึง 4 ชั่วโมง และในที่สุดจูเต๋อและหลินเปียวได้สบทบกำลังเป็นทหารของจีนคอมมิวนิสต์อย่างเต็มตัว และ จากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดหนันชางได้เพียงสัปดาห์เดียว ทหารก๊กมินตั๋งเข้ามายึดเมืองคืนได้สำเร็จ

จูเต๋อ พร้อมด้วยหลินอี้ หลินเปียว เข้ายึดเมืองเซียนจ้าง ที่พรรคก๊กมินตั๋งปกครองอยู่ได้สำเร็จ โดยเจียงไคเชคเริ่มเห็นบทบาทของจูเต๋อมากขึ้น จึงสั่งการให้กำจัด จนในที่สุดจูเต๋อต้องล่าถอยหนีและได้พบกับเหมาเจ๋อตง ที่เขาจิงกัง ฐานที่มั่นของเหมาเจ๋อตง จูเต๋อได้รวมกำลังกับเหมาเจ๋อตงนำกองกำลังชาวนาเข้าร่วมเป็นกองกำลังจรยุทธ์ ในฤดูหนาวปี 1927-1928 เขาสามารถรวบรวมกำลังผลที่ผสมระหว่างชาวนาและกรรมกรถึง 10,000 คน โดยจูเต๋อเป็นผู้บัญชาการทหาร ส่วนเหมาเจ๋อตงเป็นประธานทางการเมือง จากนั้นเหมาเจ๋อตงกับจูเต๋อช่วยกันตีเมืองต่างๆ จนประชาชนได้เรียกทั้ง 2 คนเป็นเสียงเดียวกันว่า "จูเหมา"

ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1930 ถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 1933 เจียงไคเชคได้ทำการล้อมปราบคอมมิวนิสต์จีนเขาจิงกัง จนครั้งสุดท้าย เจียงไคเชคได้นำกองทหารจำนวนหนึ่งล้านคน และเครื่องบินอีก 200 ลำ เข้าล้อมปราบ และปี ค.ศ. 1934 โดยยุทธวิธีการปิดล้อมทางเศรษฐกิจของเจียงไคเชคทำให้ "จูเหมา" เสียฐานที่มั่นเขาจิงกัง

สงครามกับญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดแมนจูเรีย และเจียงไคเชคจึงยุติสงครามกลางเมืองกับ "จูเหมา" หันไปต่อต้านญี่ปุ่นแทน ด้านเหมาเจ๋อตงและจูเต๋อ ก็มุ่งเดินทัพทางไกลเพื่อไปต่อต้านญี่ปุ่นเช่นกัน

การประกาศสถาปนาจีนใหม่

ค.ศ. 1949 จูเต๋ออายุ 63 ปี ได้ยืนข้างเหมาเจ๋อตง ในฐานะ รองประธานคณะกรรมาธิการทหาร ต่อหน้าประชาชนในการประกาศสถาปนาจีนใหม่

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

แม่แบบ:รองประธานาธิบดีจีน แม่แบบ:สิบจอมพล แม่แบบ:สงครามกลางเมืองจีน