ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก"
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
และมีพระโอรสธิดาอีก 2 พระองค์กับภรรยาอื่น ได้แก่ |
และมีพระโอรสธิดาอีก 2 พระองค์กับภรรยาอื่น ได้แก่ |
||
# '''กุ''' เฉลิมพระนามเป็น'''[[พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี]]''' เป็นพระกนิษฐาต่างพระชนนีในรัชกาลที่ 1 |
# '''กุ''' เฉลิมพระนามเป็น'''[[พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี]]''' เป็นพระกนิษฐาต่างพระชนนีในรัชกาลที่ 1 |
||
# '''ลา''' ได้รับสถาปนาเป็น'''[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา]]''' ในรัชกาลที่ 1 |
# '''ลา''' ได้รับสถาปนาเป็น'''[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา]]''' เป็นพระราชอนุชาต่างพระมารดาในในรัชกาลที่ 1 |
||
พระน้องนางของพระอัครชายา (ดาวเรืองหรือหยก) มีชื่อว่า (กู่) ตามเอกสารเดิมที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี |
พระน้องนางของพระอัครชายา (ดาวเรืองหรือหยก) มีชื่อว่า (กู่) ตามเอกสารเดิมที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:13, 15 กุมภาพันธ์ 2563
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก | |
---|---|
ประสูติ | บ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี |
สิ้นพระชนม์ | พ.ศ. 2312 |
ภรรยา | พระอัครชายา (หยก) เจ้าจอมมารดากู่ เจ้าจอมมารดามา |
พระบุตร | 7 พระองค์ |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | พระยาราชนิกูล (ทองคำ) |
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระนามเดิม ทองดี เป็นสมเด็จพระบรมอรรคราชบรรพบุรุษแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เนื่องด้วยทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ประสูติที่บ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี ทรงเป็นบุตรคนโตของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทย (บ้างก็ว่า กรมนา) ในรัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เสนาบดีพระคลังในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธสุนทร และได้เดินทางไปถวายพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยังราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2228
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ทรงรับราชการในกรมมหาดไทย รับบรรดาศักดิ์เป็นที่ หลวงพินิจอักษร และ พระอักษรสุนทรศาสตร์ ในตำแหน่งเสมียนตรากรมมหาดไทย มีหน้าที่ร่างพระราชสาส์นโต้ตอบกับหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเก็บรักษาพระราชลัญจกร
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก เสกสมรสกับสองพี่น้องบุตรีของคหบดีชาวจีน คนพี่ชื่อว่า ดาวเรือง[1] (หรือ หยก) ส่วนคนน้อง ไม่ทราบนาม ตั้งบ้านเรือนอยู่ภายในกำแพงพระนคร ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณป้อมเพชร ซึ่งเป็นย่านอาศัยของชาวจีน
พระโอรส-ธิดา
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก มีพระโอรส-ธิดา กับพระอัครชายา (หยก) 5 พระองค์ คือ[2]
- สา ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี ในรัชกาลที่ 1
- ขุนรามณรงค์ เฉลิมพระนามเป็นสมเด็จพระเจ้าขุนรามณรงค์
- แก้ว ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ในรัชกาลที่ 1
- ทองด้วง ปราบดาภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
- บุญมา เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 1 แล้วเฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทในรัชกาลที่ 1
และมีพระโอรสธิดาอีก 2 พระองค์กับภรรยาอื่น ได้แก่
- กุ เฉลิมพระนามเป็นพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี เป็นพระกนิษฐาต่างพระชนนีในรัชกาลที่ 1
- ลา ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา เป็นพระราชอนุชาต่างพระมารดาในในรัชกาลที่ 1
พระน้องนางของพระอัครชายา (ดาวเรืองหรือหยก) มีชื่อว่า (กู่) ตามเอกสารเดิมที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี
สวรรคต
ช่วงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2310 นายทองดี พร้อมด้วยภรรยา และนายลา บุตรคนสุดท้องเดินทางไปอยู่ที่เมืองพิษณุโลก แต่นายทองดีเกิดป่วยจนเสียชีวิต นายลาและมารดา จึงได้ทำการฌาปนกิจศพตามสมควรในเวลานั้น ต่อมาจึงเชิญอัฐิบรรจุในมหาสังข์ มามอบแด่พระยาอไภยรณฤทธิ์ (รัชกาลที่ 1) ที่กรุงธนบุรี
พระมหาสังข์องค์นี้เป็นสังข์เวียนซ้าย ความยาว 20 เซนติเมตร ริ้วเวียนรอบหัวสังข์และปากสังข์เลี่ยมทองคำสลักลายฝังพลอย ข้างในท้องสังข์มีดอกมะเขือฝังนพเก้า ร่องปลายปากสังข์จารึกอักขระ อุมีมังสีทองคำลงยารองรับ ถือเป็นพระมหาสังข์คู่บ้านคู่เมือง ใช้หลั่งน้ำพระราชทานแก่ราชสกุล ในงานสมรสพระราชทาน กราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ในรัชกาลต่อมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกและพระราชชนนีขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2338 เนื่องในวโรกาสที่มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่ และมีเครื่องมหรสพสมโภช เหมือนอย่างงานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระเมรุมาศก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2339 ได้มีพิธีแห่พระบรมอัฐิออกสู่พระเมรุ มีมหรสพสมโภชเป็นเวลา 7 วัน เมื่อเสร็จพระราชพิธีถวายพระเพลิงแล้วได้อัญเชิญพระบรมอัฐิ กลับมาประดิษฐาน ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชยังได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธปฏิมากรปางห้ามสมุทร หุ้มทองคำประดับเนาวรัตน์ขึ้นองค์หนึ่ง ถวายพระนามว่าพระพุทธจักรพรรดิ ทรงอุทิศส่วนพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระพุทธรูปพระองค์นี้ประดิษฐานไว้ ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
พระบรมราชานุสาวรีย์
จังหวัดอุทัยธานี ได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ประดิษฐานอยู่ ณ เขาแก้ว (เขาสะแกกรัง-ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดขนานกับแม่น้ำสะแกกรัง เมื่อ พ.ศ. 2514 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2522
พระอิสริยยศ
- ทองดี
- หลวงพินิจอักษร
- พระอักษรสุนทรศาสตร์
- สมเด็จพระราชชนกทองดี
- สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก
- สมเด็จพระปฐมบรมอัยกาเธอ
- สมเด็จพระปฐมบรมปัยกาเธอ
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ มีหลักฐานว่า ท่านทั้งสองได้บริจาคเงินสร้างวัดชื่อวัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร จึงสันนิษฐานว่า คนพี่ชื่อดาวเรือง
- ↑ กรมศิลปากร สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 1-4. ISBN 978-974-417-594-6
- บรรณานุกรม
- พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. ปฐมวงศ์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย, 2470. 75 หน้า.
- สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. ISBN 978-974-417-594-6