ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล"
ล บริการเปลี่ยนหมวดหมู่อัตโนมัติด้วยบอต |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{เรซูเม}} |
{{เรซูเม}} |
||
'''หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล''' (นามเดิม:''หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล'') เคยมีบรรดาศักดิ์เป็น'''มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช''' เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการ[[กรมศิลปากร]]ในบัดนี้ เป็นโอรสของพลเรือโท [[พระวรวงศ์เธอ |
'''หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล''' (นามเดิม:''หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล'') เคยมีบรรดาศักดิ์เป็น'''มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช''' เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการ[[กรมศิลปากร]]ในบัดนี้ เป็นโอรสของพลเรือโท [[พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์]] และหม่อมสุ่น มีพี่น้องร่วมพระบิดา ดังรายนามต่อไปนี้ |
||
*มหาอำมาตย์เอก [[เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)]] |
*มหาอำมาตย์เอก [[เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)]] |
||
*เจ้าจอม |
*เจ้าจอม หม่อมราชวงศ์แป้น มาลากุล |
||
*[[ท้าววรคณานันท์ (เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ปั้ม ในรัชกาลที่ 5)]] |
*[[ท้าววรคณานันท์ (เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ปั้ม ในรัชกาลที่ 5)]] |
||
*[[ท้าววรคณานันท์ (เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์แป้ม ในรัชกาลที่ 5)]] |
*[[ท้าววรคณานันท์ (เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์แป้ม ในรัชกาลที่ 5)]] |
||
*มหาเสวกเอก [[เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)]] |
*มหาเสวกเอก [[เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)]] |
||
*เจ้าจอม |
*เจ้าจอม หม่อมราชวงศ์แป้ว มาลากุล |
||
*[[ท้าวสมศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์ปุย มาลากุล)]] |
*[[ท้าวสมศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์ปุย มาลากุล)]] |
||
*มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช |
*มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช |
||
*พระยาชาติเดชอุดม ( |
*พระยาชาติเดชอุดม (หม่อมราชวงศ์โป๊ะ มาลากุล) |
||
* |
*หม่อมราชวงศ์เปี๊ยะ มาลากุล |
||
* |
*หม่อมราชวงศ์ปึก มาลากุล |
||
ในวัยเยาว์ พระบิดาได้ถวายตัวพร้อมกับพี่น้องทั้งหมดให้อยู่ในพระอุปถัมภ์ [[สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ]] ในพระบรมมหาราชวัง ได้ทรงพระกรุณาฯส่งไปศึกษาในขั้นแรกที่[[โรงเรียนราชวิทยาลัย]] และต่อมาที่ Higher Technological School ณ [[ประเทศญี่ปุ่น]] โดยส่งไปพร้อมกับบุคคลดังมีรายพระนามและรายนามต่อไปนี้ |
ในวัยเยาว์ พระบิดาได้ถวายตัวพร้อมกับพี่น้องทั้งหมดให้อยู่ในพระอุปถัมภ์ [[สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง]] ในพระบรมมหาราชวัง ได้ทรงพระกรุณาฯส่งไปศึกษาในขั้นแรกที่[[โรงเรียนราชวิทยาลัย]] และต่อมาที่ Higher Technological School ณ [[ประเทศญี่ปุ่น]] โดยส่งไปพร้อมกับบุคคลดังมีรายพระนามและรายนามต่อไปนี้ |
||
* |
*หม่อมเจ้าพงษ์ภูวนารถ ทวีวงศ์ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศํกดิ์ |
||
* |
*หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล |
||
*นายเจริญ สวัสดิ-ชูโต (ภายหลังเป็น มหาเสวกตรี พระยานรเทพปรีดา) |
*นายเจริญ สวัสดิ-ชูโต (ภายหลังเป็น มหาเสวกตรี พระยานรเทพปรีดา) |
||
*นายเสริม ภูมิรัตน (ภายหลังเป็น หลวงประกาศโกศัยวิทย์) |
*นายเสริม ภูมิรัตน (ภายหลังเป็น หลวงประกาศโกศัยวิทย์) |
||
บรรทัด 20: | บรรทัด 20: | ||
*นางสาวพิศ (นางประกาศโกศัยวิทย์ พิศ ภูมิรัตน) |
*นางสาวพิศ (นางประกาศโกศัยวิทย์ พิศ ภูมิรัตน) |
||
*นางสาวนวล |
*นางสาวนวล |
||
*นางสาวหลี (คุณศรีนาฏ |
*นางสาวหลี (คุณศรีนาฏ บูรณะฤกษ์) |
||
ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่นรุ่นแรกของประเทศไทย |
ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่นรุ่นแรกของประเทศไทย |
||
เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี [[กระทรวงวัง]] จนถึง พ.ศ. 2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด และมียศพลเรือนสูงสุด คือ "มหาเสวกตรี" จนถึงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2485 ท่านจึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ลาออกจากบรรดาศักดิ์<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=59|issue=18 ง|pages=513|title=ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคับลาออกจากบรรดาศักดิ์|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2485/D/018/512.PDF|date=17 มีนาคม 2485|accessdate=15 พฤศจิกายน 2560|language=ไทย}}</ref> |
เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี [[กระทรวงวัง]] จนถึง พ.ศ. 2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด และมียศพลเรือนสูงสุด คือ "มหาเสวกตรี" จนถึงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2485 ท่านจึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ลาออกจากบรรดาศักดิ์<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=59|issue=18 ง|pages=513|title=ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคับลาออกจากบรรดาศักดิ์|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2485/D/018/512.PDF|date=17 มีนาคม 2485|accessdate=15 พฤศจิกายน 2560|language=ไทย}}</ref> |
||
ท่านได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้ |
ท่านได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้ |
||
*พ.ศ. 2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ |
*พ.ศ. 2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง |
||
*พ.ศ. 2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง |
*พ.ศ. 2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง |
||
*พ.ศ. 2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี |
*พ.ศ. 2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี |
||
*พ.ศ. 2471 เป็นสมุหพระราชพิธี |
*พ.ศ. 2471 เป็นสมุหพระราชพิธี |
||
*พ.ศ. 2476 เป็นสมุหพระราชพิธี |
*พ.ศ. 2476 เป็นสมุหพระราชพิธี และทำการในตำแหน่งเจ้ากรม กองพระราชพิธี |
||
*พ.ศ. 2478 เป็นหัวหน้ากองวังและพระราชพิธี สำนักพระราชวัง |
*พ.ศ. 2478 เป็นหัวหน้ากองวังและพระราชพิธี สำนักพระราชวัง |
||
*พ.ศ. 2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก |
*พ.ศ. 2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก |
||
บรรทัด 45: | บรรทัด 45: | ||
*พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ |
*พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ |
||
*พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ |
*พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ |
||
*พ.ศ. 2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ |
*พ.ศ. 2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร |
||
*พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลงและซ่อมทำพระราชฐาน |
*พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลงและซ่อมทำพระราชฐาน |
||
ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ในปี พ.ศ. 2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ,พระราชพิธีบรมราชาภิเษกและงานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษก (น้ำที่ได้พลีกรรมประกอบการพิธีแล้ว) ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นด้วย |
ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ในปี พ.ศ. 2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ,พระราชพิธีบรมราชาภิเษกและงานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษก (น้ำที่ได้พลีกรรมประกอบการพิธีแล้ว) ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นด้วย |
||
นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง |
นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง พระยาเทวาธิราช จะเพลิดเพลินอยู่กับการสะสมวัตถุโบราณและหาความรู้ในหนังสือจากห้องสมุดภายในบ้านของท่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจาก[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ที่ถนนประแจจีน ( บ้านเลขที่ 408 สี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ปัจจุบันรื้อถอนแล้ว) และเขียนบทความสารคดีต่าง ๆ เกี่ยวกับประเพณีทั้งใน-นอกวัง อาทิ |
||
*พระราชประวัติสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี |
*พระราชประวัติสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง |
||
*ราชาภิสดุดี |
*ราชาภิสดุดี |
||
*ประเพณีวัง |
*ประเพณีวัง |
||
บรรทัด 62: | บรรทัด 62: | ||
*เครื่องประดับของไทย |
*เครื่องประดับของไทย |
||
*ช่าง 10 หมู่ |
*ช่าง 10 หมู่ |
||
*บทสนทนา เรื่อง "เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์" |
*บทสนทนา เรื่อง "เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์" ฯลฯ |
||
ที่สำคัญที่สุด คือได้รับพระเมตตาจาก[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า |
ที่สำคัญที่สุด คือได้รับพระเมตตาจาก[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์]] ให้เขียน[[จดหมาย]]ทูลถามความรู้เกี่ยวกับราชประเพณีโบราณ โต้ตอบกับพระองค์ท่าน ทำนองเป็นจดหมายเวรติดต่อเป็นเวลาหลายปี ซึ่งมีบุคคลเพียงไม่กี่ท่านที่จะได้รับพระเมตตาเช่นนี้ |
||
นอกจากการแสวงหาความรู้จากหนังสือแล้ว |
นอกจากการแสวงหาความรู้จากหนังสือแล้ว พระยาเทวาธิราช ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์ จนถึงได้เป็นสมาชิกของสมาคมภาพยนตร์สมัครเล่นแห่งสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในบ้านของท่านจะมีห้องสำหรับล้าง[[ฟิล์ม]]โดยเฉพาะ 1 ห้อง รวมถึงห้องฉายภาพยนตร์ด้วย สำหรับภาพยนตร์ที่ท่านสร้างและกำกับมี 2 เรื่องคือ เจ้าหญิงกุณฑลทิพย์และถลางพ่าย |
||
ด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสครั้งแรกกับคุณหญิงเนื่อง มาลากุล มีบุตร 1 คนคือ |
ด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสครั้งแรกกับคุณหญิงเนื่อง มาลากุล มีบุตร 1 คนคือ |
||
* |
*หม่อมหลวงปีย์ มาลากุล |
||
เมื่อคุณหญิงเนื่อง ถึงอนิจกรรม ในปี พ.ศ. 2458 |
เมื่อคุณหญิงเนื่อง ถึงอนิจกรรม ในปี พ.ศ. 2458 ท่านได้สมรสอีกครั้งกับ คุณหญิงเผื่อน มาลากุล (สกุลเดิม สอาดเอี่ยม) มีบุตร-ธิดา รวม 9 ท่าน คือ |
||
* |
*หม่อมหลวงปุณฑริก ชุมสาย |
||
* |
*หม่อมหลวงปัณยา มาลากุล |
||
* |
*หม่อมหลวงปิลันธน์ มาลากุล |
||
* |
*หม่อมหลวงปานีย์ เพชรไทย |
||
* |
*หม่อมหลวงปฤศนี ศรีศุภอรรถ |
||
* |
*หม่อมหลวงปัทมาวดี มาลากุล |
||
* |
*หม่อมหลวงปารวดี กันภัย |
||
* |
*หม่อมหลวงปราลี ประสมทรัพย์ |
||
* |
*หม่อมหลวงโปรพ มาลากุล |
||
บั้นปลายชีวิต |
บั้นปลายชีวิต หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล ป่วยเป็น[[โรคมะเร็ง]] และถึงอนิจกรรม ณ [[โรงพยาบาลศิริราช]] เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 สิริรวมอายุได้ 78 ปี |
||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:35, 23 พฤศจิกายน 2562
บทความชีวประวัตินี้เขียนเหมือนประวัติสมัครงาน |
หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล (นามเดิม:หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล) เคยมีบรรดาศักดิ์เป็นมหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการกรมศิลปากรในบัดนี้ เป็นโอรสของพลเรือโท พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และหม่อมสุ่น มีพี่น้องร่วมพระบิดา ดังรายนามต่อไปนี้
- มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)
- เจ้าจอม หม่อมราชวงศ์แป้น มาลากุล
- ท้าววรคณานันท์ (เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ปั้ม ในรัชกาลที่ 5)
- ท้าววรคณานันท์ (เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์แป้ม ในรัชกาลที่ 5)
- มหาเสวกเอก เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)
- เจ้าจอม หม่อมราชวงศ์แป้ว มาลากุล
- ท้าวสมศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์ปุย มาลากุล)
- มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช
- พระยาชาติเดชอุดม (หม่อมราชวงศ์โป๊ะ มาลากุล)
- หม่อมราชวงศ์เปี๊ยะ มาลากุล
- หม่อมราชวงศ์ปึก มาลากุล
ในวัยเยาว์ พระบิดาได้ถวายตัวพร้อมกับพี่น้องทั้งหมดให้อยู่ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในพระบรมมหาราชวัง ได้ทรงพระกรุณาฯส่งไปศึกษาในขั้นแรกที่โรงเรียนราชวิทยาลัย และต่อมาที่ Higher Technological School ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยส่งไปพร้อมกับบุคคลดังมีรายพระนามและรายนามต่อไปนี้
- หม่อมเจ้าพงษ์ภูวนารถ ทวีวงศ์ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศํกดิ์
- หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล
- นายเจริญ สวัสดิ-ชูโต (ภายหลังเป็น มหาเสวกตรี พระยานรเทพปรีดา)
- นายเสริม ภูมิรัตน (ภายหลังเป็น หลวงประกาศโกศัยวิทย์)
- นางสาวขจร (ท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา)
- นางสาวพิศ (นางประกาศโกศัยวิทย์ พิศ ภูมิรัตน)
- นางสาวนวล
- นางสาวหลี (คุณศรีนาฏ บูรณะฤกษ์)
ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่นรุ่นแรกของประเทศไทย
เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี กระทรวงวัง จนถึง พ.ศ. 2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด และมียศพลเรือนสูงสุด คือ "มหาเสวกตรี" จนถึงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2485 ท่านจึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ลาออกจากบรรดาศักดิ์[1]
ท่านได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้
- พ.ศ. 2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- พ.ศ. 2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง
- พ.ศ. 2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
- พ.ศ. 2471 เป็นสมุหพระราชพิธี
- พ.ศ. 2476 เป็นสมุหพระราชพิธี และทำการในตำแหน่งเจ้ากรม กองพระราชพิธี
- พ.ศ. 2478 เป็นหัวหน้ากองวังและพระราชพิธี สำนักพระราชวัง
- พ.ศ. 2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก
- พ.ศ. 2486 เป็นข้าราชการพลเรื่อนในพระองค์ชั้นพิเศษ
- พ.ศ. 2492 เป็นสมุหพระราชพิธี และที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งชีวิตในเวลาราชการของพระยาเทวาธิราช ท่านได้ครองตำแหน่งสมุหพระราชพิธียาวนานถึง 3 แผ่นดิน ตราบจนเกษียณอายุออกรับพระราชทานบำนาญ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2501 รวมอายุเวลาราชการ 47 ปี 6 เดือน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและรอบรู้ในเรื่องพิธีการในพระราชสำนักอันจะหาผู้เสมอได้ยาก ความรู้ในเรื่องระเบียบพระราชพิธีของท่านได้ถ่ายทอดให้บุคคลจำนวนมาก ทั้งบุตรและข้าราชการรุ่นหลัง เช่น นายเศวต ธนประดิษฐ์, นายเกรียงไกร วิศวามิตร เป็นต้น ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ , ประถมาภรณ์ช้างเผือก , ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเกียรติยศ
และมีราชการพิเศษ ดังนี้
- พ.ศ. 2478 เป็นประธานกรรมการปรึกษากิจการระหว่างพระราชสำนักและกรมศิลปากร
- พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการสอบแข่งขันส่งนักเรียนไปต่างประเทศ
- พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการพิจารณาทรัพย์สิน สำนักพระราชวัง และกรรมการพิจารณาหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา
- พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการชำระปทานุกรม
- พ.ศ. 2486 เป็นกรรมการที่ปรึกษาวัฒนธรรม เรื่องชีวิตในบ้าน
- พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ
- พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ
- พ.ศ. 2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
- พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลงและซ่อมทำพระราชฐาน
ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ในปี พ.ศ. 2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ,พระราชพิธีบรมราชาภิเษกและงานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษก (น้ำที่ได้พลีกรรมประกอบการพิธีแล้ว) ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นด้วย
นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง พระยาเทวาธิราช จะเพลิดเพลินอยู่กับการสะสมวัตถุโบราณและหาความรู้ในหนังสือจากห้องสมุดภายในบ้านของท่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ถนนประแจจีน ( บ้านเลขที่ 408 สี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ปัจจุบันรื้อถอนแล้ว) และเขียนบทความสารคดีต่าง ๆ เกี่ยวกับประเพณีทั้งใน-นอกวัง อาทิ
- พระราชประวัติสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- ราชาภิสดุดี
- ประเพณีวัง
- เจ้า
- เบญจราชกกุธภัณฑ์ และ ราชูปโภค
- วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- ประเพณีการสมรส
- เรื่องเรือนหอ
- เพชร-พลอย
- เครื่องประดับของไทย
- ช่าง 10 หมู่
- บทสนทนา เรื่อง "เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์" ฯลฯ
ที่สำคัญที่สุด คือได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ให้เขียนจดหมายทูลถามความรู้เกี่ยวกับราชประเพณีโบราณ โต้ตอบกับพระองค์ท่าน ทำนองเป็นจดหมายเวรติดต่อเป็นเวลาหลายปี ซึ่งมีบุคคลเพียงไม่กี่ท่านที่จะได้รับพระเมตตาเช่นนี้
นอกจากการแสวงหาความรู้จากหนังสือแล้ว พระยาเทวาธิราช ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์ จนถึงได้เป็นสมาชิกของสมาคมภาพยนตร์สมัครเล่นแห่งสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในบ้านของท่านจะมีห้องสำหรับล้างฟิล์มโดยเฉพาะ 1 ห้อง รวมถึงห้องฉายภาพยนตร์ด้วย สำหรับภาพยนตร์ที่ท่านสร้างและกำกับมี 2 เรื่องคือ เจ้าหญิงกุณฑลทิพย์และถลางพ่าย
ด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสครั้งแรกกับคุณหญิงเนื่อง มาลากุล มีบุตร 1 คนคือ
- หม่อมหลวงปีย์ มาลากุล
เมื่อคุณหญิงเนื่อง ถึงอนิจกรรม ในปี พ.ศ. 2458 ท่านได้สมรสอีกครั้งกับ คุณหญิงเผื่อน มาลากุล (สกุลเดิม สอาดเอี่ยม) มีบุตร-ธิดา รวม 9 ท่าน คือ
- หม่อมหลวงปุณฑริก ชุมสาย
- หม่อมหลวงปัณยา มาลากุล
- หม่อมหลวงปิลันธน์ มาลากุล
- หม่อมหลวงปานีย์ เพชรไทย
- หม่อมหลวงปฤศนี ศรีศุภอรรถ
- หม่อมหลวงปัทมาวดี มาลากุล
- หม่อมหลวงปารวดี กันภัย
- หม่อมหลวงปราลี ประสมทรัพย์
- หม่อมหลวงโปรพ มาลากุล
บั้นปลายชีวิต หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และถึงอนิจกรรม ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 สิริรวมอายุได้ 78 ปี
อ้างอิง
- ↑ "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคับลาออกจากบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 59 (18 ง): 513. 17 มีนาคม 2485. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2560.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
- ปกิณกะ ของ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล [พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2510]