ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จุลศักราช"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xiengyod~commonswiki (คุย | ส่วนร่วม)
Xiengyod~commonswiki (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 95: บรรทัด 95:
|}
|}


หมายเหตุ: ระบบลำดับเลขเดือนของสุโขทัยและล้านช้าง รวมถึงระบบลำดับเลขเดือนของพม่าที่เลิกใช้ไปแล้ว มีการลำดับเลขเดือนตรงกัน<ref name=jce-1995-28-29>Eade 1995: 28–29</ref>
Note: The Sukhothai and Lan Xang numbering systems and the now abandoned Burmese numbering system are the same.<ref name=jce-1995-28-29>Eade 1995: 28–29</ref>


==== ชื่อปีนักษัตร ====
==== ชื่อปีนักษัตร ====

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:29, 16 กันยายน 2562

จุลศักราช (จ.ศ.; บาลี: Culāsakaraj; พม่า: ကောဇာသက္ကရာဇ်; เขมร: ចុល្លសករាជ) เป็นศักราชที่เริ่มเมื่อ พ.ศ. 1181 (ค.ศ. 638) นับรอบปีตั้งแต่ 16 เมษายน ถึง 15 เมษายน เดิมเข้าใจกันว่าเป็นศักราชของพม่า ปรากฏอยู่ตามตำราโหราศาสตร์ แต่ทว่าปีที่ตั้งจุลศักราชนั้นเป็นเวลาก่อนปีที่พระเจ้าอโนรธามังช่อจะประสูติ สันนิษฐานว่าน่าจะตั้งขึ้นในปีที่กษัตริย์ปยูขึ้นครองราชย์ และใช้สืบต่อมาจนถึงอาณาจักรพุกาม[1] เมื่อสมัยอาณาจักรอโยธยารับศักราชนี้ไปใช้ เลยเกิดความเชื่อกันว่าเป็นศักราชของชาวพม่า จุลศักราชถูกนำมาใช้แพร่หลายทั้งในอาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัยสมัยหลัง และอาณาจักรอยุธยา ในสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ทรงตัดปีจุลศักราช และใช้ปีศักราชจุฬามณีแทน เป็นผลทำให้ปีนักษัตรคลาดเคลื่อนไปสามปี ต่อมาจึงได้เปลี่ยนกลับไปใช้ปีจุลศักราชตามเดิม และตกทอดมาถึงปัจจุบัน การคำนวณปี พ.ศ. จาก จ.ศ. ปฏิทินไทยให้ใช้ปี จ.ศ. บวก 1181 ก็จะได้ปี พ.ศ. (เว้นแต่ในช่วงต้นปีตามปฏิทินสุริยคติที่ยังไม่เถลิงศกจุลศักราชใหม่)

ในเอกสารโบราณของไทยจำนวนไม่น้อย นิยมอ้างเวลา โดยใช้จุลศักราช โดยใช้ควบคู่กับปีนักษัตร หรือ ระบุเฉพาะเลขตัวท้ายของจุลศักราช และปีนักษัตร ทำให้สามารถระบุปี ได้ในช่วงกว้างถึงรอบละ 60 ปี (มาจาก ครน. ของรอบ 10 ปีจากเลขท้ายของจุลศักราช และรอบ 12 ปีของปีนักกษัตร)

รากศัพท์

คำว่าจุลศักราชเป็นคำในภาษาไทยที่ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต ประกอบด้วยคำว่า "จุล" ในภาษาบาลี แปลว่า เล็ก, น้อย และคำว่า "ศก" และ "ราช" ในภาษาสันสกฤต อันมีความหมายโดยพยัญชนะว่า "ราชาแห่งอาณาจักรศกะ" (ในที่นี้หมายถึงอาณาจักรที่เรียกชื่อว่า Scythians ในภาษาอังกฤษ) คำว่าศักราชได้เปลี่ยนมาใช้ในความหมายว่า "ปี" หรือ "ยุค" ในบรรดาประเทศต่างๆ ที่ยอมรับวัฒนธรรมอินเดียในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยได้[2]

ในประเทศไทยนั้น มีการใช้จุลศักราชเป็นคู่ตรงข้ามกับ "ศาลิวาหนะศักราช" (แปลว่า ศักราชของพระเจ้าศาลิวาหนะแห่งอาณาจักรศกะ) ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในชื่อ มหาศักราช (พม่า: မဟာ သက္ကရာဇ်, [məhà θɛʔkəɹɪʔ]) อันมีความหมายว่า "ศักราชใหญ่"

ความแตกต่าง

การกำหนดชื่อเรียกเฉพาะ

การลำดับเลขเดือน

ชื่อเดือนภาษาสันสกฤต ชื่อเดือนภาษาบาลี เขมร, ล้านช้าง, สุโขทัย เชียงตุง, สิบสองปันนา เชียงใหม่
ไจตฺรมาส จิตฺตมาส 5 6 7
ไวศาขมาส วิสาขมาส 6 7 8
เชฺยษฺฐมาส เชฏฺฐมาส 7 8 9
อาษาฒมาส อาสาฬฺหมาส 8 9 10
ศฺราวณมาส สาวนมาส 9 10 11
ภาทฺรปทมาส,
โปฺรษฐปทมาส
ภทฺทปทมาส,
โปฏฺฐปมาส
10 11 12
อาศฺวินมาส,
อศฺวยุชมาส
อสฺสยุชมาส 11 12 1
การฺตฺติกมาส กตฺติกมาส 12 1 2
มารฺคศีรฺษมาส มิคสิรมาส 1 2 3
เปาษมาส ปุสฺสมาส 2 3 4
มาฆมาส,
ปูสมาส
มาฆมาส,
ผุสฺสมาส
3 4 5
ผาลฺคุนมาส ผคฺคุณมาส 4 5 6

หมายเหตุ: ระบบลำดับเลขเดือนของสุโขทัยและล้านช้าง รวมถึงระบบลำดับเลขเดือนของพม่าที่เลิกใช้ไปแล้ว มีการลำดับเลขเดือนตรงกัน[3]

ชื่อปีนักษัตร

ระบบของไทยและกัมพูชาจะมีการกำหนดชื่อปีในทุกรอบ 12 ปี ด้วยชื่อสัตว์ต่างๆ[4] ในประเทศพม่าก็มีการกำหนดชื่อปีลักษณะดังกล่าวเช่นกัน[5] แต่ได้สาบสูญไปตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1638 (ตามปฏิทินไทยคือ พ.ศ. 2080 ย่างเข้า พ.ศ. 2181) พระเจ้าตาลูนแห่งกรุงอังวะ ได้ทรงปฏิเสธที่จะใช้ปฏิทินจุลศักราชที่พระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยาได้ทรงกำหนดขึ้นใช้ใหม่ ซึ่งมีการกำหนดชื่อปีนักษัตรในแต่ละปี เนื่องจากการกำหนดชื่อปีนักษัตรด้วยชื่อสัตว์ดังกล่าวไม่ได้มีการใช้ในระบบปฏิทินพม่าแล้ว[6]

ในอาณาจักรล้านนาและล้านช้างก็ปรากฏว่ามีการกำหนดชื่อปีนักษัตรทั้ง 12 ปี เช่นกัน เรียกว่า ลูกมื้อ [7] แต่มีการเรียกชื่อแตกต่างจากภาษาไทย (ซึ่งมีชื่อปีตรงกับภาษาเขมรมากกว่า) และกำหนดชนิดสัตว์ประจำปีต่างกันเล็กน้อย[6]

ปีที่ สัตว์ประจำปี ชื่อภาษาไทย ชื่อภาษาเขมร ชื่อภาษาล้านนา/ล้านช้าง
1 หนู ชวด ជូត (ชวด) ไจ้
2 วัว ฉลู ឆ្លូវ (ฉลูว) เป้า
3 เสือ ขาล ខាល (ขาล) ยี
4 กระต่าย เถาะ ថោះ (เถาะ) เหม้า
5 นาค/มังกร มะโรง រោង (โรง) สี
6 งูเล็ก มะเส็ง ម្សាញ់ (มสัญ) ไส้
7 ม้า มะเมีย មមី (มมี) สะง้า
8 แพะ มะแม មមែ (มแม) เม็ด
9 ลิง วอก វក (วอก) สัน
10 ไก่ ระกา រកា (รกา) เร้า
11 สุนัข จอ ច (จอ) เส็ด
12 หมู (ไทย/เขมร)
ช้าง (ล้านนา/ล้านช้าง)
กุน កុរ (กุร) ไค้

การเรียกศกตามเลขท้ายปี

ในระบบการเรียกศกตามเลขท้ายปีจุลศักราช นิยมเรียกดังนี้

  1. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 1 เรียก "เอกศก"
  2. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 2 เรียก "โทศก"
  3. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 3 เรียก "ตรีศก"
  4. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 4 เรียก "จัตวาศก"
  5. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 5 เรียก "เบญจศก"
  6. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 6 เรียก "ฉศก"
  7. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 7 เรียก "สัปตศก"
  8. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 8 เรียก "อัฐศก"
  9. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 9 เรียก "นพศก"
  10. ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 0 เรียก "สัมฤทธิศก"

อ้างอิง

  1. Aung-Thwin 2005: 35
  2. Busyakul 2004: 473.
  3. Eade 1995: 28–29
  4. Eade 1995: 22
  5. Luce 1970: 330
  6. 6.0 6.1 Rong 1986: 70 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "rs-70" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
  7. http://www.lanna108.com/article/47/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2
  • ยุทธพร นาคสุข, ศักราชและความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องมหาศักราชและจุลศักราชในพื้นเมืองเชียงใหม่[ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ]
  • วันวาร กาลเวลา แลนานาศักราช, กรมวิชาการ, กระทรวงศึกษาธิการ, พ.ศ. 2546, หน้า 67-69

แหล่งข้อมูลอื่น

  • Aung-Thwin, Michael (2005). The mists of Rāmañña: The Legend that was Lower Burma (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 9780824828868.
  • Busyakul, Visudh (2004). "Calendar and Era in use in Thailand" (pdf). Journal of the Royal Institute of Thailand (ภาษาThai). Bangkok: Royal Institute of Thailand. 29 (2, April–June): 468–78. สืบค้นเมื่อ 2015-02-05.{{cite journal}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)