ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อริยสัจ 4"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 20: บรรทัด 20:


# '''สัจญาณ''' หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
# '''สัจญาณ''' หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
## นี่คือทุกข์
## นี่คือทุกข์ (นาม-รูป)
## นี่คือเหตุแห่งทุกข์
## นี่คือเหตุแห่งทุกข์ (ตัวทุกข์)
## นี่คือความดับทุกข์
## นี่คือความดับทุกข์ (ปัญญา)
## นี่คือทางแห่งความดับทุกข์
## นี่คือทางแห่งความดับทุกข์ (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
# '''กิจญาณ''' หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
# '''กิจญาณ''' หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
## ทุกข์ควรรู้
## ทุกข์ควรรู้ (นาม-รูป)
## เหตุแห่งทุกข์ควรละ
## เหตุแห่งทุกข์ควรละ (ตัวทุกข์)
## ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
## ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง (ปัญญา)
## ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
## ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
# '''กตญาณ''' หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
# '''กตญาณ''' หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
## ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
## ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว (นาม-รูป)
## เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
## เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว (ตัวทุกข์)
## ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
## ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา)
## ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว
## ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:54, 20 สิงหาคม 2562

อริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ

  1. ทุกข์ (นาม-รูป) คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5
  2. สมุทัย (ตัวทุกข์) คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ
  3. นิโรธ (ปัญญา) คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง
  4. มรรค (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ มีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ 1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ 3. สัมมาวาจา-เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ 5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ 7. สัมมาสติ-ระลึกชอบ และ 8. สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง

มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้ 1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ 2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ และ 3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ

กิจในอริยสัจ 4

กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่

  1. ปริญญา - ทุกข์ (นาม-รูป) ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
  2. ปหานะ - สมุทัย (ตัวทุกข์) ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
  3. สัจฉิกิริยา - นิโรธ (ปัญญา) ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
  4. ภาวนา - มรรค (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา

กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ

กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้

  1. สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
    1. นี่คือทุกข์ (นาม-รูป)
    2. นี่คือเหตุแห่งทุกข์ (ตัวทุกข์)
    3. นี่คือความดับทุกข์ (ปัญญา)
    4. นี่คือทางแห่งความดับทุกข์ (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
  2. กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
    1. ทุกข์ควรรู้ (นาม-รูป)
    2. เหตุแห่งทุกข์ควรละ (ตัวทุกข์)
    3. ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง (ปัญญา)
    4. ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
  3. กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
    1. ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว (นาม-รูป)
    2. เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว (ตัวทุกข์)
    3. ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา)
    4. ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)

อ้างอิง

  • ราชบัณฑิตยสถาน. (2548). พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์. หน้า 65-66.
  • พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พุทธธรรม" มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546