ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
เเก้ไขข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ย้อนการแก้ไขของ 2403:6200:8872:A220:B158:2E0F:5788:8386 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย 223.205.110.75
ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
| succession = [[พระมหากษัตริย์ไทย|พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา]]
| succession = [[พระมหากษัตริย์ไทย|พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา]]
| death_date = พ.ศ. 2199
| death_date = พ.ศ. 2199
| father = [[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]]
| issue = [[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] <br> [[สมเด็จเจ้าฟ้าไชย]] <br> [[กรมหลวงโยธาทิพ]]
| mother = พระมณีรัตนา
| issue = [[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] <br> [[สมเด็จเจ้าฟ้าไชย]] <br> [[กรมหลวงโยธาทิพ]]
| reign = พ.ศ. 2172-2199 (26 ปี)
| reign = พ.ศ. 2172-2199 (26 ปี)
| predecessor = [[สมเด็จพระอาทิตยวงศ์]]
| predecessor = [[สมเด็จพระอาทิตยวงศ์]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:16, 2 สิงหาคม 2562

สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา
ครองราชย์พ.ศ. 2172-2199 (26 ปี)
ก่อนหน้าสมเด็จพระอาทิตยวงศ์
ถัดไปสมเด็จเจ้าฟ้าไชย
สวรรคตพ.ศ. 2199
พระราชบุตรสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จเจ้าฟ้าไชย
กรมหลวงโยธาทิพ
ศาสนาพุทธ

สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ครองราชย์ พ.ศ. 2172 - 2199[1]) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 24 แห่งอาณาจักรอยุธยา และทรงเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ปราสาททอง

พระราชประวัติ

สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เดิมเป็นขุนนางในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีบรรดาศักดิ์เป็นพระมหาอำมาตย์ และมีความชอบจากการปราบกบฏญี่ปุ่น จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ และได้รับพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนมาก[2]

เมื่อสมเด็จพระเชษฐาธิราชสืบราชสมบัติต่อมาได้ 4 เดือน มารดาเจ้าพระยากลาโหมถึงแก่กรรม มีข้าราชการใหญ่น้อยไปช่วยงานมาก สมเด็จพระเชษฐาธิราชทรงเชื่อว่าเจ้าพระยากลาโหมเตรียมการจะก่อกบฏ จึงโปรดให้ตั้งกองทหารไว้ แล้วให้ขุนมหามนตรีไปเรียกเจ้าพระยากลาโหมมาดูมวย แต่เจ้าหมื่นสรรเพธภักดีส่งข่าวไปแจ้งแผนการก่อน เจ้าพระยากลาโหมจึงบอกขุนนางว่า "เจ้าแผ่นดินว่าเราเป็นกบฏแล้วเราจะทำตามรับสั่ง" แล้วยกกองกำลังเข้ายึดพระราชวังได้ ส่วนสมเด็จพระเชษฐาธิราชกับข้าหลวงเดิมลงเรือหนีไป[3] เจ้าพระยากลาโหมให้พระยาเดโชและพระยาท้ายน้ำออกติดตามในคืนนั้นจนตามจับได้ที่ป่าโมกน้อย แล้วให้นำไปสำเร็จโทษ[4]

จากนั้นจึงอัญเชิญพระอาทิตยวงศ์ขึ้นสืบราชสมบัติต่อ แต่ผ่านไปได้ประมาณ 6 เดือน เหล่ามุขมนตรีก็เห็นว่าสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ยังทรงพระเยาว์เกินไป ไม่รู้จักว่าราชการจนเสียการแผ่นดิน[5] จึงถวายราชสมบัติแก่เจ้าพระยากลาโหมให้ขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่าพระเจ้าปราสาททอง[6] ส่วนในกฎหมายพระธรรมนูญ กรมศักดิ์ ลักษณะอาญาหลวง ออกพระนามว่าสมเด็จพระเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบรมบพิตร[7] แล้วทรงปูนบำเหน็จมากมายแก่ขุนนางที่สวามิภักดิ์ และทรงตั้งพระอนุชาเป็นพระศรีสุธรรมราชา[8]

ถึงปี พ.ศ. 2199[9] สมเด็จพระเจ้าปราสาททองประชวรหนัก ทรงย้ายไปประทับที่พระที่นั่งเบญจรัตน์ ได้ตรัสมอบราชสมบัติและพระแสงขรรค์ชัยศรีแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชัย หลังจากนั้น 3 วัน ก็เสด็จสวรรคต ครองราชย์ได้ 26 ปี[10]

พระราชกรณียกิจ

ด้านศาสนา

สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้สร้างวัดไชยวัฒนาราม วัดชุมพลนิกายารามราชวรวิหาร สร้างพระปรางค์วัดมหาธาตุ ในช่วงพระราชพิธีลบศักราชได้โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์พระอารามกว่าร้อยแห่ง เช่น วัดหน้าพระเมรุ เป็นต้น และโปรดเสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลในโอกาสต่าง ๆ เช่น สมโภชพระพุทธบาท เป็นต้น

ด้านเศรษฐกิจ

รัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่การค้าทางเรือระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังรุ่งเรือง โดยเฉพาะบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ที่เข้ามารับซื้อของป่า หนังกระเบน ดีบุกและข้าวสาร ต่อมายังได้รับพระราชทานสิทธิ์ขาดในการส่งออกหนังสัตว์ด้วย นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าสเปน โปรตุเกส อินเดีย เปอร์เซีย และอาร์มีเนีย เข้ามาค้าขาย ทำให้การเงินของประเทศมั่งคั่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดรัชกาล[11]

ด้านสถาปัตยกรรม

สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้สร้างปราสาทนครหลวง พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระตำหนักธารเกษม และพระที่นั่งวิหารสมเด็จ นอกจากนี้ยังโปรดให้ตกแต่งพระตำหนักท่าเจ้าสนุกและสร้างศาลาตามรายทางที่ไปนมัสการพระพุทธบาทเพื่อให้ประชาชนได้พักผ่อนและอาศัย

ด้านการปกครอง

สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงปรับการบริหารให้รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยให้เจ้าเมืองต่าง ๆ มาปฏิบัติหน้าที่เข้าเฝ้าที่ศาลาลูกขุนในพระราชวังทุกวัน แล้วส่งผู้รั้งเมืองไปปกครองหัวเมืองแทน นอกจากนี้ยังโปรดให้ตรากฎหมายขึ้นหลายฉบับ เช่น พระไอยการทาส พระไอยการลักษณะมรดก พระไอยการลักษณะกู้หนี้ พระไอยการลักษณะอุทธรณ์ และกฎหมายพระธรรมนูญ อันเป็นรากฐานแห่งกฎหมายตราสามดวง

พระราชบุตร

สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีพระราชโอรสธิดาเท่าที่ปรากฏพระนามในพงศาวดาร ดังนี้

พระอัครมเหสี
พระราชเทวี (เชื่อว่าเป็นพระราชธิดาในพระเจ้าทรงธรรม)[12]
พระมเหสี (ไม่ทราบพระนาม)
พระสนม (ไม่ทราบนาม)[13]
พระสนมเลื่อน ธิดาของเจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น)[14]

ส่วน คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงรับพระราชธิดาทั้งแปดพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมาเป็นพระมเหสี โดยแบ่งเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาอย่างละสี่พระองค์ และมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระปทุมาเทวีและพระสุริยารวมกันเจ็ดพระองค์ ดังนี้[15]

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 142
  2. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 262
  3. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 267
  4. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 268
  5. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 269
  6. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 271
  7. อธิบายพระนามพระเจ้าแผ่นดิน ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี, หน้า 22
  8. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 272
  9. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 144
  10. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 283
  11. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 143
  12. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 152
  13. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 274
  14. พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ (บรรณาธิการ) "เล่าเรื่อง...เฉกอะหมัด ต้นสกุลบุนนาค จากเอกสารพิมพ์ดีด ๒๔๘๒ กรุงเทพฯ:บันทึกสยาม พ.ศ. 2553 หน้า 48
  15. ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง, หน้า 92
บรรณานุกรม
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ. อธิบายพระนามพระเจ้าแผ่นดิน ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2468. 29 หน้า.
  • พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9
  • มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. ISBN 978-616-7308-25-8
  • ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง. กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2553. 536 หน้า. ISBN 978-616-508-073-6

ดูเพิ่ม

ก่อนหน้า สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ถัดไป
สมเด็จพระอาทิตยวงศ์
(ราชวงศ์สุโขทัย)

(พ.ศ. 2173)

สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา
(ราชวงศ์ปราสาททอง)

(พ.ศ. 2172 - 2199)
สมเด็จเจ้าฟ้าไชย
(ราชวงศ์ปราสาททอง)

(พ.ศ. 2199)