ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 2 แห่งนาวาร์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
<br />{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์|ชื่อ=บลังกาที่ 2|พระอิสริยยศ=พระราชินีผู้ปกครองแห่งนาวาร์<br>เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส <small>(โดยสมรส)</small>|ภาพ=ภาพ:Blanca II de Navarra.jpg|ภาพกว้าง=200px|ครองราชย์=23 กันยายน ค.ศ. 1461 – 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 <small>(นาวาร์)</small>|รัชกาลก่อนหน้า=[[พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งนาวาร์]]|รัชกาลถัดไป=[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]]|พระราชสมภพ=9 มิถุนายน ค.ศ. 1424|พระราชสมภพที่=[[โอลิเต]] [[ราชอาณาจักรนาวาร์]]|สิ้นพระชนม์=2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 (40 พรรษา)|สิ้นพระชนม์ที่=[[ออร์เตซ]] [[ราชอาณาจักรฝรั่งเศส]]|ฝังศพ=[[เลสการ์]]|พระสวามี=[[พระเจ้าเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยา]]|ราชวงศ์=ตรัสตามารา|พระบิดา=[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]]|พระมารดา=[[สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์]]}}
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์|ชื่อ=บลังกาที่ 2|พระอิสริยยศ=พระราชินีผู้ปกครองแห่งนาวาร์<br>เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส <small>(โดยสมรส)</small>|ภาพ=ภาพ:Blanca II de Navarra.jpg|ภาพกว้าง=200px|ครองราชย์=23 กันยายน ค.ศ. 1461 – 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 <small>(นาวาร์)</small>|รัชกาลก่อนหน้า=[[พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งนาวาร์]]|รัชกาลถัดไป=[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]]|พระราชสมภพ=9 มิถุนายน ค.ศ. 1424|พระราชสมภพที่=[[โอลิเต]] [[ราชอาณาจักรนาวาร์]]|สิ้นพระชนม์=2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 (40 พรรษา)|สิ้นพระชนม์ที่=[[ออร์เตซ]] [[ราชอาณาจักรฝรั่งเศส]]|ฝังศพ=[[เลสการ์]]|พระสวามี=[[พระเจ้าเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยา]]|ราชวงศ์=ตรัสตามารา|พระบิดา=[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]]|พระมารดา=[[สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์]]}}


'''บลังกาที่ 2''' ({{Lang-eu|Zuria}}, {{Lang-es|Blanca}}) (9 มิถุนายน ค.ศ. 1424 – 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464) เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งนาวาร์เพียงในนามตั้งแต่ ค.ศ. 1461 – ค.ศ. 1464) ทรงเป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]]กับ[[สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์]] และเป็นเจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียสจากการสมรส
'''บลังกาที่ 2''' ({{Lang-eu|Zuria}}, {{Lang-es|Blanca}}) (9 มิถุนายน ค.ศ. 1424 – 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464) เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งนาวาร์เพียงในนามตั้งแต่ ค.ศ. 1461 – ค.ศ. 1464) ทรงเป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]]กับ[[สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์]] และเป็นเจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียสจากการสมรส

<br />


== ก่อนขึ้นครองราชย์ ==
== ก่อนขึ้นครองราชย์ ==


บลังกาเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1424 ทรงเป็นพระธิดาของสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์กับพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน พระองค์มีพระเชษฐาหนึ่งคนคือ[[พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งอารากอน|การ์โลส]] ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าพระองค์จะได้สืบทอดตำแน่ง พระองค์ยังมีพี่น้องอีกสองคน คือ พระเชษฐภคินีชื่อฆวนนาที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระชนมายุ 2 พรรษา กับ[[สมเด็จพระราชินีนาถเลโอนอร์ที่ 1 แห่งนาวาร์|เลโอนอร์]] พระขนิษฐาคนสุดท้อง
บลังกาเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1424 ทรงเป็นพระธิดาของสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์กับพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน พระองค์มีพระเชษฐาหนึ่งคนคือ[[พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งอารากอน|การ์โลส]] ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าพระองค์จะได้สืบทอดตำแน่ง พระองค์ยังมีพี่น้องอีกสองคน คือ พระเชษฐภคินีชื่อฆวนนาที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระชนมายุ 2 พรรษา กับ[[สมเด็จพระราชินีนาถเลโอนอร์ที่ 1 แห่งนาวาร์|เลโอนอร์]] พระขนิษฐาคนสุดท้อง
<br />


=== การอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งกัสติยา ===
=== การอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งกัสติยา ===
ปี ค.ศ. 1427 พระองค์กับพี่น้องอีกสองคนคือการ์โลสและเลโอนอร์ถูกประกาศให้เป็นทายาทโดยชอบธรรมในราชอาณาจักรนาวาร์ สนธิสัญญาสันติภาพระหว่างนาวาร์กับกัสติยาในปี ค.ศ. 1436 ระบุให้บลังกาเป็นทายาทแห่งกัสติยา ปี ค.ศ. 1440 ทรงอภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้าเอ็นริเกที่ 4 แห่งกัสติยา]] (ขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าชาย) ทรงมีฉายานามว่า ''ผู้ตายด้านทางเพศ'' และเป็นพระเชษฐาต่างมารดาของ[[สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา]] (ขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าหญิง) สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 ติดตามพระธิดาไปร่วมพิธีสมรสอย่างเป็นทางการซึ่งจัดขึ้นที่[[บายาโดลิด]]ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1440<ref>[[Genealogy of the House of Trastámara]] </ref> โดยเจ้าสาวมีพระชนมายุ 16 พรรษา ส่วนเจ้าบ่าวมีพระชนมายุ 15 พรรษา ระหว่างที่อยู่ในกัสติยา พระมหากษัตริย์หญิงแห่งนาวาร์ถือโอกาสนี้เดินทางไปแสวงบุญที่สักการะสถานกัวดาลูเปใน[[แคว้นเอซเตรมาดูรา|เอซเตรมาดูรา]] และยังถือโอกาสนี้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพระสวามีกับขุนนางกัสติยาที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน พระองค์ยังคงเคลื่อนไหวในกัสติยาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับสิ้นพระชนม์อย่างเหนือความคาดหมายในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1441<ref>[https://dialnet.unirioja.es/servlet/articulo?codigo=16174 Eloísa Ramírez Vaquero: ''Queen Blanca and Navarra'']</ref>
ปี ค.ศ. 1427 พระองค์กับพี่น้องอีกสองคนคือการ์โลสและเลโอนอร์ถูกประกาศให้เป็นทายาทโดยชอบธรรมในราชอาณาจักรนาวาร์ สนธิสัญญาสันติภาพระหว่างนาวาร์กับกัสติยาในปี ค.ศ. 1436 ระบุให้บลังกาเป็นทายาทแห่งกัสติยา ปี ค.ศ. 1440 ทรงอภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้าเอ็นริเกที่ 4 แห่งกัสติยา]] (ขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าชาย) ทรงมีฉายานามว่า ''ผู้ตายด้านทางเพศ'' และเป็นพระเชษฐาต่างมารดาของ[[สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา]] (ขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าหญิง) สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 ติดตามพระธิดาไปร่วมพิธีสมรสอย่างเป็นทางการซึ่งจัดขึ้นที่[[บายาโดลิด]]ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1440<ref>[[Genealogy of the House of Trastámara]] </ref> โดยเจ้าสาวมีพระชนมายุ 16 พรรษา ส่วนเจ้าบ่าวมีพระชนมายุ 15 พรรษา ระหว่างที่อยู่ในกัสติยา พระมหากษัตริย์หญิงแห่งนาวาร์ถือโอกาสนี้เดินทางไปแสวงบุญที่สักการะสถานกัวดาลูเปใน[[แคว้นเอซเตรมาดูรา|เอซเตรมาดูรา]] และยังถือโอกาสนี้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพระสวามีกับขุนนางกัสติยาที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน พระองค์ยังคงเคลื่อนไหวในกัสติยาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับสิ้นพระชนม์อย่างเหนือความคาดหมายในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1441<ref>[https://dialnet.unirioja.es/servlet/articulo?codigo=16174 Eloísa Ramírez Vaquero: ''Queen Blanca and Navarra'']</ref>



ตลอดระยะเวลา 13 ปีการสมรสไม่เคยสมบูรณ์ พระเจ้าเอนริเกกล่าวเป็นนัยๆ ว่าบลังกาทำให้พระองค์ตายด้านทางเพศและพยายามเชื่อมโยงว่าเป็นผลมาจากการทำคุณไสย อาการตายด้านทางเพศจะตามหลอกหลอนพระองค์ไปชั่วชีวิตและเป็นต้นเหตุให้เกิดความสงสัยว่าพระองค์ใช่บิดาตัวจริงของ[[ฆวนนา ลา เบลตราเนฆา|ฆวนนา]] พระโอรสธิดาคนเดียวของพระองค์หรือไม่ ข้อสงสัยดังกล่าวส่งผลให้สิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์กัสติยาตกเป็นของอิซาเบล พระขนิษฐาต่างมารดาของพระเจ้าเอนริเก ปี ค.ศ. 1453 บลังกาถูกตรวจร่างกายและมีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพระองค์ยังคงบริสุทธิ์ สมเด็จพระสันตะปาปาประกาศให้การสมรสเป็นโมฆะด้วยเหตุผลว่ามีการทำคุณไสยใส่พระเจ้าเอนริเกเพื่อให้การสมรสไม่สมบูรณ์ เหตุผลดังกล่าวสร้างความอับอายให้แก่ทั้งสองฝ่าย พระเจ้าเอนริเกไม่สามารถใช้ความเป็นญาติใกล้ชิดมาอ้างเป็นเหตุผลได้เนื่องจากว่าที่พระมเหสีคนใหม่ที่พระองค์หมายตาไว้ ([[จัวนาแห่งโปรตุเกส สมเด็จพระราชินีแห่งกัสติยา|จัวนาแห่งโปรตุเกส]]) เป็นพระญาติที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าบลังกา การสมรสจบลงในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1453 บลังกาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดด้วยความอัปยศอดสู
ตลอดระยะเวลา 13 ปีการสมรสไม่เคยสมบูรณ์ พระเจ้าเอนริเกกล่าวเป็นนัยๆ ว่าบลังกาทำให้พระองค์ตายด้านทางเพศและพยายามเชื่อมโยงว่าเป็นผลมาจากการทำคุณไสย อาการตายด้านทางเพศจะตามหลอกหลอนพระองค์ไปชั่วชีวิตและเป็นต้นเหตุให้เกิดความสงสัยว่าพระองค์ใช่บิดาตัวจริงของ[[ฆวนนา ลา เบลตราเนฆา|ฆวนนา]] พระโอรสธิดาคนเดียวของพระองค์หรือไม่ ข้อสงสัยดังกล่าวส่งผลให้สิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์กัสติยาตกเป็นของอิซาเบล พระขนิษฐาต่างมารดาของพระเจ้าเอนริเก ปี ค.ศ. 1453 บลังกาถูกตรวจร่างกายและมีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพระองค์ยังคงบริสุทธิ์ สมเด็จพระสันตะปาปาประกาศให้การสมรสเป็นโมฆะด้วยเหตุผลว่ามีการทำคุณไสยใส่พระเจ้าเอนริเกเพื่อให้การสมรสไม่สมบูรณ์ เหตุผลดังกล่าวสร้างความอับอายให้แก่ทั้งสองฝ่าย พระเจ้าเอนริเกไม่สามารถใช้ความเป็นญาติใกล้ชิดมาอ้างเป็นเหตุผลได้เนื่องจากว่าที่พระมเหสีคนใหม่ที่พระองค์หมายตาไว้ ([[จัวนาแห่งโปรตุเกส สมเด็จพระราชินีแห่งกัสติยา|จัวนาแห่งโปรตุเกส]]) เป็นพระญาติที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าบลังกา การสมรสจบลงในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1453 บลังกาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดด้วยความอัปยศอดสู
<br />


=== การอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์นาวาร์ ===
=== การอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์นาวาร์ ===
บลังกาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดเมืองนอนเลวร้ายไม่ต่างกัน นับตั้งแต่สมเด็จพระราชินีบลังกาที่ 1 พระมารดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ พระบิดากับพระเชษฐาของพระองค์ก็ทำสงครามกันอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าชวนไม่ยอมวางมือให้พระโอรสคนโตซึ่งเป็นทายาทโดยสายเลือดของสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 บริหารปกครองนาวาร์ บลังการ่วมมือกับพระเชษฐาต่อกรกับพระบิดา ทั้งคู่จึงถูกตัดออกจากกองมรดก ขณะที่เลโอนอร์ พระขนิษฐาคนสุดท้องซึ่งอยู่ฝั่งพระบิดาถูกยกขึ้นเป็นทายาท ทำให้พระนางกับแกสต็อง เคานต์แห่งฟลัวซ์ พระสวามีมีอำนาจในนาวาร์มากขึ้น มีการทำข้อตกลงสองครั้งเพื่อยืนยันสถานะของเลโอนอร์ ทว่าสถานะดังกล่าวยังขาดความมั่นคงเนื่องจากพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีของพระนางยังมีชีวิตอยู่
บลังกาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดเมืองนอนเลวร้ายไม่ต่างกัน นับตั้งแต่สมเด็จพระราชินีบลังกาที่ 1 พระมารดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ พระบิดากับพระเชษฐาของพระองค์ก็ทำสงครามกันอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าชวนไม่ยอมวางมือให้พระโอรสคนโตซึ่งเป็นทายาทโดยสายเลือดของสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 บริหารปกครองนาวาร์ บลังการ่วมมือกับพระเชษฐาต่อกรกับพระบิดา ทั้งคู่จึงถูกตัดออกจากกองมรดก ขณะที่เลโอนอร์ พระขนิษฐาคนสุดท้องซึ่งอยู่ฝั่งพระบิดาถูกยกขึ้นเป็นทายาท ทำให้พระนางกับแกสต็อง เคานต์แห่งฟลัวซ์ พระสวามีมีอำนาจในนาวาร์มากขึ้น มีการทำข้อตกลงสองครั้งเพื่อยืนยันสถานะของเลโอนอร์ ทว่าสถานะดังกล่าวยังขาดความมั่นคงเนื่องจากพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีของพระนางยังมีชีวิตอยู่



เดือนธันวาคม ค.ศ. 1460 การ์โลสถูกจองจำหลังคิดจะสมรสกับอิซาเบลแห่งกัสติยา พระองค์เคยสมรสมาก่อนแล้วกับแอ็กเนสแห่งคลีฟส์ แต่หลังสมรสได้แปดปีพระนางก็สิ้นพระชนม์โดยไร้ซึ่งทายาท ชาวกาตาลุนยาให้การสนับสนุนการ์โลส พระองค์ได้รับการปล่อยตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1461 โดยพระบิดาสัญญาว่าจะตั้งพระองค์เป็นทายาท วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1461 การ์โลสสิ้นพระชนม์ สาเหตุการตายอาจเนื่องมาจากการป่วยเป็นฝีในท้องหรือไม่ก็ถูกวางยาพิษ โดยผู้บางการอาจเป็นพระมารดาเลี้ยง ([[ฆวนนา เอ็นริเกวซ สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน|ฆวนนา เอ็นริเกวซ]] พระมารดาของอนาคต[[พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน|พระเจ้าเฟร์รันโดที่ 2 แห่งอารากอน]]) หรือไม่ก็เลโอนอร์ พระขนิษฐาที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
เดือนธันวาคม ค.ศ. 1460 การ์โลสถูกจองจำหลังคิดจะสมรสกับอิซาเบลแห่งกัสติยา พระองค์เคยสมรสมาก่อนแล้วกับแอ็กเนสแห่งคลีฟส์ แต่หลังสมรสได้แปดปีพระนางก็สิ้นพระชนม์โดยไร้ซึ่งทายาท ชาวกาตาลุนยาให้การสนับสนุนการ์โลส พระองค์ได้รับการปล่อยตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1461 โดยพระบิดาสัญญาว่าจะตั้งพระองค์เป็นทายาท วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1461 การ์โลสสิ้นพระชนม์ สาเหตุการตายอาจเนื่องมาจากการป่วยเป็นฝีในท้องหรือไม่ก็ถูกวางยาพิษ โดยผู้บางการอาจเป็นพระมารดาเลี้ยง ([[ฆวนนา เอ็นริเกวซ สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน|ฆวนนา เอ็นริเกวซ]] พระมารดาของอนาคต[[พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน|พระเจ้าเฟร์รันโดที่ 2 แห่งอารากอน]]) หรือไม่ก็เลโอนอร์ พระขนิษฐาที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
<br />


== การครองราชย์ ==
== การครองราชย์ ==


ก่อนสิ้นพระชนม์ การ์โลสได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งบลังกา พระขนิษฐาเป็นทายาท เมื่อพระเชษฐาสิ้นพระชนม์ บลังกาจึงขึ้นเป็นพระราชินีโดยชอบธรรมของนาวาร์ แต่พระบิดา พระขนิษฐา และพระขนิษฐภรรดากลับตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับพระองค์ แกสต็อง บุตรชายและทายาทของเลโอนอร์ได้สมรสกับแมเดอเลน พระขนิษฐาของ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส]] พันธมิตรผู้ทรงอำนาจ พระเจ้าชวนพยายามส่งตัวบลังกาขึ้นเหนือไปสมรสกับชาร์ลส์ ดยุคแห่งแบร์รี พระอนุชาอีกคนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 เพื่อแยกพระนางออกจากกลุ่มผู้สนับสนุน แต่พระนางปฏิเสธไม่ยอมไปจากนาวาร์จึงถูกลักพาตัว ทรงเขียนจดหมายหลายฉบับเพื่อขอความช่วยเหลือและกล่าวโทษพระขนิษฐาและพระขนิษฐภรรดาผู้ทะเยอทะยานว่า<blockquote>"เคานต์แห่งฟลัวซ์กับภรรยาคือน้องสาวของข้าพเจ้า พยายามขับไล่ข้าพเจ้าออกจากประเทศเพื่อตัดสิทธิ์ในการสืบทอดราชอาณาจักรนาวาร์ของข้าพเจ้า"</blockquote>
ก่อนสิ้นพระชนม์ การ์โลสได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งบลังกา พระขนิษฐาเป็นทายาท เมื่อพระเชษฐาสิ้นพระชนม์ บลังกาจึงขึ้นเป็นพระราชินีโดยชอบธรรมของนาวาร์ แต่พระบิดา พระขนิษฐา และพระขนิษฐภรรดากลับตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับพระองค์ แกสต็อง บุตรชายและทายาทของเลโอนอร์ได้สมรสกับแมเดอเลน พระขนิษฐาของ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส]] พันธมิตรผู้ทรงอำนาจ พระเจ้าชวนพยายามส่งตัวบลังกาขึ้นเหนือไปสมรสกับชาร์ลส์ ดยุคแห่งแบร์รี พระอนุชาอีกคนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 เพื่อแยกพระนางออกจากกลุ่มผู้สนับสนุน แต่พระนางปฏิเสธไม่ยอมไปจากนาวาร์จึงถูกลักพาตัว ทรงเขียนจดหมายหลายฉบับเพื่อขอความช่วยเหลือและกล่าวโทษพระขนิษฐาและพระขนิษฐภรรดาผู้ทะเยอทะยานว่า<blockquote>"เคานต์แห่งฟลัวซ์กับภรรยาคือน้องสาวของข้าพเจ้า พยายามขับไล่ข้าพเจ้าออกจากประเทศเพื่อตัดสิทธิ์ในการสืบทอดราชอาณาจักรนาวาร์ของข้าพเจ้า"</blockquote>



ปี ค.ศ. 1464 พระนางเดินทางกลับนาวาร์ด้วยความช่วยเหลือของบิชอปนิโคลัสแห่งเอ็ตซาบาร์รี แต่หลังจากนั้นไม่นานบิชอปกลับถูกฆาตกรรม บลังกาถูกคุมขังในปราสาทออร์เตซ เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมกับเมื่อคราวพระเชษฐา พระนางสิ้นพระชนม์อย่างน่าสงสัยในอีกไม่กี่เดือนต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 ด้วยวัยเพียง 40 พรรษา โดยสันนิษฐานว่าถูกวางยาพิษ ผู้บงการอาจเป็นพระบิดาหรือไม่ก็เลโอนอร์ พระขนิษฐาที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการสิ้นพระชนม์ของพระนาง ร่างของพระนางถูกฝังที่สุสานบรรพชนกษัตริย์ในอาสนวิหารเลสการ์
ปี ค.ศ. 1464 พระนางเดินทางกลับนาวาร์ด้วยความช่วยเหลือของบิชอปนิโคลัสแห่งเอ็ตซาบาร์รี แต่หลังจากนั้นไม่นานบิชอปกลับถูกฆาตกรรม บลังกาถูกคุมขังในปราสาทออร์เตซ เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมกับเมื่อคราวพระเชษฐา พระนางสิ้นพระชนม์อย่างน่าสงสัยในอีกไม่กี่เดือนต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 ด้วยวัยเพียง 40 พรรษา โดยสันนิษฐานว่าถูกวางยาพิษ ผู้บงการอาจเป็นพระบิดาหรือไม่ก็เลโอนอร์ พระขนิษฐาที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการสิ้นพระชนม์ของพระนาง ร่างของพระนางถูกฝังที่สุสานบรรพชนกษัตริย์ในอาสนวิหารเลสการ์


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

* [https://www.historyofroyalwomen.com/blanche-ii-of-navarre/blanche-ii-navarre/ Queens Regnant: Blanche II of Navarre: History of Royal Women]
* [https://www.historyofroyalwomen.com/blanche-ii-of-navarre/blanche-ii-navarre/ Queens Regnant: Blanche II of Navarre: History of Royal Women]
<references />
<references />

[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี ค.ศ. 1424]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี ค.ศ. 1424]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2007]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2007]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:14, 11 มีนาคม 2562

บลังกาที่ 2
ไฟล์:Blanca II de Navarra.jpg
พระราชินีผู้ปกครองแห่งนาวาร์
เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส (โดยสมรส)
ครองราชย์23 กันยายน ค.ศ. 1461 – 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 (นาวาร์)
รัชกาลก่อนหน้าพระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งนาวาร์
รัชกาลถัดไปพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน
ประสูติ9 มิถุนายน ค.ศ. 1424
โอลิเต ราชอาณาจักรนาวาร์
สิ้นพระชนม์2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 (40 พรรษา)
ฝังพระศพเลสการ์
พระสวามีพระเจ้าเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยา
ราชวงศ์ตรัสตามารา
พระบิดาพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน
พระมารดาสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์

บลังกาที่ 2 (บาสก์: Zuria, สเปน: Blanca) (9 มิถุนายน ค.ศ. 1424 – 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464) เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งนาวาร์เพียงในนามตั้งแต่ ค.ศ. 1461 – ค.ศ. 1464) ทรงเป็นพระธิดาของพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอนกับสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์ และเป็นเจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียสจากการสมรส

ก่อนขึ้นครองราชย์

บลังกาเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1424 ทรงเป็นพระธิดาของสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์กับพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน พระองค์มีพระเชษฐาหนึ่งคนคือการ์โลส ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าพระองค์จะได้สืบทอดตำแน่ง พระองค์ยังมีพี่น้องอีกสองคน คือ พระเชษฐภคินีชื่อฆวนนาที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระชนมายุ 2 พรรษา กับเลโอนอร์ พระขนิษฐาคนสุดท้อง

การอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งกัสติยา

ปี ค.ศ. 1427 พระองค์กับพี่น้องอีกสองคนคือการ์โลสและเลโอนอร์ถูกประกาศให้เป็นทายาทโดยชอบธรรมในราชอาณาจักรนาวาร์ สนธิสัญญาสันติภาพระหว่างนาวาร์กับกัสติยาในปี ค.ศ. 1436 ระบุให้บลังกาเป็นทายาทแห่งกัสติยา ปี ค.ศ. 1440 ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็นริเกที่ 4 แห่งกัสติยา (ขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าชาย) ทรงมีฉายานามว่า ผู้ตายด้านทางเพศ และเป็นพระเชษฐาต่างมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา (ขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าหญิง) สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 ติดตามพระธิดาไปร่วมพิธีสมรสอย่างเป็นทางการซึ่งจัดขึ้นที่บายาโดลิดในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1440[1] โดยเจ้าสาวมีพระชนมายุ 16 พรรษา ส่วนเจ้าบ่าวมีพระชนมายุ 15 พรรษา ระหว่างที่อยู่ในกัสติยา พระมหากษัตริย์หญิงแห่งนาวาร์ถือโอกาสนี้เดินทางไปแสวงบุญที่สักการะสถานกัวดาลูเปในเอซเตรมาดูรา และยังถือโอกาสนี้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพระสวามีกับขุนนางกัสติยาที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน พระองค์ยังคงเคลื่อนไหวในกัสติยาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับสิ้นพระชนม์อย่างเหนือความคาดหมายในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1441[2]

ตลอดระยะเวลา 13 ปีการสมรสไม่เคยสมบูรณ์ พระเจ้าเอนริเกกล่าวเป็นนัยๆ ว่าบลังกาทำให้พระองค์ตายด้านทางเพศและพยายามเชื่อมโยงว่าเป็นผลมาจากการทำคุณไสย อาการตายด้านทางเพศจะตามหลอกหลอนพระองค์ไปชั่วชีวิตและเป็นต้นเหตุให้เกิดความสงสัยว่าพระองค์ใช่บิดาตัวจริงของฆวนนา พระโอรสธิดาคนเดียวของพระองค์หรือไม่ ข้อสงสัยดังกล่าวส่งผลให้สิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์กัสติยาตกเป็นของอิซาเบล พระขนิษฐาต่างมารดาของพระเจ้าเอนริเก ปี ค.ศ. 1453 บลังกาถูกตรวจร่างกายและมีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพระองค์ยังคงบริสุทธิ์ สมเด็จพระสันตะปาปาประกาศให้การสมรสเป็นโมฆะด้วยเหตุผลว่ามีการทำคุณไสยใส่พระเจ้าเอนริเกเพื่อให้การสมรสไม่สมบูรณ์ เหตุผลดังกล่าวสร้างความอับอายให้แก่ทั้งสองฝ่าย พระเจ้าเอนริเกไม่สามารถใช้ความเป็นญาติใกล้ชิดมาอ้างเป็นเหตุผลได้เนื่องจากว่าที่พระมเหสีคนใหม่ที่พระองค์หมายตาไว้ (จัวนาแห่งโปรตุเกส) เป็นพระญาติที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าบลังกา การสมรสจบลงในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1453 บลังกาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดด้วยความอัปยศอดสู

การอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์นาวาร์

บลังกาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดเมืองนอนเลวร้ายไม่ต่างกัน นับตั้งแต่สมเด็จพระราชินีบลังกาที่ 1 พระมารดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ พระบิดากับพระเชษฐาของพระองค์ก็ทำสงครามกันอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าชวนไม่ยอมวางมือให้พระโอรสคนโตซึ่งเป็นทายาทโดยสายเลือดของสมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 1 บริหารปกครองนาวาร์ บลังการ่วมมือกับพระเชษฐาต่อกรกับพระบิดา ทั้งคู่จึงถูกตัดออกจากกองมรดก ขณะที่เลโอนอร์ พระขนิษฐาคนสุดท้องซึ่งอยู่ฝั่งพระบิดาถูกยกขึ้นเป็นทายาท ทำให้พระนางกับแกสต็อง เคานต์แห่งฟลัวซ์ พระสวามีมีอำนาจในนาวาร์มากขึ้น มีการทำข้อตกลงสองครั้งเพื่อยืนยันสถานะของเลโอนอร์ ทว่าสถานะดังกล่าวยังขาดความมั่นคงเนื่องจากพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีของพระนางยังมีชีวิตอยู่

เดือนธันวาคม ค.ศ. 1460 การ์โลสถูกจองจำหลังคิดจะสมรสกับอิซาเบลแห่งกัสติยา พระองค์เคยสมรสมาก่อนแล้วกับแอ็กเนสแห่งคลีฟส์ แต่หลังสมรสได้แปดปีพระนางก็สิ้นพระชนม์โดยไร้ซึ่งทายาท ชาวกาตาลุนยาให้การสนับสนุนการ์โลส พระองค์ได้รับการปล่อยตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1461 โดยพระบิดาสัญญาว่าจะตั้งพระองค์เป็นทายาท วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1461 การ์โลสสิ้นพระชนม์ สาเหตุการตายอาจเนื่องมาจากการป่วยเป็นฝีในท้องหรือไม่ก็ถูกวางยาพิษ โดยผู้บางการอาจเป็นพระมารดาเลี้ยง (ฆวนนา เอ็นริเกวซ พระมารดาของอนาคตพระเจ้าเฟร์รันโดที่ 2 แห่งอารากอน) หรือไม่ก็เลโอนอร์ พระขนิษฐาที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

การครองราชย์

ก่อนสิ้นพระชนม์ การ์โลสได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งบลังกา พระขนิษฐาเป็นทายาท เมื่อพระเชษฐาสิ้นพระชนม์ บลังกาจึงขึ้นเป็นพระราชินีโดยชอบธรรมของนาวาร์ แต่พระบิดา พระขนิษฐา และพระขนิษฐภรรดากลับตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับพระองค์ แกสต็อง บุตรชายและทายาทของเลโอนอร์ได้สมรสกับแมเดอเลน พระขนิษฐาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส พันธมิตรผู้ทรงอำนาจ พระเจ้าชวนพยายามส่งตัวบลังกาขึ้นเหนือไปสมรสกับชาร์ลส์ ดยุคแห่งแบร์รี พระอนุชาอีกคนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 เพื่อแยกพระนางออกจากกลุ่มผู้สนับสนุน แต่พระนางปฏิเสธไม่ยอมไปจากนาวาร์จึงถูกลักพาตัว ทรงเขียนจดหมายหลายฉบับเพื่อขอความช่วยเหลือและกล่าวโทษพระขนิษฐาและพระขนิษฐภรรดาผู้ทะเยอทะยานว่า

"เคานต์แห่งฟลัวซ์กับภรรยาคือน้องสาวของข้าพเจ้า พยายามขับไล่ข้าพเจ้าออกจากประเทศเพื่อตัดสิทธิ์ในการสืบทอดราชอาณาจักรนาวาร์ของข้าพเจ้า"

ปี ค.ศ. 1464 พระนางเดินทางกลับนาวาร์ด้วยความช่วยเหลือของบิชอปนิโคลัสแห่งเอ็ตซาบาร์รี แต่หลังจากนั้นไม่นานบิชอปกลับถูกฆาตกรรม บลังกาถูกคุมขังในปราสาทออร์เตซ เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมกับเมื่อคราวพระเชษฐา พระนางสิ้นพระชนม์อย่างน่าสงสัยในอีกไม่กี่เดือนต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1464 ด้วยวัยเพียง 40 พรรษา โดยสันนิษฐานว่าถูกวางยาพิษ ผู้บงการอาจเป็นพระบิดาหรือไม่ก็เลโอนอร์ พระขนิษฐาที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการสิ้นพระชนม์ของพระนาง ร่างของพระนางถูกฝังที่สุสานบรรพชนกษัตริย์ในอาสนวิหารเลสการ์

อ้างอิง

  1. Genealogy of the House of Trastámara
  2. Eloísa Ramírez Vaquero: Queen Blanca and Navarra