ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แพนด้ายักษ์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
<br />{{Taxobox
หมีแพนด้าหมีแพนด้า

หมีแพนด้าหมีๆแพนด้า

หมีแพนด้าเขาว่าน่ารัก

ผมนี้ชักๆ อยากจะเห็น

อยากสัมผัสหมีตัวเป็นๆ

อยากจะเห็น เห็นหมีแพนด้า

อยากจะรู้มันอยู่ยังไง

มันกินอะไรถึงได้โตมา

กินยอดไม้ยอดไผ่ยอดหญ้า

หรือกินพิซซ่าเหมือนกันกับคน

มันกินอะไรน้อ

หมีแพนด้าเขาว่าสีสวย

น่ารักเสียด้วยเพราะไม่ซุกซน

มันมีปากมีหูมีตา

มีแขนมีขาเหมือนกันกับคน

แพนด้าเขาว่ามีขน

แพนด้าเขาว่ามีขน

ขาวดำปะปนดูขนปุกปุย

สวยเน๊าะ

หมีแพนด้ามันหาดูยาก

ได้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่

เป็นของฝากมาจากแดนไกล

เขามอบให้คนไทยได้ดู

ไปดูหมีกันดีไหม

ถ้าจะไปก็รีบมา

เหมาเครื่องบินขี่ขึ้นฟ้า

มาเรามาๆไปดูหมี

ไปดูด้วยกันนะๆ

เคยเห็นไหมนั่นนายหมี

มันสวยดีดูน่ารัก

คนมุงดูๆ กันมากๆ

เพราะเขาอยากๆ จะดูหมี

เด็กๆถามเพราะสงสัย

ถามว่าใครดูแลหมี

มันสะอาดและสวยดี

เจ้าของหมีนี้เก่งจังเลย

หมีแพนด้า หมีแพนด้า

หมีแพนด้า หมีๆแพนด้า

เก่งเนาะ มีแต่ตัวสะอ๊าด สะอาด

น่ารักทุกตัวเลย

หมีแพนด้ามันหาดูยาก

ได้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่

เป็นของฝากมาจากแดนไกล

เขามอบให้คนไทยได้ดู

ไปดูหมีกันดีไหม

ถ้าจะไปก็รีบมา

เหมาเครื่องบินขี่ขึ้นฟ้า

มาเรามาๆ ไปดูหมี

ไปดูด้วยกันนะๆ

เคยเห็นไหมนั่นนายหมี

มันสวยดีดูน่ารัก

คนมุงดูๆ กันมากๆ

เพราะเขาอยากๆ จะดูหมี

เด็กๆ ถามเพราะสงสัย

ถามว่าใครดูแลหมี

มันสะอาดและสวยดี

เจ้าของหมีนี้เก่งจังเลย

หมีแพนด้า หมีแพนด้า

หมีแพนด้า หมีๆแพนด้า

นั่น เห็นไหม สะอ๊าด สะอาด

กลิ่นห๊อม หอม น่ารักทุกตัวเลย{{Taxobox
| = [[ช่วงช่วง]], แพนด้ายักษ์ที่[[สวนสัตว์เชียงใหม่]]
| = [[ช่วงช่วง]], แพนด้ายักษ์ที่[[สวนสัตว์เชียงใหม่]]
| regnum = [[Animal]]ia
| regnum = [[Animal]]ia

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:46, 5 มีนาคม 2562


แพนด้ายักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Mammalia
อันดับ: Carnivora
วงศ์: Ursidae
สกุล: Ailuropoda
สปีชีส์: A.  melanoleuca
ชื่อทวินาม
Ailuropoda melanoleuca
(David, 1869)
สปีชีส์ย่อย
ถิ่นที่อยู่อาศัยของแพนด้ายักษ์

แพนด้ายักษ์ (อังกฤษ: Giant panda; ชื่อวิทยาศาสตร์: Ailuropoda melanoleuca) หรือที่นิยมเรียกว่า แพนด้า (อังกฤษ: Panda เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์หมี (Ursidae) ถิ่นอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน [1] อาหารโปรดของแพนด้ายักษ์คือใบไผ่ นอกนั้นจะเป็นหญ้าชนิดอื่น ๆ ลักษณะเฉพาะของแพนด้ายักษ์คือมีขนสีดำรอบดวงตา, ใบหู, บ่า และขาทั้งสี่ข้าง ส่วนอื่นประกอบด้วยขนสีขาว

ลักษณะทั่วไป

ถึงแม้จะจัดอยู่ในวงศ์ของหมี แต่พฤติกรรมของมันแตกต่างจากหมีโดยสิ้นเชิง แพนด้าเป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหาร โดยร้อยละ 99 ของอาหารที่มันกินคือไผ่ แต่บางทีอาจพบว่ามันก็กินไข่ ปลา และแมลงบางชนิดในไม้ไผ่ที่มันกิน นี่เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ จัดได้ว่าแพนด้ายักษ์เป็นหมีที่แตกต่างไปจากหมีชนิดอื่น ๆ ที่กินเนื้อเป็นอาหารหลัก แม้ว่าไผ่จะเป็นพืชที่ให้พลังงานกิโลแคลเลอรี่ต่ำมาก ทำให้แพนด้ายักษ์ใช้เวลากินไผ่นานถึงวันละ 16 ชั่วโมง ในปริมาณไม่ต่ำกว่า 18 กิโลกรัม และขับถ่ายมากถึงวันละ 40 ครั้ง และทำให้ในช่วงฤดูหนาว แพนด้ายักษ์จะไม่จำศีลในถ้ำเหมือนกับหมีชนิดอื่น เนื่องจากไผ่ให้พลังงานสะสมไม่เพียงพอ และจากการที่มีพฤติกรรมกินไผ่เป็นอาหารเพียงอย่างเดียวนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้แพนด้ายักษ์เป็นสัตว์ที่แพร่ขยายพันธุ์ได้ยากด้วย โดยในรอบปี แพนด้ายักษ์ตัวเมียจะมีอาการติดสัดเพียง 1-2 วันเท่านั้น และออกลูกรวมถึงเลี้ยงลูกให้รอดจนเติบโตในธรรมชาติได้ยากมาก หากแพนด้ายักษ์แพร่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว จะทำให้ไผ่พืชอาหารหลักหมดไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน [2] และถึงแม้แพนด้ายักษ์จะกินไผ่เป็นอาหารหลัก คิดเป็นร้อยละ 99 ของอาหารทั้งหมดก็ตาม แต่ภายในตัวของแพนด้ายักษ์กลับไม่มีจุลินทรีย์ในการช่วยย่อยไผ่ แต่กลับมีเขี้ยวสำหรับใช้กัดและเอนไซน์ในการย่อยเนื้อแทน[3] โดยลูกแพนด้ายักษ์ที่เพิ่งเกิด ตาจะยังไม่ลืมและไม่มีขน และมีน้ำหนักน้อยกว่าแพนด้ายักษ์ตัวเต็มวัยถึง 900 เท่า แต่ทว่ากลับมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมากที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยสามารถเพิ่มน้ำหนักตัวจากแค่ 0.1 กิโลกรัม เป็น 1.8 กิโลกรัม ได้ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว[3]

หลายสิบปีที่ผ่านมา การจัดจำแนกสายพันธุ์ที่แน่นอนของแพนด้ายังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แพนด้ายักษ์และแพนด้าแดงซึ่งเป็นญาติสายพันธุ์ห่าง ๆ กัน และยังมีลักษณะพิเศษที่เหมือนทั้งหมีและแรคคูน อย่างไรก็ตาม การทดลองทางพันธุกรรมบ่งบอกว่าแพนด้ายักษ์เป็นหนึ่งในชนิดของหมี (วงศ์ Ursidae) หมีที่ชนิดใกล้เคียงที่สุดของแพนด้าคือหมีแว่นที่พบในทวีปอเมริกาใต้ (ข้อขัดแย้งที่ยังคงเป็นที่สงสัยอยู่คือแพนด้าแดงนั้นอยู่ในวงศ์ใด เป็นที่ถกเถียงว่าอาจจะอยู่ในวงศ์หมี (Ursidae), วงศ์แรคคูน, วงศ์โพรไซโอนิดี้ (Procyonidae), หรืออยู่ในวงศ์เฉพาะของมันเอง วงศ์ไอเลอริดี้ (Ailuridae)) โดยซากดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบจากในถ้ำของประเทศจีนพบว่า แพนด้ายักษ์ถือกำเนิดมาแล้วบนโลกอย่างน้อย 2 ล้านปี แต่การที่ได้วิวัฒนาตัวเองแยกออกมาจากหมีทั่วไปนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด[3]

แพนด้ายักษ์เป็นสัตว์สปีชีส์ที่ถูกคุกคามหรืออยู่ในอันตรายต่อการสูญพันธ์ ทั้งนี้มาจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่จากการบุกรุกของมนุษย์ อัตราการเกิดต่ำทั้งในป่าและในกรงเลี้ยง เชื่อว่ามีแพนด้ายักษ์เพียง 1,600 ตัว อาศัยอยู่รอดในป่า

แพนด้ายักษ์มีอุ้งตีนที่ผิดจากธรรมดา คือมีนิ้วหัวแม่มือและมีนิ้วอีก 5 นิ้ว นิ้วหัวแม่มือที่จริงแล้วมาจากการปรับปรุงรูปแบบของกระดูกข้อต่อ ใช้ประโยชน์สำหรับหยิบจับไผ่ สตีเฟน เจย์ กาวลด์ ได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ โดยมีชื่อเรื่องว่า The Panda's Thumb หรือ นิ้วหัวแม่มือของแพนด้า หางของแพนด้ายักษ์นั้นสั้นมาก โดยมีความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร รวมถึงมีกรามที่แบนราบเหมาะสำหรับการเคี้ยวไผ่อีกด้วย[3]

การค้นพบ

เกาเกา, แพนด้าเพศผู้ที่สวนสัตว์ซานดิเอโก

แพนด้ายักษ์ เป็นที่รู้จักในตะวันตกเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1869 โดยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส อาร์มันด์ เดวิด ผู้ซึ่งได้รับหนังของแพนด้ามาจากนายพรานเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1869 ส่วนชาวตะวันตกคนแรกที่เป็นที่รู้จักว่าเห็นแพนด้ายักษ์ที่ยังมีชีวิตคือนักสัตว์วิทยาเยอรมัน ฮิวโก เวยโกลด์ เขาซื้อลูกของมันมาในปี ค.ศ. 1916 เคอร์มิท และ ธีโอดอร์ รูสเวลท์ จูเนียร์ ได้เป็นชาวต่างชาติแรก ที่ยิงแพนด้าในการเดินทางศึกษาที่ประเทศจีน เพื่อนำไปสตัฟฟ์และใช้ในการศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ฟิลด์ ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 ในปี ค.ศ. 1936 รุธ ฮาร์คเนส เป็นชาวตะวันตกคนแรก ที่นำเข้าแพนด้ายักษ์ที่มีชีวิตมายังสหรัฐอเมริกา เป็นลูกแพนด้าชื่อซู-ลิน โดยนำมาเลี้ยงที่สวนสัตว์บรูคฟิลด์ในชิคาโก

สถานะ

ในอดีตเชื่อว่าแพนด้ายักษ์พบกระจัดกระจายทั่วไปตั้งแต่ภาคใต้และตะวันออกของจีนจนไปถึงตอนเหนือของพม่าและเวียดนาม[3] แต่ปัจจุบันแพนด้ายักษ์เป็นหนึ่งในสัตว์สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยปัจจุบันพบเพียงแค่พื้นที่แคบ ๆ บนป่าสนเขาของมณฑลเสฉวน ทางตอนใต้ของจีนเท่านั้น ตามรายงานล่าสุด[4] มีแพนด้าที่เลี้ยงในกรงเลี้ยง 239 ตัวอยู่ในจีน และอีก 27 ตัวอยู่ในต่างประเทศ มีการคาดการณ์ไว้ว่ามีแพนด้ายักษ์ประมาณ 1,590 ตัวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ[4] อย่างไรก็ดี จากการศึกษาในปี ค.ศ. 2006 ผ่านการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ สามารถประมาณการได้ว่าอาจจะมีแพนด้ายักษ์เป็นจำนวนถึง 2,000-3,000 ตัวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ[5] ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำนวนแพนด้าตามธรรมชาติเพิ่มจำนวนขึ้น[6][7] สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) เชื่อว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีความแน่นอนพอที่จะย้ายชื่อแพนด้ายักษ์ออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์[8]

โดยแพนด้ายักษ์ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองจนกระทั่งถึงคริสต์ทศวรรษ 1960 โดยปัจจุบันกฎหมายของจีนระบุไว้ว่าหากผู้ใดฆ่าแพนด้ายักษ์มีโทษจำคุก 20 ปี [3] และตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 ทางการจีนได้เพิ่มปริมาณเขตอนุรักษ์แพนด้ายักษ์เพิ่มขึ้นจาก 12 แห่ง เป็น 67 แห่งในปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดที่มีการคุ้มครองมากที่สุดในโลก อีกทั้งปัจจุบันยังได้มีโครงการเพาะขยายพันธุ์แพนด้ายักษ์ในที่เลี้ยง เพื่อนำไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งก็ได้ผลสำเร็จบ้างแล้วในขั้นต้น โดยมีการติดปลอกคอดาวเทียมเพื่อมีการติดตามความเป็นอยู่ในธรรมชาติ[3]

แพนด้ายักษ์ถือเป็นสัญลักษณ์ทางการทูตอย่างหนึ่งของจีน จะเห็นได้ว่าจีนส่งหมีแพนด้าไปยังสวนสัตว์สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 โดยการให้ยืม ซึ่งเป็นเครื่องหมายการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและชาติตะวันตก การปฏิบัติเป็นธรรมเนียมเช่นนี้ทำให้มีคนเรียกแพนด้าว่า "ทูตสันถวไมตรี"

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 ไม่มีการใช้หมีแพนด้าในฐานะทูตสันถวไมตรีอีกต่อไป แต่จีนมีการเสนอที่จะส่งแพนด้ายักษ์ไปยังชาติอื่นโดยให้ยืมเป็นเวลา 10 ปี โดยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมพื้นฐานปีละ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ และมีข้อกำหนดว่าลูกของแพนด้ายักษ์ใด ๆ ที่เกิดระหว่างการยืมนั้น ถือเป็นทรัพย์สินของสาธารณรัฐประชาชนจีน

อ้างอิง

  1. "Global Species Programme – Giant panda". กองทุนสัตว์ป่าโลก. 14 พ.ย. 2550. สืบค้นเมื่อ 22 ก.พ. 2551. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. "ท่องโลกกว้าง: สัตว์ป่าหน้าแปลก". ไทยพีบีเอส. 9 February 2015. สืบค้นเมื่อ 10 February 2015.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 หน้า 88-113, คืนแพนด้าสู่ธรรมชาติ โดย เจนนิเฟอร์ เอล. ฮอลแลนด์. นิตยสาร National Geographic (ภาษาไทย) 181 : สิงหาคม 2559
  4. 4.0 4.1 "Number of pandas successfully bred in China down from last year". ซินหัว. 8 พ.ย. 2550. สืบค้นเมื่อ 22 ก.ค. 2551. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. "Hope for future of giant panda". บีบีซีนิวส์. 20 มิ.ย. 2549. สืบค้นเมื่อ 14 ก.พ. 2550. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. Giant panda gives birth to giant cub
  7. Warren, Lynne (ก.ค. 2549). "Pandas, Inc". เนชันแนลจีโอกราฟิก. สืบค้นเมื่อ 10 เม.ย. 2551. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  8. "Concern grows for smallest bear". บีบีซีนิวส์. 12 พ.ย. 2550. สืบค้นเมื่อ 22 ก.ค. 2551. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

ดูเพิ่ม

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Ailuropoda melanoleuca ที่วิกิสปีชีส์