ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สนธิสัญญาคานางาวะ"
ล แทนที่ "คะนะงะวะ" → "คานางาวะ" ด้วยสจห. |
ล แทนที่ "โยะโกะฮะมะ" → "โยโกฮามะ" ด้วยสจห. |
||
บรรทัด 11: | บรรทัด 11: | ||
| date_drafted = |
| date_drafted = |
||
| date_signed = 31 มีนาคม ค.ศ. 1854 |
| date_signed = 31 มีนาคม ค.ศ. 1854 |
||
| location_signed = [[ |
| location_signed = [[โยโกฮามะ]] |
||
| date_sealed = 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1855 <br> โดย[[จักรพรรดิโคเม]] |
| date_sealed = 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1855 <br> โดย[[จักรพรรดิโคเม]] |
||
| date_effective = 31 กันยายน ค.ศ. 1855 |
| date_effective = 31 กันยายน ค.ศ. 1855 |
||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
| date_expiration = |
| date_expiration = |
||
| signatories = {{flagicon|US|1847}} [[แมทธิว เพอร์รี|แมทธิว ซี. เพอร์รี]] <br> {{flagicon image|Flag of the Tokugawa Shogunate.svg}} ฮะยะชิ อะกิระ |
| signatories = {{flagicon|US|1847}} [[แมทธิว เพอร์รี|แมทธิว ซี. เพอร์รี]] <br> {{flagicon image|Flag of the Tokugawa Shogunate.svg}} ฮะยะชิ อะกิระ |
||
| parties = {{flagicon|United States|1847}} [[สหรัฐอเมริกา]] <br> {{flagicon image|Flag of the Tokugawa Shogunate.svg}} [[รัฐบาล |
| parties = {{flagicon|United States|1847}} [[สหรัฐอเมริกา]] <br> {{flagicon image|Flag of the Tokugawa Shogunate.svg}} [[รัฐบาลเอโดะ]] |
||
| depositor = |
| depositor = |
||
| language = จีน · ญี่ปุ่น · อังกฤษ · ดัตช์ |
| language = จีน · ญี่ปุ่น · อังกฤษ · ดัตช์ |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 25: | ||
}} |
}} |
||
{{ใช้ปีคศ|250px}} |
{{ใช้ปีคศ|250px}} |
||
'''สนธิสัญญาคานางาวะ''' ({{ญี่ปุ่น|神奈川条約|คานางาวะ โจยะกุ}}) หรือ '''ข้อตกลงคานางาวะ''' ({{ญี่ปุ่น|日米和親条約|นิชิเบ วะชิน โจยะกุ|"สนธิสัญญาสัมพันธไมตรีและมิตรภาพญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกา"}}) เป็นสนธิสัญญาที่ได้ทำขึ้นระหว่างพลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพอร์รี แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา และ[[รัฐบาล |
'''สนธิสัญญาคานางาวะ''' ({{ญี่ปุ่น|神奈川条約|คานางาวะ โจยะกุ}}) หรือ '''ข้อตกลงคานางาวะ''' ({{ญี่ปุ่น|日米和親条約|นิชิเบ วะชิน โจยะกุ|"สนธิสัญญาสัมพันธไมตรีและมิตรภาพญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกา"}}) เป็นสนธิสัญญาที่ได้ทำขึ้นระหว่างพลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพอร์รี แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา และ[[รัฐบาลเอโดะ]] สนธิสัญญาดังกล่าวมีผลให้ญี่ปุ่นต้องเปิดเมืองท่าชิโมดะและ[[ฮาโกดาเตะ]]ให้ค้าขายกับสหรัฐอเมริกาและรับประกันความปลอดภัยของกะลาสีเรือแตกชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตาม สนธิสัญญาดังกล่าวมิได้สร้างพื้นฐานสำหรับการตั้งถิ่นฐานถาวรในบริเวณดังกล่าว<ref>[http://query.nytimes.com/gst/abstract.html?res=980DE2D9113CE13BBC4052DFB667838E649FDE "From Washington; The Japanese Treaty-Its Advantages and Disadvantages-The President and Col. Rinney, &c.,"] ''New York Times.'' October 18, 1855.</ref> สนธิสัญญาได้วางรากฐานสำหรับสหรัฐในการรักษากงสุลถาวรในชิโมดะ การมาถึงของกองเรือของเพอร์รีนำมาซึ่งการสิ้นสุดของนโยบายตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลา 200 ปีของญี่ปุ่น (ซาโกกุ)<ref>Perry, Matthew Calbraith. (1856). [http://ebook.lib.hku.hk/CTWE/B36599566/ ''Narrative of the expedition of an American Squadron to the China Seas and Japan, 1856.'']</ref> |
||
เพอร์รีปฏิเสธที่จะเจรจากับเจ้าหน้าที่ทางการของญี่ปุ่นและต้องการเจรจากับประมุขแห่งรัฐของญี่ปุ่นโดยตรง ในเวลานั้น [[โชกุน]] [[ |
เพอร์รีปฏิเสธที่จะเจรจากับเจ้าหน้าที่ทางการของญี่ปุ่นและต้องการเจรจากับประมุขแห่งรัฐของญี่ปุ่นโดยตรง ในเวลานั้น [[โชกุน]] [[โทกูงาวะ อิเอโยชิ]] เป็นผู้ปกครองโดยพฤตินัยของญี่ปุ่น และไม่เคยมีธรรมเนียมที่จักรพรรดิจะทรงมีพระราชปฏิสัณฐารกับชาวต่างชาติโดยตรง เพอร์รีจึงเจรจาความกับ ฮิระชิ อะกิระ ผู้ถืออำนาจเต็มแทนโชกุน และจึงถวายหนังสือสัญญาให้[[จักรพรรดิโคเม]]ทรงลงพระนามรับรอง<ref>Cullen, Louis M. (2003). ''A History of Japan, 1582-1941: Internal and External Worlds,'' p. 173-185.</ref> |
||
สนธิสัญญาคานางาวะ ตามมาด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีและการค้า หรือ "สนธิสัญญาแฮริส" ใน ค.ศ. 1858 ซึ่งอนุญาตให้สัมปทานแก่ชาวต่างประเทศ การมอบ[[สิทธิสภาพนอกอาณาเขต]]ให้แก่ชาวต่างประเทศ และการจำกัดภาษีขาเข้าของสินค้าต่างประเทศ ญี่ปุ่นในเวลาต่อมาจะอยู่ภายใต้ "ระบบสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม" อันเป็นลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างชาติเอเชียและชาติตะวันตกในยุคสมัยดังกล่าว<ref>Bert Edström, Bert. (2000). [http://books.google.com/books?id=ltmXn9rUGD8C&pg=PA101&dq=unequal+treaty+japan&lr=#PPA101,M1 ''The Japanese and Europe: Images and Perceptions,'' p. 101.]</ref> |
สนธิสัญญาคานางาวะ ตามมาด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีและการค้า หรือ "สนธิสัญญาแฮริส" ใน ค.ศ. 1858 ซึ่งอนุญาตให้สัมปทานแก่ชาวต่างประเทศ การมอบ[[สิทธิสภาพนอกอาณาเขต]]ให้แก่ชาวต่างประเทศ และการจำกัดภาษีขาเข้าของสินค้าต่างประเทศ ญี่ปุ่นในเวลาต่อมาจะอยู่ภายใต้ "ระบบสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม" อันเป็นลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างชาติเอเชียและชาติตะวันตกในยุคสมัยดังกล่าว<ref>Bert Edström, Bert. (2000). [http://books.google.com/books?id=ltmXn9rUGD8C&pg=PA101&dq=unequal+treaty+japan&lr=#PPA101,M1 ''The Japanese and Europe: Images and Perceptions,'' p. 101.]</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:32, 12 กันยายน 2561
สนธิสัญญาสันติภาพและไมตรีญี่ปุ่น-สหรัฐ | |
---|---|
วันลงนาม | 31 มีนาคม ค.ศ. 1854 |
ที่ลงนาม | โยโกฮามะ |
วันตรา | 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1855 โดยจักรพรรดิโคเม |
วันมีผล | 31 กันยายน ค.ศ. 1855 |
เงื่อนไข | โดยได้รับสัตยาบันจากรัฐสภาสหรัฐและมีลายพระนามจักรพรรดิญี่ปุ่น |
ผู้ลงนาม | แมทธิว ซี. เพอร์รี ฮะยะชิ อะกิระ |
ภาคี | สหรัฐอเมริกา รัฐบาลเอโดะ |
ภาษา | จีน · ญี่ปุ่น · อังกฤษ · ดัตช์ |
:en:Treaty of Kanagawa ที่ วิกิซอร์ซ |
สนธิสัญญาคานางาวะ (ญี่ปุ่น: 神奈川条約; โรมาจิ: คานางาวะ โจยะกุ) หรือ ข้อตกลงคานางาวะ (ญี่ปุ่น: 日米和親条約; โรมาจิ: นิชิเบ วะชิน โจยะกุ; ทับศัพท์: "สนธิสัญญาสัมพันธไมตรีและมิตรภาพญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกา") เป็นสนธิสัญญาที่ได้ทำขึ้นระหว่างพลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพอร์รี แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลเอโดะ สนธิสัญญาดังกล่าวมีผลให้ญี่ปุ่นต้องเปิดเมืองท่าชิโมดะและฮาโกดาเตะให้ค้าขายกับสหรัฐอเมริกาและรับประกันความปลอดภัยของกะลาสีเรือแตกชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตาม สนธิสัญญาดังกล่าวมิได้สร้างพื้นฐานสำหรับการตั้งถิ่นฐานถาวรในบริเวณดังกล่าว[1] สนธิสัญญาได้วางรากฐานสำหรับสหรัฐในการรักษากงสุลถาวรในชิโมดะ การมาถึงของกองเรือของเพอร์รีนำมาซึ่งการสิ้นสุดของนโยบายตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลา 200 ปีของญี่ปุ่น (ซาโกกุ)[2]
เพอร์รีปฏิเสธที่จะเจรจากับเจ้าหน้าที่ทางการของญี่ปุ่นและต้องการเจรจากับประมุขแห่งรัฐของญี่ปุ่นโดยตรง ในเวลานั้น โชกุน โทกูงาวะ อิเอโยชิ เป็นผู้ปกครองโดยพฤตินัยของญี่ปุ่น และไม่เคยมีธรรมเนียมที่จักรพรรดิจะทรงมีพระราชปฏิสัณฐารกับชาวต่างชาติโดยตรง เพอร์รีจึงเจรจาความกับ ฮิระชิ อะกิระ ผู้ถืออำนาจเต็มแทนโชกุน และจึงถวายหนังสือสัญญาให้จักรพรรดิโคเมทรงลงพระนามรับรอง[3]
สนธิสัญญาคานางาวะ ตามมาด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีและการค้า หรือ "สนธิสัญญาแฮริส" ใน ค.ศ. 1858 ซึ่งอนุญาตให้สัมปทานแก่ชาวต่างประเทศ การมอบสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้แก่ชาวต่างประเทศ และการจำกัดภาษีขาเข้าของสินค้าต่างประเทศ ญี่ปุ่นในเวลาต่อมาจะอยู่ภายใต้ "ระบบสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม" อันเป็นลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างชาติเอเชียและชาติตะวันตกในยุคสมัยดังกล่าว[4]
เชิงอรรถ
- ↑ "From Washington; The Japanese Treaty-Its Advantages and Disadvantages-The President and Col. Rinney, &c.," New York Times. October 18, 1855.
- ↑ Perry, Matthew Calbraith. (1856). Narrative of the expedition of an American Squadron to the China Seas and Japan, 1856.
- ↑ Cullen, Louis M. (2003). A History of Japan, 1582-1941: Internal and External Worlds, p. 173-185.
- ↑ Bert Edström, Bert. (2000). The Japanese and Europe: Images and Perceptions, p. 101.