ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก"
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{infobox royalty |
|||
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์ |
|||
| สี = Skyblue |
|||
| image = [[ไฟล์:สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก.jpg|220px]] |
| image = [[ไฟล์:สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก.jpg|220px]] |
||
| birth_place = [[บ้านสะแกกรัง]] [[เมืองอุทัยธานี]] |
|||
| พระนาม = |
|||
| death_place = |
|||
| ฐานันดร = |
|||
| death_style = สิ้นพระชนม์ |
|||
| วันประสูติ = |
|||
| death_date = พ.ศ. 2312 |
|||
| สถานที่ประสูติ = |
|||
⚫ | |||
| วันสวรรคต = พ.ศ. 2312 |
|||
⚫ | |||
| พระอิสริยยศ = สมเด็จพระ |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| พระราชมารดา = |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
| บุตร/ธิดา = |
|||
⚫ | |||
}} |
}} |
||
'''สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก''' พระนามเดิม '''ทองดี''' เป็นสมเด็จพระบรมอรรคราชบรรพบุรุษแห่ง[[ราชวงศ์จักรี|พระบรมราชจักรีวงศ์]] เนื่องด้วยทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนกใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]] ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ |
'''สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก''' พระนามเดิม '''ทองดี''' เป็นสมเด็จพระบรมอรรคราชบรรพบุรุษแห่ง[[ราชวงศ์จักรี|พระบรมราชจักรีวงศ์]] เนื่องด้วยทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนกใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]] ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ |
||
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ประสูติที่[[บ้านสะแกกรัง]] [[เมืองอุทัยธานี]] ทรงเป็นบุตรคนโตของ[[พระยาราชนิกูล (ทองคำ)]] ปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทย (บ้างก็ว่า กรมนา) ในรัชกาล[[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9]] ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก[[เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)]] เสนาบดีพระคลังในรัชกาล[[สมเด็จพระเพทราชา]] ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธสุนทร และได้เดินทางไปถวายพระราชสาส์นของ[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] ยังราชสำนักของ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส]] เมื่อ |
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ประสูติที่[[บ้านสะแกกรัง]] [[เมืองอุทัยธานี]] ทรงเป็นบุตรคนโตของ[[พระยาราชนิกูล (ทองคำ)]] ปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทย (บ้างก็ว่า กรมนา) ในรัชกาล[[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9]] ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก[[เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)]] เสนาบดีพระคลังในรัชกาล[[สมเด็จพระเพทราชา]] ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธสุนทร และได้เดินทางไปถวายพระราชสาส์นของ[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] ยังราชสำนักของ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส]] เมื่อ พ.ศ. 2228 |
||
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ทรงรับราชการในกรมมหาดไทย รับบรรดาศักดิ์เป็นที่ '''หลวงพินิจอักษร''' และ '''พระอักษรสุนทรศาสตร์''' ในตำแหน่งเสมียนตรากรมมหาดไทย มีหน้าที่ร่างพระราชสาส์นโต้ตอบกับหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเก็บรักษา[[พระราชลัญจกร]] |
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ทรงรับราชการในกรมมหาดไทย รับบรรดาศักดิ์เป็นที่ '''หลวงพินิจอักษร''' และ '''พระอักษรสุนทรศาสตร์''' ในตำแหน่งเสมียนตรากรมมหาดไทย มีหน้าที่ร่างพระราชสาส์นโต้ตอบกับหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเก็บรักษา[[พระราชลัญจกร]] |
||
บรรทัด 26: | บรรทัด 21: | ||
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก มีพระโอรส-ธิดา กับ[[พระอัครชายา (หยก)]] 5 พระองค์ คือ<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = กรมศิลปากร สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์| ชื่อหนังสือ = ราชสกุลวงศ์| URL = http://library.siamtech.ac.th/pdf/king22.pdf |
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก มีพระโอรส-ธิดา กับ[[พระอัครชายา (หยก)]] 5 พระองค์ คือ<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = กรมศิลปากร สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์| ชื่อหนังสือ = ราชสกุลวงศ์| URL = http://library.siamtech.ac.th/pdf/king22.pdf |
||
| จังหวัด = พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร| ปี = 2554| ISBN = 978-974-417-594-6| จำนวนหน้า = 296| หน้า = 1-4}}</ref> |
| จังหวัด = พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร| ปี = 2554| ISBN = 978-974-417-594-6| จำนวนหน้า = 296| หน้า = 1-4}}</ref> |
||
# '''สา''' ได้รับสถาปนาเป็น'''[[สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี]]''' ในรัชกาลที่ 1 |
|||
# '''ขุนรามณรงค์''' เฉลิมพระนามเป็น'''[[สมเด็จพระเจ้าขุนรามณรงค์]]''' |
|||
# '''แก้ว''' ได้รับสถาปนาเป็น'''[[สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์]]''' ในรัชกาลที่ 1 |
|||
# '''ทองด้วง''' ปราบดาภิเษกเป็น'''[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]]''' |
|||
# '''บุญมา''' เป็น[[กรมพระราชวังบวรสถานมงคล]]ในรัชกาลที่ 1 แล้วเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น'''[[สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท]]'''ในรัชกาลที่ 6 |
|||
⚫ | |||
# '''กุ''' เฉลิมพระนามป็น'''[[พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี]]''' ในรัชกาลที่ 5 |
|||
⚫ | |||
# '''ลา''' ได้รับสถาปนาเป็น'''[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา]]''' ในรัชกาลที่ 1 |
|||
* [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุ กรมหลวงนรินทรเทวี]] พระนามเดิม ''กุ'' ประสูติแต่พระน้องนางในพระอัครชายา (ดาวเรือง) |
|||
* [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าลา กรมหลวงจักรเจษฎา]] พระนามเดิม ''ลา'' ประสูติแต่[[บาทบริจาริกา]]ผู้หนึ่ง เรียกกันว่า คุณมา <ref>พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไว้ตามคำเล่าขานว่า บาทบริจาริกาท่านนี้เป็นน้องนางของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ แต่ต่างวัยกันมาก จึงเข้าใจว่า จะเป็นน้องร่วมบิดาเท่านั้น </ref> |
|||
พระน้องนางของพระอัครชายา (ดาวเรืองหรือหยก) มีชื่อว่า (กู่) ตามเอกสารเดิมที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี |
พระน้องนางของพระอัครชายา (ดาวเรืองหรือหยก) มีชื่อว่า (กู่) ตามเอกสารเดิมที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี |
||
== สวรรคต == |
== สวรรคต == |
||
ช่วง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]]ในปี |
ช่วง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]]ในปี พ.ศ. 2310 นายทองดี พร้อมด้วยภรรยา และนายลา บุตรคนสุดท้องเดินทางไปอยู่ที่[[เมืองพิษณุโลก]] แต่นายทองดีเกิดป่วยจนเสียชีวิต นายลาและมารดา จึงได้ทำการฌาปนกิจศพตามสมควรในเวลานั้น ต่อมาจึงเชิญอัฐิบรรจุในมหาสังข์ มามอบแด่พระยาอไภยรณฤทธิ์ (รัชกาลที่ 1) ที่[[กรุงธนบุรี]] |
||
พระมหาสังข์องค์นี้เป็นสังข์เวียนซ้าย ความยาว 20 เซนติเมตร ริ้วเวียนรอบหัวสังข์และปากสังข์เลี่ยมทองคำสลักลายฝังพลอย ข้างในท้องสังข์มีดอกมะเขือฝังนพเก้า ร่องปลายปากสังข์จารึกอักขระ อุมีมังสีทองคำลงยารองรับ ถือเป็นพระมหาสังข์คู่บ้านคู่เมือง ใช้หลั่งน้ำพระราชทานแก่ราชสกุล ในงานสมรสพระราชทาน กราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ในรัชกาลต่อมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน |
พระมหาสังข์องค์นี้เป็นสังข์เวียนซ้าย ความยาว 20 เซนติเมตร ริ้วเวียนรอบหัวสังข์และปากสังข์เลี่ยมทองคำสลักลายฝังพลอย ข้างในท้องสังข์มีดอกมะเขือฝังนพเก้า ร่องปลายปากสังข์จารึกอักขระ อุมีมังสีทองคำลงยารองรับ ถือเป็นพระมหาสังข์คู่บ้านคู่เมือง ใช้หลั่งน้ำพระราชทานแก่ราชสกุล ในงานสมรสพระราชทาน กราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ในรัชกาลต่อมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:42, 10 สิงหาคม 2561
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก | |
---|---|
ประสูติ | บ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี |
สิ้นพระชนม์ | พ.ศ. 2312 |
คู่อภิเษก | พระอัครชายา (หยก) เจ้าจอมมารดากู่ เจ้าจอมมารดามา |
พระบุตร | 7 พระองค์ |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | พระยาราชนิกูล (ทองคำ) |
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระนามเดิม ทองดี เป็นสมเด็จพระบรมอรรคราชบรรพบุรุษแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เนื่องด้วยทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ประสูติที่บ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี ทรงเป็นบุตรคนโตของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทย (บ้างก็ว่า กรมนา) ในรัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เสนาบดีพระคลังในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธสุนทร และได้เดินทางไปถวายพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยังราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2228
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ทรงรับราชการในกรมมหาดไทย รับบรรดาศักดิ์เป็นที่ หลวงพินิจอักษร และ พระอักษรสุนทรศาสตร์ ในตำแหน่งเสมียนตรากรมมหาดไทย มีหน้าที่ร่างพระราชสาส์นโต้ตอบกับหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเก็บรักษาพระราชลัญจกร
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก เสกสมรสกับสองพี่น้องบุตรีของคหบดีชาวจีน คนพี่ชื่อว่า ดาวเรือง[1] (หรือ หยก) ส่วนคนน้อง ไม่ทราบนาม ตั้งบ้านเรือนอยู่ภายในกำแพงพระนคร ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณป้อมเพชร ซึ่งเป็นย่านอาศัยของชาวจีน
พระโอรส-ธิดา
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก มีพระโอรส-ธิดา กับพระอัครชายา (หยก) 5 พระองค์ คือ[2]
- สา ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี ในรัชกาลที่ 1
- ขุนรามณรงค์ เฉลิมพระนามเป็นสมเด็จพระเจ้าขุนรามณรงค์
- แก้ว ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ในรัชกาลที่ 1
- ทองด้วง ปราบดาภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
- บุญมา เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 1 แล้วเฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทในรัชกาลที่ 6
และมีพระโอรสธิดาอีก 2 พระองค์กับภรรยาอื่น
- กุ เฉลิมพระนามป็นพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี ในรัชกาลที่ 5
- ลา ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา ในรัชกาลที่ 1
พระน้องนางของพระอัครชายา (ดาวเรืองหรือหยก) มีชื่อว่า (กู่) ตามเอกสารเดิมที่อยู่ในจังหวัดอุทัยธานี
สวรรคต
ช่วงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2310 นายทองดี พร้อมด้วยภรรยา และนายลา บุตรคนสุดท้องเดินทางไปอยู่ที่เมืองพิษณุโลก แต่นายทองดีเกิดป่วยจนเสียชีวิต นายลาและมารดา จึงได้ทำการฌาปนกิจศพตามสมควรในเวลานั้น ต่อมาจึงเชิญอัฐิบรรจุในมหาสังข์ มามอบแด่พระยาอไภยรณฤทธิ์ (รัชกาลที่ 1) ที่กรุงธนบุรี
พระมหาสังข์องค์นี้เป็นสังข์เวียนซ้าย ความยาว 20 เซนติเมตร ริ้วเวียนรอบหัวสังข์และปากสังข์เลี่ยมทองคำสลักลายฝังพลอย ข้างในท้องสังข์มีดอกมะเขือฝังนพเก้า ร่องปลายปากสังข์จารึกอักขระ อุมีมังสีทองคำลงยารองรับ ถือเป็นพระมหาสังข์คู่บ้านคู่เมือง ใช้หลั่งน้ำพระราชทานแก่ราชสกุล ในงานสมรสพระราชทาน กราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ในรัชกาลต่อมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกและพระราชชนนีขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2338 เนื่องในวโรกาสที่มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่ และมีเครื่องมหรสพสมโภช เหมือนอย่างงานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระเมรุมาศก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2339 ได้มีพิธีแห่พระบรมอัฐิออกสู่พระเมรุ มีมหรสพสมโภชเป็นเวลา 7 วัน เมื่อเสร็จพระราชพิธีถวายพระเพลิงแล้วได้อัญเชิญพระบรมอัฐิ กลับมาประดิษฐาน ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกยังได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธปฏิมากรปางห้ามสมุทร หุ้มทองคำประดับเนาวรัตน์ขึ้นองค์หนึ่ง ถวายพระนามว่าพระพุทธจักรพรรดิ ทรงอุทิศส่วนพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระพุทธรูปพระองค์นี้ประดิษฐานไว้ ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
พระบรมราชานุสาวรีย์
จังหวัดอุทัยธานี ได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ประดิษฐานอยู่ ณ เขาแก้ว (เขาสะแกกรัง-ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดขนานกับแม่น้ำสะแกกรัง เมื่อ พ.ศ. 2514 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2522
พระอิสริยยศ
- ทองดี
- หลวงพินิจอักษร
- พระอักษรสุนทรศาสตร์
- สมเด็จพระราชชนกทองดี
- สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก
- สมเด็จพระปฐมบรมอัยกาเธอ
- สมเด็จพระปฐมบรมปัยกาเธอ
อ้างอิงและเชิงอรรถ
- ↑ มีหลักฐานว่า ท่านทั้งสองได้บริจาคเงินสร้างวัดชื่อวัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร จึงสันนิษฐานว่า คนพี่ชื่อดาวเรือง
- ↑ กรมศิลปากร สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 1-4. ISBN 978-974-417-594-6