ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คทาแอสคลีเพียส"
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) สัญญลักษณ์ → สัญลักษณ์ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[ไฟล์:Rod of Asclepius2.svg|thumb|left|100px|คทา หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียสที่มีงูพันรอบ]] |
[[ไฟล์:Rod of Asclepius2.svg|thumb|left|100px|คทา หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียสที่มีงูพันรอบ]] |
||
'''คทาแอสคลีเพียส''' (Rod of Asclepius) หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียส เป็นคทาของเทพ[[แอสคลีเพียส]] ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษาในตำนาน[[เทพปกรณัมกรีก]] คทาแอ |
'''คทาแอสคลีเพียส''' (Rod of Asclepius) หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียส เป็นคทาของเทพ[[แอสคลีเพียส]] ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษาในตำนาน[[เทพปกรณัมกรีก]] คทาแอสคลีเพียสใช้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์และการรักษามาจนปัจจุบัน แต่ยังมีการใช้สับสนกันระหว่างคทาของแอสคลีเพียสและคทาของ[[เฮอร์มีส]] ที่ชื่อว่า [[คทางูไขว้|คาดูเซียส]]<ref>[https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4190767/#b1 Medical Symbols in Practice: Myths vs Reality]</ref> |
||
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก แอสคลีเพียส ซึ่งมีสถานะ[[มนุษย์ครึ่งเทพ|ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์]] ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา จะมีคทาประจำตัวอันหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งและมักจะมีงูหนึ่งตัวพันเกลียวรอบคทาเป็น |
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก แอสคลีเพียส ซึ่งมีสถานะ[[มนุษย์ครึ่งเทพ|ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์]] ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา จะมีคทาประจำตัวอันหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งและมักจะมีงูหนึ่งตัวพันเกลียวรอบคทาเป็นสัญลักษณ์ แต่ในบางครั้งอาจจะพบว่างูไม่ได้พันเกลียวรอบ แต่มักจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียง |
||
แอสคลีเพียส ร่ำเรียนวิชาการรักษามาจากไครอน ซึ่งเป็น[[เซนทอร์]]ที่ชุบเลี้ยงแอสคลีเพียสมาตั้งแต่ยังเป็นทารก จนได้กลายมาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของกรีก แอ |
แอสคลีเพียส ร่ำเรียนวิชาการรักษามาจากไครอน ซึ่งเป็น[[เซนทอร์]]ที่ชุบเลี้ยงแอสคลีเพียสมาตั้งแต่ยังเป็นทารก จนได้กลายมาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของกรีก แอสคลีเพียสได้ใช้สัญลักษณ์คทาที่มีงูพันเกลียวรอบแทนการแพทย์และการรักษา |
||
สมัยกรีกโบราณมีสถานที่ที่เป็นศาสนสถานสำหรับรักษาโรค (Healing temple) มีชื่อเรียกตามเทพแอสคลีเพียสว่า [[อัสคลิเปียน]] (Asclepioen) ในตำนานกรีกโบราณมีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงแอสคลีเพียสที่สำคัญ คือเมื่อ[[ฮิปพอคราทีส]] บิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตกจะกล่าวคำสัตย์สาบาน (Hippocrates oath) ได้กล่าวการสาบานตนด้วยประโยคว่า "ข้าขอสาบานแด่[[อะพอลโล]]ผู้เป็นแพทย์ แด่แอสคลีเพียส แด่[[ไฮเจีย]]และพานาเซีย และแด่เหล่าเทพทั้งมวล" คำสัตย์สาบานของ[[ฮิปพอคราทีส]] ได้เป็นต้นแบบของปฏิญญาอันเป็นจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์มาจนถึงปัจจุบันนี้<ref>Farnell, Chapter 10, "The Cult of Asklepios" (pp. 234–279)</ref> |
สมัยกรีกโบราณมีสถานที่ที่เป็นศาสนสถานสำหรับรักษาโรค (Healing temple) มีชื่อเรียกตามเทพแอสคลีเพียสว่า [[อัสคลิเปียน]] (Asclepioen) ในตำนานกรีกโบราณมีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงแอสคลีเพียสที่สำคัญ คือเมื่อ[[ฮิปพอคราทีส]] บิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตกจะกล่าวคำสัตย์สาบาน (Hippocrates oath) ได้กล่าวการสาบานตนด้วยประโยคว่า "ข้าขอสาบานแด่[[อะพอลโล]]ผู้เป็นแพทย์ แด่แอสคลีเพียส แด่[[ไฮเจีย]]และพานาเซีย และแด่เหล่าเทพทั้งมวล" คำสัตย์สาบานของ[[ฮิปพอคราทีส]] ได้เป็นต้นแบบของปฏิญญาอันเป็นจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์มาจนถึงปัจจุบันนี้<ref>Farnell, Chapter 10, "The Cult of Asklepios" (pp. 234–279)</ref> |
||
[[ไฟล์:22 Äskulap bzw. Asklepios - Neues Palais Sanssouci Steffen Heilfort.JPG|thumb|250px|รูปปั้นของแอสคลีเพียส ที่คทามีงูพันเกลียว]] |
[[ไฟล์:22 Äskulap bzw. Asklepios - Neues Palais Sanssouci Steffen Heilfort.JPG|thumb|250px|รูปปั้นของแอสคลีเพียส ที่คทามีงูพันเกลียว]] |
||
งูที่พันรอบคทาของแอสคลีเพียส ได้ถูกตีความว่าอย่างหลากหลาย มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มีการใช้ |
งูที่พันรอบคทาของแอสคลีเพียส ได้ถูกตีความว่าอย่างหลากหลาย มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มีการใช้สัญลักษณ์งูพันรอบคทาของแอสคลีเพียส |
||
การลอกคราบของงู เป็น |
การลอกคราบของงู เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูหรือการกำเนิดใหม่ หรือถูกตีความว่าเป็นเหมือนการรักษาของแพทย์ที่ต้องทำงานที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความเป็นและความตาย |
||
ความคลุมเครือของงูยังแสดงถึงความขัดแย้งในปัจจุบันของการใช้ยา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยถ้าใช้เหมาะสมและอาจจะให้โทษเมื่อใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งไกล้เคียงกับคำในภาษากรีกว่า Pharmakon ที่หมายถึง ยา (medicine) หรือ ยาพิษ (poison)<ref>Albert R. Jonsen, The New Medicine and the Old Ethics, Harvard University Press, 1990, p122-123</ref> หรือแม้กระทั่งพิษของงูที่ใช้ในการรักษา ที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ระวัง |
ความคลุมเครือของงูยังแสดงถึงความขัดแย้งในปัจจุบันของการใช้ยา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยถ้าใช้เหมาะสมและอาจจะให้โทษเมื่อใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งไกล้เคียงกับคำในภาษากรีกว่า Pharmakon ที่หมายถึง ยา (medicine) หรือ ยาพิษ (poison)<ref>Albert R. Jonsen, The New Medicine and the Old Ethics, Harvard University Press, 1990, p122-123</ref> หรือแม้กระทั่งพิษของงูที่ใช้ในการรักษา ที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ระวัง |
||
ยังมีข้อถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่า |
ยังมีข้อถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่า สัญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์ที่เชื่อว่าเป็นคทาแอสคลีเพียสนั้น ความจริงแล้วเป็นพยาธิที่ชื่อว่า Dracunculus medinensis ซึ่งมักจะชอนไชตามผิวหนังของผู้ป่วยในสมัยโบราณ แพทย์จะรักษาโดยการกรีดผิวหนัง เมื่อพยาธิออกมานอกผิวหนังแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งเพื่อพันตัวพยาธิออกมาจนหมด โดยลักษณะที่พยาธิพันบนแท่งนั้น เหมือนกันกับสัญลักษณ์งูพันเกลียวบนคทาของแอสคลีเพียส<ref>https://www.doctor.or.th/clinic/detail/6957 สัญลักษณ์ทางการแพทย์</ref> |
||
ปัจจุบันคทาแอสคลีเพียสถูกใช้เป็นส่วนหนึ่ง |
ปัจจุบันคทาแอสคลีเพียสถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งสัญลักษณ์ขององค์กรนานาชาติเกี่ยวกับการแพทย์ เช่น องค์การอนามัยโลก สมาคมแพทย์อเมริกัน สมาคมแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร สมาคมแพทย์ออสเตรเลีย<ref>https://stanglibrary.wordpress.com/2014/08/27/คทาคาดูซัส-สัญลักษณ์แห/ คทาคาดูซัส : สัญลักษณ์แห่งวิชาแพทย์</ref> |
||
==ความสับสนระหว่างคทาของแอสคลีเพียส และคทาคาดูเซียส== |
==ความสับสนระหว่างคทาของแอสคลีเพียส และคทาคาดูเซียส== |
||
คทาคาดูเซียส เป็น |
คทาคาดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ที่ผิดและมักใช้สับสนกับคทาของแอสคลีเพียสซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกต้อง<ref>Bohigian GM. The staff and serpent of Asclepius. Mo Med. 1997;94:210–11.</ref> เพื่อใช้แทนสัญลักษณ์ของ[[การแพทย์]] โดยถูกใช้อย่างแพร่หลายใน[[สหรัฐอเมริกา]] และในหลาย ๆ ประเทศ |
||
คทาคาดูเซียส เป็นคทาของเฮอร์มีส เทพผู้แจ้งข่าวของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งมีลักษณะเป็นคทามีปีก 2 ข้างและมีงูพันไขว้กัน คทาคาดูเซียส ใช้เป็น |
คทาคาดูเซียส เป็นคทาของเฮอร์มีส เทพผู้แจ้งข่าวของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งมีลักษณะเป็นคทามีปีก 2 ข้างและมีงูพันไขว้กัน คทาคาดูเซียส ใช้เป็นสัญลักษณ์ของการค้า ความมั่งคั่ง การลักขโมย และบางครั้งทางการแพทย์ แทนคทาของแอสคลีเพียสที่เป็นคทาที่ไม่มีปีกและมีงูพันเกลียวเพียงตัวเดียว |
||
[[ไฟล์:Flag of WHO.svg|thumb|left|250px|ธง |
[[ไฟล์:Flag of WHO.svg|thumb|left|250px|ธงสัญลักษณ์ขององค์การอนามัยโลก]] |
||
การใช้สับสนนี้พบตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 เมื่อนักจักษุวิทยาใช้ตรารูปคทาคาดูเซียสบนฉลากยาที่ใช้กับตา เหตุผลที่นำคทาคาดูเซียส มาใช้แทนการแพทย์เนื่องจากเห็นว่า เฮอร์มีสมีความเชื่อมโยงกับ[[การเล่นแร่แปรธาตุ]] รวมถึงวิชาเคมีและการปรุงยา ซึ่งในภายหลังมีผู้ให้เหตุผลว่า การเล่นแร่แปรธาตุไม่มีความเกี่ยวพันกับการแพทย์ |
การใช้สับสนนี้พบตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 เมื่อนักจักษุวิทยาใช้ตรารูปคทาคาดูเซียสบนฉลากยาที่ใช้กับตา เหตุผลที่นำคทาคาดูเซียส มาใช้แทนการแพทย์เนื่องจากเห็นว่า เฮอร์มีสมีความเชื่อมโยงกับ[[การเล่นแร่แปรธาตุ]] รวมถึงวิชาเคมีและการปรุงยา ซึ่งในภายหลังมีผู้ให้เหตุผลว่า การเล่นแร่แปรธาตุไม่มีความเกี่ยวพันกับการแพทย์ |
||
หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสัณนิษฐานว่าในศตวรรษที่ 18 หน่วยแพทย์ของกองทัพสหรัฐ ได้ใช้คทาคาดู |
หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสัณนิษฐานว่าในศตวรรษที่ 18 หน่วยแพทย์ของกองทัพสหรัฐ ได้ใช้คทาคาดูเซียสแทนสัญลักษณ์ และได้ถูกถกเถียงอย่างแพร่หลายถึงความถูกต้อง แต่กองทัพได้ออกมากล่าวว่าสัญลักษณ์คทาคาดูเซียสที่ใช้ในหน่วยแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ทางการแพทย์ แต่คทาแสดงถึงอำนาจ งูสองตัวแสดงถึงความรู้ ปีกแสดงถึงความขยัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยแพทย์ของกองทัพ<ref>Emerson, William K (1996). Encyclopedia of United States Army Insignia and Uniforms. University of Oklahoma Press. pp. 181–182. ISBN 0-585-19489-0.</ref> |
||
อย่างไรก็ตาม มีการใช้ |
อย่างไรก็ตาม มีการใช้สัญลักษณ์คทาคาดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ทางการแพทย์ และบางแห่งปรับเปลี่ยนจากคทาเป็นคบเพลิง แต่ยังคงความหมายเดิม เช่น สมาคมแพทย์แห่งอินเดีย สมาคมแพทย์แห่งมาเลเซีย และกระทรวงสาธารณสุขของไทย{{อ้างอิง}} |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:03, 16 กรกฎาคม 2561
คทาแอสคลีเพียส (Rod of Asclepius) หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียส เป็นคทาของเทพแอสคลีเพียส ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษาในตำนานเทพปกรณัมกรีก คทาแอสคลีเพียสใช้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์และการรักษามาจนปัจจุบัน แต่ยังมีการใช้สับสนกันระหว่างคทาของแอสคลีเพียสและคทาของเฮอร์มีส ที่ชื่อว่า คาดูเซียส[1]
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก แอสคลีเพียส ซึ่งมีสถานะครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา จะมีคทาประจำตัวอันหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งและมักจะมีงูหนึ่งตัวพันเกลียวรอบคทาเป็นสัญลักษณ์ แต่ในบางครั้งอาจจะพบว่างูไม่ได้พันเกลียวรอบ แต่มักจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
แอสคลีเพียส ร่ำเรียนวิชาการรักษามาจากไครอน ซึ่งเป็นเซนทอร์ที่ชุบเลี้ยงแอสคลีเพียสมาตั้งแต่ยังเป็นทารก จนได้กลายมาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของกรีก แอสคลีเพียสได้ใช้สัญลักษณ์คทาที่มีงูพันเกลียวรอบแทนการแพทย์และการรักษา
สมัยกรีกโบราณมีสถานที่ที่เป็นศาสนสถานสำหรับรักษาโรค (Healing temple) มีชื่อเรียกตามเทพแอสคลีเพียสว่า อัสคลิเปียน (Asclepioen) ในตำนานกรีกโบราณมีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงแอสคลีเพียสที่สำคัญ คือเมื่อฮิปพอคราทีส บิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตกจะกล่าวคำสัตย์สาบาน (Hippocrates oath) ได้กล่าวการสาบานตนด้วยประโยคว่า "ข้าขอสาบานแด่อะพอลโลผู้เป็นแพทย์ แด่แอสคลีเพียส แด่ไฮเจียและพานาเซีย และแด่เหล่าเทพทั้งมวล" คำสัตย์สาบานของฮิปพอคราทีส ได้เป็นต้นแบบของปฏิญญาอันเป็นจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์มาจนถึงปัจจุบันนี้[2]
งูที่พันรอบคทาของแอสคลีเพียส ได้ถูกตีความว่าอย่างหลากหลาย มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มีการใช้สัญลักษณ์งูพันรอบคทาของแอสคลีเพียส
การลอกคราบของงู เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูหรือการกำเนิดใหม่ หรือถูกตีความว่าเป็นเหมือนการรักษาของแพทย์ที่ต้องทำงานที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความเป็นและความตาย ความคลุมเครือของงูยังแสดงถึงความขัดแย้งในปัจจุบันของการใช้ยา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยถ้าใช้เหมาะสมและอาจจะให้โทษเมื่อใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งไกล้เคียงกับคำในภาษากรีกว่า Pharmakon ที่หมายถึง ยา (medicine) หรือ ยาพิษ (poison)[3] หรือแม้กระทั่งพิษของงูที่ใช้ในการรักษา ที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ระวัง
ยังมีข้อถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่า สัญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์ที่เชื่อว่าเป็นคทาแอสคลีเพียสนั้น ความจริงแล้วเป็นพยาธิที่ชื่อว่า Dracunculus medinensis ซึ่งมักจะชอนไชตามผิวหนังของผู้ป่วยในสมัยโบราณ แพทย์จะรักษาโดยการกรีดผิวหนัง เมื่อพยาธิออกมานอกผิวหนังแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งเพื่อพันตัวพยาธิออกมาจนหมด โดยลักษณะที่พยาธิพันบนแท่งนั้น เหมือนกันกับสัญลักษณ์งูพันเกลียวบนคทาของแอสคลีเพียส[4]
ปัจจุบันคทาแอสคลีเพียสถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งสัญลักษณ์ขององค์กรนานาชาติเกี่ยวกับการแพทย์ เช่น องค์การอนามัยโลก สมาคมแพทย์อเมริกัน สมาคมแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร สมาคมแพทย์ออสเตรเลีย[5]
ความสับสนระหว่างคทาของแอสคลีเพียส และคทาคาดูเซียส
คทาคาดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ที่ผิดและมักใช้สับสนกับคทาของแอสคลีเพียสซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกต้อง[6] เพื่อใช้แทนสัญลักษณ์ของการแพทย์ โดยถูกใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา และในหลาย ๆ ประเทศ คทาคาดูเซียส เป็นคทาของเฮอร์มีส เทพผู้แจ้งข่าวของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งมีลักษณะเป็นคทามีปีก 2 ข้างและมีงูพันไขว้กัน คทาคาดูเซียส ใช้เป็นสัญลักษณ์ของการค้า ความมั่งคั่ง การลักขโมย และบางครั้งทางการแพทย์ แทนคทาของแอสคลีเพียสที่เป็นคทาที่ไม่มีปีกและมีงูพันเกลียวเพียงตัวเดียว
การใช้สับสนนี้พบตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 เมื่อนักจักษุวิทยาใช้ตรารูปคทาคาดูเซียสบนฉลากยาที่ใช้กับตา เหตุผลที่นำคทาคาดูเซียส มาใช้แทนการแพทย์เนื่องจากเห็นว่า เฮอร์มีสมีความเชื่อมโยงกับการเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงวิชาเคมีและการปรุงยา ซึ่งในภายหลังมีผู้ให้เหตุผลว่า การเล่นแร่แปรธาตุไม่มีความเกี่ยวพันกับการแพทย์
หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสัณนิษฐานว่าในศตวรรษที่ 18 หน่วยแพทย์ของกองทัพสหรัฐ ได้ใช้คทาคาดูเซียสแทนสัญลักษณ์ และได้ถูกถกเถียงอย่างแพร่หลายถึงความถูกต้อง แต่กองทัพได้ออกมากล่าวว่าสัญลักษณ์คทาคาดูเซียสที่ใช้ในหน่วยแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ทางการแพทย์ แต่คทาแสดงถึงอำนาจ งูสองตัวแสดงถึงความรู้ ปีกแสดงถึงความขยัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยแพทย์ของกองทัพ[7]
อย่างไรก็ตาม มีการใช้สัญลักษณ์คทาคาดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ทางการแพทย์ และบางแห่งปรับเปลี่ยนจากคทาเป็นคบเพลิง แต่ยังคงความหมายเดิม เช่น สมาคมแพทย์แห่งอินเดีย สมาคมแพทย์แห่งมาเลเซีย และกระทรวงสาธารณสุขของไทย[ต้องการอ้างอิง]
อ้างอิง
- ↑ Medical Symbols in Practice: Myths vs Reality
- ↑ Farnell, Chapter 10, "The Cult of Asklepios" (pp. 234–279)
- ↑ Albert R. Jonsen, The New Medicine and the Old Ethics, Harvard University Press, 1990, p122-123
- ↑ https://www.doctor.or.th/clinic/detail/6957 สัญลักษณ์ทางการแพทย์
- ↑ https://stanglibrary.wordpress.com/2014/08/27/คทาคาดูซัส-สัญลักษณ์แห/ คทาคาดูซัส : สัญลักษณ์แห่งวิชาแพทย์
- ↑ Bohigian GM. The staff and serpent of Asclepius. Mo Med. 1997;94:210–11.
- ↑ Emerson, William K (1996). Encyclopedia of United States Army Insignia and Uniforms. University of Oklahoma Press. pp. 181–182. ISBN 0-585-19489-0.