ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เตา ชื่อซฺวิน"
มังกรคาบแก้ว (คุย | ส่วนร่วม) |
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 5: | บรรทัด 5: | ||
| ชื่อ = เจ้าหม่อมคำลือ |
| ชื่อ = เจ้าหม่อมคำลือ |
||
| ภาพ = ไฟล์:ตาว สื่อซวิน (เจ้าหม่อมคำลือ).JPG |
| ภาพ = ไฟล์:ตาว สื่อซวิน (เจ้าหม่อมคำลือ).JPG |
||
| พระนามาภิไธย = |
| พระนามาภิไธย = เตา ชื่อซฺวิน |
||
| พระปรมาภิไธย = สมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่ง ที่ 41 |
| พระปรมาภิไธย = สมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่ง ที่ 41 |
||
| ราชสมภพ = |
| ราชสมภพ = ค.ศ. 1928 |
||
| วันพิราลัย = |
| วันพิราลัย = |
||
| พระอิสริยยศ = กษัตริย์แห่งราช[[อาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง]] |
| พระอิสริยยศ = กษัตริย์แห่งราช[[อาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง]] |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 15: | ||
| พระโอรส/ธิดา = 4 พระองค์ |
| พระโอรส/ธิดา = 4 พระองค์ |
||
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์อารยะโวสวนตาน]] |
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์อารยะโวสวนตาน]] |
||
| ทรงราชย์ = |
| ทรงราชย์ = ค.ศ. 1944–1950]] |
||
| สิ้นพระชนม์ = 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 |
| สิ้นพระชนม์ = 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 |
||
| พิธีบรมราชาภิเษก = ค.ศ. 1944 |
| พิธีบรมราชาภิเษก = ค.ศ. 1944 |
||
บรรทัด 23: | บรรทัด 23: | ||
}} |
}} |
||
''' |
'''เตา ชื่อซฺวิน''' (刀世勋) หรือ '''เจ้าหม่อมคำลือ''' เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราช[[อาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง]] องค์ที่ 41 และเป็นองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ '''พญาเจือง''' หรือ '''ราชวงศ์อารยะโวสวนตาน''' ที่ปกครองอาณาจักรหอคำเชียงรุ่งมายาวนานถึง 790 ปี ถือเป็นอาณาจักรไทเดิมหนึ่งเดียวที่มีระบอบศักดินาแบบจารีตยาวนานที่สุดในแหลมทอง |
||
== พระประวัติ == |
== พระประวัติ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:51, 26 เมษายน 2561
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เจ้าหม่อมคำลือ | |
---|---|
เตา ชื่อซฺวิน สมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่ง ที่ 41 | |
กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1944–1950]] |
ราชาภิเษก | ค.ศ. 1944 |
รัชกาลก่อนหน้า | สมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่ง ที่ 40 |
รัชกาลถัดไป | สิ้นสุดระบอบกษัตริย์ |
ประสูติ | ค.ศ. 1928 |
สิ้นพระชนม์ | 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 |
พระมเหสี | สิว์ จิ๊ว เฟิน |
สมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่ง ที่ 41 | |
พระบุตร | 4 พระองค์ |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์อารยะโวสวนตาน |
พระบิดา | เจ้าหม่อมแสงเมือง |
เตา ชื่อซฺวิน (刀世勋) หรือ เจ้าหม่อมคำลือ เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง องค์ที่ 41 และเป็นองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ พญาเจือง หรือ ราชวงศ์อารยะโวสวนตาน ที่ปกครองอาณาจักรหอคำเชียงรุ่งมายาวนานถึง 790 ปี ถือเป็นอาณาจักรไทเดิมหนึ่งเดียวที่มีระบอบศักดินาแบบจารีตยาวนานที่สุดในแหลมทอง
พระประวัติ
เจ้าหม่อมคำลือ ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1928 เป็นราชบุตรของ เจ้าหม่อมแสงเมือง ซึ่งเป็นอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน ฉะนั้น พระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อนจึงมีศักดิ์เป็นลุงของเจ้าหม่อมคำลือ แต่พระองค์ท่านเอง(เจ้าหม่อมสุวรรณผาคราง) ไม่มีราชบุตร จึงได้ขอเจ้าหม่อมคำลือมาเป็นราชบุตรบุญธรรม และไปเรียนหนังสือที่เมืองจุงกิงเมื่ออายุ 16 ปี จนถึงปี ค.ศ. 1944 ได้เข้า “พิธีฮับเมือง” แต่ในช่วงนั้นเกิด สงครามมหาเอเชียบูรพา (ค.ศ. 1939-1945) พิธีฮับเมืองจึงไม่สมบูรณ์ ท่านได้กลับไปเรียนหนังสือ และกลับมาทำพิธีฮับเมืองครั้งที่สอง เมื่อ ค.ศ. 1948 ขณะอายุ 20 ปี
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองภายในประเทศจีน ราวปี ค.ศ. 1949-1950 ท่านจึงกลายเป็น “กษัตริย์องค์สุดท้าย” โดยเปลี่ยนฐานันดรศักดิ์จากกษัตริย์เป็นสามัญชน โดยที่ยังมิได้ บริหารราชการแผ่นดินเลย เนื่องจากหลังจากทำพิธีฮับเมืองครั้งแรกแล้วท่านได้แต่งตั้งให้เจ้าหม่อมแสนเมือง พระราชบิดาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จากนั้นท่านก็ไปเรียนหนังสือต่อ
ปัจจุบันเจ้าหม่อมคำลือ อาศัยอยู่ในเมืองคุนหมิง ประเทศจีน มีบุตร 4 คน เป็นชาย 2 หญิง 2 ซึ่งรับราชการทั้งหมด ชีวิตที่เมืองคุนหมิงของท่านเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและสงบ แม้ว่าจะมีโรคประจำตัวคือโรคเกาต์ แต่ท่านก็ยังดูสุขภาพดี เช่นเดียวกับภรรยาของท่านก็ยังแข็งแรงดี
ชีวิตหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ท่านได้เรียนหนังสือในระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยยูนนาน และได้แต่งงานกับ สิว์ จิ๊ว เฟิน ชาวจีนคุนหมิง ในปี ค.ศ. 1953 ก่อนที่จะทำงานเป็นนักวิจัยด้านภาษาศาสตร์ อีก 8 ปี ที่สถาบันวิจัยชนชาติส่วนน้อยแห่งชาติ สังกัดสภาวิทยาศาสตร์ประเทศจีน ในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ต่อมาเจ้าหม่อมแสนเมืองได้ขอให้รัฐบาลจีนย้ายทั้งสองกลับมาที่คุนหมิง โดยมาทำงานเป็นนักวิจัยด้านภาษาซึ่งรวมถึงอักษรไทลื้อ จนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1971 รัฐบาล จีนมีคำสั่งให้เจ้าหม่อมคำลือและภรรยาไปทำงานในชนบททำงานในสวนอ้อยใน อ.เชียงกุ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสิบสองปันนา เป็นเวลานาน ถึง 9 ปี
การใช้เวลาในสวนอ้อยนี้ สิว์ จิ๊ว เฟิน เล่าว่า สามารถพกหนังสือหรือตำราเข้าไปอ่านได้ด้วย และหลังจาก เติ้ง เสี่ยว ผิง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของจีนแล้ว เห็นว่านโยบายเอียงซ้าย นโยบายที่ให้เจ้านายไปใช้แรงงานในชนบท เป็นนโยบายที่ผิดพลาด ดังนั้นเจ้าหม่อมคำลือและภรรยาจึงมีโอกาสกลับคุนหมิง โดยทำงานเป็นนักวิจัยที่สถาบันวิจัยชนชาติในมหาวิทยาลัยชนชาติยูนนาน จนกระทั่งเกษียณอายุ โดยมีคุณวุฒิทางวิชาการคือ “ศาสตราจารย์”
อย่างไรก็ดี หลังจากเกษียณอายุแล้ว ทางการจีนได้ให้ฐานะ ทางสังคมแก่ เจ้าหม่อมคำลือในฐานะเจ้านายเก่าคือเป็น รองประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองระดับมณฑล และ กรรมการสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ ซึ่งมีที่พัก และ รถประจำตำแหน่งให้ แต่ปัจจุบันท่านก็ได้เกษียณจากทุกตำแหน่งแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหม่อมคำลือมีพระอนุชาชื่อ เจ้าหม่อมมหาวัง อยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ของประเทศไทย แต่ปัจจุบันก็สิ้นแล้ว คงเหลือแต่ลูก ๆ ซึ่งอยู่ที่แม่สาย และรวมถึงในกรุงเทพฯ ที่ใช้ นามสกุล “คำลือ” เพื่อเป็นที่ระลึกถึง “เจ้าหม่อมคำลือ” กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรไทลื้อ เจ้าหม่อมคำลือในปัจจุบัน ยังเป็นที่รักและเคารพของชาวไทลื้อ [1]
อ้างอิง
- ↑ เจ้าหม่อมคำลือ"กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งสิบสองปันนา. Postjung.com
ก่อนหน้า | เตา ชื่อซฺวิน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่ง ที่ 40 | กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง ผู้อ้างสิทธิกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง (ค.ศ. 1944 - ปัจจุบัน) |
เปลี่ยนแปลงการปกครอง ยังอยู่ในตำแหน่ง |