ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาพิมพิสารราชา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พีรวงค์ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 5: บรรทัด 5:
|คำบรรยายภาพ =
|คำบรรยายภาพ =
|พระนาม = เจ้าพิมพิสาร
|พระนาม = เจ้าพิมพิสาร
|พระนามเต็ม = พระยาพิมพิสารราชา
|พระนามเต็ม = องค์สมเด็จมหาราชหลวง (พระญาพิมพิสารราชา)
|ครองราชย์ = [[พ.ศ. 2390]] – [[พ.ศ. 2429]]<ref name="เจ้านาย">{{หนังสือ| ผู้แต่ง = วรชาติ มีชูบท| ชื่อหนังสือ = เจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะ| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สร้างสรรค์บุ๊คส์| ปี = 2556| ISBN = 978-616-220-054-0| จำนวนหน้า = 428| หน้า = 20}}</ref>
|ครองราชย์ = [[พ.ศ. 2390]] – [[พ.ศ. 2429]]<ref name="เจ้านาย">{{หนังสือ| ผู้แต่ง = วรชาติ มีชูบท| ชื่อหนังสือ = เจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะ| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สร้างสรรค์บุ๊คส์| ปี = 2556| ISBN = 978-616-220-054-0| จำนวนหน้า = 428| หน้า = 20}}</ref>
|รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยาอินทวิไชย]]
|รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยาอินทวิไชย]]
|รัชกาลถัดมา = [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]]
|รัชกาลถัดมา = [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]]
|ฐานันดร = พระยา
|ฐานันดร = พระยาประเทศราช
|วันประสูติ = [[พ.ศ. 2356]]
|วันประสูติ = [[พ.ศ. 2356]]
|วันพิราลัย = [[พ.ศ. 2429]]
|วันพิราลัย = [[พ.ศ. 2429]]
บรรทัด 18: บรรทัด 18:
|พระมารดา = แม่เจ้าปิ่นแก้ว
|พระมารดา = แม่เจ้าปิ่นแก้ว
|มารดา =
|มารดา =
|พระชายา = [[แม่เจ้าแก้วไหลมา]]ราชเทวี
|พระชายา = [[แม่เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี]]
|ชายา = แม่เจ้าธิดา<br>แม่เจ้าคำใย้
|ชายา = แม่เจ้าธิดาเทวี<br>แม่เจ้าคำใย้เทวี
|หม่อม =
|หม่อม =หม่อมจันทร์
|พระราชสวามี =
|พระราชสวามี =
|พระสวามี =
|พระสวามี =
บรรทัด 28: บรรทัด 28:
}}
}}
{{เจ้าผู้ครองนครแพร่แห่งราชวงศ์เทพวงศ์}}
{{เจ้าผู้ครองนครแพร่แห่งราชวงศ์เทพวงศ์}}
'''พระยาพิมพิสารราชา''' หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสาร''' ทรงเป็น[[รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่|เจ้าผู้ครองนครแพร่]] องค์ที่ 21 ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] พระองค์ได้สืบตำแหน่งพระยาแพร่ต่อจาก [[พระยาอินทวิไชย]]ผู้เป็นปิตุลาของพระองค์
'''พระยาพิมพิสารราชา''' หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสาร''' ทรงเป็น[[รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่|เจ้าผู้ครองนครแพร่]] องค์ที่ 21 (องค์ที่ 3 แห่ง[[ราชวงศ์เทพวงศ์]]) ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองนครแพร่ต่อจาก[[พระยาอินทวิไชย]]ผู้เป็นราชมาตุลาของพระองค์


==พระประวัติ==
==พระประวัติ==
พระยาพิมสารราชา หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสารขาเค'''<ref name="เจ้านาย"/> ([[พ.ศ. 2356]] – [[พ.ศ. 2429]]) มีพระนามเดิมว่าเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับเจ้าปิ่นแก้ว ซึ่งพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นน้องสาวพระยาแสนซ้าย (บิดา[[พระยาศรีสุริยวงศ์ (มังไชย)]]) แต่ในหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 องค์สุดท้ายได้กล่าวว่าเจ้าปิ่นแก้วเป็นราชธิดา[[พระยาเทพวงศ์]] เป็นขนิษฐาพระยาอินทวิไชย ดังนั้นพระยาพิมพิสารจึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงของ[[พระยาอินทวิไชย]]<ref>หมู่บ้าน วังฟ่อน. ประวัติเจ้าหลวงพิมพิสาร</ref>
พระยาพิมสารราชา หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสาร'''<ref name="เจ้านาย"/> ([[พ.ศ. 2356]] – [[พ.ศ. 2429]]) มีพระนามเดิมว่าเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับ[[เจ้าปิ่นแก้ว|แม่เจ้าปิ่นแก้ว]] ซึ่งพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นน้องสาวพระยาแสนซ้าย (บิดา[[พระยาศรีสุริยวงศ์ (มังไชย)]]) แต่ในหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 องค์สุดท้ายได้กล่าวว่าเจ้าปิ่นแก้วเป็นราชธิดา[[พระยาเทพวงศ์]] เป็นเจ้าขนิษฐาในพระยาอินทวิไชย ดังนั้นพระยาพิมพิสารจึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงของ[[พระยาอินทวิไชย]]<ref>หมู่บ้าน วังฟ่อน. ประวัติเจ้าหลวงพิมพิสาร</ref>


เจ้าพิมพิสารได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น''พระยาราชวงศ์'' เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นปิตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น''พระยาแพร่'' ขณะชันษา 34 ชันษา เมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค)| ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2555| ISBN = 978-616-7146-30-0| จำนวนหน้า = 2,136| หน้า = 1559}}</ref>
เจ้าพิมพิสารได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น''พระยาราชวงศ์'' เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นราชมาตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น''พระยาแพร่'' ขณะมีชันษาได้ 34 ปี เมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค)| ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2555| ISBN = 978-616-7146-30-0| จำนวนหน้า = 2,136| หน้า = 1559}}</ref>


พระยาพิมพิสาร เป็นเจ้าเมืองที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี<ref name="เจ้าหลวง"/>
พระยาพิมพิสาร ทรงเป็นเจ้าหลวงที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี<ref name="เจ้าหลวง"/>


พระยาพิมพิสาร ถึงแก่พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ. 2429 ชันษา 73 ปี
พระยาพิมพิสาร ถึงแก่พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ. 2429 สิริชันษา 73 ปี


== ชายา โอรส และธิดา==
== ราชโอรส-ธิดา==
พระยาพิมพิสารมีชายาและโอรสธิดา ดังนี้<ref name="เจ้าหลวง">{{cite web|title=เจ้าหลวงพิมพิสาร (พิมสาร หรือขาเค)|url=http://wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=701:2011-09-18-15-48-49&catid=142:2010-11-06-02-33-05&Itemid=184|publisher=วังฟ่อนดอตคอม|date=18 สิงหาคม 2011|accessdate= 9 กุมภาพันธ์ 2559}}</ref>
พระยาพิมพิสาร มีพระชายา และราชโอรส-ธิดา ดังนี้<ref name="เจ้าหลวง">{{cite web|title=เจ้าหลวงพิมพิสาร (พิมสาร หรือขาเค)|url=http://wungfon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=701:2011-09-18-15-48-49&catid=142:2010-11-06-02-33-05&Itemid=184|publisher=วังฟ่อนดอตคอม|date=18 สิงหาคม 2011|accessdate= 9 กุมภาพันธ์ 2559}}</ref>
* '''[[เจ้าแก้วไหลมา]]ราชเทวี''' (มีหลักฐานในแผ่นศิลา-จารึกที่วัดหลวง) แต่ไม่ปรากฏมีโอรส-ธิดา ด้วยกันหรือไม่
* '''[[เจ้าแก้วไหลมา]]ราชเทวี''' (พบหลักฐานในแผ่นศิลา-จารึกที่วัดหลวง) แต่ไม่ปรากฏมีว่าราชบุตร ด้วยกันหรือไม่
*'''แม่เจ้าธิดา''' มีโอรส-ธิดา 4 องค์ คือ
*'''แม่เจ้าธิดาเทวี''' มีราชโอรส-ธิดา 4 พระองค์ คือ

::* แม่เจ้าไข สมรสกับ เจ้าชัยลังกา ไม่มีบุตร-ธิดา
::* แม่เจ้าเบาะ สมรสกับ เจ้าหัวหน้า มีบุตรธิดา 2 คน
::* แม่เจ้าไข เสกสมรสกับ เจ้าชัยลังกา ไม่มีบุตร
::* แม่เจ้าเบาะ สมรสกับ เจ้าหัวหน้า มีโอรส-ธิดา 2 คน
:::1.เจ้าฟองคำ สามีไม่ทราบนาม
:::1.เจ้าฟองคำ สามีไม่ทราบนาม
:::2.เจ้าน้อยทวงศ์ สมรสกับแม่เจ้าขันคำ
:::2.เจ้าน้อยทวงศ์ สมรสกับแม่เจ้าขันคำ รสเข้ม (ไม่มีบุตร)

รสเข้ม(ไม่มีบุตรธิดา)
::* แม่เจ้าอินทร์ลงเหลา สมรสกับเจ้าหนานศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) มีบุตรธิดา 3 คน
::* แม่เจ้าอินทร์ลงเหลา เสกสมรสกับเจ้าหนานศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) มีโอรส-ธิดา 3 คน
:::1.เจ้าศรีเมือง
:::1.เจ้าศรีเมือง
:::2.แม่เจ้าฟอง บรรเลง สมรสกับนายหนานแสน บรรเลง
:::2.แม่เจ้าฟอง บรรเลง สมรสกับนายหนานแสน บรรเลง โยมบิดา-มารดา [[พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิโว)]] อดีตเจ้าคณะตรวจการภาค 4 และ 5
:::3.แม่เจ้าแก้ว เหลี่ยมเพชร
:::3.แม่เจ้าแก้ว เหลี่ยมเพชร
::* [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]] เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์สุดท้าย
::* เจ้าน้อยเทพวงศ์ ต่อมาคือ [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]] เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย

*'''แม่เจ้าคำใย้เทวี''' มีโอรส 1 พระองค์ คือ


::* [[พระสุริยะจางวาง (มหาอินทร์ สารศิริวงศ์)|เจ้าสุริยะจางวาง (น้อยมหาอินทร์ สารศิริวงศ์)]] เจ้าสุริยะจางวางนครแพร่ เสกสมรส 4 ครั้ง
*'''แม่เจ้าคำใย้''' มีโอรส 1 องค์ คือ
:::*สมรสครั้งที่1 กับแม่เจ้าสุชาดา (ไม่มีบุตร)
::* เจ้าสุริยะจางวาง สมรส 4 ครั้ง
:::*สมรสครั้งที่1 กับแม่เจ้าสุชาดา (ไม่มีบุตรธิดา)
:::*สมรสครั้งที่2 กับหม่อมฟองแก้ว มีธิดา 1 คน คือ
:::*สมรสครั้งที่2 กับนางฟองแก้ว มีธิดา 1 คน คือ
:::: เจ้าบุญนำ วังซ้าย (สารศิริวงศ์)
:::: เจ้าบุญนำ วังซ้าย (สารศิริวงศ์)
:::*สมรสครั้งที่3 กับนางเป็ง มีบุตร 1 คน คือ
:::*สมรสครั้งที่3 กับหม่อมเป็ง มีโอรส 1 คน คือ
:::: เจ้าน้อย สารศิริวงศ์
:::: เจ้าน้อย สารศิริวงศ์
:::*สมรสครั้งที่4 กับนางแก้ว มีบุตร 1 คน คือ
:::*สมรสครั้งที่4 กับหม่อมแก้ว มีโอรส 1 คน คือ
:::: เจ้าน้อยเป็ด สารศิริวงศ์
:::: เจ้าน้อยเป็ด สารศิริวงศ์



รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:03, 22 เมษายน 2561

พระยาพิมพิสารราชา

เจ้าพิมพิสาร
พระยาแพร่
ครองราชย์พ.ศ. 2390พ.ศ. 2429[1]
รัชกาลก่อนหน้าพระยาอินทวิไชย
รัชกาลถัดไปเจ้าพิริยเทพวงษ์
ประสูติพ.ศ. 2356
พิราลัยพ.ศ. 2429
พระชายาแม่เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี
หม่อม
  • หม่อมจันทร์
พระนามเต็ม
องค์สมเด็จมหาราชหลวง (พระญาพิมพิสารราชา)
พระบุตร5 พระองค์
ราชวงศ์ราชวงศ์เทพวงศ์
พระบิดาพระยาวังขวา
พระมารดาแม่เจ้าปิ่นแก้ว
เจ้าผู้ครองนครแพร่แห่ง
ราชวงศ์แสนซ้าย
*พระยาแสนซ้าย
*พระยาเทพวงศ์
*พระยาอินทวิไชย
พระยาพิมพิสารราชา
เจ้าพิริยเทพวงษ์

พระยาพิมพิสารราชา หรือ เจ้าหลวงพิมพิสาร ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 21 (องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์เทพวงศ์) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองนครแพร่ต่อจากพระยาอินทวิไชยผู้เป็นราชมาตุลาของพระองค์

พระประวัติ

พระยาพิมสารราชา หรือ เจ้าหลวงพิมพิสาร[1] (พ.ศ. 2356พ.ศ. 2429) มีพระนามเดิมว่าเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับแม่เจ้าปิ่นแก้ว ซึ่งพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นน้องสาวพระยาแสนซ้าย (บิดาพระยาศรีสุริยวงศ์ (มังไชย)) แต่ในหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 องค์สุดท้ายได้กล่าวว่าเจ้าปิ่นแก้วเป็นราชธิดาพระยาเทพวงศ์ เป็นเจ้าขนิษฐาในพระยาอินทวิไชย ดังนั้นพระยาพิมพิสารจึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงของพระยาอินทวิไชย[2]

เจ้าพิมพิสารได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชวงศ์ เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นราชมาตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นพระยาแพร่ ขณะมีชันษาได้ 34 ปี เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน[3]

พระยาพิมพิสาร ทรงเป็นเจ้าหลวงที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี[4]

พระยาพิมพิสาร ถึงแก่พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ. 2429 สิริชันษา 73 ปี

ราชโอรส-ธิดา

พระยาพิมพิสาร มีพระชายา และราชโอรส-ธิดา ดังนี้[4]

  • เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี (พบหลักฐานในแผ่นศิลา-จารึกที่วัดหลวง) แต่ไม่ปรากฏมีว่าราชบุตร ด้วยกันหรือไม่
  • แม่เจ้าธิดาเทวี มีราชโอรส-ธิดา 4 พระองค์ คือ
  • แม่เจ้าไข เสกสมรสกับ เจ้าชัยลังกา ไม่มีบุตร
  • แม่เจ้าเบาะ สมรสกับ เจ้าหัวหน้า มีโอรส-ธิดา 2 คน
1.เจ้าฟองคำ สามีไม่ทราบนาม
2.เจ้าน้อยทวงศ์ สมรสกับแม่เจ้าขันคำ รสเข้ม (ไม่มีบุตร)
  • แม่เจ้าอินทร์ลงเหลา เสกสมรสกับเจ้าหนานศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) มีโอรส-ธิดา 3 คน
1.เจ้าศรีเมือง
2.แม่เจ้าฟอง บรรเลง สมรสกับนายหนานแสน บรรเลง โยมบิดา-มารดา พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิโว) อดีตเจ้าคณะตรวจการภาค 4 และ 5
3.แม่เจ้าแก้ว เหลี่ยมเพชร
  • แม่เจ้าคำใย้เทวี มีโอรส 1 พระองค์ คือ
  • สมรสครั้งที่1 กับแม่เจ้าสุชาดา (ไม่มีบุตร)
  • สมรสครั้งที่2 กับหม่อมฟองแก้ว มีธิดา 1 คน คือ
เจ้าบุญนำ วังซ้าย (สารศิริวงศ์)
  • สมรสครั้งที่3 กับหม่อมเป็ง มีโอรส 1 คน คือ
เจ้าน้อย สารศิริวงศ์
  • สมรสครั้งที่4 กับหม่อมแก้ว มีโอรส 1 คน คือ
เจ้าน้อยเป็ด สารศิริวงศ์

พงศาวลี

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 แม่แบบ:หนังสือ
  2. หมู่บ้าน วังฟ่อน. ประวัติเจ้าหลวงพิมพิสาร
  3. เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2555. 2,136 หน้า. หน้า 1559. ISBN 978-616-7146-30-0
  4. 4.0 4.1 "เจ้าหลวงพิมพิสาร (พิมสาร หรือขาเค)". วังฟ่อนดอตคอม. 18 สิงหาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)