ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วงโคจรค้างฟ้า"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
'''วงโคจรค้างฟ้า''' ({{lang-en|geostationary orbit หรือ Geostationary Earth Orbit , อักษรย่อ: '''GEO'''}}) เป็นวงโคจรที่มีระยะทางห่างจากพื้นโลก 35,786 กิโลเมตร (22,236 ไมล์) ขึ้นไปเหนือ[[เส้นศูนย์สูตร]]ของโลก มีทิศทางการโคจรทวนเข็มนาฬิกาเหมือนทิศทางการหมุนของโลก วัตถุที่อยู่ในวงโคจรดังกล่าวจะมี[[คาบการโคจร]]เกือบเท่ากับของโลก คือ 23 ชั่วโมง 56 นาที 4 วินาที และนั่นเองทำให้เมื่อสังเกตวัตถุที่อยู่ในวงโคจรนี้จากโลก วัตถุจะปรากฏนิ่งในตำแหน่งเดิมตลอดเวลา เราจึงเรียก[[ดาวเทียม]]ในวงโคจรค้างฟ้านี้ว่า '''[[ดาวเทียมประจำที่]]''' ซึ่งส่วนมากเป็น [[ดาวเทียมสื่อสาร]] และ [[ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา]] วงโคจรที่มีลักษณะใกล้เคียงกับวงโคจรค้างฟ้าคือ '''[[วงโคจรพ้องคาบโลก]]''' ที่แตกต่างกันตรงที่ไม่ได้โคจรในระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สูตร
'''วงโคจรค้างฟ้า''' ({{lang-en|geostationary orbit หรือ Geostationary Earth Orbit , อักษรย่อ: '''GEO'''}}) เป็นวงโคจรที่มีระยะทางห่างจากพื้นโลก 35,786 กิโลเมตร (22,236 ไมล์) ขึ้นไปเหนือ[[เส้นศูนย์สูตร]]ของโลก มีทิศทางการโคจรทวนเข็มนาฬิกาเหมือนทิศทางการหมุนของโลก วัตถุที่อยู่ในวงโคจรดังกล่าวจะมี[[คาบการโคจร]]เกือบเท่ากับของโลก คือ 23 ชั่วโมง 56 นาที 4 วินาที และนั่นเองทำให้เมื่อสังเกตวัตถุที่อยู่ในวงโคจรนี้จากโลก วัตถุจะปรากฏนิ่งในตำแหน่งเดิมตลอดเวลา เราจึงเรียก[[ดาวเทียม]]ในวงโคจรค้างฟ้านี้ว่า '''[[ดาวเทียมประจำที่]]''' ซึ่งส่วนมากเป็น [[ดาวเทียมสื่อสาร]] และ [[ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา]] วงโคจรที่มีลักษณะใกล้เคียงกับวงโคจรค้างฟ้าคือ '''[[วงโคจรพ้องคาบโลก]]''' ที่แตกต่างกันตรงที่ไม่ได้โคจรในระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สูตร


แนวคิดเรื่อง [[วงโคจรพ้องคาบโลก]] เพื่อการสื่อสารนั้นถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1928 โดยชาวโครเอเชีย Herman Potočnik<ref name='NASA SP-4026'>{{cite book | last = Noordung | first = Hermann | authorlink = | coauthors = et al. | title = The Problem With Space Travel | publisher = DIANE Publishing | year = 1995 | location = | pages = 72 | url = | doi = | id = | isbn = 978-0-7881-1849-4 | origyear=1929 | others=Translation from original German}}</ref> แต่ไม่เป็นที่แพร่หลาย ต่อมาแนวคิดนี้ปรากฏใน[[นิยายวิทยาศาสตร์|วรรณกรรมวิทยาศาสตร์]]ซึ่งได้รับความนิยมมาก เรื่อง ''Venus Equilateral'' โดย [[จอร์จ โอ. สมิทธิ์]]<ref name="VE">"(Korvus's message is sent) to a small, squat building at the outskirts of Northern Landing. It was hurled at the sky. … It … arrived at the relay station tired and worn, … when it reached a space station only five hundred miles above the city of North Landing." {{cite book|last=Smith|first=George O.|title=The Complete Venus Equilateral|year=1976|publisher=Ballantine Books|location=New York|isbn=0-345-25551-8-185|pages=3–4}}</ref> แต่เขามาก้ไม่ได้สนใจในรายละเอียด ต่อก็ปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์อีกเรื่องที่แต่งโดย[[นักประพันธ์]]ชาวอังกฤษ [[อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก]] จากกระแสนิยมในวรรณกรรมของเขา แนวคิดนี้จึงแพร่หลาย ตามด้วยข้อมูลและทฤษฏีมากมายถึงหลักการของมัน ในปี ค.ศ. 1945 เอกสารชื่อ "Extra-Terrestrial Relays — Can Rocket Stations Give Worldwide Radio Coverage?" (การถ่ายทอดภาคพื้นดินครั้งยิ่งใหญ่ — ฐานปล่อยจรวดจะสามารถกระจายสัญญาณวิทยุได้ครอบคลุมทั่วโลกหรือไม่?) ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร ''ไวร์เลสส์ เวิลด์'' ซึ่งคลาร์กได้ยอมรับถึงการเชื่อมบทนำของเขาไปยังวรรณกรรมชุด ''Venus Equilateral'' ฉบับสมบูรณ์<ref name="VEintro">"It is therefore quite possible that these stories influenced me subconsciously when … I worked out the principles of synchronous communications satellistes …", op. cit, p. x</ref> ซึ่งคลาร์กได้พรรณนาถึงวงโคจรดังกล่าวเป็นครั้งแรกว่า มันจะเป็นประโยชน์สำหรับการออกอากาศและการสื่อสารผ่านดาวเทียม<ref>{{cite web | publisher = Arthur C. Clark | url = http://www.clarkefoundation.org/docs/ClarkeWirelessWorldArticle.pdf | title = Extra-Terrestrial Relays — Can Rocket Stations Give Worldwide Radio Coverage? | date = October 1945 | accessdate = 2009-03-04}}</ref> ซึ่งในบางครั้ง มันก็ถูกเรียกว่า '''วงโคจรคลาร์ก'''<ref>{{cite web | publisher = NASA | url = http://www2.jpl.nasa.gov/basics/bsf5-1.php | title = Basics of Space Flight Section 1 Part 5, Geostationary Orbits | accessdate = 2009-06-21}}</ref> แต่วงโคจรที่คลาร์กจินตนาการไว้นั้น มีเส้นรอบวงยาว 265,000 กิโลเมตร ซึ่งเกือบจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงในเวลาต่อมา
แนวคิดเรื่อง [[วงโคจรพ้องคาบโลก]] เพื่อการสื่อสารนั้นถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1928 โดยชาวโครเอเชีย Herman Potočnik<ref name='NASA SP-4026'>{{cite book | last = Noordung | first = Hermann | authorlink = | coauthors = et al. | title = The Problem With Space Travel | publisher = DIANE Publishing | year = 1995 | location = | pages = 72 | url = | doi = | id = | isbn = 978-0-7881-1849-4 | origyear=1929 | others=Translation from original German}}</ref> แต่ไม่เป็นที่แพร่หลาย ต่อมาแนวคิดนี้ปรากฏใน[[นิยายวิทยาศาสตร์|วรรณกรรมวิทยาศาสตร์]]ซึ่งได้รับความนิยมมาก เรื่อง ''Venus Equilateral'' โดย [[จอร์จ โอ. สมิทธิ์]]<ref name="VE">"(Korvus's message is sent) to a small, squat building at the outskirts of Northern Landing. It was hurled at the sky. … It … arrived at the relay station tired and worn, … when it reached a space station only five hundred miles above the city of North Landing." {{cite book|last=Smith|first=George O.|title=The Complete Venus Equilateral|year=1976|publisher=Ballantine Books|location=New York|isbn=0-345-25551-8-185|pages=3–4}}</ref> แต่เขาก็ไม่ได้สนใจในรายละเอียด ต่อมาก็ได้ไปปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์อีกเรื่องที่แต่งโดย[[นักประพันธ์]]ชาวอังกฤษ [[อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก]] จากกระแสนิยมในวรรณกรรมของเขา แนวคิดนี้จึงแพร่หลาย ตามด้วยข้อมูลและทฤษฏีมากมายถึงหลักการของมัน ในปี ค.ศ. 1945 เอกสารชื่อ "Extra-Terrestrial Relays — Can Rocket Stations Give Worldwide Radio Coverage?" (การถ่ายทอดภาคพื้นดินครั้งยิ่งใหญ่ — ฐานปล่อยจรวดจะสามารถกระจายสัญญาณวิทยุได้ครอบคลุมทั่วโลกหรือไม่?) ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร ''ไวร์เลสส์ เวิลด์'' ซึ่งคลาร์กได้ยอมรับถึงการเชื่อมบทนำของเขาไปยังวรรณกรรมชุด ''Venus Equilateral'' ฉบับสมบูรณ์<ref name="VEintro">"It is therefore quite possible that these stories influenced me subconsciously when … I worked out the principles of synchronous communications satellistes …", op. cit, p. x</ref> ซึ่งคลาร์กได้พรรณนาถึงวงโคจรดังกล่าวเป็นครั้งแรกว่า มันจะเป็นประโยชน์สำหรับการออกอากาศและการสื่อสารผ่านดาวเทียม<ref>{{cite web | publisher = Arthur C. Clark | url = http://www.clarkefoundation.org/docs/ClarkeWirelessWorldArticle.pdf | title = Extra-Terrestrial Relays — Can Rocket Stations Give Worldwide Radio Coverage? | date = October 1945 | accessdate = 2009-03-04}}</ref> ซึ่งในบางครั้ง มันก็ถูกเรียกว่า '''วงโคจรคลาร์ก'''<ref>{{cite web | publisher = NASA | url = http://www2.jpl.nasa.gov/basics/bsf5-1.php | title = Basics of Space Flight Section 1 Part 5, Geostationary Orbits | accessdate = 2009-06-21}}</ref> แต่วงโคจรที่คลาร์กจินตนาการไว้นั้น มีเส้นรอบวงยาว 265,000 กิโลเมตร ซึ่งเกือบจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงในเวลาต่อมา


นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดในการใช้ประโยชน์จากวงโคจรค้างฟ้า ในการสร้าง[[ลิฟต์อวกาศ]] อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดในการใช้ประโยชน์จากวงโคจรค้างฟ้า ในการสร้าง[[ลิฟต์อวกาศ]] อีกด้วย

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:16, 23 มีนาคม 2561

วงโคจรค้างฟ้าจากมุมมองด้านบน ซึ่งดาวเทียมทั้งสองจะอยู่ตำแหน่งเติมตลอดเมื่อมองจากพื้นโลก
วงโคจรค้างฟ้าจากมุมมองด้านข้าง

วงโคจรค้างฟ้า (อังกฤษ: geostationary orbit หรือ Geostationary Earth Orbit , อักษรย่อ: GEO) เป็นวงโคจรที่มีระยะทางห่างจากพื้นโลก 35,786 กิโลเมตร (22,236 ไมล์) ขึ้นไปเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลก มีทิศทางการโคจรทวนเข็มนาฬิกาเหมือนทิศทางการหมุนของโลก วัตถุที่อยู่ในวงโคจรดังกล่าวจะมีคาบการโคจรเกือบเท่ากับของโลก คือ 23 ชั่วโมง 56 นาที 4 วินาที และนั่นเองทำให้เมื่อสังเกตวัตถุที่อยู่ในวงโคจรนี้จากโลก วัตถุจะปรากฏนิ่งในตำแหน่งเดิมตลอดเวลา เราจึงเรียกดาวเทียมในวงโคจรค้างฟ้านี้ว่า ดาวเทียมประจำที่ ซึ่งส่วนมากเป็น ดาวเทียมสื่อสาร และ ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา วงโคจรที่มีลักษณะใกล้เคียงกับวงโคจรค้างฟ้าคือ วงโคจรพ้องคาบโลก ที่แตกต่างกันตรงที่ไม่ได้โคจรในระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สูตร

แนวคิดเรื่อง วงโคจรพ้องคาบโลก เพื่อการสื่อสารนั้นถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1928 โดยชาวโครเอเชีย Herman Potočnik[1] แต่ไม่เป็นที่แพร่หลาย ต่อมาแนวคิดนี้ปรากฏในวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ซึ่งได้รับความนิยมมาก เรื่อง Venus Equilateral โดย จอร์จ โอ. สมิทธิ์[2] แต่เขาก็ไม่ได้สนใจในรายละเอียด ต่อมาก็ได้ไปปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์อีกเรื่องที่แต่งโดยนักประพันธ์ชาวอังกฤษ อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก จากกระแสนิยมในวรรณกรรมของเขา แนวคิดนี้จึงแพร่หลาย ตามด้วยข้อมูลและทฤษฏีมากมายถึงหลักการของมัน ในปี ค.ศ. 1945 เอกสารชื่อ "Extra-Terrestrial Relays — Can Rocket Stations Give Worldwide Radio Coverage?" (การถ่ายทอดภาคพื้นดินครั้งยิ่งใหญ่ — ฐานปล่อยจรวดจะสามารถกระจายสัญญาณวิทยุได้ครอบคลุมทั่วโลกหรือไม่?) ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร ไวร์เลสส์ เวิลด์ ซึ่งคลาร์กได้ยอมรับถึงการเชื่อมบทนำของเขาไปยังวรรณกรรมชุด Venus Equilateral ฉบับสมบูรณ์[3] ซึ่งคลาร์กได้พรรณนาถึงวงโคจรดังกล่าวเป็นครั้งแรกว่า มันจะเป็นประโยชน์สำหรับการออกอากาศและการสื่อสารผ่านดาวเทียม[4] ซึ่งในบางครั้ง มันก็ถูกเรียกว่า วงโคจรคลาร์ก[5] แต่วงโคจรที่คลาร์กจินตนาการไว้นั้น มีเส้นรอบวงยาว 265,000 กิโลเมตร ซึ่งเกือบจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดในการใช้ประโยชน์จากวงโคจรค้างฟ้า ในการสร้างลิฟต์อวกาศ อีกด้วย

อ้างอิง

  1. Noordung, Hermann (1995) [1929]. The Problem With Space Travel. Translation from original German. DIANE Publishing. p. 72. ISBN 978-0-7881-1849-4. {{cite book}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |coauthors= ถูกละเว้น แนะนำ (|author=) (help)
  2. "(Korvus's message is sent) to a small, squat building at the outskirts of Northern Landing. It was hurled at the sky. … It … arrived at the relay station tired and worn, … when it reached a space station only five hundred miles above the city of North Landing." Smith, George O. (1976). The Complete Venus Equilateral. New York: Ballantine Books. pp. 3–4. ISBN 0-345-25551-8-185. {{cite book}}: ตรวจสอบค่า |isbn=: invalid prefix (help)
  3. "It is therefore quite possible that these stories influenced me subconsciously when … I worked out the principles of synchronous communications satellistes …", op. cit, p. x
  4. "Extra-Terrestrial Relays — Can Rocket Stations Give Worldwide Radio Coverage?" (PDF). Arthur C. Clark. October 1945. สืบค้นเมื่อ 2009-03-04.
  5. "Basics of Space Flight Section 1 Part 5, Geostationary Orbits". NASA. สืบค้นเมื่อ 2009-06-21.

แหล่งข้อมูลอื่น