ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศาลาพระเกี้ยว"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Supanut Arunoprayote (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Supanut Arunoprayote (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
| ชื่อภาษาอื่น = Sala Prakieo
| ชื่อภาษาอื่น = Sala Prakieo
| ชื่อเดิม =
| ชื่อเดิม =
| ภาพ = Prakpavil.JPG
| ภาพ = Entrance of Sala Phra Kiao.jpg
| คำบรรยายภาพ = ทางเข้าด้านหน้าของศาลาพระเกี้ยว
| คำบรรยายภาพ = ทางเข้าด้านหน้าของศาลาพระเกี้ยว
| สิ่งก่อสร้าง = อาคารเอนกประสงค์
| สิ่งก่อสร้าง = อาคารเอนกประสงค์

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:42, 21 กุมภาพันธ์ 2561

ศาลาพระเกี้ยว
Sala Prakieo
ทางเข้าด้านหน้าของศาลาพระเกี้ยว
แผนที่
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทอาคารเอนกประสงค์
สถาปัตยกรรมสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
เมืองจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
ประเทศไทย ประเทศไทย
พิกัด13°44′08″N 100°31′53″E / 13.735487°N 100.531432°E / 13.735487; 100.531432พิกัดภูมิศาสตร์: 13°44′08″N 100°31′53″E / 13.735487°N 100.531432°E / 13.735487; 100.531432
เริ่มสร้างพ.ศ. 2508
แล้วเสร็จ พ.ศ. 2509
ปรับปรุงครั้งแรก พ.ศ. 2522
ครั้งที่สอง พ.ศ. 2557
ผู้สร้างจอมพล ประภาส จารุเสถียร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข้อมูลทางเทคนิค
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กและไม้
การออกแบบและการก่อสร้าง
สถาปนิกหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ
เลิศ อุรัสยะนันทน์
วิศวกรรชฎ กาญจนะวณิชย์
รางวัลรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2559 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

ศาลาพระเกี้ยว เป็นอาคารเอนกประสงค์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างในปี พ.ศ. 2508[1] ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมของมหาวิทยาลัยหลายอย่าง เช่น จุฬาฯวิชาการ ชั้นใต้ดินเป็นศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะภายนอกของศาลาพระเกี้ยวเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ รูปทรงคล้ายพระเกี้ยว ในปี พ.ศ. 2559 ศาลาพระเกี้ยวได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์[2]

ประวัติ

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีนิสิตเป็นจำนวนมาก มีการสนับสนุนให้นิสิตทำกิจกรรมในระหว่างศึกษาในมหาวิทยาลัย ทำให้สโมสรนิสิตจำเป็นต้องมีการขยายพื้นที่ปฏิบัติงานจากอาคารจักรพงษ์ที่ใช้อยู่เดิม ในขณะนั้นจอมพล ประภาส จารุเสถียร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยในขณะนั้นมีแนวคิดที่จะสร้างอาคารเอนกประสงค์เพื่อเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของนิสิต สภามหาวิทยาลัยจึงอนุมัติให้สร้างอาคารหลังหนึ่งโดยใช้ชื่อว่า ศาลาพระเกี้ยว ขึ้นบริเวณด้านหลังอาคารจุลจักรพงษ์ในปัจจุบัน ใช้งบประมาณการก่อสร้าง 12 ล้านบาท[3]

ศาลาพระเกี้ยวเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2508 สร้างเสร็จลงใน พ.ศ. 2509 มีหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ เป็นสถาปนิกออกแบบ เลิศ อุรัสยนันทน์เป็นสถาปนิกผู้ช่วยและมีรชฏ กาญจนะวณิชย์เป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้าง หลังจากสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้มีพิธีเปิดในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2510 ซึ่งตรงกับวันครบรอบการประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครบ 50 ปี[4]

ในปี พ.ศ. 2522 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการปิดศาลาพระเกี้ยวเพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมครั้งใหญ่ เนื่องจากความทรุดโทรมที่เกิดจากการใช้งานมายาวนานและปัญหาฐานรากทรุด ใช้งบประมาณในการซ่อมแซมในครั้งนี้เป็นเงิน 19 ล้านบาท ใช้เวลา 2 ปีครึ่งจึงแล้วเสร็จ[5] หลังจากนั้น 35 ปี ในปี พ.ศ. 2557 ศาลาพระเกี้ยวปิดทำการอีกครั้งเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมครั้งใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ประกอบไปด้วยการปรับปรุงชั้นล่าง(ชั้นใต้ดิน) ใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท[6] และการปรับปรุงตัวอาคารศาลาพระเกี้ยว ใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ในครั้งนี้ใช้เวลาปรับปรุง 1 ปีจึงสามารถเปิดทำการได้ในปีการศึกษา 2558[7]

ลักษณะอาคาร

ศาลาพระเกี้ยวเป็นอาคารคอนกรีตเสริมแรงด้วยเหล็ก (คอนกรีตเสริมเหล็ก) 2 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ภายในชั้น 1 เป็นโถงขนาดใหญ่ปูพื้นด้วยไม้ ชั้น 2 เป็นชั้นลอยเกาะติดกับตัวอาคารด้านในรอบด้าน เพดานโปร่งสูง ผนังด้านข้างเป็นหน้าต่างกระจก รูปทรงโดยรวมของตัวอาคารออกแบบให้คล้ายพระเกี้ยว สัญลักษณ์ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2559 ศาลาพระเกี้ยวได้รับการคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ให้ได้รางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น[8]

ด้วยจุดประสงค์ของโครงการก่อสร้างศาลาพระเกี้ยวคือการเป็นอาคารศูนย์รวมกิจกรรมนิสิต ที่ตั้งของศาลาพระเกี้ยวจึงถูกเลือกให้รายล้อมด้วยอาคารคณะวิชา หน่วยงานและป้ายหยุดรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นจุดสัญจรสำคัญของนิสิตและผู้มาติดต่อมหาวิทยาลัย กลุ่มอาคารของคณะและหน่วยงานที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงศาลาพระเกี้ยว เช่น คณะรัฐศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันภาษาและพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ศาลาพระเกี้ยว. 7 พฤศจิกายน 2552. http://www.memohall.chula.ac.th/article/ศาลาพระเกี้ยว/ (9 พฤษภาคม 2559 ที่เข้าถึง).
  2. สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์. ประกาศผลการคัดเลือก รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม ประจำปี 2559. 5 พฤษภาคม 2559. http://www.asa.or.th/en/node/140800 (9 พฤษภาคม 2559 ที่เข้าถึง).
  3. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๙ ทศวรรษ พัฒนาการทางกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพ, กรุงเทพ: บริษัท แปลนพริ้นติ้ง จำกัด, 2552.
  4. สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ศาลาพระเกี้ยว. 27 พฤศจิกายน 2557. http://www.prm.chula.ac.th/cen31.html (9 พฤษภาคม 2559 ที่เข้าถึง).
  5. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ๙ ทศวรรษ พัฒนาการทางกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพ, กรุงเทพ: บริษัท แปลนพริ้นติ้ง จำกัด, 2552.
  6. สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. โครงการปรับปรุงศาลาพระเกี้ยวชั้นล่าง. 27 พฤศจิกายน 2557. http://www.prm.chula.ac.th/projects.html (9 พฤษภาคม 2559 ที่เข้าถึง).
  7. ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. แจ้งโครงการปรับปรุงศาลาพระเกี้ยว . 14 มีนาคม 2557. http://www.civil.eng.chula.ac.th/news/2014/03/14/225 (9 พฤษภาคม 2559 ที่เข้าถึง).
  8. iURBAN. รางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๙ . 24 เมษายน 2559. http://www.iurban.in.th/inspiration/basic-of-the-past-asa59/ (9 พฤษภาคม 2559 ที่เข้าถึง).

แหล่งข้อมูลอื่น