ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดเชียงใหม่"

พิกัด: 18°48′N 98°59′E / 18.8°N 98.98°E / 18.8; 98.98
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แก้ไข
Fyddl (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ไขคำผิด " ้"
บรรทัด 53: บรรทัด 53:
ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้มี[[การปฏิรูปนครเชียงใหม่สู่มณฑลพายัพ|การปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช]] โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบ[[มณฑลเทศาภิบาล]] เรียกว่า "[[มณฑลพายัพ]]" ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] จนถึงปัจจุบัน
ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้มี[[การปฏิรูปนครเชียงใหม่สู่มณฑลพายัพ|การปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช]] โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบ[[มณฑลเทศาภิบาล]] เรียกว่า "[[มณฑลพายัพ]]" ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] จนถึงปัจจุบัน


{{คำพูด|...เมืองเชียงใหม่นี้เหมือนหนึ่งเปนเพชรซึ่งประดับมงกุฎของเมืองไทย ถ้ามงกุฎปราศจากเพชรประดับก็จะไม่ผ่องใสงดงามได้...<ref>หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ บ.๑.๒/๖ พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ ร ๒๑๘/๔๕ ลงวันอาทิตย์ เดือน ๘ แรม ๑ ค่ำ ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๔๕ (๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๖) พระราชทานเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง</ref>|จุฬาลงกรณ์ ป.ร.}}
{{คำพูด|...เมืองเชียงใหม่นี้เหมือนหนึ่งเป็นเพชรซึ่งประดับมงกุฎของเมืองไทย ถ้ามงกุฎปราศจากเพชรประดับก็จะไม่ผ่องใสงดงามได้...<ref>หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ บ.๑.๒/๖ พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ ร ๒๑๘/๔๕ ลงวันอาทิตย์ เดือน ๘ แรม ๑ ค่ำ ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๔๕ (๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๖) พระราชทานเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง</ref>|จุฬาลงกรณ์ ป.ร.}}


{{คำพูด|...เมืองเชียงใหม่ใหญ่โต เคยเปนราชธานีแห่งหนึ่งในพงศาวดารของไทย ทั้งเปนที่มีความผาสุกในระดูหนาว สมควรเปนที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินได้ตามระดูกาล...<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๓ น่า ๔๐๗๓ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙</ref>|ประชาธิปก ป.ร.}}
{{คำพูด|...เมืองเชียงใหม่ใหญ่โต เคยเปนราชธานีแห่งหนึ่งในพงศาวดารของไทย ทั้งเปนที่มีความผาสุกในระดูหนาว สมควรเปนที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินได้ตามระดูกาล...<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๓ น่า ๔๐๗๓ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙</ref>|ประชาธิปก ป.ร.}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:13, 8 กุมภาพันธ์ 2561

จังหวัดเชียงใหม่
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันChangwat Chiang Mai
คำขวัญ: 
ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า
บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่เน้นสีแดงประเทศมาเลเซียประเทศพม่าประเทศลาวประเทศเวียดนามประเทศกัมพูชาจังหวัดนราธิวาสจังหวัดยะลาจังหวัดปัตตานีจังหวัดสงขลาจังหวัดสตูลจังหวัดตรังจังหวัดพัทลุงจังหวัดกระบี่จังหวัดภูเก็ตจังหวัดพังงาจังหวัดนครศรีธรรมราชจังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดระนองจังหวัดชุมพรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จังหวัดเพชรบุรีจังหวัดราชบุรีจังหวัดสมุทรสงครามจังหวัดสมุทรสาครกรุงเทพมหานครจังหวัดสมุทรปราการจังหวัดฉะเชิงเทราจังหวัดชลบุรีจังหวัดระยองจังหวัดจันทบุรีจังหวัดตราดจังหวัดสระแก้วจังหวัดปราจีนบุรีจังหวัดนครนายกจังหวัดปทุมธานีจังหวัดนนทบุรีจังหวัดนครปฐมจังหวัดกาญจนบุรีจังหวัดสุพรรณบุรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจังหวัดอ่างทองจังหวัดสิงห์บุรีจังหวัดสระบุรีจังหวัดลพบุรีจังหวัดนครราชสีมาจังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดสุรินทร์จังหวัดศรีสะเกษจังหวัดอุบลราชธานีจังหวัดอุทัยธานีจังหวัดชัยนาทจังหวัดอำนาจเจริญจังหวัดยโสธรจังหวัดร้อยเอ็ดจังหวัดมหาสารคามจังหวัดขอนแก่นจังหวัดชัยภูมิจังหวัดเพชรบูรณ์จังหวัดนครสวรรค์จังหวัดพิจิตรจังหวัดกำแพงเพชรจังหวัดตากจังหวัดมุกดาหารจังหวัดกาฬสินธุ์จังหวัดเลยจังหวัดหนองบัวลำภูจังหวัดหนองคายจังหวัดอุดรธานีจังหวัดบึงกาฬจังหวัดสกลนครจังหวัดนครพนมจังหวัดพิษณุโลกจังหวัดอุตรดิตถ์จังหวัดสุโขทัยจังหวัดน่านจังหวัดพะเยาจังหวัดแพร่จังหวัดเชียงรายจังหวัดลำปางจังหวัดลำพูนจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่เน้นสีแดง
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่เน้นสีแดง
ประเทศ ไทย
การปกครอง
 • ผู้ว่าราชการ ปวิณ ชำนิประศาสน์
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2558)
พื้นที่
 • ทั้งหมด20,107.057 ตร.กม.[1] ตร.กม. (Formatting error: invalid input when rounding ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่อันดับที่ 2
ประชากร
 (พ.ศ. 2559)
 • ทั้งหมด1,735,762 คน[2] คน
 • อันดับอันดับที่ 5
 • อันดับความหนาแน่นอันดับที่ 56
รหัส ISO 3166TH-50
ชื่อไทยอื่น ๆนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
รัตนติงสาอภินวบุรีเชียงใหม่
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
 • ต้นไม้ทองกวาว
 • ดอกไม้ทองกวาว
 • สัตว์น้ำปลากา
ศาลากลางจังหวัด
 • ที่ตั้งภายในศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300
 • โทรศัพท์0 5311 2713
เว็บไซต์http://www.chiangmai.go.th
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

เชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ: เจียงใหม่) เป็นจังหวัดหนึ่งของไทย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีประชากร 1,735,762 คน มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ในจำนวนนี้เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและชานเมือง 960,906 คน โดยจังหวัดเชียงใหม่ทิศเหนือติดต่อกับรัฐฉานของเมียนมา

จังหวัดเชียงใหม่ จัดเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของประเทศไทย รองจากกรุงเทพมหานคร โดยแบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ โดยมีอำเภอเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2552 มีการจัดตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ ซึ่งเป็นอำเภอล่าสุดของไทย

จังหวัดเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาแต่โบราณ มี "คำเมือง" เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเริ่มวางตัวเป็นนครสร้างสรรค์ และกำลังพิจารณาสมัครเข้าเป็นนครสร้างสรรค์ และเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก[4]

ประวัติศาสตร์

พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ พญามังราย พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) และพญางำเมือง

เมืองเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" (ไทยถิ่นเหนือ: )[5]) สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. 1839 โดยพญามังราย และมีอายุครบ 720 ปี ในปี พ.ศ. 2559

ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่า อาณาจักรล้านนา ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-2101) กระทั่งในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่พระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่า และได้อยู่ภายใต้การปกครองของพม่ามานานกว่าสองร้อยปี จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนได้สำเร็จ โดยการนำของเจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน และเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองรัตตนติงสาอภินวปุรี (ไทยถิ่นเหนือ: )[6])

หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้ากาวิละขึ้นเป็นพระบรมราชาธิบดี ปกครองนครเชียงใหม่และเป็นประมุขแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร (ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน) และต่อมา เจ้านายซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเจ้ากาวิละ ก็ได้ปกครองเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองต่างๆ สืบต่อมา

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า "มณฑลพายัพ" ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปัจจุบัน

...เมืองเชียงใหม่นี้เหมือนหนึ่งเป็นเพชรซึ่งประดับมงกุฎของเมืองไทย ถ้ามงกุฎปราศจากเพชรประดับก็จะไม่ผ่องใสงดงามได้...[7]

— จุฬาลงกรณ์ ป.ร.

...เมืองเชียงใหม่ใหญ่โต เคยเปนราชธานีแห่งหนึ่งในพงศาวดารของไทย ทั้งเปนที่มีความผาสุกในระดูหนาว สมควรเปนที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินได้ตามระดูกาล...[8]

— ประชาธิปก ป.ร.

...เมืองเชียงใหม่ เปนเมืองเจริญมาก นับได้ว่าเป็นที่สองในกรุงสยาม การสินค้าก็บริบูรณ์มาก...[9]

ภูมิศาสตร์

ที่ตั้ง

จังหวัดเชียงใหม่(อำเภอเมือง)ตั้งอยู่ ณ ละติจูด 18 องศาเหนือ ลองติจูด 98 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 310 เมตร ส่วนกว้างจากทิศตะวันตกจรดทิศตะวันออกประมาณ 138 กิโลเมตร ส่วนยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ประมาณ 428 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร 696 กิโลเมตร[3]

อาณาเขตติดต่อ

จังหวัดเชียงใหม่มีชายแดนติดต่อกับ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง อำเภอไชยปราการ รวมระยะทางทั้งสิ้น 227 กิโลเมตร พื้นที่เขตแดนส่วนใหญ่เป็นป่าเขา จึงไม่สามารถปักหลักเขตแดนได้ชัดเจน และเกิดปัญหาเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ

ภูมิประเทศ

เทือกเขาแดนลาวในเขตอำเภอไชยปราการ

จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ 20,107.057 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 12,566,911 ไร่ มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของภาคเหนือ และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมา ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและป่าละเมาะ มีที่ราบอยู่ตอนกลางตามสองฟากฝั่งแม่น้ำปิง มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือ ดอยอินทนนท์ สูงประมาณ 2,565 เมตร อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง นอกจากนี้ยังมีดอยอื่นที่มีความสูงรองลงมาอีกหลายแห่ง เช่น ดอยผ้าห่มปก (อำเภอฝาง) สูง 2,285 เมตร ดอยหลวงเชียงดาว (อำเภอเชียงดาว) สูง 2,170 เมตร ดอยสุเทพ (อำเภอเมืองเชียงใหม่) สูง 1,601 เมตร สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ

  1. พื้นที่ภูเขา คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 80 ของจังหวัด ประกอบด้วยทิวเขาอินทนนท์ (หรือถนนธงชัยตะวันออก) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด พาดยาวจากทิศเหนือจรดใต้ ตามแนวรอยต่อกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน และทิวเขาขุนตาน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด พาดผ่านในทิศเหนือ-ใต้ [3] พื้นที่ภูเขาส่วนใหญ่เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ส่วนบางพื้นที่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชาวเขาชาติพันธุ์ต่าง ๆ
  2. พื้นที่ราบลุ่มน้ำและที่ราบเชิงเขา กระจายอยู่ทั่วไประหว่างหุบเขาทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ได้แก่ ที่ราบลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำฝาง ลุ่มน้ำแม่งัด เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเกษตร

ภูมิอากาศ

จังหวัดเชียงใหม่มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 25.4 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20.1 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100-1,200 มิลลิเมตร สภาพภูมิอากาศจังหวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้อิทธิพลมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งภูมิอากาศออกได้เป็น 3 ฤดู[3]

ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2524–2553)
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 29.8
(85.6)
32.6
(90.7)
35.2
(95.4)
36.5
(97.7)
34.2
(93.6)
32.7
(90.9)
31.8
(89.2)
31.5
(88.7)
31.7
(89.1)
31.4
(88.5)
30.1
(86.2)
28.6
(83.5)
32.18
(89.92)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 10.9
(51.6)
16.2
(61.2)
19.5
(67.1)
22.9
(73.2)
23.8
(74.8)
24.0
(75.2)
23.9
(75)
23.7
(74.7)
23.2
(73.8)
22.2
(72)
19.2
(66.6)
15.7
(60.3)
20.43
(68.78)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) 4.2
(0.165)
8.9
(0.35)
17.8
(0.701)
57.3
(2.256)
162.0
(6.378)
124.5
(4.902)
140.2
(5.52)
216.9
(8.539)
211.4
(8.323)
117.6
(4.63)
53.9
(2.122)
15.9
(0.626)
1,130.6
(44.512)
ความชื้นร้อยละ 68 58 52 57 71 77 79 81 81 79 75 73 70.9
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย (≥ 1 mm) 1 2 2 6 14 14 16 18 20 14 5 1 113
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด 272.8 251.4 269.7 258.0 217.0 177.0 170.5 161.2 156.0 198.4 234.0 263.5 2,629.5
แหล่งที่มา 1: กรมอุตุนิยมวิทยา (ทั่วไป 2524-2553), (ปม.ฝนเฉลี่ย 2524-2533)
แหล่งที่มา 2: หอสังเกตการณ์ฮ่องกง (ชม.แดดออก)

ทรัพยากรป่าไม้

จังหวัดเชียงใหม่มีป่าไม้หลายประเภท ประกอบด้วย ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าเต็งรังผสมป่าสนเขา และป่าแดง เป็นต้น พื้นที่ป่าไม้ ประกอบด้วย ป่าธรรมชาติ สวนป่า และป่าฟื้นฟูตามธรรมชาติ โดยมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 12,222,395 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 69.93 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด[3] แบ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 25 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 14 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 4 แห่ง วนอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง และจังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นจังหวัดที่ถือได้ว่ามีพื้นที่เขตเมืองใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติมากที่สุดในประเทศอีกด้วย อุทยานแห่งชาติในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่

นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้เกิดขึ้นเป็นประจำ สาเหตุสำคัญเช่น การลักลอบตัดไม้ การบุกรุกเพื่อทำการเกษร และไฟป่า

ทรัพยากรน้ำ

น้ำแม่กกในเขตอำเภอแม่อาย

จังหวัดเชียงใหม่มีแม่น้ำสำคัญ คือ แม่น้ำปิง และมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง และยังแบ่งตามพื้นที่ลุ่มน้ำดังนี้

  • ลุ่มน้ำปิงตอนบน เป็นลุ่มน้ำที่สำคัญที่สุดในภาคเหนือตอนบน มีพื้นที่ 25,355.9 ตร.กม. สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันสูง วางตัวแนวเหนือ-ใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่เสี่ยงต่อแผ่นดินถล่มและการชะล้างพังทลายของดินสูง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบสะวันนา คือ มีฤดูฝนสลับกับฤดูแล้งอย่างชัดเจน[ต้องการอ้างอิง] และยังมีลุ่มน้ำย่อยอีก 14 ลุ่มน้ำย่อย แม่น้ำที่สำคัญได้แก่ แม่น้ำปิง แม่แตง แม่กวง แม่งัด แม่แจ่ม แม่ขาน และแม่ตื่น
  • ลุ่มน้ำกก มีน้ำแม่กกเป็นแม่น้ำสายหลัก ไหลผ่านเมืองกก เข้าเขตประเทศไทยที่ช่องน้ำกก อำเภอแม่อาย แล้วไหลเข้าสู่จังหวัดเชียงราย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ครอบคลุมพื้นที่ 2,773 ตร.กม.[ต้องการอ้างอิง]
  • ลุ่มน้ำฝาง มีแม่น้ำฝางเป็นแม่น้ำสายหลัก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากดอยขุนห้วยฝางและดอยหัวโท ทางตอนใต้ของอำเภอไชยปราการ ไหลลงสู่น้ำแม่กก มีความยาวลำน้ำประมาณ 70 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำ 1,948.5 ตร.กม. ในอำเภอไชยปราการ ฝาง และแม่อาย

ธรณีวิทยา

จังหวัดเชียงใหม่มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรณี โดยมีการผลิตแร่ที่สำคัญ 8 ชนิด ได้แก่ ถ่านหิน เฟลด์สปาร์ (แร่ฟันม้า) แมงกานีส ชีไลต์ ดีบุก ดินขาว ฟลูออไรด์ และแร่หินอุตสาหกรรม และจังหวัดเชียงใหม่ยังมีแหล่งทรัพยากรธรณีที่สำคัญ เช่น แหล่งปิโตรเลียม อำเภอฝาง สภาพทางธรณีวิทยาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ บ่อน้ำพุร้อน อำเภอสันกำแพงและอำเภอฝาง โป่งเดือด อำเภอแม่แตง บ่อน้ำแร่ธรรมชาติ อำเภอแม่ริม เป็นต้น

จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีรอยเลื่อนมีพลัง 2 แห่งที่พาดผ่านจังหวัด ได้แก่ "รอยเลื่อนแม่จัน" ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด พาดผ่านอำเภอฝางและอำเภอแม่อายในทิศตะวันออก-ตะวันตก และ "รอยเลื่อนแม่ทา" พาดผ่านพื้นที่ตอนกลางของจังหวัดในทิศเหนือ-ใต้ ผ่านอำเภอพร้าว ดอยสะเก็ด แม่ออน เชียงดาว แม่แตง แม่ริม สันทราย เมืองเชียงใหม่ สารภี หางดง สันป่าตอง และแม่วาง นอกจากนี้พื้นที่ส่วนอื่นของจังหวัดก็มีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นเช่นกัน โดยแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางในเขตจังหวัดเชียงใหม่ครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ขนาด 5.1 มีจุดเหนือศูนย์กลางในอำเภอแม่ริม ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยในบริเวณอำเภอแม่ริมและอำเภอใกล้เคียง

แผ่นดินไหวในอดีตที่มีศูนย์กลางในจังหวัดเชียงใหม่ (ขนาดมากกว่า 4.0 Mw)
วันที่ เวลาท้องถิ่น ขนาด (Mw) จุดเหนือศูนย์กลาง พิกัด
26 พฤษภาคม 2521 06:22 4.8 อ.พร้าว 19°12′00″N 99°36′00″E / 19.20000°N 99.60000°E / 19.20000; 99.60000
10 กุมภาพันธ์ 2523 09:17 4.2 อ.พร้าว 19°21′00″N 99°13′48″E / 19.35000°N 99.23000°E / 19.35000; 99.23000
20 มิถุนายน 2525 20:20 4.3 อ.ดอยสะเก็ด 18°55′12″N 99°10′48″E / 18.92000°N 99.18000°E / 18.92000; 99.18000
19 กุมภาพันธ์ 2531 01:38 4.2 อ.ดอยสะเก็ด 18°52′12″N 99°10′12″E / 18.87000°N 99.17000°E / 18.87000; 99.17000
5 พฤศจิกายน 2538 06:57 4.0 อ.ฝาง 19°42′00″N 98°36′00″E / 19.70000°N 98.60000°E / 19.70000; 98.60000
21 ธันวาคม 2538 23:30 5.2 อ.พร้าว 19°42′00″N 99°00′00″E / 19.70000°N 99.00000°E / 19.70000; 99.00000
13 กรกฎาคม 2541 09:20 4.1 อ.ฝาง 19°42′00″N 99°06′00″E / 19.70000°N 99.10000°E / 19.70000; 99.10000
18 ธันวาคม 2545 20:47 4.3 อ.เชียงดาว 19°24′00″N 99°06′00″E / 19.40000°N 99.10000°E / 19.40000; 99.10000
4 ธันวาคม 2548 16:34 4.1 อ.แม่วาง 18°42′00″N 98°30′00″E / 18.70000°N 98.50000°E / 18.70000; 98.50000
13 ธันวาคม 2549 00:02 5.1 อ.แม่ริม 18°55′48″N 98°58′12″E / 18.93000°N 98.97000°E / 18.93000; 98.97000
19 มิถุนายน 2550 12:06 4.5 อ.แม่ริม 18°54′00″N 99°00′00″E / 18.90000°N 99.00000°E / 18.90000; 99.00000
25 กุมภาพันธ์ 2551[10] 17:25 4.4 อ.ฝาง 19°51′36″N 99°07′12″E / 19.86000°N 99.12000°E / 19.86000; 99.12000
11 ตุลาคม 2556[11] 01:19 4.1 ต.ทุ่งหลวง อ.พร้าว 19°19′12″N 99°14′24″E / 19.32000°N 99.24000°E / 19.32000; 99.24000
11 มกราคม 2560[12] 04:08 4.0 อ.แม่วาง 18°37′12″N 98°34′48″E / 18.62000°N 98.58000°E / 18.62000; 98.58000
15 มกราคม 2560[13] 15:35 4.2 อ.จอมทอง 18°33′36″N 98°31′12″E / 18.56000°N 98.52000°E / 18.56000; 98.52000
แหล่งอ้างอิง: [14] สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา

การเมืองการปกครอง

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

ดอกทองกวาว ดอกไม้ประจำจังหวัดเชียงใหม่

หน่วยการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึงปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่มีการตั้งอำเภอขึ้นใหม่ ดังนี้

  • อำเภอหางดง โดยแยกจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2490[15]
  • อำเภอแม่แจ่ม โดยแยกจากอำเภอจอมทอง ในวันที่ 5 มิถุนายน 2499[16]
  • อำเภออมก๋อย โดยแยกจากอำเภอฮอด ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2501[17]
  • อำเภอสะเมิง โดยแยกจากอำเภอแม่ริม ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2501[18]
  • อำเภอแม่อาย โดยโดยแยกจากอำเภอฝาง ในวันที่ 28 มิถุนายน 2516[19]
  • อำเภอดอยเต่า โดยแยกจากอำเภอฮอด ในวันที่ 25 มีนาคม 2522[20]
  • อำเภอเวียงแหง โดยแยกจากอำเภอเชียงดาว ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2536[21]
  • อำเภอไชยปราการ โดยแยกจากอำเภอฝาง ในวันที่ 3 มิถุนายน 2537[22]
  • อำเภอแม่วาง โดยแยกจากอำเภอสันป่าตอง ในวันที่8 สิงหาคม 2538[23]
  • อำเภอดอยหล่อ โดยแยกจากอำเภอจอมทอง ในวันที่ 24 สิงหาคม 2550[24]
  • อำเภอแม่ออน โดยแยกจากอำเภอสันกำแพง ในวันที่ 24 สิงหาคม 2550[25]
  • อำเภอกัลยาณิวัฒนา โดยแยกจากอำเภอแม่แจ่ม ในวันที่ 25 ธันวาคม 2552[26]

ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 204 ตำบล 2,066 หมู่บ้าน ซึ่งอำเภอทั้ง 25 อำเภอมีดังนี้

อำเภอเมืองเชียงใหม่อำเภอจอมทองอำเภอแม่แจ่มอำเภอเชียงดาวอำเภอดอยสะเก็ดอำเภอแม่แตงอำเภอแม่ริมอำเภอสะเมิงอำเภอฝางอำเภอแม่อายอำเภอพร้าวอำเภอสันป่าตองอำเภอสันกำแพงอำเภอสันทรายอำเภอหางดงอำเภอฮอดอำเภอดอยเต่าอำเภออมก๋อยอำเภอสารภีอำเภอเวียงแหงอำเภอไชยปราการอำเภอแม่วางอำเภอแม่ออนอำเภอดอยหล่ออำเภอกัลยาณิวัฒนาจังหวัดลำพูนจังหวัดตากจังหวัดลำปางจังหวัดแม่ฮ่องสอนจังหวัดเชียงรายจังหวัดสุโขทัยจังหวัดแพร่ประเทศพม่าประเทศพม่า
แผนที่อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่
หมายเลข อำเภอ ประชากร
(พ.ศ. 2559)[2]
พื้นที่
(ตร.กม.)
ความหนาแน่น
(คน/ตร.กม.)
±%
เทียบกับ พ.ศ. 2558[27]
1 อำเภอเมืองเชียงใหม่ 234,837 152.36 1,541 -0.3
2 อำเภอจอมทอง 66,811 712.30 94 +0.1
3 อำเภอแม่แจ่ม 59,515 2,686.57 22 +0.6
4 อำเภอเชียงดาว 91,829 1,882.08 49 +0.4
5 อำเภอดอยสะเก็ด 72,064 671.28 107 +1.0
6 อำเภอแม่แตง 75,699 1,362.78 56 -0.3
7 อำเภอแม่ริม 91,558 443.63 206 +0.9
8 อำเภอสะเมิง 23,642 898.02 26 +0.3
9 อำเภอฝาง 118,075 888.16 133 +0.4
10 อำเภอแม่อาย 77,778 736.70 106 +0.3
11 อำเภอพร้าว 49,258 1,148.19 43 -0.5
12 อำเภอสันป่าตอง 75,290 178.19 423 -0.1
13 อำเภอสันกำแพง 84,327 197.83 426 +1.7
14 อำเภอสันทราย 131,414 285.02 461 +0.9
15 อำเภอหางดง 86,435 277.14 312 +1.5
16 อำเภอฮอด 43,803 1,430.38 31 -0.0
17 อำเภอดอยเต่า 27,393 803.92 34 -0.2
18 อำเภออมก๋อย 62,317 2,093.83 30 +0.7
19 อำเภอสารภี 82,247 97.46 844 +1.3
20 อำเภอเวียงแหง 44,563 672.17 66 +0.6
21 อำเภอไชยปราการ 45,962 510.85 90 +0.0
22 อำเภอแม่วาง 31,625 601.22 53 -0.2
23 อำเภอแม่ออน 21,296 442.26 48 +0.0
24 อำเภอดอยหล่อ 25,931 260.13 100 -0.4
25 อำเภอกัลยาณิวัฒนา 12,093 674.58 18 +1.0
รวม 1,735,762 20,107.05 86 +0.4
การปกครองส่วนท้องถิ่น

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 210 แห่ง ประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่) 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง (เทศบาลนครเชียงใหม่) เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาลตำบล 116 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 89 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดมีดังนี้

อำเภอเมืองเชียงใหม่

อำเภอจอมทอง

อำเภอแม่แจ่ม

อำเภอเชียงดาว

อำเภอดอยสะเก็ด

อำเภอแม่แตง

อำเภอแม่ริม

อำเภอสะเมิง

อำเภอฝาง

อำเภอแม่อาย

อำเภอพร้าว

อำเภอสันป่าตอง

อำเภอสันกำแพง

อำเภอฮอด

อำเภอสันทราย

อำเภอหางดง

อำเภอดอยเต่า

อำเภออมก๋อย

อำเภอสารภี

อำเภอเวียงแหง

อำเภอไชยปราการ

อำเภอแม่วาง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
ลำดับ รายนาม ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง
1 พระยาอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์ พ.ศ. 2444
2 พระยายอดเมืองขวาง ไม่ทราบข้อมูล
3 พระยามหินทรบดี ไม่ทราบข้อมูล
4 พระยาวรวิไชยวุฒิกร (เลื่อม สนธิรัตน) ไม่ทราบข้อมูล
5 พระยาเพ็ชร์พิสัยศรีสวัสดิ์ (แมน วสันตสิงห์) พ.ศ. 2461 - พ.ศ. 2471
6 พระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) พ.ศ. 2471 - พ.ศ. 2481
7 พระยาอมรฤทธิธำรง (พร้อม ณ ถลาง) พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2484
8 พระชาติตระการ (หม่อมราชวงศ์จิตร์ คะเนจร) พ.ศ. 2484 - พ.ศ. 2485
9 ขุนประสงค์สุขการี (สมบุญ ลาภเจริญ) พ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2488
10 นายทวี แรงขำ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2488 - 30 กันยายน พ.ศ. 2489
11 ขุนไตรกิตยานุกูล (อัมพร ไตรกิตยานุกูล) 22 ตุลาคม พ.ศ. 2489 - 30 มกราคม พ.ศ. 2494
12 นายอุดม บุญยประสพ 30 มกราคม พ.ศ. 2494 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2495
13 นายประเสริฐ กาญจนดุล 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2501
14 พ.ต.อ.เนื่อง รายะนาค 16 มิถุนายน พ.ศ. 2501 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2502
15 นายสุทัศน์ สิริสวย 31 สิงหาคม พ.ศ. 2502 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2503
16 พ.ต.อ.นิรันดร ชัยนาม 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 - 30 กันยายน พ.ศ. 2514
17 นายวิสิษฐ์ ไชยพร 1 ตุลาคม พ.ศ. 2514 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2515
18 นายอาษา เมฆสวรรค์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2515 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518
19 นายชลอ ธรรมศิริ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2520
20 นายประเทือง สินธิพงษ์ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 - 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2523
21 นายชัยยา พูนศิริวงศ์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2523 - 30 กันยายน พ.ศ. 2530
22 นายไพรัตน์ เดชะรินทร์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2530 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2534
23 นายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2534 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2536
24 นายวีระชัย แนวบุญเนียร 18 ตุลาคม พ.ศ. 2536 - 30 กันยายน พ.ศ. 2539
25 นายพลากร สุวรรณรัฐ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2539 - 11 มกราคม พ.ศ. 2541
26 นายประวิทย์ สีห์โสภณ 12 มกราคม พ.ศ. 2541 - 22 เมษายน พ.ศ. 2544
27 นายโกสินทร์ เกษทอง 23 เมษายน พ.ศ. 2544 - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2545
28 นายพิสิษฐ เกตุผาสุข 28 ตุลาคม พ.ศ. 2545 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2546
29 นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2546 - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
30 นายวิชัย ศรีขวัญ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 - 30 กันยายน พ.ศ. 2550
31 นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2552
32 ดร.อมรพันธุ์ นิมานันท์ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552 -30 กันยายน พ.ศ. 2553
33 หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 - 30 กันยายน พ.ศ. 2555
34 นายธานินทร์ สุภาแสน 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 30 กันยายน พ.ศ. 2556
35 นายวิเชียร พุฒิวิญญู 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557
36 นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557 - 30 กันยายน พ.ศ. 2558
37 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน

การเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด จังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 10 เขต มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 10 คน ส่วนวุฒิสภา มีการเลือกตั้งสมาชิกได้ 1 คน

การต่างประเทศ

จังหวัดเชียงใหม่เป็นที่ตั้งของสถานกงสุลดังต่อไปนี้

  • สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา
  • สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น
  • สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • สถานกงสุลใหญ่อินเดีย
  • สถานกงสุลใหญ่เมียนม่า
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์เยอรมนี
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์โปรตุเกส
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ฝรั่งเศส
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรเลีย
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรีย
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์แคนาดา
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์อิตาลี
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์เปรู
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์บังกลาเทศ
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์สวีเดน
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์กรีซ
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์เกาหลีใต้
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ฟิลิปปินส์
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ฟินแลนด์
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์เนเธอร์แลนด์
  • สถานกงสุลกิตติมศักดิ์สวิตเซอร์แลนด์

เมืองพี่น้อง

จังหวัดเชียงใหม่มีความสัมพันธ์ในฐานะเมืองพี่น้องกับเมืองดังต่อไปนี้[3]

ประชากร

ปี (พ.ศ.) ประชากร[28] ±%
2536 1,534,074
2540 1,573,757 +2.6
2544 1,600,850 +1.7
2548 1,650,009 +3.1
2552 1,632,548 –1.1
2556 1,666,888 +2.1
2559 1,735,762 +4.1

ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่มีประชากรทั้งสิ้น 1,735,762 คน (พ.ศ. 2559) แยกเป็นชาย 843,088 คน หญิง 892,674 คน[2] ความหนาแน่นเฉลี่ย 86 คน/ตร.กม. ในจำนวนดังกล่าวประกอบด้วยประชากรชนกลุ่มน้อย 64,532 คน[3] กระจายตามอำเภอใน 25 อำเภอ อำเภอที่มีประชากรชนกลุ่มน้อยมากที่สุด ได้แก่ อำเภอฝาง รองลงมา ได้แก่ อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่อาย และอำเภอเวียงแหง[29] ประชากรส่วนใหญ่เป็น "ชาวไทยวน" หรือ "คนเมือง" ที่เหลือเป็น ไทใหญ่ ไทลื้อ ไทเขิน และไทยสยาม[30]

เศรษฐกิจ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) พ.ศ. 2555 มีมูลค่า 163,828 ล้านบาท แบ่งเป็นภาคเกษตร (รวมถึงการล่าสัตว์และการป่าไม้) 28,014 ล้านบาท (17.1%) และนอกภาคเกษตร 135,813 ล้านบาท (82.9%) สาขาการผลิตนอกภาคเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าและบริการทางธุรกิจ (14.4%) การขายส่งขายปลีก (12.1%) การศึกษา (11%) ตัวกลางทางการเงิน (11%) การบริหารราชการแผ่นดินและการป้องกันประเทศ (7.9%) การก่อสร้าง (7.2%) อุตสาหกรรม (6.9%) และสาขาอื่น ๆ (14.9%) จังหวัดเชียงใหม่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 11.7[3]

มีรายได้ประชากรต่อหัวเฉลี่ย 89,542 บาท/คน/ปี อยู่ที่อันดับ 2 ของภาคเหนือรองจากจังหวัดลำพูน[3] สำหรับรายได้ประชากรในเขตชนบท เฉลี่ยนั้น อยู่ที่ 59,092.45 บาท/คน/ปี อำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุด คือ อำเภออมก๋อย 29,198.01 บาท/คน/ปี และอำเภอที่มีรายได้สูงสุด คือ อำเภอฝาง 110,592.77 บาท/คน/ปี[29]

ใน พ.ศ. 2556 จังหวัดเชียงใหม่มีกำลังแรงงาน 976,115 คน (60.45% ของประชากร) มีอัตราว่างงานเฉลี่ย 1.24% ซึ่งมีจำนวนราว 12,000 คน จังหวัดเชียงใหม่มีแรงงานต่างด้าว 67,113 คน โดยเกือบทั้งหมดเป็นชาวพม่า (66,995 คน) แรงงานต่างด้าวประกอบอาชีพในภาคการก่อสร้างมากที่สุด 27,993 คน รองลงมาอยู่ในภาคเกษตรและปศุสัตว์ 16,342 คน[3]

ภาคเกษตรกรรม

จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่การเกษตร 1,835,425 ไร่ (14.61% ของพื้นที่จังหวัด) ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 716,454 ไร่ และพืชสวน 459,254 ไร่ พื้นที่การเกษตรนี้อยู่ในเขตชลประทาน 642,979 ไร่ (35% ของพื้นที่การเกษตร) มีครัวเรือนการเกษตร 134,426 ครัวเรือน

พืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ข้าว ลำไย ลิ้นจี่ กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และส้มเขียวหวาน[3]

ภาคอุตสาหกรรม

จังหวัดเชียงใหม่มีโรงงาน 1,395 แห่ง เงินลงทุน 32,180 ล้านบาท แรงงาน 43,306 คน อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร เกษตร ขนส่ง อโลหะ และเครื่องดื่ม ซึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พ.ศ. 2554 มี 34 โครงการ ประเทศที่มีการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สิงคโปร์ มาเลเซีย เดนมาร์ก ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[29]

การท่องเที่ยว

ในการสำรวจ World Best Award-Top 10 Cities จากผู้อ่าน Travel and Leisure นิตยสารท่องเที่ยวของสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2553 ผลปรากฏว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 2 ของโลก รองแต่เพียงกรุงเทพมหานครเท่านั้น ซึ่งใน พ.ศ. 2552 จังหวัดเชียงใหม่ถูกจัดเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 5 ของโลก โดยพิจารณาจากสถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงามและร่มรื่น ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี อาหารการกิน แหล่งช็อปปิ้ง ความเป็นมิตรของผู้คน ความคุ้มค่า ของเงิน เป็นต้น[31]

ใน พ.ศ. 2555 จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนนักท่องเที่ยวราว 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2554 ราว 9 แสนคน อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชลบุรี เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2,192,322 คน (33.4%) สร้างรายได้รวม 53,507 ล้านบาท[3]

วัฒนธรรม

วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ประเพณีเข้าอินทขิล ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

ศาสนา

ประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 91.8 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 5.6 ศาสนาอิสลามร้อยละ 1.17 ศาสนาฮินดูและสิกข์ร้อยละ 0.02 และอื่น ๆ ร้อยละ 1.41[3]

ประเพณี

เมืองเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนเชียงใหม่ได้สั่งสมวัฒนธรรมประเพณีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพุทธศาสนาและความเชื่อดั้งเดิม ประเพณีที่สำคัญ ได้แก่

  • ปีใหม่เมือง (สงกรานต์) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี เป็นประเพณีที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของชาวเชียงใหม่ แบ่งเป็นวันที่ 13 เป็นวันสังขารล่อง มีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ และพิธีสรงน้ำพระ วันที่ 14 เป็นวันเน่า ชาวบ้านจะเตียมข้าวของไปวัดและรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่วันต่อไป และวันที่ 15 เมษายน ประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และมีการเล่นสาดน้ำตลอดช่วงเทศกาล
  • ประเพณียี่เป็ง จัดขึ้นในช่วงวันลอยกระทงของทุกปี ราวเดือนพฤศจิกายน มีการตกแต่งบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ ด้วยโคมชนิดต่างๆ มีการปล่อยโคมลอย มีการลอยกระทง ประกวดกระทงและนางนพมาศ
  • ประเพณีเข้าอินทขิล จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่วัดเจดีย์หลวง เป็นการบูชาเสาหลักเมืองโดยการนำดอกไม้ธูปเทียนมาใส่ขันดอก
  • เทศกาลร่มบ่อสร้าง จัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี ที่ศูนย์หัตถกรรมทำร่มบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง มีการแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน มีการแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่ ประเพณีพื้นบ้าน
  • มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จัดขึ้นในอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี บริเวณสวนสาธารณะบวกหาด มีขบวนรถบุปผาชาติ และนางงามบุปผาชาติ
  • งานไม้แกะสลักบ้านถวาย จัดขึ้นในเดือนมกราคม ที่หมู่บ้านถวาย อำเภอหางดง มีการจำหน่ายและสาธิตการแกะสลักไม้ และหัตถกรรมพื้นบ้าน
  • ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จัดขึ้นในเดือนเมษายน ในวันที่ 15 เป็นต้นไป ของทุกปี ที่บริเวณตัวเมืองจอมทอง มีขบวนรถจากชุมชน ห้างร้าน กลุ่มต่างๆ กว่า 40 ขบวน แห่ไปตามเมืองจอมทอง อำเภอจอมทอง จนถึง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานานกว่า 200 ปี ตามตำนานเกิดขึ้นที่อำเภอเภอจอมทอง ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและแห่งเดียวในโลก ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์ กลายเป็นต้นแบบของการแห่ไม้ค้ำสะหลีของชาวล้านนา จนได้รับความนิยมไปทั่วภาคเหนือ และเป็นประเพณีที่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมอย่างมาก

โครงสร้างพื้นฐาน

การศึกษา

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ไฟล์:มรชม.jpg
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่รับรองระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา มีจำนวนสถานศึกษาทั้งสิ้น 1,146 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐาน 893 แห่ง ตามมาด้วยสถาบันการศึกษาเอกชน 140 แห่ง และมีสถาบันอุดมศึกษา 12 แห่ง มีครู/อาจารย์ 21,155 คน และนักเรียน นิสิต นักศึกษา 440,706 คน ซึ่งอัตราส่วนครู/อาจารย์ ต่อนักเรียน นิสิต นักศึกษาเป็น 1:21 นักเรียนในสังกัดส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษา 138,288 คน รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 75,804 คน[29]

สถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้

นอกจากนี้ยังมีวิทยาเขตของสถาบันอุดมศึกษาตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัด ได้แก่

สาธารณสุข

จังหวัดเชียงใหม่มีโรงพยาบาลแผนปัจจุบัน 48 แห่ง 6,045 เตียง[29] มีบุคลากรแพทย์ 1,065 คน (สัดส่วนต่อประชากรเป็น 1: 1,540) พยาบาล 4,812 คน (1: 341) และทันตแพทย์ 359 คน (1: 13,445)

อัตราการเกิด 10.98 ต่อ 1,000 คน อัตราการตาย 8.16 ต่อ 1,000 คน และอัตราการเพิ่มตามธรรมชาติ 2.52 ต่อ 1,000 คน[29]

โรงพยาบาลของรัฐที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลสวนปรุง

การขนส่ง

รถสองแถวที่รู้จักกันในชื่อ รถแดง

จังหวัดเชียงใหม่มีระบบขนส่งที่หลากหลายทั้งทางบก ทางรถไฟ และทางอากาศ โดยเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางการบินที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศและภูมิภาค เป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ มีระบบรางเข้าถึงและมีสถานีรถไฟกลาง 1 แห่งคือ สถานีรถไฟเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่มีสถานีรถโดยสารประจำทาง 3 แห่ง สำหรับการขนส่งผู้โดยสารไปยังอำเภอต่าง ๆ และจังหวัดใกล้เคียง

สาธารณูปโภคอื่น ๆ

  • ไฟฟ้า การไฟฟ้าของจังหวัดอยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขตเหนือ รับซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ แหล่งผลิตแม่เมาะ จังหวัดลำปาง มีสถานีควบคุมการจ่ายไฟฟ้า 5 สถานี จำนวนการไฟฟ้า 32 แห่ง ในปี 2553 จำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น 567,201 ราย ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในจังหวัด 2,264.45 ล้านหน่วย สามารถให้บริการไฟฟ้าได้ครอบคลุม 25 อำเภอ สำหรับหมู่บ้าน ที่ไม่สามารถขยายเขตระบบจำหน่ายได้เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่ เป็นหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แหล่งต้นน้ำลำธาร ลุ่มน้ำ เขตป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งหลายแห่งมีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
  • ประปา การประปาในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ การประปาเชียงใหม่ การประปาฮอด การประปาสันกำแพง การประปาฝาง การประปาแม่ริม การประปาแม่แตง มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 54.83 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณการใช้น้ำ 25.33 ล้านลูกบาศก์เมตร มีจำนวนผู้ใช้น้ำ 112,685 ราย โดยในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ มีผู้ใช้น้ำประปามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 69.04 ของจำนวนผู้ใช้ประปาทั้งหมดของจังหวัด
  • โทรศัพท์ จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนเลขหมายโทรศัพท์ 305,434 เลขหมาย เป็นเลขหมายที่มีผู้เช่า 186,294 เลขหมาย มีชุมสายโทรศัพท์ 247 แห่ง
  • ไปรษณีย์ มีสำนักงานไปรษณีย์ จำนวน 37 แห่ง มีจำนวนผู้ใช้บริการ 2,467,286 ราย[29]

กีฬา

จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้ง ได้แก่ เอเชียนเกมส์ 1998 และซีเกมส์ 1995 ฟุตบอลเอเชียเยาวชน 1998 และกีฬาในประเทศ ได้แก่ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ 3 ครั้ง การแข่งขันยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดในปี พ.ศ. 2552[32] และล่าสุดคือ กีฬายุวชนอาเซียน

เชียงใหม่มีสโมสรฟุตบอลอาชีพ คือ สโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ในเดือนตุลาคม 2549 ได้มีแถลงการเปิดบริษัทที่จะสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ ในชื่อ "บริษัท พัฒนาธุกิจกีฬา เชียงใหม่" [33]

สถานที่ท่องเที่ยว

พระธาตุเจดีย์ธาตุนภเมทนีดล และพระธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ บนยอดดอยอินทนนท์
สวนสัตว์เชียงใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป

อำเภอเมืองเชียงใหม่
อำเภออื่น

ชาวเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียง

ไฟล์:เจ้าวงศ์ตวัน.jpg
เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่)
ทักษิณ ชินวัตร
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ไฟล์:Picweb copy197.jpg
ธารินทร์ นิมมานเหมินท์
ไฟล์:14764083dt2.jpg
จรัล มโนเพ็ชร
สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
เจ้านายฝ่ายเหนือ
การเมือง-ภาครัฐ
สื่อมวลชน
ศิลปิน
บันเทิง
กีฬา

อ้างอิง

  1. ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
  2. 2.0 2.1 2.2 รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน พ.ศ. 2559 กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2560
  3. 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 3.10 3.11 3.12 สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่, บรรยายสรุปจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2557.
  4. UNESCO Creative City Network, โดย creativechiangmai.com
  5. ชื่อเขียนตามที่ปรากฏใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับวัดพระงาม จ.ศ. 1216
  6. ชื่อเขียนตามที่ปรากฏใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับวัดพระงาม จ.ศ. 1216
  7. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ บ.๑.๒/๖ พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ ร ๒๑๘/๔๕ ลงวันอาทิตย์ เดือน ๘ แรม ๑ ค่ำ ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๔๕ (๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๖) พระราชทานเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง
  8. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๓ น่า ๔๐๗๓ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙
  9. "...เมืองเชียงใหม่ เปนเมืองเจริญมาก นับได้ว่าเป็นที่สองในกรุงสยาม การสินค้าก็บริบูรณ์มาก เพราะเปนเมืองตั้งอยู่ตามทางสินค้าที่มาจากพม่า การโยธามีถนนกว้างขวางใหญ่โต รถม้าเดินได้สะดวก พลเมืองมีหลายชาติ หลายภาษาคล้ายกรุงเทพ ไร่นาบริบูรณ์ด้วยเหมืองฝาย" พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม
  10. แผ่นดินไหวขนาด 4.4 อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา. สืบค้นเมื่อ 14 มกราคม 2560
  11. แผ่นดินไหวขนาด 4.1 ต.ทุ่งหลวง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา. สืบค้นเมื่อ 14 มกราคม 2560
  12. แผ่นดินไหวขนาด 4.0 อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา. สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2560
  13. แผ่นดินไหวขนาด 4.2 อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา. สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2560
  14. สถิติแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2553
  15. เรื่อง ยกฐานะกิ่งอำเภอขึ้นเป็นอำเภอ
  16. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2499/A/046/657.PDF
  17. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2501/A/055/321.PDF
  18. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2501/A/055/321.PDF
  19. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2516/A/075/32.PDF
  20. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2522/A/042/19.PDF
  21. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2536/A/179/1.PDF
  22. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2537/A/021/32.PDF
  23. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2538/A/032/1.PDF
  24. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/A/046/14.PDF
  25. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/A/046/14.PDF
  26. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2552/A/097/7.PDF
  27. รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน พ.ศ. 2558 กรมการปกครอง
  28. จำนวนประชากรและบ้านรายปี กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
  29. 29.0 29.1 29.2 29.3 29.4 29.5 29.6 สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่, บรรยายสรุปจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2555.
  30. แอนดรู ฟอร์บส์, ประวัติศาสตร์ล้านนาฉบับย่อ และ ชาวเชียงใหม่, เชียงใหม่ : หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ และ เทศบาลนครเชียงใหม่, 2547, หน้า 226
  31. เชียงใหม่คว้าอันดับ2World Best Award-Top10Cities คมชัดลึก. สืบค้น 24 มกราคม 2555
  32. ยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, 8 พ.ค. 2552
  33. การแถลงข่าว เปิด บริษัท พัฒนาธุกิจกีฬา เชียงใหม่ จาก หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์

แหล่งข้อมูลอื่น

18°48′N 98°59′E / 18.8°N 98.98°E / 18.8; 98.98