ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามกรุงทรอย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thucydides49 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Thucydides49 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
[[ไฟล์:J G Trautmann Das brennende Troja.jpg|thumbnail|200px|"การเผากรุงทรอย" (1759/62) โดย Johann Georg Trautmann]]
[[ไฟล์:J G Trautmann Das brennende Troja.jpg|thumbnail|200px|"การเผากรุงทรอย" (1759/62) โดย Johann Georg Trautmann]]


'''สงครามกรุงทรอย''' ({{lang-en|Trojan War}}) เป็นสงครามระหว่างชาวอะคีอันส์ (ชาวกรีก) กับกรุง[[ทรอย]] หลัง[[ปารีส (ทรอย)|ปารีสแห่งทรอย]]ชิง[[เฮเลนแห่งทรอย|เฮเลน]]มาจากพระสวามี พระเจ้าเมเนเลอัสแห่ง[[สปาร์ตา]] สงครามดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดใน[[เทพปกรณัมกรีก]] และมีการบอกเล่าผ่านงาน[[วรรณกรรมกรีกโบราณ|วรรณกรรมกรีก]]หลายชิ้น ที่โดดเด่นที่สุด คือ [[อีเลียด]]และ[[โอดิสซีย์]]ของ[[โฮเมอร์]] อีเลียดเกี่ยวข้องกับการล้อมกรุงทรอยปีสุดท้าย ส่วนโอดิสซีย์อธิบายการเดินทางกลับบ้านของ[[โอดิสเซียส]] ส่วนอื่นของสงครามมีการอธิบายในโคลง[[วัฏจักรมหากาพย์]] (Epic Cycle) ซึ่งเหลือรอดมาเพียงบางส่วน การศึกแห่งกรุงทรอยเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญที่ กวีและนักประพันธ์โศกนาฏกรรมกรีก เช่น [[เอสคิลัส]] (Aeschylus) [[โซโฟคลีส]] (Sophocles) และ [[ยูริพีดีส]] (Euripides) นำมาใช้ประพันธ์บทละคร นอกจากนี้กวีชาวโรมัน โดยเฉพาะ[[เวอร์จิล]]และ[[โอวิด]] ก็ดึงเอาเหตุการณ์จากสงครามทรอยมาเป็นพื้นเรื่อง หรือเนื้อหาส่วนหนึ่งในงานประพันธ์ของตนเช่นกัน
'''สงครามกรุงทรอย''' ({{lang-en|Trojan War}}) เป็นสงครามระหว่างชาวอะคีอันส์ (ชาวกรีก) กับกรุง[[ทรอย]] หลัง[[ปารีส (ทรอย)|ปารีสแห่งทรอย]]ชิง[[เฮเลนแห่งทรอย|เฮเลน]]มาจากพระสวามี พระเจ้าเมเนเลอัสแห่ง[[สปาร์ตา]] สงครามดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดใน[[เทพปกรณัมกรีก]] และมีการบอกเล่าผ่านงาน[[วรรณกรรมกรีกโบราณ|วรรณกรรมกรีก]]หลายชิ้น ที่โดดเด่นที่สุด คือ [[อีเลียด]]และ[[โอดิสซีย์]]ของ[[โฮเมอร์]] อีเลียดเกี่ยวข้องกับการล้อมกรุงทรอยปีสุดท้าย ส่วนโอดิสซีย์อธิบายการเดินทางกลับบ้านของ[[โอดิสเซียส]] ส่วนอื่นของสงครามมีการอธิบายในโคลง[[วัฏจักรมหากาพย์]] (Epic Cycle) ได้แก่ ''[[ไซเพรีย]]'', ''[[เอธิออพิส]]'', ''[[อีเลียดน้อย]]'', ''[[อีลิอูเพอร์ซิส]]'', ''[[นอสตอย]]'', และ ''[[เทเลโกนี]]''
ซึ่งปัจจุบันเหลือรอดมาเพียงบางส่วน
การศึกแห่งกรุงทรอยเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญที่ กวีและนักประพันธ์โศกนาฏกรรมกรีก เช่น [[เอสคิลัส]] (Aeschylus) [[โซโฟคลีส]] (Sophocles) และ [[ยูริพีดีส]] (Euripides) นำมาใช้ประพันธ์บทละคร นอกจากนี้กวีชาวโรมัน โดยเฉพาะ[[เวอร์จิล]]และ[[โอวิด]] ก็ดึงเอาเหตุการณ์จากสงครามทรอยมาเป็นพื้นเรื่อง หรือเนื้อหาส่วนหนึ่งในงานประพันธ์ของตนเช่นกัน


สงครามกำเนิดจากการวิวาทระหว่างเทพี[[อธีนา]] [[เฮรา]]และ[[แอโฟรไดที]] หลังอีริส เทพีแห่งการวิวาทและความบาดหมาง ให้ผลแอปเปิลสีทอง ซึ่งบางครั้งรู้จักกันในนาม "แอปเปิลแห่งความบาดหมาง" แก่ "ผู้ที่งามที่สุด" [[ซูส]]ส่งเทพีทั้งสามไปหาปารีส ผู้ตัดสินว่าแอโฟรไดที "ผู้งามที่สุด" ควรได้รับแอปเปิลไป เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แอโฟรไดทีเสกให้เฮเลน หญิงงามที่สุดในโลกและมเหสีของพระเจ้าเมเนเลอัส ตกหลุมรักปารีส และปารีสได้นำพระนางไปยังกรุงทรอย อกาเมมนอน พระเจ้ากรุงไมซีนี และพระเชษฐาของพระเจ้าเมเนเลอัส พระสวามีของเฮเลน นำกองทัพชาวอะคีอันส์ไปยังกรุงทรอยและล้อมกรุงไว้สิบปี หลังสิ้นวีรบุรุษไปมากมาย รวมทั้ง[[อคิลลีส]]และ[[อาแจ็กซ์]]ของฝ่ายอะคีอันส์ และ[[เฮกเตอร์]]และปารีสของฝ่ายทรอย กรุงทรอยก็เสียด้วยอุบาย[[ม้าโทรจัน]] ฝ่ายอะคีอันส์สังหารชาวกรุงทรอย (ยกเว้นหญิงและเด็กบางส่วนที่ไว้ชีวิตหรือขายเป็นทาส) และทำลายวิหาร ทำให้เทพเจ้าพิโรธ ชาวอะคีอะนส์ส่วนน้อยที่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและหลายคนตั้งนิคมในชายฝั่งอันห่างไกล ภายหลังชาวโรมันสืบเชื้อสายของพวกตนไปถึงเอเนียส หนึ่งในชาวกรุงทรอย ผู้กล่าวกันว่านำชาวกรุงทรอยที่เหลือรอดไปยังประเทศอิตาลีในปัจจุบัน
สงครามกำเนิดจากการวิวาทระหว่างเทพี[[อธีนา]] [[เฮรา]]และ[[แอโฟรไดที]] หลังอีริส เทพีแห่งการวิวาทและความบาดหมาง ให้ผลแอปเปิลสีทอง ซึ่งบางครั้งรู้จักกันในนาม "แอปเปิลแห่งความบาดหมาง" แก่ "ผู้ที่งามที่สุด" [[ซูส]]ส่งเทพีทั้งสามไปหาปารีส ผู้ตัดสินว่าแอโฟรไดที "ผู้งามที่สุด" ควรได้รับแอปเปิลไป เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แอโฟรไดทีเสกให้เฮเลน หญิงงามที่สุดในโลกและมเหสีของพระเจ้าเมเนเลอัส ตกหลุมรักปารีส และปารีสได้นำพระนางไปยังกรุงทรอย อกาเมมนอน พระเจ้ากรุงไมซีนี และพระเชษฐาของพระเจ้าเมเนเลอัส พระสวามีของเฮเลน นำกองทัพชาวอะคีอันส์ไปยังกรุงทรอยและล้อมกรุงไว้สิบปี หลังสิ้นวีรบุรุษไปมากมาย รวมทั้ง[[อคิลลีส]]และ[[อาแจ็กซ์]]ของฝ่ายอะคีอันส์ และ[[เฮกเตอร์]]และปารีสของฝ่ายทรอย กรุงทรอยก็เสียด้วยอุบาย[[ม้าโทรจัน]] ฝ่ายอะคีอันส์สังหารชาวกรุงทรอย (ยกเว้นหญิงและเด็กบางส่วนที่ไว้ชีวิตหรือขายเป็นทาส) และทำลายวิหาร ทำให้เทพเจ้าพิโรธ ชาวอะคีอะนส์ส่วนน้อยที่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและหลายคนตั้งนิคมในชายฝั่งอันห่างไกล ภายหลังชาวโรมันสืบเชื้อสายของพวกตนไปถึงเอเนียส หนึ่งในชาวกรุงทรอย ผู้กล่าวกันว่านำชาวกรุงทรอยที่เหลือรอดไปยังประเทศอิตาลีในปัจจุบัน


ชาวกรีกโบราณคาดว่าสงครามกรุงทรอยเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 หรือ 12 ก่อนคริสตกาล และเชื่อว่ากรุงทรอยตั้งอยู่ในประเทศตุรกีปัจจุบัน ใกล้กับ[[ช่องแคบดาร์ดาเนลส์]] เมื่อล่วงมาถึงสมัยใหม่ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าทั้งสงครามและกรุงทรอยเป็นนิยาย อย่างไรก็ดี ในปี 1868 นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ไฮน์ริช ชไลมันน์พบกับแฟรงก์ คัลเวิร์ท ผู้โน้มน้าวชไลมันน์ว่า กรุงทรอยอยู่ที่ฮิสซาร์ริค และชไลมันน์เข้าควบคุมการขุดค้นของคัลเวิร์ทบนทรัพย์สินซึ่งเป็นของคัลเวิร์ท<ref>{{cite book|last=Bryce|first=Trevor|title=The Trojans and their neighbours|year=2005|publisher=Taylor & Francis|isbn=978-0-415-34959-8|url=http://books.google.com/?id=XZelJgdu9mkC&pg=PA37&dq=Schliemann+credit+Calvert#v=onepage&q=Schliemann%20credit%20Calvert&f=false|page=37}}</ref> คำถามที่ว่ามีความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ใดอยู่เบื้องหลังสงครามกรุงทรอยหรือไม่นั้นยังไม่มีคำตอบ นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่านิยายดังกล่าวมีแก่นความจริงทางประวัติศาสตร์ แม้อาจหมายความว่า เรื่องเล่าของโฮเมอร์เป็นการผสมนิทการล้อมและการออกเดินทางต่าง ๆ ของชาวกรีกไมซีเนียนระหว่างยุคสัมฤทธิ์ก็ตาม ผู้ที่เชื่อว่าเรื่องเล่าสงครามกรุงทรอยมาจากความขัดแย้งในประวัติศาสตร์อย่างเฉพาะมักระบุเวลาไว้ว่าอยู่ในศตวรรษที่ 12 หรือ 11 ก่อนคริสตกาล ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดีของการเผาทำลายทรอย 7เอ<ref>Wood (1985: 116–118)</ref>
ชาวกรีกโบราณคาดว่าสงครามกรุงทรอยเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 หรือ 12 ก่อนคริสตกาล และเชื่อว่ากรุงทรอยตั้งอยู่ในประเทศตุรกีปัจจุบัน ใกล้กับ[[ช่องแคบดาร์ดาเนลส์]] เมื่อล่วงมาถึงสมัยใหม่ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าทั้งสงครามและกรุงทรอยเป็นนิยาย อย่างไรก็ดี ในปี 1868 นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ไฮน์ริช ชไลมันน์พบกับแฟรงก์ คัลเวิร์ท ผู้โน้มน้าวชไลมันน์ว่า กรุงทรอยอยู่ที่ฮิสซาร์ริค และชไลมันน์เข้าควบคุมการขุดค้นของคัลเวิร์ทบนทรัพย์สินซึ่งเป็นของคัลเวิร์ท<ref>{{cite book|last=Bryce|first=Trevor|title=The Trojans and their neighbours|year=2005|publisher=Taylor & Francis|isbn=978-0-415-34959-8|url=http://books.google.com/?id=XZelJgdu9mkC&pg=PA37&dq=Schliemann+credit+Calvert#v=onepage&q=Schliemann%20credit%20Calvert&f=false|page=37}}</ref> คำถามที่ว่ามีความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ใดอยู่เบื้องหลังสงครามกรุงทรอยหรือไม่นั้นยังไม่มีคำตอบ นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่านิยายดังกล่าวมีแก่นความจริงทางประวัติศาสตร์ แม้อาจหมายความว่า เรื่องเล่าของโฮเมอร์เป็นการผสมนิทการล้อมและการออกเดินทางต่าง ๆ ของชาวกรีกไมซีเนียนระหว่างยุคสัมฤทธิ์ก็ตาม ผู้ที่เชื่อว่าเรื่องเล่าสงครามกรุงทรอยมาจากความขัดแย้งในประวัติศาสตร์อย่างเฉพาะมักระบุเวลาไว้ว่าอยู่ในศตวรรษที่ 12 หรือ 11 ก่อนคริสตกาล ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดีของการเผาทำลายทรอย 7เอ<ref>Wood (1985: 116–118)</ref>

==ต้นเหตุของสงคราม==

===การตัดสินของปารีส===
มหาเทพซุสทรงทราบคำทำนายจากเทพี[[เธมิส]] (Themis) หรือ [[โพรมีเทียส]]ซึ่งได้รับการปลดปล่อยจากการจองจำในเทือกเขาคอเคซัสโดยเฮราคลีส ว่าพระองค์จะถูกโค่นลงโดยโอรสของตนเอง เหมือนอย่างที่พระองค์เคยปราบ[[โครนัส]]พระบิดาของตนมาแล้ว ยังมีอีกคำทำนายหนึ่งว่านางอัปสรทะเล''[[เธทีส]]''ซึ่งพระองค์ตกหลุมรักเข้า จะให้กำเนิดบุตรที่เก่งกล้ากว่าบิดา ด้วยเหตุนี้เธทีสจึงถูกส่งไปเป็นชายาของกษัตริย์มนุษย์ชื่อ เพเลอัส บุตรแห่ง[[ไออาคอส]]ตามคำสั่งของมเหสี[[เฮรา]]

เทวดาทุกตนได้รับเชิญไปงานอภิเสกสมรสของ เพเลอัส กับ เธทีส และต่างก็นำของขวัญไปมากมาย


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:26, 10 พฤศจิกายน 2560

"การเผากรุงทรอย" (1759/62) โดย Johann Georg Trautmann

สงครามกรุงทรอย (อังกฤษ: Trojan War) เป็นสงครามระหว่างชาวอะคีอันส์ (ชาวกรีก) กับกรุงทรอย หลังปารีสแห่งทรอยชิงเฮเลนมาจากพระสวามี พระเจ้าเมเนเลอัสแห่งสปาร์ตา สงครามดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดในเทพปกรณัมกรีก และมีการบอกเล่าผ่านงานวรรณกรรมกรีกหลายชิ้น ที่โดดเด่นที่สุด คือ อีเลียดและโอดิสซีย์ของโฮเมอร์ อีเลียดเกี่ยวข้องกับการล้อมกรุงทรอยปีสุดท้าย ส่วนโอดิสซีย์อธิบายการเดินทางกลับบ้านของโอดิสเซียส ส่วนอื่นของสงครามมีการอธิบายในโคลงวัฏจักรมหากาพย์ (Epic Cycle) ได้แก่ ไซเพรีย, เอธิออพิส, อีเลียดน้อย, อีลิอูเพอร์ซิส, นอสตอย, และ เทเลโกนี ซึ่งปัจจุบันเหลือรอดมาเพียงบางส่วน

การศึกแห่งกรุงทรอยเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญที่ กวีและนักประพันธ์โศกนาฏกรรมกรีก เช่น เอสคิลัส (Aeschylus) โซโฟคลีส (Sophocles) และ ยูริพีดีส (Euripides) นำมาใช้ประพันธ์บทละคร นอกจากนี้กวีชาวโรมัน โดยเฉพาะเวอร์จิลและโอวิด ก็ดึงเอาเหตุการณ์จากสงครามทรอยมาเป็นพื้นเรื่อง หรือเนื้อหาส่วนหนึ่งในงานประพันธ์ของตนเช่นกัน

สงครามกำเนิดจากการวิวาทระหว่างเทพีอธีนา เฮราและแอโฟรไดที หลังอีริส เทพีแห่งการวิวาทและความบาดหมาง ให้ผลแอปเปิลสีทอง ซึ่งบางครั้งรู้จักกันในนาม "แอปเปิลแห่งความบาดหมาง" แก่ "ผู้ที่งามที่สุด" ซูสส่งเทพีทั้งสามไปหาปารีส ผู้ตัดสินว่าแอโฟรไดที "ผู้งามที่สุด" ควรได้รับแอปเปิลไป เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แอโฟรไดทีเสกให้เฮเลน หญิงงามที่สุดในโลกและมเหสีของพระเจ้าเมเนเลอัส ตกหลุมรักปารีส และปารีสได้นำพระนางไปยังกรุงทรอย อกาเมมนอน พระเจ้ากรุงไมซีนี และพระเชษฐาของพระเจ้าเมเนเลอัส พระสวามีของเฮเลน นำกองทัพชาวอะคีอันส์ไปยังกรุงทรอยและล้อมกรุงไว้สิบปี หลังสิ้นวีรบุรุษไปมากมาย รวมทั้งอคิลลีสและอาแจ็กซ์ของฝ่ายอะคีอันส์ และเฮกเตอร์และปารีสของฝ่ายทรอย กรุงทรอยก็เสียด้วยอุบายม้าโทรจัน ฝ่ายอะคีอันส์สังหารชาวกรุงทรอย (ยกเว้นหญิงและเด็กบางส่วนที่ไว้ชีวิตหรือขายเป็นทาส) และทำลายวิหาร ทำให้เทพเจ้าพิโรธ ชาวอะคีอะนส์ส่วนน้อยที่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและหลายคนตั้งนิคมในชายฝั่งอันห่างไกล ภายหลังชาวโรมันสืบเชื้อสายของพวกตนไปถึงเอเนียส หนึ่งในชาวกรุงทรอย ผู้กล่าวกันว่านำชาวกรุงทรอยที่เหลือรอดไปยังประเทศอิตาลีในปัจจุบัน

ชาวกรีกโบราณคาดว่าสงครามกรุงทรอยเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 หรือ 12 ก่อนคริสตกาล และเชื่อว่ากรุงทรอยตั้งอยู่ในประเทศตุรกีปัจจุบัน ใกล้กับช่องแคบดาร์ดาเนลส์ เมื่อล่วงมาถึงสมัยใหม่ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าทั้งสงครามและกรุงทรอยเป็นนิยาย อย่างไรก็ดี ในปี 1868 นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ไฮน์ริช ชไลมันน์พบกับแฟรงก์ คัลเวิร์ท ผู้โน้มน้าวชไลมันน์ว่า กรุงทรอยอยู่ที่ฮิสซาร์ริค และชไลมันน์เข้าควบคุมการขุดค้นของคัลเวิร์ทบนทรัพย์สินซึ่งเป็นของคัลเวิร์ท[1] คำถามที่ว่ามีความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ใดอยู่เบื้องหลังสงครามกรุงทรอยหรือไม่นั้นยังไม่มีคำตอบ นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่านิยายดังกล่าวมีแก่นความจริงทางประวัติศาสตร์ แม้อาจหมายความว่า เรื่องเล่าของโฮเมอร์เป็นการผสมนิทการล้อมและการออกเดินทางต่าง ๆ ของชาวกรีกไมซีเนียนระหว่างยุคสัมฤทธิ์ก็ตาม ผู้ที่เชื่อว่าเรื่องเล่าสงครามกรุงทรอยมาจากความขัดแย้งในประวัติศาสตร์อย่างเฉพาะมักระบุเวลาไว้ว่าอยู่ในศตวรรษที่ 12 หรือ 11 ก่อนคริสตกาล ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดีของการเผาทำลายทรอย 7เอ[2]

ต้นเหตุของสงคราม

การตัดสินของปารีส

มหาเทพซุสทรงทราบคำทำนายจากเทพีเธมิส (Themis) หรือ โพรมีเทียสซึ่งได้รับการปลดปล่อยจากการจองจำในเทือกเขาคอเคซัสโดยเฮราคลีส ว่าพระองค์จะถูกโค่นลงโดยโอรสของตนเอง เหมือนอย่างที่พระองค์เคยปราบโครนัสพระบิดาของตนมาแล้ว ยังมีอีกคำทำนายหนึ่งว่านางอัปสรทะเลเธทีสซึ่งพระองค์ตกหลุมรักเข้า จะให้กำเนิดบุตรที่เก่งกล้ากว่าบิดา ด้วยเหตุนี้เธทีสจึงถูกส่งไปเป็นชายาของกษัตริย์มนุษย์ชื่อ เพเลอัส บุตรแห่งไออาคอสตามคำสั่งของมเหสีเฮรา

เทวดาทุกตนได้รับเชิญไปงานอภิเสกสมรสของ เพเลอัส กับ เธทีส และต่างก็นำของขวัญไปมากมาย

อ้างอิง

  1. Bryce, Trevor (2005). The Trojans and their neighbours. Taylor & Francis. p. 37. ISBN 978-0-415-34959-8.
  2. Wood (1985: 116–118)

แหล่งข้อมูลอื่น