ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
บรรทัด 56: | บรรทัด 56: | ||
====พระราชพิธีทางการ==== |
====พระราชพิธีทางการ==== |
||
[[ไฟล์:The_Royal_Cremation_of_Bhumibol_Adulyadej.jpg|thumb|สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จขึ้นไปถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (พระราชพิธีทางการ)]] |
[[ไฟล์:The_Royal_Cremation_of_Bhumibol_Adulyadej.jpg|left|250px|thumb|สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จขึ้นไปถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (พระราชพิธีทางการ)]] |
||
วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17:15 น. [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร]] เสด็จพระราชดำเนินไปยัง [[พระที่นั่งทรงธรรม]] ณ [[พระเมรุมาศ]] [[ท้องสนามหลวง]] ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สําหรับพระบรมศพทรงธรรมที่พระเมรุมาศ สมเด็จพระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนาจบ พระราชาคณะ 50 รูป สวดศราทธพรต ถวายไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร ถวายพระเทศน์และพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรตสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจาก พระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯ ไปประทับที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ผู้แทนจิตอาสาเชิญดอกไม้จันทน์ 9 พานผ่านพระที่นั่งทรงธรรม ถวายความเคารพแล้วเดินออกจากมณฑลพิธี จากนั้นเสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพเป่าแตรนอน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนดอกไม้จันทนถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวพนักงาน ประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะและปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และยิงปืนเล็กยาว 9 นัด พร้อมกับทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่ถวาย พระเกียรติ 21 นัด เสด็จ ฯ ไปประทับ มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม จากนั้น คณะบุคคลต่างๆ จะได้ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ<ref>{{Cite web|url=https://www.prachachat.net/rama9royalfuneral/news-60876|title=สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ|publisher=[[ประชาชาติธุรกิจ]]|date=26 ตุลาคม 2560|accessdate=26 ตุลาคม 2560}}</ref> สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถารกับพระประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนรัฐบาลจากต่างประเทศ แล้วเสด็จพระราชดําเนินกลับ<ref>{{Cite web|url=https://www.prachachat.net/rama9royalfuneral/news-60876|title=สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ|publisher=[[ประชาชาติธุรกิจ]]|date=26 ตุลาคม 2560|accessdate=26 ตุลาคม 2560}}</ref> |
วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17:15 น. [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร]] เสด็จพระราชดำเนินไปยัง [[พระที่นั่งทรงธรรม]] ณ [[พระเมรุมาศ]] [[ท้องสนามหลวง]] ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สําหรับพระบรมศพทรงธรรมที่พระเมรุมาศ สมเด็จพระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนาจบ พระราชาคณะ 50 รูป สวดศราทธพรต ถวายไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร ถวายพระเทศน์และพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรตสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจาก พระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯ ไปประทับที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ผู้แทนจิตอาสาเชิญดอกไม้จันทน์ 9 พานผ่านพระที่นั่งทรงธรรม ถวายความเคารพแล้วเดินออกจากมณฑลพิธี จากนั้นเสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพเป่าแตรนอน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนดอกไม้จันทนถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวพนักงาน ประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะและปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และยิงปืนเล็กยาว 9 นัด พร้อมกับทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่ถวาย พระเกียรติ 21 นัด เสด็จ ฯ ไปประทับ มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม จากนั้น คณะบุคคลต่างๆ จะได้ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ<ref>{{Cite web|url=https://www.prachachat.net/rama9royalfuneral/news-60876|title=สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ|publisher=[[ประชาชาติธุรกิจ]]|date=26 ตุลาคม 2560|accessdate=26 ตุลาคม 2560}}</ref> สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถารกับพระประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนรัฐบาลจากต่างประเทศ แล้วเสด็จพระราชดําเนินกลับ<ref>{{Cite web|url=https://www.prachachat.net/rama9royalfuneral/news-60876|title=สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ|publisher=[[ประชาชาติธุรกิจ]]|date=26 ตุลาคม 2560|accessdate=26 ตุลาคม 2560}}</ref> |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:09, 30 ตุลาคม 2560
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระราชพิธีที่รัฐบาลไทยจัดขึ้นเพื่อแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดขึ้น ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 โดยวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เป็นวันถวายพระเพลิง คณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ[1]
สำหรับการดำเนินการพระราชพิธีฯ นั้น คณะทำงานทุกฝ่ายได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ เช่น พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน เป็นต้น ส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระราชพิธีนั้น ได้มีการซ่อมแซมพระมหาพิชัยราชรถ พระยานมาศสามลำคาน ราชรถน้อย และพระที่นั่งราเชนทรยาน เพื่อให้พร้อมใช้ในพิธีจริง นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างราชรถ ราชยานขึ้นมาใหม่ คือ ราชรถปืนใหญ่และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย[2] รวมทั้งประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศในพระราชพิธีครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงให้มีความร่วมสมัย[3][4] โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์วินิจฉัยในการจัดสร้างพระเมรุมาศ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานอำนวยการพระราชพิธี[5]
การเตรียมงาน
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เริ่มเตรียมการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เรื่อยมา มีการสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ การบูรณปฏิสังขรณ์พระมหาพิชัยราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระราชพิธี รวมถึงการเตรียมงานมหรสพในงานออกพระเมรุมาศ โดยสรุปแล้วเรียงลำดับการเตรียมงานได้ดังนี้
พ.ศ. 2559
- 3 พฤศจิกายน ปรับพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงให้รองรับการจัดพระราชพิธี[6]
- 14 พฤศจิกายน บวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม[7]
- 19 ธันวาคม บวงสรวงพระมหาพิชัยราชรถ[8]
- 20 ธันวาคม ช่างสิบหมู่รับมอบไม้จันทน์หอม[9]
- 26 ธันวาคม ปักหมุดก่อสร้างพระเมรุมาศ[10]
พ.ศ. 2560
- 27 กุมภาพันธ์ บวงสรวงยกเสาเอกเพื่อเริ่มการก่อสร้างพระเมรุมาศ[11]
- 1 มีนาคม ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ครั้งแรก ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาทรงร่วมการประชุมด้วย[12]
- 24 มีนาคม บวงสรวงราชรถปืนใหญ่ [13]
- 1 พฤษภาคม ส่งมอบราชรถปืนใหญ่ให้กรมศิลปากร[14]
- 5 พฤษภาคม กรมศิลปากรเคลื่อนย้ายราชรถปืนใหญ่ไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อดำเนินการตกแต่งให้สมพระเกียรติ[15]
- 26 มิถุนายน ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ครั้งที่ 2[16]
- 6 กรกฎาคม ติดตั้งกล้องและเครื่องเสียงในการถ่ายทอดสดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ[17]
- 21 กันยายน บวงสรวงการอัญเชิญราชรถและพระยานมาศ[18]
- 2 ตุลาคม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ตรวจความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบ[19]
- 4 ตุลาคม มีการเปิดเผยว่าพระเมรุมาศจะเสร็จสิ้นการก่อสร้างในวันที่ 10 ตุลาคม[20]
- 11 ตุลาคม คณะทูตานุทูตจาก 65 ประเทศเข้าเยี่ยมชมการก่อสร้างพระเมรุมาศและราชรถ[21]
- 12 ตุลาคม ซ้อมยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรประดับยอดพระเมรุมาศครั้งแรก[22]
- 13 ตุลาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรความคืบหน้าในการจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบเป็นการส่วนพระองค์[23]
- 16 ตุลาคม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เปิดเผยว่าการก่อสร้างพระเมรุมาศเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100%[24]
- 17 ตุลาคม ซ้อมยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรประดับยอดพระเมรุมาศครั้งที่ 2[25]
- 18 ตุลาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินมาในการพระราชพิธีทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรประดับยอดพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เป็นอันเสร็จสิ้นการก่อสร้างพระเมรุมาศอย่างสมบูรณ์และเป็นทางการ[26]
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
คณะรัฐมนตรีรับทราบมติที่คณะอนุกรรมการฯ ฝ่ายจัดการพระราชพิธีฯ กำหนดวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พร้อมทั้งพิจารณาหมายกำหนดการพระราชพิธีฯ และกำหนดจำนวนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศไว้เป็นที่เรียบร้อย[27][1] โดยมีพระราชพิธีสำคัญ ได้แก่ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ในวันที่ 25 ตุลาคม, พระราชพิธีเชิญพระบรมโกศออกพระเมรุมาศ และถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งคณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษด้วย, พระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิและเชิญพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคารกลับเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 27 ตุลาคม, พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ในวันที่ 28 ตุลาคม, พระราชพิธีเลี้ยงพระ และเชิญพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ในวันที่ 29 ตุลาคม[28]
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ
วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ทรงประเคนพัดกรองที่ระลึกงานออกพระเมรุแด่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา และพระราชาคณะที่จะสวดศราทธพรต 30 รูป พระสงฆ์ที่จะสดับปกรณ์ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระสงฆ์ที่จะสวดพระอภิธรรม 8 รูป บรรพชิตจีนและญวน 20 รูป พระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนา ถวายไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าไตรถวายพระเทศนา พระสงฆ์สวดศราทธพรต พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา บรรพชิตจีนและญวนสวดมาติกา สดับปกรณ์ และถวายอนุโมทนา ทรงจุดธูปเทียนที่แท่นเตียงพระสวดพระอภิธรรม แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
อนึ่ง สำหรับพัดรองที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนแด่พระพิธีธรรมนั้น ด้านหน้าปักรูปครุฑ อัญเชิญพระปรมาภิไธย ภปร. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเหนือบัลลังก์บุษบก โดยศึกษาจากพัดรองในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[29]
พระราชพิธีเชิญพระบรมโกศออกพระเมรุมาศ
วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 07:24 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปในการเชิญพระบรมโกศออกพระเมรุมาศ ในการนี้ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมศพและเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจําพระชนมวาร ทรงทอดผ้าไตร ก่อนอัญเชิญพระบรมโกศพระราชาคณะ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลื้องพระโกศทองใหญ่เชิญพระลอง ลงจากพระแท่นสุวรรณเบญจดลไปประดิษฐานที่พระยานมาศสามลําคาน ที่ ประตูกําแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯตามไปส่งที่ชาลาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มุขเหนือ อัญเชิญพระบรมโกศด้วย พระยานมาศสามลําคานออกจากพระบรมมหาราชวัง ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตรคันดาลกางกั้น แล้วยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังพระมหาพิชัยราชรถ หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดําเนินไปยังพลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงทอดผ้าไตร 20 ไตร ที่ท้ายเกรินบันไดนาคพระมหาพิชัยราชรถ พระสงฆ์สดับปกรณ์เที่ยวละ 5 รูป อัญเชิญพระบรมโกศ ขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ ยาตราขบวนแห่อัญเชิญพระบรมโกศ ไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯตาม เมื่อขบวนพระบรมราชอิสริยยศแห่อัญเชิญพระบรมโกศเข้าสู่ท้องสนามหลวง ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปประทับรอที่พลับพลายกนอกราชวัติพระเมรุมาศ เมื่อเทียบพระมหาพิชัยราชรถอัญเชิญพระบรมโกศลงจากพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาคประดิษฐานพระบรมโกศบนราชรถปืนใหญ่เพื่อตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศ สําหรับเวียนพระเมรุมาศ เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯตามพระบรมโกศเวียนพระเมรุมาศ ครบ 3 รอบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯไปประทับ ณ พระที่นั่งทรงธรรม เทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศอัญเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน ปิดพระฉากและพระวิสูตร ประกอบพระโกศจันทน์ ตั้งแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เปิดพระฉากและพระวิสูตร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมศพ เสด็จลงจากพระเมรุมาศ เสด็จขึ้นผ่านพระที่นั่งทรงธรรมไปประทับรถยนต์พระที่นั่งหลังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จพระราชดําเนินกลับ
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ระหว่างที่พระบรมศพประดิษฐานที่พระเมรุมาศ จะมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมบนบุษบกซ่างทั้ง 4 ซ่าง ทั้งกลางวันและกลางคืน จนกว่าจะได้อัญเชิญพระบรมอัฐิกลับ และมีชาวพนักงานประโคมกระทั่ง มโหระทึก สังข์ แตร กลองชนะ ปี่พาทย์และประโคมยามตามเวลา
พระราชพิธีทางการ
วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17:15 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปยัง พระที่นั่งทรงธรรม ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สําหรับพระบรมศพทรงธรรมที่พระเมรุมาศ สมเด็จพระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนาจบ พระราชาคณะ 50 รูป สวดศราทธพรต ถวายไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร ถวายพระเทศน์และพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรตสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจาก พระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯ ไปประทับที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ผู้แทนจิตอาสาเชิญดอกไม้จันทน์ 9 พานผ่านพระที่นั่งทรงธรรม ถวายความเคารพแล้วเดินออกจากมณฑลพิธี จากนั้นเสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพเป่าแตรนอน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนดอกไม้จันทนถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวพนักงาน ประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะและปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และยิงปืนเล็กยาว 9 นัด พร้อมกับทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่ถวาย พระเกียรติ 21 นัด เสด็จ ฯ ไปประทับ มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม จากนั้น คณะบุคคลต่างๆ จะได้ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ[30] สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถารกับพระประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนรัฐบาลจากต่างประเทศ แล้วเสด็จพระราชดําเนินกลับ[31]
พระราชพิธีจริง
วันเดียวกัน เวลา 22:30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยัง พระที่นั่งทรงธรรม พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ ไปประทับมุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงานปฏิบัติการถวายพระเพลิงพระบรมศพ เสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตรที่พระจิตกาธาน พระสงฆ์ 10 รูป สดับปกรณ์เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดําเนินกลับ [32]
อนึ่ง พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่าเป็นพระราชพิธีส่วนพระองค์ ไม่มีการถ่ายทอดสด[33] ส่วนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้ขึ้นข้อความให้ประชาชนในท้องสนามหลวงได้ทราบและปฏิบัติตามโดยทั่วกันเมื่อเวลา 22:00 น. ว่า "พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขอจงทุกท่านหันหน้าเบื้องพระเมรุมาศเพื่อถวายความเคารพสูงสุด"[32]
พระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ เชิญพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคารกลับสู่พระบรมมหาราชวัง
วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 8:43 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระเมรุมาศ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จขึ้นพระเมรุมาศ เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าเยียรบับที่ถวายคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิ ถวายสรงพระบรมอัฐิด้วยน้ําพระสุคนธ์ทั่วแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อยสําหรับพระบรมอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตรถวายพระ 3 หาบ พระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์พระบรมอัฐิ พระสงฆ์สดับปกรณ์ครบ 9 รูป แล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระบรมอัฐิทรงเก็บพระบรมอัฐิสรงพระสุคนธ์แล้วประมวลลงในพระโกศทองคําลงยารวม 6 พระโกศ
ทรงพระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯตามประทับที่หน้าอาสน์สงฆ์เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้วทรงประเคนโตกสํารับภัตตาหาร 3 หาบ แด่พระสงฆ์ 9 รูป พระสงฆ์ 3 หาบ รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว เสด็จฯไปถวายเครื่องสังเค็ดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพแด่พระสงฆ์ 3 หาบและพระสงฆ์ 30 รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่ง พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร เข้าไปยังพระบรมมหาราชวัง
เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยานและอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯตามพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าริ้วไปยังพระบรมมหาราชวังยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบรมราชสรีรางคาร ขบวนพระบรมราชสรีรางคารเกยเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามทางประตูเกยหลังวัด อัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพักไว้ที่ พระศรีรัตนเจดีย์ ขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิเข้าประตูพิมานไชยศรี เทียนพระที่นั่งราเชนทรยานที่พระนั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงรับที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ จากพระที่นั่งราเชนทรยานขึ้นพระที่นั่ง ดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบก แว่นฟ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯตาม เมื่อประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิ เรียบร้อยแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมอัฐิ เสด็จพระราชดําเนินกลับ [34]
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ
วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17:32 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดําเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีที่ประดิษฐานบนพระแท่นมหาเศวตฉัตรและทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จประปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งประดิษฐาน ณ พระแท่นแว่นฟ้า แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจําพระชนมวารสมเด็จพระบรมราชบุพการีและพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แล้วทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานทรงบําเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิแด่พระราชาคณะที่ถวายพระธรรมเทศนา พระราชาคณะ 31 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ที่รับอนุโมทนา 4 รูป พระสงฆ์ที่สวดมาติกาและสดับปกรณ์ 12 รูป ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีล พระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนาจบ ถวายอนุโมทนา (บนธรรมาสน์) พระสงฆ์ 4 รูปรับอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตรถวายพระเทศน์และพระสงฆ์ที่รับอนุโมทนา รวม 5 รูป ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง ทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ 12 รูป สวดมาติกา สดับปกรณ์พระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีที่อัญเชิญออกมาในการพระราชกุศลนี้ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง เสด็จพระราชดําเนินกลับ[35]
พระราชพิธีเลี้ยงพระและเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 10:43 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดําเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจําพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อนถวายพระพร ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง ทรงจุด ธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีล พระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนาจบแล้ว ถวายอนุโมทนา พระสงฆ์ 4 รูปรับอนุโมทนา ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์แล้วทรงทอดผ้าไตร ถวายพระเทศน์และพระสงฆ์ที่รับอนุโมทนา รวม 5 รูป สดับปกรณ์ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง พระสงฆ์ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขึ้นนั่งยัง อาสน์สงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์เป็นเที่ยวๆ จบครบ 89 รูป (เที่ยวแรก 12 รูป สดับปกรณ์ แล้วถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เที่ยวต่อไปเที่ยวละ 11 รูป จํานวน 7 เที่ยว ขึ้นสดับปกรณ์แล้วลงจากพระที่นั่ง)
จากนั้นเจ้าพนักงานเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯตามพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ อัญเชิญ พระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานที่พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เรียบร้อยแล้ว เสด็จพระราชดําเนินกลับ [36]
พระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร
วันเดียวกัน เวลา 17:28 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ไปยังศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าฯ รับเสด็จเจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยพระราชยานจากพระศรีรัตนเจดีย์ มีตํารวจหลวงนํา ไปออกประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อัญเชิญไปถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ รถยนต์พระที่นั่ง แล้วรถพระที่นั่งเคลื่อนเข้าริ้วขบวนที่ 6
ขบวนกองทหารม้านําและตามตั้งขบวน พร้อมอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามโดยรถยนต์พระที่นั่ง ออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรีไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยขบวนทหารม้านํา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีประทับรถยนต์พระที่นั่งทรงอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร กองทหารม้าตาม เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากรถยนต์พระที่นั่งเข้าประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ แล้วเสด็จฯไปยังพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรส พระประธาน พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณีพระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส ทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศ บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี [37]
จากนั้นเสด็จพระราชดําเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่งทรงอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร อีกส่วนหนึ่งขบวนกองทหารม้าขบวนเดิม เชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารออกจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ไปยังวัดบวรนิเวศวิหารโดยขบวนทหารม้านําและตามอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร ากรถยนต์พระที่นั่งเข้าประตูวัดบวรนิเวศวิหารไปยังพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรกแล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศ บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีจบแล้วเสด็จพระราชดําเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดําเนินกลับ[37][38]
รายการผู้แทนต่างประเทศที่ร่วมพระราชพิธีฯ
ผู้นำและประมุขของแต่ละประเทศ ตลอดจนผู้แทนพระองค์หรือผู้แทนพิเศษของประเทศต่าง ๆ ที่เสด็จพระราชดำเนิน เสด็จ และเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ มีรายพระนามและรายนามดังต่อไปนี้
รายพระนามและรายนามผู้นำ พระราชวงศ์ และผู้แทนต่างประเทศที่ร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ | |||
---|---|---|---|
ประเทศ | พระนามหรือชื่อ | เสด็จฯ แทนพระองค์/ เป็นผู้แทนของ |
อ้างอิง |
ภูฏาน | สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก | พระประมุขและคู่อภิเษกสมรสเสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระองค์เอง | [39] |
สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก | |||
เลโซโท | สมเด็จพระราชาธิบดีเลตซีที่ 3 แห่งเลโซโท | [40] | |
สมเด็จพระราชินีมาเซเนต โมฮาโต เซเอโซ | |||
ตองงา | สมเด็จพระราชาธิบดีตูโปอูที่ 6 | [40] | |
สมเด็จพระราชินีนานาซีเปาอู ตูกูอาโฮ | |||
สวีเดน | สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน | สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสวีเดน | [41] |
สเปน | สมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน | สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสเปน | [40] |
เบลเยียม | สมเด็จพระราชินีมาตีลด์แห่งเบลเยียม | สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเบลเยียม | [42] |
เนเธอร์แลนด์ | สมเด็จพระราชินีแม็กซิมาแห่งเนเธอร์แลนด์ | สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนเธอร์แลนด์ | [43] |
ญี่ปุ่น | เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ (พระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี) | สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น | [44] |
เจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ | |||
นอร์เวย์ | เจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ | สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ | [45] |
เดนมาร์ก | เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก | สมเด็จพระราชินีนาถและเจ้าชายพระราชสวามีแห่งเดนมาร์ก | [40] |
ลักเซมเบิร์ก | แกรนด์ดยุกกีโยม ฌ็อง โฌเซฟ มารี รัชทายาทแห่งลักเซมเบิร์ก | แกรนด์ดยุกและแกรนด์ดัชเชสแห่งลักเซมเบิร์ก | [40] |
มาเลเซีย | สุลต่านนริน มูอิซซัดดิน ชาห์ (สุลต่านรัฐเประห์ และรองสมเด็จพระราชาธิบดี) | สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย | [40] |
ตวนกู ซาระห์ ซาลิม พระชายาแห่งสุลต่านรัฐเประห์ | |||
บริเตนใหญ่ | เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก (พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถและดยุกแห่งเอดินบะระ) | สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร และดยุกแห่งเอดินบะระ | [40] |
บาห์เรน | เจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ (พระปิตุลาในสมเด็จพระราชาธิบดี และนายกรัฐมนตรี) | สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งบาห์เรน | [46] |
ลีชเทินชไตน์ | เจ้าหญิงมาร์กาเรธาแห่งลิกเตนสไตน์ (พระชายาของพระอนุชาในเจ้าชายพระประมุข) | เจ้าชายและเจ้าหญิงพระประมุขแห่งลิกเตนสไตน์ | [40] |
กาตาร์ | เชคตะนี บิน ฮะมัด บิน เคาะลีฟะฮ์ อัษษานี (พระอนุชาในเจ้าผู้ครองรัฐ) | เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ | [47] |
สิงคโปร์ | ฮาลีมะฮ์ ยากบ (ประธานาธิบดี) | ประมุขแห่งรัฐและคู่สมรสเดินทางมาด้วยตัวเอง | [48] |
โมฮัมเมด อับดุลละฮ์ อัลฮับชี | |||
พม่า | ทีนจอ (ประธานาธิบดี) | [40] | |
ซูซูลวีน | |||
ลาว | บุนยัง วอละจิด (ประธานประเทศ) | [40] | |
คำเมิง วอละจิด[47] | |||
ออสเตรเลีย | ปีเตอร์ คอสโกรฟ | ผู้สำเร็จราชการและคู่สมรสเดินทางมาด้วยตัวเอง | [49] |
ลินน์ คอสโกรฟ[47] | |||
แคนาดา | ฌูลี พาแย็ต | ผู้สำเร็จราชการเดินทางมาด้วยตัวเอง | [40] |
กัมพูชา | สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน (นายกรัฐมนตรี) | พระมหากษัตริย์แห่งพระราชอาณาจักรกัมพูชา | [40] |
เอสวาตินี | บาร์นาบัส ซีบูซีโซ ดลามีนี (นายกรัฐมนตรี) | สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสวาซิแลนด์ | [40] |
บรูไน | ลิม จ็อก เส็ง (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า) | สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านแห่งบรูไนดารุสซาลาม | [47] |
นครรัฐวาติกัน | อาร์ชบิชอป กิอัมบัตติสตา ดีควัตโตร (เอกอัครสมณทูตประจำสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล) | สมเด็จพระสันตะปาปา | [40] |
สวิตเซอร์แลนด์ | โจเซฟ ไดสส์ (อดีตประธานาธิบดี) | ประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส (นางดอริส ลิวธาร์ด) | [40] |
เยอรมนี | คริสเตียน วูล์ฟฟ์ (อดีตประธานาธิบดี) | ประธานาธิบดีเยอรมนี | [40] |
อินโดนีเซีย | เมกาวาตี ซูการ์โนปูตรี (อดีตประธานาธิบดี) | ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย | [47] |
เวียดนาม | ดัง ธิ ง็อก ธินห์ (รองประธานาธิบดี) | ประธานาธิบดีเวียดนาม | [40] |
ฝรั่งเศส | ฌ็อง-มาร์ก เอโร (อดีตนายกรัฐมนตรี) | ประธานาธิบดีฝรั่งเศส | [40] |
บริฌิต เอโร | |||
เกาหลีใต้ | พัก จู-ซุน (รองประธานรัฐสภา) | ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ | [40] |
สหรัฐ | เจมส์ นอร์แมน แมตทิส (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) | ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา | [40] |
ศรีลังกา | ทิลัก มาราพานา (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงนโยบายและแผน) | ประธานาธิบดีศรีลังกา (นายไมตรีพาลา สิริเสนา) | [40] |
สเตลลา มาราพานา | |||
ปากีสถาน | อวาอิส อาเหม็ด ข่าน เลการี (รัฐมนตรี) | ประธานาธิบดีปากีสถาน (นายมัมนูน ฮุสไซน์) | [47] |
อินเดีย | เอ็ม. เจ. อักบาร์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) | ประธานาธิบดีอินเดีย | [40] |
จีน | จาง เกาลี่ (รองนายกรัฐมนตรี) | ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน | [50] |
รัสเซีย | โอลกา อีพิฟาโนวา (รองประธานสภาผู้แทนราษฎร) | ประธานาธิบดีรัสเซีย | [47] |
นิวซีแลนด์ | เจมส์ บอลเกอร์ (อดีตนายกรัฐมนตรี) | ผู้สำเร็จราชการนิวซีแลนด์ (นางแพทริเซีย ลี เรดดี) | [47] |
ตุรกี | ฟีกรี อิสิก (รองนายกรัฐมนตรี) | ประธานาธิบดีตุรกี | [47] |
ฟิลิปปินส์ | อลัน ปีเตอร์ กาเยตาโน (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) | ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ | [47] |
มาเรีย ลาร์นี โลเปซ กาเยตาโน | |||
เนปาล | พิมเสน ดาส ปราดาน (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) | ประธานาธิบดีเนปาล (นางพิทยา เทวี ภัณทารี) | [47] |
บิดยา บันมาลี ปราดาน | |||
บังกลาเทศ | โมฮัมเหม็ด ชาห์ริอะร์ อะลัม (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) | ประธานาธิบดีบังกลาเทศ | [47] |
การจัดแสดงมหรสพสมโภชในงานออกพระเมรุ
การแสดงมหรสพจะยึดตามธรรมเนียมปฏิบัติและโบราณราชประเพณีของพระมหากษัตริย์ สำหรับครั้งนี้เวทีโขนและหนังใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของท้องสนามหลวง เวทีละครทั้งหมดจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก และเวทีดนตรีสากลตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนพระเมรุมาศซึ่งเป็นประธานในมณฑลพิธีตั้งอยู่ทางทิศใต้ เนื่องจากการจัดสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบครั้งนี้ใช้พื้นที่เป็นจำนวนมาก
เวทีมหรสพทั้ง 3 เวทีจะมีขนาดใหญ่กว่างานพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, งานพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดยจะประสานสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร เพื่อกำหนดจุดสร้างเวทีอย่างชัดเจนอีกครั้ง ส่วนแบบโรงมหรสพ โครงสร้างจอโขนและหนังใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปกรรมได้ออกแบบเสร็จแล้ว โดยส่วนนี้จะเป็นการแสดงนอกมณฑลพิธี ส่วนการแสดงหน้าพระเมรุมาศจะเป็นการแสดงโขนชุดใหญ่ ตอนยกรบ และระบำอู่ทอง ซึ่งใช้นักแสดงเป็นจำนวนมาก[51]
การแสดงมหรสพสมโภชในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือประกอบด้วยการแสดงโขนหน้าไฟหน้าพระเมรุมาศ เรื่องรามเกียรติ์ ชุดพระรามข้ามสมุทร, ยกรบ, รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และระบำอู่ทอง ส่วนการแสดงมหรสพสมโภช ประกอบด้วยการแสดงหนังใหญ่ และโขนพระราชทาน ตอน รามาวตาร การแสดงละคร หุ่นหลวงและหุ่นกระบอก และการบรรเลงดนตรีสากล "ธ คือ ดวงใจไทยทั่วหล้า" ล่าสุดได้จัด เตรียมผู้แสดงทั้งในส่วนของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ 12 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วยศิลปินแห่งชาติ ครูนาฏศิลป์ และนิสิต-นักศึกษา ทั้งหมดประมาณ 2,000 คน
โดยการแสดงโขนเบื้องต้นได้ประสานงานกับสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ซึ่งมอบหมายให้ ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เป็นผู้จัดทำบทโขนพระราชทานทุกตอนเพื่อกำหนดจำนวนผู้แสดงด้านต่างๆ อาทิ ผู้แสดงโขนพระราชทานทั้งตัวพระ นาง เสนายักษ์ 18 มงกุฎ หนุมาน เสนาลิง สุครีพ ชมพูพาน ซึ่งนักแสดงบางส่วนเคยได้รับการคัดเลือกเป็นผู้แสดงโขนพระราชทานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถมาแล้ว ส่วนละครใน เรื่องอิเหนา ตอนตัดดอกไม้ฉายกริช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีผู้แสดงละครนอก แสดงเรื่องมโนราห์ ผู้แสดงบัลเลต์เรื่องมโนราห์ นักดนตรีสากล ส่วนนักดนตรีวงดนตรีไทยที่จะเข้าไปบรรเลงบริเวณพระเมรุมาศ ส่วนการแสดงหน้าพระเมรุมาศได้เตรียมผู้แสดงแสดงโขนพระรามข้ามสมุทร, ยกรบ, รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และผู้แสดงระบำอู่ทอง ซึ่งจัดทำบทใหม่ โดยใช้คู่พระนางจำนวน 35 คู่ ถือว่าครั้งนี้ใช้ผู้แสดงมากที่สุดเท่าที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์และวิทยาลัยนาฏศิลป์เคยจัดการแสดงมหรสพมา โดยขณะนี้ได้เริ่มทดสอบและคัดเลือกนักศึกษาเข้าเป็นผู้ร่วมแสดงมหรสพสมโภช ทั้งโขน ละครใน ละครนอก หุ่นหลวง หุ่นกระบอก และมีการจัดทำสูจิบัตรผู้แสดงแล้ว สำหรับการแสดงมหรสพสมโภชเป็นงานที่จัดขึ้นตามจารีตประเพณีในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ฉะนั้น ผู้แสดงต้องมีทักษะความสามารถด้านนาฏศิลป์ และมีประสบการณ์การแสดงมาพอสมควร ซึ่งขณะนี้สถาบันวางตัวผู้แสดงแล้วจากบทละครที่กำหนด ทั้งตัวพระ นาง ทหาร ระบำ แต่ละสถาบันทั้งครูและนักเรียนผู้แสดงจะแยกกันซ้อมในที่ตั้ง เมื่อใกล้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงจะมีกำหนดการตารางซ้อมการแสดงร่วมกัน พร้อมดนตรีสด ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยและศิลปินแห่งชาติเป็นผู้ควบคุม ซึ่งคาดว่าจะใช้โรงละครวังหน้าฝึกซ้อมรวม การแสดงที่สนามหลวงจัดบนเวที มีการผูกโรงแสดง ทั้งนี้การกำหนดวันซ้อมร่วมกันจะมีการแจ้งอีกครั้ง [52]
นอกจากนี้ สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาจะร่วมแสดงในเวทีดนตรีสากลด้วย โดยจะมีวงดนตรี 7 วง ประกอบด้วยวงดนตรีสี่เหล่าทัพ วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ วงดนตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ทำการแสดงบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งในเบื้องต้นจะมีนักศึกษาของสถาบันฯ และวงดุริยางค์เยาวชนสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาจำนวนประมาณ 40 คน ที่มีความสามารถด้านขับร้องประสานเสียงและเล่นดนตรีเข้าร่วมแสดงดนตรีในชุดดุจหยาดทิพย์ชโลมหล้า ร่วมกับวงดุริยางค์สากลของกรมศิลปากร สมาชิกวง อ.ส.วันศุกร์ วงดนตรีสหายพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โรงเรียนราชินี และวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ สำหรับบทเพลงที่นำมาบรรเลงจะเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหมด ได้แก่ แผ่นดินของเรา, Alexandra, ไร้จันทร์, ไร้เดือน และ No Moon นอกจากนี้ จะมีการแสดงบัลเล่ต์เรื่องมโนห์รา หนึ่งในบทพระราชนิพนธ์ ซึ่งประกอบด้วยเพลง Nature Waltz, The Hunter, Kinari Waltz, A love Story, ภิรมย์รัก และ Blue day แล้วยังมีบทเพลงเทิดพระเกียรติที่ทางสถาบันฯ จะแสดง 2 เพลง คือ พระราชาผู้ทรงธรรม และ ในหลวงของแผ่นดิน โดยนักร้องประสานเสียง 89 คน มีอาจารย์วานิช โปตะวณิช เป็นวาทยกร โดยหลังจากได้รับโน๊ตเพลงจากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร แต่ละวงจะแยกกันฝึกซ้อม ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน จะนัดฝึกรวมซ้อมใหญ่ ณ เวทีจริง ก่อนวันประกอบพระราชพิธีจริงวันที่ 26 ต.ค. นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังได้รับมอบหมายให้จัดการแสดงดนตรีภายหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอีกด้วย โดยจะใช้วงดุริยางค์เยาวชนสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาทำการแสดงเพลงพระราชนิพนธ์ รวมถึงจะมีศิลปินรับเชิญจากต่างประเทศที่จะร่วมน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านด้วย และตลอดทั้งปีสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาจะจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์มาแสดงทุกครั้ง
เวทีดนตรีสากลในงานมหรสพครั้งนี้วงดนตรีทั้ง 7 วง จะแสดงบทเพลงพระราชนิพนธ์จำนวน 44 บทเพลง เริ่มการแสดงวงแรกตั้งแต่ 23.00 น. ของวันที่ 26 ตุลาคม ต่อเนื่องถึงเวลา 06.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม โดยวงของสถาบันกัลยาณิวัฒนาจะเปิดการแสดงเป็นวงแรก ตามด้วยวงดนตรีสี่เหล่าทัพ วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ปิดท้ายด้วยวงดนตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีกรมศิลปากรควบคุมตลอดการแสดง[53]
ของที่ระลึกในพระราชพิธี
เหรียญที่ระลึก
กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้จัดทำเหรียญที่ระลึก เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมี 4 แบบ คือ ได้แก่[54]
- เหรียญที่ระลึกทองคำ ราคาเหรียญละ 50,000 บาท
- เหรียญที่ระลึกเงิน ราคาเหรียญละ 2,000 บาท
- เหรียญที่ระลึกทองแดงรมดำพ่นทราย ราคาเหรียญละ 3,000 บาท
- เหรียญที่ระลึกคิวโปรนิกเกิล ราคาเหรียญละ 100 บาท
ลักษณะของเหรียญที่ระลึก
เหรียญที่ระลึกในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ มีลักษณะดังนี้
- ด้านหน้า พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่าง มีข้อความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
- ด้านหลัง มีรูปพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอยู่เหนือลายเมฆ เบื้องบนรูปพระเมรุมาศมีอักษรพระปรมาภิไธย ภปร ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ เบื้องหลังรูปพระเมรุมาศมีรูปแสงพระอาทิตย์แผ่รัศมีผ่านปุยเมฆ เบื้องล่างมีข้อความว่า “พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ” และข้อความ “วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2560” ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
การเปิดรับจอง
กรมธนารักษ์ได้ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย สภาสถาบันการเงินของรัฐ และธนาคาร 19 แห่งทุกสาขาทั่วประเทศ เปิดเป็นหน่วยรับจองเหรียญที่ระลึกดังกล่าว โดยกำหนดเปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเหรียญได้เกิดการขาดตลาดทำให้กรมธนารักษ์ได้ยประกาศผลิตเหรียญเพิ่มและนำมาเปิดรับจองในวันที่ 18 กันยายนถึงวันที่ 30 กันยายน
แสตมป์ที่ระลึก
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดทำตราไปรษณียากรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 3 แผ่น 3,000,000 ชุด แสตมป์ชุดนี้มีทั้งหมด 13 ดวง เพื่อให้ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 การออกแบบใช้วิธีนำภาพถ่ายมาวาดใหม่และแสตมป์ชุดนี้ยังมีความพิเศษตรงที่สำนักพิมพ์ของประเทศแคนาดาได้อาสามาจัดพิมพ์ให้ แสตมป์นี้จำหน่ายในราคาชุดละ 99 บาท โดยจำนวน 1.2 ล้านชุด เปิดให้ประชาชนจองได้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม - 11 กันยายน พ.ศ. 2560 ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศและทางเว็บไซต์[55]
ลักษณะของแสตมป์ที่ระลึก
- แผ่นแรก เป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ขณะทรงแย้มพระสรวล จำนวน 9 ภาพ ราคาดวงละ 9 บาท
- แผ่นที่ 2 ภาพเครื่องประกอบสำคัญอันได้แก่ พระบรมโกศ พระยานมาศสามลำคาน และพระมหาพิชัยราชรถ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ พื้นหลังเป็นภาพพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพฯ ราคาดวงละ 3 บาท
- แผ่นที่ 3 เป็นภาพพระเมรุมาศประกอบภาพเหตุการณ์พสกนิกรร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัยเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559
สื่อมวลชน
การถ่ายทอดสดพระราชพิธีและศูนย์สื่อมวลชน
จุดติดตั้งกล้องและเครื่องเสียงในการถ่ายทอดสดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ มีดังนี้
- จุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดสด บริเวณพระเมรุมาศ พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุนที่ 1 - 4
- จุดติดตั้งเครื่องเสียง บริเวณพระเมรุมาศ พระที่นั่งทรงธรรม ห้องควบคุมระบบเสียงและวิทยุ บริเวณด้านหลังพระที่นั่งทรงธรรม
- ห้องผู้บรรยาย
- ศูนย์สื่อมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
- เส้นทางริ้วขบวน
โดยการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์จะใช้กล้องบันทึกภาพทั้งระบบสายและไร้สายจำนวนมากกว่า 100 ตัว และมีการทดสอบทั้งการแพร่ภาพ และเสียงออกอากาศ ก่อนจะส่งไปให้ประชาชนรับชมทั่วประเทศอย่างสมพระเกียรติ นอกจากนี้ยังจะมีการบริการข้อมูล ข่าวสารและภาพ แก่สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้หอประชุม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นศูนย์สื่อมวลชน[17]
การดำเนินการของสถานีโทรทัศน์ระหว่างช่วงพระราชพิธี
โฆษณาและออกอากาศ
สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) และผู้ประกอบการสื่อโทรทัศน์ได้ร่วมกันหาแนวทางการออกอากาศในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วง[56] และมีผังรายการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560 ดังต่อไปนี้[57]
วันที่ | แนวทางการออกอากาศ | ลดระดับสี | ลักษณะเนื้อหา/รายการพิเศษ | การโฆษณา |
---|---|---|---|---|
1-12 ตุลาคม พ.ศ. 2560 | การรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ | ภาพและรายการต้องลดระดับสีลงประมาณ 40% (ตั้งแต่วันที่19ตุลาคมกสทช.สั่งการให้ใช้สีภาพตามปกติ) | การออกอากาศรายการสถานีให้นำรายการปกติมาออกอากาศได้ โดยให้ปฏิบัติตามประกาศ หลักเกณฑ์ เกี่ยวกับการเนื้อหารายการ ผังรายการ และการจัดระดับความเหมาะสมของรายการตามที่ กสทช. กำหนดโดยเคร่งครัด | โฆษณาได้ โดยให้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกับความเหมาะสมของรายการที่สามารถออกอากาศได้ |
ควรสอดแทรกรายการพิเศษที่เกี่ยวกับการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเข้าไปด้วย | ||||
13-24 ตุลาคม พ.ศ. 2560 | วันคล้ายวันสวรรคต | การออกอากาศรายการสถานีให้ออกอากาศนำรายการที่มีระดับความเหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย (ป) สำหรับเด็ก (ด) รายการทั่วไป (ท) และสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป (น๑๓+) ได้ แต่ไม่ควรมีเนื้อหาที่มีลักษณะตลก เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ และการใช้ถ้อยคำหยาบคาย | โฆษณาได้ โดยให้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกับความเหมาะสมของรายการที่สามารถออกอากาศได้ | |
ให้เน้นการปรับบรรยากาศและความรู้สึกของประชาชนให้รำลึกถึงการสูญเสียและความอาลัยไปด้วย | ไม่ควรมีเนื้อหาที่มีลักษณะตลก เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ และการใช้ถ้อยคำหยาบคาย | |||
25-27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 | พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ | ภาพและรายการต้องลดระดับสีลงประมาณ 40% ยกเว้นการถ่ายทอดสดพระราชพิธีเท่านั้นที่สามารถใช้สีปกติได้ | การถ่ายทอดสดพระราชพิธีสำคัญ โดยให้เชื่อมโยงสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) | ห้ามโฆษณาใดๆ ทั้งสิ้น ให้แสดงข้อความไว้ทุกข์เท่านั้น แต่ต้องปรากฏชื่อบริษัท ห้างร้าน คณะบุคคล และสถานที่ และลดสีลง 40% จนถึงระดับขาวดำ |
ไม่สามารถออกอากาศรายการใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นการออกอากาศในลักษณะเกินความเหมาะสม ซึ่งเข้ากันไม่ได้กับความรู้สึกของประชาชนชาวไทย | ||||
28-29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 | วันออกทุกข์ | ภาพและรายการสามารถใช้สีปกติได้ | การถ่ายทอดสดพระราชพิธีสำคัญ โดยให้เชื่อมโยงสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) | โฆษณาได้ โดยให้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกับความเหมาะสมของรายการที่สามารถออกอากาศได้ |
การออกอากาศรายการสถานีให้ออกอากาศนำรายการที่มีระดับความเหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย (ป) สำหรับเด็ก (ด) รายการทั่วไป (ท) และสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป (น๑๓+) ได้ แต่ไม่ควรมีเนื้อหาที่มีลักษณะตลก เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ และการใช้ถ้อยคำหยาบคาย | ||||
ควรสอดแทรกรายการพิเศษที่เกี่ยวกับการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเข้าไปด้วย | ไม่ควรมีเนื้อหาที่มีลักษณะตลก เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ และการใช้ถ้อยคำหยาบคาย |
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์บางสถานีได้ปรับโทนสีของอัตลักษณ์บนหน้าจอเป็นโทนขาว-ดำ ซึ่งเป็นลักษณะเช่นเดียวกับเมื่อครั้งช่วง 100 วันแรกหลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ 179 ช่อง ให้ปรับโทนสีหน้าจอการออกอากาศเป็นสีปกติ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน เป็นต้นไป[58]
การถ่ายทอดสดกีฬา
ส่วนการถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลจากต่างประเทศ ยังคงถ่ายทอดสดตามปกติ ยกเว้นกีฬาที่มีลักษณะรุนแรง หรือมีการเชียร์กันอึกทึก เช่น มวย จะงดการถ่ายทอดสดเป็นเวลา 1 เดือน (ยกเว้น สนามมวยสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ซึ่งยังคงถ่ายทอดสดตามปกติไปจนถึงวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560 โดยจะงดถ่ายทอดสดในวันอาทิตย์ที่ 15 , 22 และ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560[59]) ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งตามหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ที่ 0307.4/ว5469 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เรื่อง ขอให้งดการพิจารณาอนุมัติ อนุญาต จัดให้มีการเล่นการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนันในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560[60] ซึ่งส่งผลให้การชกมวยไทยของเวทีมวยมาตรฐานและเวทีมวยถ่ายทอดสดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคงดการแข่งขันไปด้วย โดยเวทีมวยมาตรฐานและเวทีมวยถ่ายทอดสดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจะกลับมาทำการแข่งขันมวยในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
จากการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ประชุมได้หาแนวทางและการดำเนินงานเตรียมพร้อมการจัดนิทรรศการภายหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยจุดประสงค์หลักเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ เรื่องราวของโครงการในพระราชดำริ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ชื่นชมความงดงามของพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยได้กำหนดเนื้อหานิทรรศการซึ่งจะใช้พื้นที่ทั่วทั้งบริเวณมณฑลพิธี ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- นิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บอกเล่าเรื่องราวผ่านงานภูมิทัศน์ ได้แก่ การชมแปลงนาข้าวและบ่อแก้มลิงบริเวณทางเข้าด้านทิศเหนือของมณฑลพิธี รวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนัง 3 ภาพใหญ่ ภายในพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นโครงการพระราชดำริที่สำคัญในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
- นิทรรศการเกี่ยวกับการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในบริเวณมณฑลพิธี และที่ศาลาลูกขุนทั้ง 6 หลัง จะมีนิทรรศการเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบและขั้นตอนการผลิตงานสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม และงานประณีตศิลป์ ตลอดจนงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ
- นิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ จะจัดแสดงบนพระที่นั่งทรงธรรม กำหนดให้ประชาชนเดินชมเป็นทิศทางเดียว จากปีกอาคารด้านทิศใต้ ผ่านโถงกลางและจบที่ปีกอาคารด้านทิศเหนือ ประกอบด้วยนิทรรศการย่อย 5 ส่วน คือ นิทรรศการพระราชประวัติตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นิทรรศการจากหนังสืออุปกรณ์ทรงงาน (ชุดที่ 1) นิทรรศการธรรมราชา พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม นิทรรศการจากหนังสืออุปกรณ์ทรงงาน (ชุดที่ 2) และนิทรรศการสืบสานสมานมิตร เล่าเรื่องการเสด็จพระราชดำเนินไปเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ[61]
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จเป็นประธานเปิดนิทรรศการ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน โดยนิทรรศการดังกล่าวจะจัดเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ 2 - 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ตั้งแต่เวลา 07.00 - 22.00 น. เบื้องต้นจะเปิดให้เข้าชมอย่างอิสระ รอบละ 5,500 คน รองรับประชาชน ได้วันละ 104,000 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มภิกษุ สามเณร 500 รูปต่อวัน ผู้พิการทุกประเภท 500 คนต่อวัน นักท่องเที่ยว 8,000 คนต่อวัน นักเรียน นักศึกษา 15,000 คนต่อวัน และประชาชนทั่วไป 80,000 คนต่อวัน กำหนดเวลาเข้าชมรอบละ 1 ชั่วโมง แบ่งเป็น ให้ประชาขนถ่ายภาพที่ระลึกบริเวณ ถนนเส้นกลางทางเข้าพระเมรุมาศ ซึ่งจะเห็นภาพแปลงนาเลขเก้าไทย และภาพภูมิทัศน์ส่วนต่างๆ ของพระเมรุมาศในมุมกว้าง 15 นาทีจากนั้น จะให้เข้าชม พื้นที่ด้านใน 45 นาที โดยให้เข้าชมได้อย่างอิสระ ในส่วนของพระเมรุมาศจะเปิดให้ขึ้นลงได้ 2 ด้าน ส่วนพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รวมถึงยังมีภาพจิตรกรรมโครงการในพระราชดำริ ให้ชมทั้ง 3 ด้าน ส่วนอาคารประกอบอื่น ๆ จะจัดแสดงการจัดสร้างพระเมรุมาศ งานประณีตศิลป์และงานจิตรกรรมประเภทต่าง ๆ ที่สำคัญครั้งนี้ยังอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ จัดให้มีนิทรรศการสัมผัส พร้อมเสียงบรรยายเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเป็นมาของการจัดสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบทั้งหมด ถือเป็นความภาคภูมิใจ ทั้งนี้ก่อนหมดเวลาเข้าชม 5 นาที เจ้าหน้าที่จะส่งสัญญาณหมดเวลาทุกรอบ เพื่อเปิดให้รอบต่อไปได้เข้า โดยตลอดระยะเวลาในการจัดแสดงนิทรรศการ 29 วัน คาดว่าจะมีประชาชนเข้าชมทั้งหมด มากที่สุด 3,016,000 คน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถขึ้นชมพระเมรุมาศได้เฉพาะชั้น 1 เท่านั้น[62]
ทางผู้รับผิดชอบเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมอย่างเต็มที่ โดยมีจุดคัดกรอง 5 จุด โดยประชาชนทั่วไปให้เข้าในจุดคัดกรอง 3 จุด คือบริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ท่าช้าง และพระแม่ธรณีบีบมวยผม ส่วนผู้พิการเข้าตรงจุดคัดกรองหลังกระทรวงกลาโหม และพระภิกษุสามเณร เข้าทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับการแต่งการเข้าชม ขอความร่วมมือ ประชาชนแต่งชุดสุภาพ เช่นเดียวกับการเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยงดเว้นสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น และเสื้อแขนกุด ซึ่งประชาชนสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่เวลา 07.00 - 22.00 น. โดยมีการเตรียมพื้นที่ให้เข้าชม แบ่งเป็นเวทีมหรสพ และนิทรรศการพระเมรุมาศ ซึ่งผู้ประสงค์จะเข้าชมนิทรรศการ สามารถเข้าคิวรอตรงจุดพักรอบริเวณเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อรอคิวเข้าชม การเข้าชมจะใช้แนวปฏิบัติเดียวกับการกราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยจะจัดเป็น 4 แถว ส่วนการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทางนั้น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จะจัดรถโดยสารให้บริการฟรีใน 6 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 05.00 - 23.00 น. เส้นทางละ 10 คัน รอบละ 60 คัน ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สนามหลวง 2.หัวลำโพง-สนามหลวง 3.วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์-สนามหลวง 4.เอกมัย-สนามหลวง 5.สายใต้ใหม่-สนามหลวง และ6.หมอชิต-สนามหลวง ส่วนทางเรือจะให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 - 22.30 น. ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา ขณะเดียวกันจะประสานกรมเจ้าท่า ขอความร่วมมือผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลารองรับการเดินทางของประชาชนด้วย
ส่วนการจัดแสดงมหรสพ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการแสดงมหรสพ ซึ่งมีการนำนักแสดง และนักดนตรีจากสำนักการสังคีต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม รวมทั้งวงดนตรีจากทหาร 4 เหล่าทัพ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาจัดการแสดงภายในบริเวณพระเมรุมาศ โดยวางแนวทางเบื้องต้น มีการแสดงมหรสพ และการแสดงชุดต่างๆ เวลา 18.00 - 22.00 น. และจะมีการประโคมดนตรี วงบัวลอย บริเวณศาลาลูกขุน เวลา 08.00-17.00 น. นอกจากนี้ ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ จะมีการแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการ ได้ซึบซับบรรยากาศเสมือนวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ[63]
ดูเพิ่ม
- การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
อ้างอิง
- "หมายกำหนดการ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 25 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - การถ่ายทอดสด พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
- ↑ 1.0 1.1 "พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ หยุดราชการ26 ต.ค.60". ไทยโพสต์. 25 เมษายน 2560. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ เตรียมสร้าง“ราชรถรางปืน-พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย”องค์ใหม่
- ↑ 14 ประติมากรรม ประดับตกแต่งพระเมรุมาศ 'ร.9'
- ↑ เผยภาพแบบก่อสร้างพระเมรุมาศในหลวงร.9
- ↑ กทม. ลงปรับพื้นที่สนามหลวง เตรียมการก่อสร้างพระเมรุมาศช่วงต้นปีหน้า
- ↑ "ปรับพื้นที่สนามหลวงสร้างพระเมรุมาศ". วอยซ์ทีวี. 3 พฤศจิกายน 2559. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "บวงสรวงตัดไม้จันทน์หอมใช้ในงานพระบรมศพ-แปรรูปส่งกรมศิลป์ ธ.ค.นี้". โพสต์ทูเดย์. 14 พฤศจิกายน 2559. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ธนะศักดิ์บวงสรวงบูรณะราชรถพระยานมาศพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ". สนุกดอตคอม. 19 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ช่างสิบหมู่รับมอบ "ไม้จันทน์หอม" 1,461 แผ่น เผยออกแบบพระโกศจันทน์เพิ่ม "ครุฑ" เป็นครั้งแรก". ผู้จัดการออนไลน์. 20 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ปักหมุด9จุดสนามหลวงสร้างพระเมรุมาศ". โพสต์ทูเดย์. 26 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พิธีบวงสรวง ยกเสาเอก พระเมรุมาศ". เนชั่นทีวี. 27 กุมภาพันธ์ 2560. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเทพฯทรงร่วมประชุมจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ". ไทยโพสต์. 1 มีนาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "กรมสรรพาวุธทหารบก บวงสรวงราชรถปืนใหญ่". พีพีทีวี. 24 มีนาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ส่งมอบราชรถปืนใหญ่สง่างามสมพระเกียรติ". เดลินิวส์. 1 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "กรมสรรพาวุธ ส่งมอบ 'ราชรถปืนใหญ่' ให้กรมศิลปากร". เอ็มไทย. 5 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเทพฯ เสด็จร่วมประชุมงานถวายพระเพลิง". ไทยรัฐ. 27 มิถุนายน 2560. สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 17.0 17.1 "กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ติดตั้งระบบถ่ายทอดสดพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช". กรมประชาสัมพันธ์. 6 กรกฎาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "นายกฯ บวงสรวงราชรถพระยานมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิง". สนุก.คอม. 21 กันยายน 2560. สืบค้นเมื่อ 21 กันยายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "'พลเอกธนะศักดิ์' ตรวจการจัดสร้างพระเมรุมาศ คืบหน้าแล้ว 98.6%". เรื่องเล่าเช้านี้. 3 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 4 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "กรมศิลป์ยันอีก6วันงานก่อสร้างพระเมรุมาศสมบูรณ์". สํานักข่าวไอเอ็นเอ็น. 4 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ทูต65ประเทศชมพระเมรุมาศ-ราชรถงานออกพระเมรุในหลวงร.9". เดลินิวส์. 11 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "17 ต.ค.ซ้อมยกฉัตรขนาด น้ำหนักเท่าองค์จริง". คมชัดลึก. 12 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระเมรุมาศคืบหน้าร้อยละ 99.5 สมพระเกียรติ". เดลินิวส์. 13 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "'บิ๊กเจี๊ยบ' เผย 18 ต.ค.นี้ 'รัชกาลที่10' เสด็จฯไปทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร". ไทยรัฐ. 16 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "'ธนะศักดิ์'ตรวจการซ้อมยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรฯ". ทีเอ็นเอ็น24. 17 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ". ประชาชาติธุรกิจ. 18 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "กำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ "ร.๙" รวม ๕ วัน". สยามรัฐรายวัน. 10 เมษายน 2560.
- ↑ "หมายกำหนดการ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 25 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9". เรื่องเล่าเช้านี้. 25 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ". ประชาชาติธุรกิจ. 26 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 26 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ". ประชาชาติธุรกิจ. 26 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 26 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 32.0 32.1 "ควันสีขาวลอยเหนือพระเมรุมาศ 'ในหลวง'เสด็จฯถวายพระเพลิงพระบรมศพจริง". ข่าวสด. 26 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "รัฐบาล แจ้ง วันนี้ยุติการถ่ายทอดสดพระราชพิธีฯ แล้ว". คมชัดลึก. 26 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระวงศานุวงศ์ อัญเชิญพระบรมโกศพระบรมอัฐิ สู่พระบรมมหาราชวัง". คมชัดลึก. 27 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ในหลวง ร.10 เสด็จฯ ในการพระราชกุศลพระบรมอัฐิ". ประชาชาติธุรกิจ. 28 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ในหลวงเสด็จฯริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่5 เชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท". ประชาชาติธุรกิจ. 29 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 37.0 37.1 "พระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธฯ-วัดบวรฯ". สนุก.คอม. 29 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร'ในหลวง ร.9'ที่ฐานพระพุทธชินสีห์". เดลินิวส์. 29 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ""กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี"เตรียมเสด็จฯร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ". โพสต์ทูเดย์. 2017-10-10. สืบค้นเมื่อ 2017-10-10.
- ↑ 40.00 40.01 40.02 40.03 40.04 40.05 40.06 40.07 40.08 40.09 40.10 40.11 40.12 40.13 40.14 40.15 40.16 40.17 40.18 40.19 40.20 40.21 "เผยรายพระนาม-รายนาม พระราชวงศ์-ผู้นำทั่วโลก เยือนไทยร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิง". ข่าวสด. 2017-10-19. สืบค้นเมื่อ 2017-10-20.
- ↑ "Deltagande vid kremeringsceremoni för Thailands framlidne konung Bhumibol Adulyadej". ราชสำนักสวีเดน. 2017-10-19. สืบค้นเมื่อ 2017-10-19.
- ↑ "พระราชินีเบลเยียมร่วมถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่9". กรุงเทพธุรกิจ. 2017-10-07. สืบค้นเมื่อ 2017-10-10.
- ↑ ""พระราชินีแม็กซิมา" แห่งเนเธอร์แลนด์ เสด็จฯทรงร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิง 26 ต.ค.นี้". ข่าวสด. 2017-10-10. สืบค้นเมื่อ 2017-10-12.
- ↑ "Japan's Prince Akishino to visit Thailand for late king's funeral". เกียวโด. 2017-10-06. สืบค้นเมื่อ 2017-10-10.
- ↑ "มกุฎราชกุมารนอร์เวย์ เสด็จร่วมงานพระราชพิธีฯ". เดลินิวส์. 2017-10-12. สืบค้นเมื่อ 2017-10-12.
- ↑ "เจ้าชายบาห์เรน – ประธานสภาแห่งชาติจีน ร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศพ ร.9 พร้อมราชวงศ์-ผู้แทน34ประเทศ". มติชน. 2017-10-23. สืบค้นเมื่อ 2017-10-24.
- ↑ 47.00 47.01 47.02 47.03 47.04 47.05 47.06 47.07 47.08 47.09 47.10 47.11 "กต.เผยบุคคลสำคัญต่างประเทศยืนยันร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9 แล้ว 42 ประเทศ". ข่าวสด. 2017-10-24. สืบค้นเมื่อ 2017-10-24.
- ↑ "30 Nations Ask to Attend Ceremony". บางกอกโพสต์. 2017-10-18. สืบค้นเมื่อ 2017-10-18.
- ↑ "ผู้แทนเครือรัฐออสเตรเลียเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิง". วอยซ์ ทีวี. 2017-10-13. สืบค้นเมื่อ 2017-10-18.
- ↑ "รองนายกรัฐมนตรีจีน เยือนไทยร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ 26 ต.ค." ข่าวสด. 2017-10-24. สืบค้นเมื่อ 2017-10-24.
- ↑ "มหรสพยิ่งใหญ่ถวายพระเพลิงร.9". ไทยโพสต์. 2 กุมภาพันธ์ 2560. สืบค้นเมื่อ 19 พฤษภาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "2 พันคนแสดงมหรสพถวายร.9". ไทยโพสต์. 8 มีนาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 19 พฤษภาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ระดม 7 วงดนตรี 889 ชีวิต ถ่ายทอดเพลงพระราชนิพนธ์ ในมหรสพดนตรีสากลพระราชพิธี". ผู้จัดการออนไลน์. 19 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 19 พฤษภาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "เปิดจองเหรียญที่ระลึกฯถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9 เริ่ม 22 ส.ค.60 นี้". สนุก.คอม. 21 สิงหาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "เปิดจองแสตมป์ประวัติศาสตร์ร.9". ไทยโพสต์. 26 สิงหาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "4 แนวทางการโฆษณาช่วงเดือนตุลาคม2560 งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ". Marketing Oops!. 23 กันยายน 2560. สืบค้นเมื่อ 29 กันยายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ผังรายการดิจิตอลทีวี ฉบับที่ 3 เดือนตุลาคม 2560" (PDF). เซ้นส์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์และกสทช. 1 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 7 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ แจ้งทีวี 179 ช่องปรับโทนสีออกอากาศเป็นปกติ
- ↑ ตู้ 7 สียังทำการแข่งขันอีกนัดก่อนงด
- ↑ หนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ที่ 0307.4/ว5469 เรื่อง ขอให้งดการพิจารณาอนุมัติ อนุญาต จัดให้มีการเล่นการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนันในช่วงเดือนตุลาคม 2560,
- ↑ "นิทรรศการของพ่อ!!! รัฐบาลเตรียมจัดนิทรรศการให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศ หลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9 ในวันที่ 1 - 30 พ.ย.60". ทีนิวส์. 22 กรกฎาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "เปิดให้เข้าชมพระเมรุมาศ หลังเสร็จพระราชพิธี เริ่ม 2-30 พ.ย. เข้าชมรอบละ 5 พันคน". ข่าวสด. 27 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิดนิทรรศการพระเมรุมาศ 2พ.ย.นี้". คมชัดลึก. 12 ตุลาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)