ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู"
บรรทัด 109: | บรรทัด 109: | ||
| align="center" | Pk22 || ''รามอินทรา 40'' || || นวลจันทร์ || [[เขตบึงกุ่ม|บึงกุ่ม]] |
| align="center" | Pk22 || ''รามอินทรา 40'' || || นวลจันทร์ || [[เขตบึงกุ่ม|บึงกุ่ม]] |
||
|- |
|- |
||
| align="center" | Pk23 || ''คู้บอน'' || || rowspan = " |
| align="center" | Pk23 || ''คู้บอน'' || || rowspan = "2"|รามอินทรา || rowspan = "4"|[[เขตคันนายาว|คันนายาว]] |
||
|- |
|- |
||
| align="center" | Pk24 || ''รามอินทรา 83'' || |
| align="center" | Pk24 || ''รามอินทรา 83'' || |
||
|- |
|- |
||
| align="center" | Pk25 || ''วงแหวนตะวันออก'' || |
| align="center" | Pk25 || ''วงแหวนตะวันออก'' || || rowspan = "2"|คันนายาว || rowspan = "4"|[[เขตคันนายาว|คันนายาว]] |
||
|- |
|- |
||
| align="center" | Pk26 || ''นพรัตนราชธานี'' || |
| align="center" | Pk26 || ''นพรัตนราชธานี'' || |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:37, 29 ตุลาคม 2560
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับการกำหนดให้ใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (monorail) เป็นระบบหลัก เป็นโครงการรถไฟฟ้าโครงการหนึ่งตามแผนแม่บทโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าในระบบรถไฟฟ้ามหานครโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ในระยะแรกโครงการดังกล่าวมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 27 กิโลเมตร แต่ต่อมาก็ได้มีการขยายต้นทางจากปากเกร็ดมายังแคราย เพื่อเชื่อมกับโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม ทำให้เส้นทางของโครงการเริ่มต้นที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี และสิ้นสุดที่มีนบุรี ระยะทางรวมประมาณ 34–36 กิโลเมตร
พื้นที่ที่เส้นทางระบบขนส่งมวลชนผ่าน
แนวเส้นทาง
จุดต้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม บริเวณสถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านทางแยกแครายเข้าสู่ถนนติวานนท์ แนวจะวิ่งไปตามเกาะกลางถนนติวานนท์จนถึงห้าแยกปากเกร็ดแนวจะเลี้ยวขวาเข้าถนนแจ้งวัฒนะผ่านทางเข้าเมืองทองธานี จะมีสายแยกเข้า ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผ่านทางพิเศษอุดรรัถยา มาเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ที่ทางแยกหลักสี่บนถนนวิภาวดีรังสิต และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) บนถนนพหลโยธิน) บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ จากนั้นแนวเส้นทางจะวิ่งไปตามถนนรามอินทรา จนถึงทางแยกเมืองมีนแล้ววิ่งเข้าสู่เขตมีนบุรีตามแนวถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงสะพานข้ามคลองสามวาก็จะเลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบและข้ามถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) มาสิ้นสุดสถานีปลายทางที่บริเวณใกล้แยกรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม
รายชื่อสถานี
รหัส | ชื่อสถานี | เชื่อมต่อกับ | วันที่เปิดให้บริการ | ที่ตั้ง | ||
---|---|---|---|---|---|---|
แขวง/ตำบล | เขต/อำเภอ | จังหวัด | ||||
เส้นทางสายหลัก | ||||||
Pk1 | ศูนย์ราชการนนทบุรี | รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม: สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล: สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (โครงการ) |
พ.ศ. 2564 | บางกระสอ | เมืองนนทบุรี | นนทบุรี |
Pk2 | แคราย | |||||
Pk3 | สนามบินน้ำ | ท่าทราย | ||||
Pk4 | สามัคคี | |||||
Pk5 | ชลประทาน | บางตลาด | ปากเกร็ด | |||
Pk6 | ปากเกร็ด | ปากเกร็ด | ||||
Pk7 | เลี่ยงเมืองปากเกร็ด | |||||
Pk8 | แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 | |||||
Pk9 | เมืองทองธานี | คลองเกลือ | ||||
Pk10 | ศรีรัช | เส้นทางสายแยก (อิมแพคลิงก์) | ||||
Pk11 | แจ้งวัฒนะ 14 | ทุ่งสองห้อง | หลักสี่ | กรุงเทพมหานคร | ||
Pk12 | ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ | |||||
Pk13 | ทีโอที | |||||
Pk14 | หลักสี่ | รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม: สถานีหลักสี่ (กำลังก่อสร้าง)'' แม่แบบ:BTS Lines: สถานีหลักสี่ (กำลังก่อสร้าง) |
ตลาดบางเขน | |||
Pk15 | ราชภัฏพระนคร | อนุสาวรีย์ | บางเขน | |||
Pk16 | วัดพระศรีมหาธาตุ | รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท (ไม่ต้องออกจากกระบบ) (กำลังก่อสร้าง) | ||||
Pk17 | รามอินทรา 3 | |||||
Pk18 | ลาดปลาเค้า | |||||
Pk19 | รามอินทรา 31 | |||||
Pk20 | มัยลาภ | ท่าแร้ง | ||||
Pk21 | วัชรพล | รถไฟฟ้าสายสีเทา: สถานีวัชรพล (โครงการ) | ||||
Pk22 | รามอินทรา 40 | นวลจันทร์ | บึงกุ่ม | |||
Pk23 | คู้บอน | รามอินทรา | คันนายาว | |||
Pk24 | รามอินทรา 83 | |||||
Pk25 | วงแหวนตะวันออก | คันนายาว | คันนายาว | |||
Pk26 | นพรัตนราชธานี | |||||
Pk27 | บางชัน | มีนบุรี | มีนบุรี | |||
Pk28 | เศรษฐบุตรบำเพ็ญ | |||||
Pk29 | ตลาดมีนบุรี | |||||
Pk30 | มีนบุรี | รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม: สถานีมีนบุรี (โครงการ) | ||||
เส้นทางสายแยก (อิมแพคลิงก์) | ||||||
Pk10 | ศรีรัช | เส้นทางสายหลัก | พ.ศ. 2564 | คลองเกลือ | ปากเกร็ด | นนทบุรี |
อิมแพคชาเลนเจอร์ | บ้านใหม่ | |||||
ทะเลสาบ | ||||||
รายละเอียดปลีกย่อย
- ขบวนรถไฟฟ้า: ใช้รถไฟฟ้ารุ่น บอมบาร์ดิเอร์ อินโนเวีย โมโนเรล 300 ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวชนิดขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยไม่ใช้คนควบคุม (Automated Driverless Monorail System) ทั้งหมด 168 ตู้หรือ 42 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ (สามารถเพิ่มเป็นขบวนละ 8 ตู้ในภายหลัง) ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 750 โวลต์ รับจากรางจ่ายไฟ (Power Rails)
- สถานี: 30 สถานี เป็นสถานียกระดับทั้งหมด
- ศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมการเดินรถ: มีศูนย์ซ่อมบำรุงและศูนย์ควบคุมการเดินรถมีนบุรีตั้งอยู่บริเวณถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) ใกล้กับแยกร่มเกล้า แต่เดิมได้มีการกำหนดให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงร่วมกับโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้มแต่ปัจจุบันไม่ได้กำหนดให้ใช้งานร่วมกันแล้ว
สิ่งอำนวยความสะดวก
มีอาคารจอดแล้วจร (park and ride) ที่สถานีปลายทาง (มีนบุรี) ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม (มีนบุรี)ได้ สามารถจอดรถได้ 3,000 คัน
สัญญาการก่อสร้าง
สัญญาการก่อสร้างของรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะใช้วิธีการมอบสัมปทานทั้งโครงการ โดยสัมปทานเป็นของ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) ระยะเวลาสัมปทาน 33 ปี 3 เดือน แบ่งเป็นระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน (39 เดือน) และดำเนินการงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง 30 ปี ซึ่งมีรายละเอียดของสัญญาดังนี้
สัญญาที่ | เนื้องาน |
---|---|
ระยะที่ 1 - ออกแบบและก่อสร้างงานโยธา รวมถึงจัดหาระบบรถไฟฟ้า | |
1.1 | งานออกแบบควบคู่การก่อสร้างโครงสร้างทางยกระดับทั้งโครงการ ระยะทาง 34.5 กม. (21.44 ไมล์) งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง |
1.2 | งานปรับย้ายสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี งานก่อสร้าง Skywalk เชื่อมต่อสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีของสายฉลองรัชธรรม |
1.3 | งานปรับปรุงเส้นทางบริเวณทางด่วนศรีรัช เพื่อลดการเวนคืน |
1.4 | งานปรับย้ายสถานีนพรัตน์ราชธานี |
1.5 | งานก่อสร้างอาคารทดแทนให้กับหมวดการทางธัญบุรี 2 แห่ง บริเวณสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ |
1.6 | งานออกแบบศูนย์ซ่อมบำรุงให้มีทางเข้าออกบริเวณสะพานข้ามคลองสองต้นนุ่น ถนนรามคำแหง |
1.7 | งานปรับปรุงศูนย์ซ่อมบำรุงให้มีทางเข้าออกบริเวณถนนร่มเกล้า |
1.8 | งานปรับแก้โครงการตามที่ถูกร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ |
1.9 | งานจัดหาระบบรถไฟฟ้า ระบบไฟฟ้ากำลัง ระบบสื่อสาร ระบบจัดเก็บค่าโดยสาร ระบบประตูกั้นชานชาลา และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง |
ระยะที่ 2 - งานเดินรถไฟฟ้า และการซ่อมบำรุง | |
2.1 | งานเดินรถไฟฟ้ารวมการซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ รฟม. กำหนดให้มีการเดินรถอย่างเป็นทางการ |
ความคืบหน้า
- สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยบริษัทที่ปรึกษาโครงการได้จัด การประชุมสัมมนาการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 เพื่อศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและการออกแบบเบื้องต้น โครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง สายสีน้ำตาล และสายสีชมพู (พื้นที่โครงการสายสีชมพูและสายสีน้ำตาล) เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2550 ที่โรงแรมทีเคพาเลซ แจ้งวัฒนะ ซึ่งโครงการนี้จะใช้เวลาศึกษาอีก 15 เดือน การศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2551
- 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รองบประมาณในโครงการลงทุนภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 มูลค่า 5,413 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับงบประมาณในปี 2553 แบ่งเป็นใช้ในรถไฟฟ้าสายสีชมพู 3,711 ล้านบาท สายสีน้ำตาล 1,702 ล้านบาท
- 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และความต้องการของประชาชนครั้งที่ 2 โครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เบื้องต้นได้นำรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ปากเกร็ด -มีนบุรี) และสายสีส้ม (บางกะปิ-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และบางกะปิ-บางบำหรุ) เข้าบรรจุในแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้า เพื่อเร่งรัดในการดำเนินการก่อสร้าง
- 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามการดำเนินโครงการรถไฟฟ้า ว่าที่ประชุมได้สรุปแนวทางการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงินประมาณ 37,000 ล้านบาท โดยจะใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบยกระดับ ซึ่งจะเป็นเส้นทางเพื่อขนผู้โดยสารเข้าสู่เส้นทางรถไฟฟ้าสายหลัก โดยมีจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่วิภาวดี จุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่บางเขน และจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีนบุรี และมีการนำเสนอโครงการต่อ ครม.ในเดือนมิถุนายน 2553
- 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553 รฟม. ปรับแบบก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ปัญหาที่เสาตอม่อล้ำเข้าไปในพื้นที่วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน จึงปรับแบบย้ายให้เสาตอม่อไปอยู่ที่แขวงการทางเขตบางเขน ของกรมทางหลวงแทน
- 24 กันยายน พ.ศ. 2553 นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้บริการ นักลงทุน และนักวิชาการ ที่มีต่อโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ สายสีส้ม วงบางกะปิ-บางบำหรุ ว่าทั้ง 2 เส้นทางมีปริมาณการใช้ของประชาชนอย่างไร และมีความจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการการพิจารณาและเร่งรัดโครงการ
- 27 กันยายน พ.ศ. 2554 กระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาทบทวนการปรับแบบการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด - มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่ รฟม. เตรียมลงนามในสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้าง จากเดิมเป็นการก่อสร้างแบบรางเดี่ยว (Monorail) อาจปรับเป็นแบบรถไฟฟ้า MRT หรือรถไฟฟ้าขนาดหนัก (Heavy Rail) เพื่อให้คุ้มค่า และเหมาะสมกับการรองรับผู้โดยสารในเส้นทางดังกล่าว
- 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 นางกฤตยา สุมิตนันท์ รักษาการผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย มีมติอนุมัติให้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (รางเดี่ยว) หลังจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มีการทบทวนโครงการแล้วเห็นว่าการใช้รถไฟฟ้ารางเดี่ยวจะเหมาะสมกว่าเป็นรถไฟฟ้าขนาดหนัก และหลังจากนี้จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป[1]
- 25 กันยายน พ.ศ. 2555 นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นความประชาชน โครงการศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ปรับปรุง และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5กิโลเมตร ว่า คาดว่าจะสามารถเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะเปิดประกวดราคาได้ประมาณเดือนมีนาคม 2556 เริ่มก่อสร้างเดือนเมษายน 2557 ซึ่งตามแผนจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม 2560 โดยรูปแบบการก่อสร้างจะเป็นการออกแบบไปพร้อมกับการก่อสร้าง (Design & Build) ซึ่งจะทำให้การดำเนินโครงการมีความรวดเร็วขึ้น และในอนาคต รฟม.จะเสนอรัฐบาลพิจารณาการก่อสร้างรถไฟฟ้าในรูปแบบ Design & Build ทั้งหมด[2]
- 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ดร.สุรศักดิ์ ทวีศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญระบบรถไฟฟ้า บริษัท ทีม คอนซัลติ้งฯ เปิดเผยว่า ตลอดเส้นทาง จะมี การเวณคืน 5 จุดใหญ่ คือ
1.บริวณห้าแยกปากเกร็ด ก่อนเลี้ยวขวาเข้า ถนนแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันเป็นสนามฟุตบอลเก่า เพื่อสร้างสถานีปากเกร็ด มีพื้นที่เวนคืน 7,155 ตารางเมตร 2.บริเวณสะพานข้ามแยกเมืองทองธานี เพื่อหลีกเลี่ยงสะพานข้ามแยกของกรมทางหลวง (ทล.) มีพื้นที่เวนคืน 7,800 ตารางเมตร 3.บริเวณ ถนนวิภาวดีรังสิต ข้ามแยกหลักสี่ เพื่อลดระดับโครงสร้างลอดใต้โทลล์เวย์ มีพื้นที่เวนคืนรวม 7,300 ตารางเมตร 4.บริเวณอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ มีพื้นที่เวนคืนรวม 7,500 ตารางเมตร กว้างด้านละ 4 เมตร ตั้งแต่หน้า มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ไปถึง ป.กุ้งเผา และ 5.บริเวณมีนบุรี เวนคืนพื้นที่กว่า 280 ไร่ เพื่อสร้างที่จอดรถ และศูนย์ซ่อมบำรุง ส่วนบริเวณอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้จะมีเวนคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสร้างจุดขึ้น-ลงของสถานีทั้ง 30 สถานีที่ดินแพง-ค่าเวนคืนพุ่ง 1 เท่า เงินลงทุนโครงการเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้วอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท ล่าสุดค่าก่อสร้างแตะ 5.4 หมื่นล้านบาทโดยมีหลายปัจจัยที่ผลักให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานีใหม่ 6 สถานี ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง 300 บาท และราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ที่ประกาศใช้เมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผลทำให้ค่าชดเชยที่ดินเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากเดิมประเมินไว้ 2 พันล้านเป็น 4 พันล้านบาท
- 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 นายวิชาญ มีนชัยนันท์ พร้อมด้วย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 18 เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังความเห็นจากประชาชนในโซนตะวันออกของ กรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ว่า ที่ผ่านมาสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรุงเทพมหานคร ได้ใช้ผลการสำรวจออกแบบการก่อสร้างตั้งแต่ปี2547 โดยกำหนดให้รถไฟฟ้าสายสีชมพูมีสถานีจอดอยู่ที่ตลาดมีนบุรี ซึ่งปัจจุบันนี้สภาพความเป็นอยู่ของคน กทม.ในโซนตะวันออกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว มีการกระจายตัวออกไปอยู่ย่านสุวินทวงศ์ คลองสามวา หนองจอก ซึ่งหากยังคงแผนการก่อสร้างเดิมจะทำให้ไม่สามารถรองรับประชาชนในบริเวณดังกล่าวได้ พวกตนจึงทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สนข. และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อขอให้รับฟังความเห็นของประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งต้องการให้มีการขยายเส้นทางไปจนถึงถนนสุวินทวงศ์ เพื่อรองรับประชาชนในโซนตะวันออกมากขึ้น ทั้งนี้พวกตนไม่มีจุดประสงค์ในการขัดขวางทำให้การก่อสร้างรถไฟฟ้าสีชมพูล่าช้าลง แต่อยากให้โครงการเป็นไปตามความต้องการของประชาชน[3]
- 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตุลาคม พ.ศ. 2555 รัฐฯ ทาบ “บางกอกแลนด์” สร้างส่วนต่อขยาย-สถานีจอดรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้บริการผู้ใช้ถึงอิมแพค เมืองทองธานี เรียกเงิน 1,200 ล้านค่าก่อสร้างสถานี และส่วนต่อขยาย ด้านบางกอกแลนด์เสนอ 2 ทางเลือก 1.สร้างเอง 2.ออกค่าก่อสร้าง 50% ทางบีแลนด์เห็นว่าในการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า และขยายเส้นทางให้บริการเข้ามาในอิมแพคฯ นั้น วงเงินที่บริษัทต้องจ่ายให้รัฐบาลพร้อมกับที่ดินจำนวน 20 ไร่นั้น ในส่วนของที่ดินเห็นว่าบริษัทไม่สามารถยกให้เปล่าได้แต่หากจะยกให้ก็จะขอพัฒนาพื้นที่ด้านบนเป็นมอลล์ขนาดใหญ่ ผสมผสานอาคารสูงจำนวนหนึ่ง ขณะที่สถานีจอดรถจะก่อสร้างอยู่ใต้พื้นดิน หรือใต้มอลล์ที่จะพัฒนาขึ้น ส่วนวงเงิน 1,200 ล้านบาท เบื้องต้น บริษัทเห็นว่าควรเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างบริษัท และรัฐบาลโดยการจ่ายเงินเพียง 50% หรือ 600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือให้รัฐบาลเป็นผู้จ่าย อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยในแนวทางแรกก็อาจหยิบยกข้อเสนอที่ 2 ขึ้นมาพิจารณาคือ บีแลนด์จะลงทุนพัฒนาก่อสร้างสถานีจอดรถไฟฟ้าเอง โดยคาดว่าจะพัฒนาเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าแจ้งวัฒนะ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนก่อสร้างประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด บริษัทได้ว่าจ้างบริษัท เทศโก้ จำกัด ให้ออกแบบสถานีจอดรถไฟฟ้ารางเดี่ยวไว้แล้ว
- โครงการนี้เป็น1ในโครงการที่ทาง สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเตรียมนำโครงการนี้เสนอคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นปี พ.ศ. 2557 และจะเปิดประมูลช่วงต้นปี พ.ศ. 2558
- 29 กุมภาพันธ์ 2559 คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ หรือ พีพีพี ที่มีนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้อนุมัติให้เอกชนสามารถเข้าร่วมลงทุนในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเส้นทาง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ได้
- 29 มีนาคม พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ให้เตรียมกระบวนการประกวดราคาภายใน 2 เดือน และคาดว่าจะสามารถทำการเปิดประมูลได้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559
- 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เปิดขายซองประมูลวันแรก มีเอกชนเข้าซื้อซองประมูลทั้งหมด 16 ราย
- 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เปิดรับซองประมูลวันแรก โดยมีผู้ยื่นซองประมูลพร้อมข้อเสนอทั้งหมด 2 ราย ได้แก่
- กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน)) ส่งพร้อมข้อเสนอในการก่อสร้างเส้นทางสายแยก อิมแพคลิงก์ เข้าศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ระยะทาง 3 กิโลเมตร และส่งมอบให้เป็นทรัพย์สินของ รฟม. ตามสัญญาสัมปทาน
- บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ได้เปิดซองพิจารณาข้อเสนอการร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ผลปรากฏว่า กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ให้ข้อเสนอดีที่สุด หลังจากนี้จะดำเนินการเจรจา และคาดว่าจะลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560
- 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โอลดิงส์ จำกัด (มหาชน) ในนาม กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นถึงตำแหน่งของสถานีเพิ่มเติมของโครงการรถไฟฟ้าสีชมพูส่วนต่อขยายสายแยกอิมแพคลิงก์ ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร จำนวนสองสถานี จากสถานีศรีรัช เข้าสู่ใจกลางเมืองทองธานี ที่ได้รับทุนในการพัฒนาจาก บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) และเป็นหนึ่งในข้อเสนอพิเศษแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย อันได้แก่
- สถานีอิมแพค ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์
- สถานีทะเลสาบ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี
- 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โอลดิงส์ จำกัด (มหาชน) ในนาม กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ได้แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทแก่ตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนจำนวนสองบริษัท โดยทั้งสองบริษัทจะมีทุนจดทะเบียน 3,500,000,000 บาทต่อบริษัท แบ่งเป็น บีทีเอส กรุ๊ป ถือหุ้น 75% ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ถือหุ้น 15% และ ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิงส์ ถือหุ้น 10% จุดประสงค์คือเพื่อให้ทั้งสองบริษัทเข้าทำสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองแยกกัน เพื่อความสะดวกในการบริหารต้นทุนโครงการ แต่ทั้งสองโครงการจะใช้วิธีการว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เป็นผู้ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าและเดินรถไฟฟ้า และว่าจ้าง บริษัท บางกอกสมาร์ทการ์ดซิสเท็ม จำกัด ในการติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสาร และระบบเชื่อมต่อบัตรแรบบิทให้กับโครงการต่อไป
- 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 คณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบในร่างสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและรถไฟฟ้าสายสีชมพูกับกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ โดยให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นระยะเวลา 33 ปี 3 เดือน อย่างไรก็ตามมติดังกล่าวอนุมัติให้ก่อสร้างในส่วนที่ผ่านการเห็นชอบในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปแล้ว ส่วนเส้นทางเพิ่มเติมจากข้อเสนอเพิ่มเติมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี คาดว่าใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 1 ปี
- 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกระทรวงคมนาคม ได้จัดพิธีลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการกับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะเป็นผู้ถือสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเป็นบริษัทผู้ทำสัญญาการจัดหาระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลในการซื้อขบวนรถไฟฟ้าบอมบาร์ดิเอร์ อินโนเวีย 300 จากกลุ่มบอมบาร์ดิเอร์ จำนวน 144 ตู้ (ประกอบ 4 ตู้ต่อ 1 ขบวน ทั้งหมด 36 ขบวน) พร้อมระบบการเดินรถเพื่อใช้ในโครงการ รวมทั้งว่าจ้าง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาของโครงการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงของโครงการ กับบริษัท บางกอกสมาร์ทการ์ดซิสเท็ม จำกัด ในการติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสาร เบื้องต้น นายคีรี กาญจนพาสน์ ระบุว่าการก่อสร้างน่าจะเสร็จเร็วกว่ากำหนดเพียง 2 ปีนับจากวันที่เริ่มเข้าพื้นที่ เนื่องจากต้องการลดผลกระทบด้านการจราจรที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการก่อสร้างโครงการ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
- Facebook โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี
- โครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง สายสีน้ำตาล และสายสีชมพู โดย สนข. (ข้อมูลดังกล่าวแจ้งว่าติดไวรัสจาก Avira)
- "เผยโฉมรถไฟฟ้าใหม่ 3 สาย" หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 17 พ.ย. 50
- ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 28 พ.ค. 52
- "คมนาคม” เร่งรัด สร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-ส้ม นำเข้าแผนแม่บท" สำนักข่าวเจ้าพระยา 20 ก.ค. 52
- เฮ! รถไฟฟ้าสายสีชมพูเริ่มขยับแล้ว ไทยรัฐ 5 เม.ย. 53
- 24 สถานีเป็น 30 สถานี
- โมเดลรถไฟฟ้าสายสีชมพู จาก "แคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี" หลัง "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" ทุ่มเม็ดเงินกว่า 30 ล้านบาท จ้าง "บจ.ทีม คอนซัลติ้งฯ" ทบทวนใหม่อีกรอบก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคาะในเดือนตุลาคมนี้