ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระมหาอุปราช"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พุทธามาตย์ ย้ายหน้า มหาอุปราช ไปยัง พระมหาอุปราช
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''มหาอุปราช'''<ref>''พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554'', หน้า 887</ref> เป็นตำแหน่ง[[รัชทายาท]] พบในประเทศพม่า ล้านนา ลาว และสยาม
'''พระมหาอุปราช'''<ref>''พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554'', หน้า 887</ref> เป็นตำแหน่ง[[รัชทายาท]] พบในประเทศพม่า ล้านนา ลาว และสยาม


== พม่า ==
== พม่า ==
บรรทัด 7: บรรทัด 7:
ในล้านนา มีตำแหน่ง '''อุปราช''' หรือ '''เจ้าหอน่า'''<ref name="ตำนาน1"/> ปรากฏใน[[พงศาวดารโยนก]]ว่า [[พญามังราย]]สถาปนาขุนครามพระราชโอรสขึ้นเป็นเจ้าชัยสงครามและพระราชทานเครื่องยศอย่างมหาอุปราชให้ไปครองเมือง[[เชียงราย]]<ref>''พงศาวดารโยนก'', หน้า 292</ref> การสถาปนาอุปราชยังมีสืบมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2318 (นับแบบปัจจุบัน) เมื่อล้านนามาสวามิภักดิ์ต่อ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]จึงทรงตั้งนายก้อนแก้วเป็นพระยาอุปราชนครเชียงใหม่ นายน้อยต่อมต้อเป็นอุปราชลำพูน และเจ้าธรรมลังกาเป็นอุปราชนครลำปาง<ref>''พงศาวดารโยนก'', หน้า 420-421</ref> ถึงปี พ.ศ. 2399 [[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงทรงเปลี่ยนตำแหน่งเป็นพระยาอุปราชทั้งสามหัวเมืองนั้นเป็น'''เจ้าอุปราช'''มานับแต่นั้น<ref>''พงศาวดารโยนก'', หน้า 458</ref>
ในล้านนา มีตำแหน่ง '''อุปราช''' หรือ '''เจ้าหอน่า'''<ref name="ตำนาน1"/> ปรากฏใน[[พงศาวดารโยนก]]ว่า [[พญามังราย]]สถาปนาขุนครามพระราชโอรสขึ้นเป็นเจ้าชัยสงครามและพระราชทานเครื่องยศอย่างมหาอุปราชให้ไปครองเมือง[[เชียงราย]]<ref>''พงศาวดารโยนก'', หน้า 292</ref> การสถาปนาอุปราชยังมีสืบมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2318 (นับแบบปัจจุบัน) เมื่อล้านนามาสวามิภักดิ์ต่อ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]จึงทรงตั้งนายก้อนแก้วเป็นพระยาอุปราชนครเชียงใหม่ นายน้อยต่อมต้อเป็นอุปราชลำพูน และเจ้าธรรมลังกาเป็นอุปราชนครลำปาง<ref>''พงศาวดารโยนก'', หน้า 420-421</ref> ถึงปี พ.ศ. 2399 [[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงทรงเปลี่ยนตำแหน่งเป็นพระยาอุปราชทั้งสามหัวเมืองนั้นเป็น'''เจ้าอุปราช'''มานับแต่นั้น<ref>''พงศาวดารโยนก'', หน้า 458</ref>


== ลาว ==
สมัย[[อาณาจักรล้านช้าง]] มี'''[[พระอุปยุวราช]]''' เป็นตำแหน่งรองจากพระมหากษัตริย์ แต่สูงกว่า[[อุปราช]]<ref>''พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554'', หน้า 1427</ref> และ[[ภาคอีสาน (ประเทศไทย)|ภาคอีสานของไทย]]สมัยต้นรัตนโกสินทร์มี'''อุปฮาด'''เป็นตำแหน่งรองจากเจ้าเมือง<ref>''พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554'', หน้า 1428</ref>
== สยาม ==
== สยาม ==
{{บทความหลัก|กรมพระราชวังบวรสถานมงคล}}
{{บทความหลัก|กรมพระราชวังบวรสถานมงคล}}
บรรทัด 22: บรรทัด 25:
* {{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา|ชื่อหนังสือ = ตำนานวังน่า |จังหวัด = พระนคร|พิมพ์ที่ = โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร|ปี = 2462}} [พิมพ์แจกในงานศพนางสุ่น ชาติโอสถ ปีมะแม พ.ศ. 2462]
* {{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา|ชื่อหนังสือ = ตำนานวังน่า |จังหวัด = พระนคร|พิมพ์ที่ = โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร|ปี = 2462}} [พิมพ์แจกในงานศพนางสุ่น ชาติโอสถ ปีมะแม พ.ศ. 2462]
* {{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา|ชื่อหนังสือ = ประชุมพระนิพนธ์ ภาค ๒ |จังหวัด = กรุงเทพฯ|พิมพ์ที่ = คลังวิทยา|ปี = 2494|url = http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/rarebook/r543/AC159%E0%B8%94687.pdf| จำนวนหน้า = 359}}
* {{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา|ชื่อหนังสือ = ประชุมพระนิพนธ์ ภาค ๒ |จังหวัด = กรุงเทพฯ|พิมพ์ที่ = คลังวิทยา|ปี = 2494|url = http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/rarebook/r543/AC159%E0%B8%94687.pdf| จำนวนหน้า = 359}}
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = | ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น| จังหวัด = นนทบุรี| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2553| ISBN = 978-616-7146-08-9| จำนวนหน้า = 800}}
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = | ชื่อหนังสือ = [[พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]] และเอกสารอื่น| จังหวัด = นนทบุรี| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2553| ISBN = 978-616-7146-08-9| จำนวนหน้า = 800}}
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = พระยาประชากิจกรจักร | ชื่อหนังสือ = [[พงศาวดารโยนก]]| จังหวัด = นนทบุรี| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2557| ISBN = 978-616-7146-62-1| จำนวนหน้า = 496}}
* {{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = [[ราชบัณฑิตยสถาน]]|ชื่อหนังสือ = [[พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554]] |จังหวัด = พิมพ์ครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ|พิมพ์ที่ = ราชบัณฑิตยสถาน|ปี = 2556|ISBN = 978-616-7073-80-4|จำนวนหน้า = 1,544}}
* {{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = [[ราชบัณฑิตยสถาน]]|ชื่อหนังสือ = [[พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554]] |จังหวัด = พิมพ์ครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ|พิมพ์ที่ = ราชบัณฑิตยสถาน|ปี = 2556|ISBN = 978-616-7073-80-4|จำนวนหน้า = 1,544}}
{{จบอ้างอิง}}
{{จบอ้างอิง}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:56, 23 มีนาคม 2560

พระมหาอุปราช[1] เป็นตำแหน่งรัชทายาท พบในประเทศพม่า ล้านนา ลาว และสยาม

พม่า

ในประเทศพม่า เรียกตำแหน่งรัชทายาทว่ามหาอุปราชาอโนต์ระปะอินแซะมิน (မဟာဥပရာဇာအနောက်ရပအိမ်ရှေ့မင်း) เรียกโดยย่อว่า อินแซะมิน (အိမ်ရှေ့မင်း, สัทอักษรสากล: [èiɴʃḛ mɪ́ɴ]) อินแปลว่าวัง แซะแปลว่าหน้า มินแปลว่าเจ้า รวมความแปลว่าเจ้าวังหน้า[2] เป็นพระอิสริยยศสูงสุดรองจากพระมหากษัตริย์ และจะได้สืบราชสมบัติต่อไป

ล้านนา

ในล้านนา มีตำแหน่ง อุปราช หรือ เจ้าหอน่า[2] ปรากฏในพงศาวดารโยนกว่า พญามังรายสถาปนาขุนครามพระราชโอรสขึ้นเป็นเจ้าชัยสงครามและพระราชทานเครื่องยศอย่างมหาอุปราชให้ไปครองเมืองเชียงราย[3] การสถาปนาอุปราชยังมีสืบมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2318 (นับแบบปัจจุบัน) เมื่อล้านนามาสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงทรงตั้งนายก้อนแก้วเป็นพระยาอุปราชนครเชียงใหม่ นายน้อยต่อมต้อเป็นอุปราชลำพูน และเจ้าธรรมลังกาเป็นอุปราชนครลำปาง[4] ถึงปี พ.ศ. 2399 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงเปลี่ยนตำแหน่งเป็นพระยาอุปราชทั้งสามหัวเมืองนั้นเป็นเจ้าอุปราชมานับแต่นั้น[5]

ลาว

สมัยอาณาจักรล้านช้าง มีพระอุปยุวราช เป็นตำแหน่งรองจากพระมหากษัตริย์ แต่สูงกว่าอุปราช[6] และภาคอีสานของไทยสมัยต้นรัตนโกสินทร์มีอุปฮาดเป็นตำแหน่งรองจากเจ้าเมือง[7]

สยาม

กฎมนเทียรบาลซึ่งตราขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถระบุว่าพระราชกุมารอันเกิดแต่แม่ยั่วเมืองเป็นพระมหาอุปราช[8] ในพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหาร หัวเมือง ที่ออกในปี พ.ศ. 1998 รัชกาลเดียวกันระบุว่าพระมหาอุปราชทรงศักดินา 100,000 ไร่ และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ กล่าวถึงตำแหน่งพระมหาอุปราชครั้งแรกว่า ระหว่างที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระเชษฐาธิราชเจ้าพระราชโอรสทรงลาผนวช แล้วได้รับสถาปนาเป็นพระมหาอุปราชในปี จ.ศ. 847 (พ.ศ. 2028)[9]

ถึงรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา โปรดให้ตั้งสมเด็จพระสรศักดิเป็นพระมหาอุปราชที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นครั้งแรก[10] ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงอยู่ในฐานะพระมหาอุปราชรัชทายาทมานับแต่นั้นมา[11] จนกระะทั่ง พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เลิกธรรมเนียมตั้งพระมหาอุปราช แล้วสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขึ้นแทน[12]

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554, หน้า 887
  2. 2.0 2.1 ตำนานวังน่า, หน้า 1
  3. พงศาวดารโยนก, หน้า 292
  4. พงศาวดารโยนก, หน้า 420-421
  5. พงศาวดารโยนก, หน้า 458
  6. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554, หน้า 1427
  7. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554, หน้า 1428
  8. ประชุมพระนิพนธ์ ภาค ๒, หน้า 179
  9. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 400
  10. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 318
  11. พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า), หน้า 24
  12. "ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าราชกุมารพระองค์ใหญ่ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 3 (ตอน 44): 368. 1 มีนาคม พ.ศ. 2429. สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2560. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
บรรณานุกรม