ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพรหม"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
{{กล่องข้อมูล เทวะ | name = พระพรหม | native_name = ब्रह्मा | image = 12th_century_Chennakesava_temple_at_Somanathapura,_Karnataka,_India_Lord_Brahma.jpg | caption = เทวรูปพร
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
| image = 12th_century_Chennakesava_temple_at_Somanathapura,_Karnataka,_India_Lord_Brahma.jpg
| image = 12th_century_Chennakesava_temple_at_Somanathapura,_Karnataka,_India_Lord_Brahma.jpg
| caption = [[เทวรูป]]พระพรหม [[เทวสถาน]]จันทรเขศวร [[รัฐกรณาฏกะ]] [[ประเทศอินเดีย]]
| caption = [[เทวรูป]]พระพรหม [[เทวสถาน]]จันทรเขศวร [[รัฐกรณาฏกะ]] [[ประเทศอินเดีย]]
| god_of = เทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์
| god_of = การสร้างสรรค์
| affiliation = [[ตรีมูรติ]]
| affiliation = [[ตรีมูรติ]]
| adobe = [[พรหมภูมิ|พรหมโลก]]
| adobe = [[พรหมภูมิ|พรหมโลก]]
บรรทัด 11: บรรทัด 11:
| father =
| father =
| mother =
| mother =
| consort = [[พระสรัสวดี|สรัสวดี]]
| consort = [[พระสรัสวดี]]
| child =
| child =
| country =
| country =
| religion = [[พราหมณ์-ฮินดู]]
| religion = [[ศาสนาฮินดู]]
}}
}}
'''พระพรหม''' ({{lang-sa|ब्रह्मा}}; {{lang-en|Brahma}}; {{lang-te|బ్రహ్మ}}; ) เป็นเทพเจ้าสูงสุด ([[ตรีมูรติ]]) ในคติของ[[ศาสนาฮินดู]] เป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ความเมตตา เป็น[[พระผู้สร้าง]]โลกและให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล และให้กำเนิดคัมภีร์[[พระเวท]]<ref name="กเนศ"/>

'''พระพรหม''' ({{lang-en|Brahma}}; {{lang-te|బ్రహ్మ}}; [[สันสกฤต]]: ब्रह्मा; [[เทวนาครี]]: ब्रह्मा) เป็นเทพเจ้าสูงสุด ([[ตรีมูรติ]]) ในคติของ[[ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู]] เป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ เป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา เป็นผู้สร้างโลกและให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล และให้กำเนิด[[คัมภีร์พระเวท]]<ref name="กเนศ"/>


พระพรหมมีสี่พักตร์ พระศอสวมลูกประคำ พระหัตถ์แต่ละข้างถือดอกบัว, คัมภีร์ และหม้อน้ำ มีพาหนะเป็น[[หงส์]] หรือ [[ห่าน]] พระชายา คือ [[พระสุรัสวดี]] เทพีแห่งศิลปะวิทยาการและความรอบรู้
พระพรหมมีสี่พักตร์ พระศอสวมลูกประคำ พระหัตถ์แต่ละข้างถือดอกบัว, คัมภีร์ และหม้อน้ำ มีพาหนะเป็น[[หงส์]] หรือ [[ห่าน]] พระชายา คือ [[พระสุรัสวดี]] เทพีแห่งศิลปะวิทยาการและความรอบรู้
บรรทัด 23: บรรทัด 22:
ในคัมภีร์มัตสยาปุราณะเล่าว่า พระพรหมเดิมทีมีถึงห้าพักตร์ การที่มีห้าพักตร์เกิดจาก การที่พระพรหมให้ได้กำเนิดผู้หญิงนางหนึ่งชื่อ ศตรูป ขึ้นมา ความงามของศตรูปทำให้พระองค์หลงใหล เมื่อศตรูปนี้เคลื่อนไปทางใด พระพรหมก็จะหันพระพักตร์เพื่อมองตามไปด้วย แต่ว่ามีครั้งหนึ่งที่พระพรหมไปดูแคลนพระศิวะเข้า ทำให้พระศิวะพิโรธ และใช้ไฟบรรลัยกัลป์จากพระเนตรที่สามที่กลางพระนลาฏเผาพระพักตร์ที่อยู่ด้านบนเศียรของพระพรหม จนเหลือเพียงสี่พักตร์ แต่อีกความเชื่อหนึ่งเล่าว่า เพราะพักตร์ด้านบนของพระพรหมนั้นเจิดจรัสมาก ทำให้พวกสุระและอสุระทนไม่ได้ จึงขอร้องให้พระศิวะเป็นผู้ตัดให้ <ref>{{cite web|url=http://www.thairath.co.th/column/pol/kumpee/413145|title= พระพรหม|date=30 March 2014|accessdate=30 March 2014|publisher=ไทยรัฐ}}</ref>
ในคัมภีร์มัตสยาปุราณะเล่าว่า พระพรหมเดิมทีมีถึงห้าพักตร์ การที่มีห้าพักตร์เกิดจาก การที่พระพรหมให้ได้กำเนิดผู้หญิงนางหนึ่งชื่อ ศตรูป ขึ้นมา ความงามของศตรูปทำให้พระองค์หลงใหล เมื่อศตรูปนี้เคลื่อนไปทางใด พระพรหมก็จะหันพระพักตร์เพื่อมองตามไปด้วย แต่ว่ามีครั้งหนึ่งที่พระพรหมไปดูแคลนพระศิวะเข้า ทำให้พระศิวะพิโรธ และใช้ไฟบรรลัยกัลป์จากพระเนตรที่สามที่กลางพระนลาฏเผาพระพักตร์ที่อยู่ด้านบนเศียรของพระพรหม จนเหลือเพียงสี่พักตร์ แต่อีกความเชื่อหนึ่งเล่าว่า เพราะพักตร์ด้านบนของพระพรหมนั้นเจิดจรัสมาก ทำให้พวกสุระและอสุระทนไม่ได้ จึงขอร้องให้พระศิวะเป็นผู้ตัดให้ <ref>{{cite web|url=http://www.thairath.co.th/column/pol/kumpee/413145|title= พระพรหม|date=30 March 2014|accessdate=30 March 2014|publisher=ไทยรัฐ}}</ref>


และยัง[[ความเชื่อ|เชื่อด้วยว่า]]พระพรหมเป็นผู้สร้างบุคคลใน[[วรรณะ (ศาสนาฮินดู)|วรรณะ]]ต่าง ๆ จาก[[อวัยวะ]]แต่ละส่วน ได้แก่ [[พราหมณ์|วรรณะพราหมณ์]] เกิดจากพระโอษฐ์, [[กษัตริย์|วรรณะกษัตริย์]] เกิดจากอก, วรรณะแพศย์ เกิดจากส่วนท้อง และวรรณะศูทร เกิดจากเท้า<ref>[http://www.montradevi.org/customize-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1-66182-1.html ประวัติพระพรหม]</ref>
และยังเชื่อด้วยว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างบุคคลใน[[วรรณะ]]ต่าง ๆ จาก[[อวัยวะ]]แต่ละส่วน ได้แก่ [[พราหมณ์]]เกิดจากพระโอษฐ์, [[กษัตริย์]] เกิดจากอก, แพศย์เกิดจากส่วนท้อง และศูทรเกิดจากเท้า<ref>[http://www.montradevi.org/customize-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1-66182-1.html ประวัติพระพรหม]</ref>


ในคติของ[[ชาวไทย]]ที่รับคติความเชื่อจากศาสนาพรหมณ์-ฮินดู เชื่อว่าพระพรหมเป็นผู้ลิขิต ชะตาชีวิตของบุคคลต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย เรียกว่า "พรหมลิขิต" และผู้ใดที่บูชาพระพรหมอยู่เป็นนิจ พระองค์จะประทานพรให้สมหวัง เรียกว่า "พรพรหม" หรือ "พรหมพร"<ref name="กเนศ">[http://www.sil5.net/index.asp?catid=2&contentID=10000004&getarticle=72&title=%BE%C3%D0%BE%C3%CB%C1 พระพรหม]</ref> และยังเป็นเทพประจำทิศเบื้องบนอีกด้วย<ref>{{cite web|url=http://www.baanjomyut.com/library_2/tradition_and_phanom_rung/03.html|title=
ในคติของ[[ชาวไทย]]ที่รับคติความเชื่อจากศาสนาพรหมณ์-ฮินดู เชื่อว่าพระพรหมเป็นผู้ลิขิต ชะตาชีวิตของบุคคลต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย เรียกว่า "พรหมลิขิต" และผู้ใดที่บูชาพระพรหมอยู่เป็นนิจ พระองค์จะประทานพรให้สมหวัง เรียกว่า "พรพรหม" หรือ "พรหมพร"<ref name="กเนศ">[http://www.sil5.net/index.asp?catid=2&contentID=10000004&getarticle=72&title=%BE%C3%D0%BE%C3%CB%C1 พระพรหม]</ref> และยังเป็นเทพประจำทิศเบื้องบนอีกด้วย<ref>{{cite web|url=http://www.baanjomyut.com/library_2/tradition_and_phanom_rung/03.html|title=
บรรทัด 30: บรรทัด 29:
ด้วยเหตุดังนี้ พระพรหมจึงมีพระนามต่าง ๆ อาทิ "พรหมธาดา" หรือ "ประชาบดี" (ผู้สร้าง), "หงสรถ" หรือ "หงสวาหน" (ผู้มีหงส์เป็นพาหนะ), "จตุรพักตร์" (ผู้มีสี่หน้า), "ปรเมษฐ์" (ผู้ประเสริฐ) เป็นต้น<ref name="สนุก"/> ส่วนใน[[ลิลิตโองการแช่งน้ำ]]เรียกว่า "ขุนหงส์ทองเกล้าสี่"<ref>สุจิตต์ วงษ์เทศ. ''"พลังลาว" ชาวอีสาน มาจากไหน ?''. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549, หน้า 104</ref>
ด้วยเหตุดังนี้ พระพรหมจึงมีพระนามต่าง ๆ อาทิ "พรหมธาดา" หรือ "ประชาบดี" (ผู้สร้าง), "หงสรถ" หรือ "หงสวาหน" (ผู้มีหงส์เป็นพาหนะ), "จตุรพักตร์" (ผู้มีสี่หน้า), "ปรเมษฐ์" (ผู้ประเสริฐ) เป็นต้น<ref name="สนุก"/> ส่วนใน[[ลิลิตโองการแช่งน้ำ]]เรียกว่า "ขุนหงส์ทองเกล้าสี่"<ref>สุจิตต์ วงษ์เทศ. ''"พลังลาว" ชาวอีสาน มาจากไหน ?''. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549, หน้า 104</ref>


โดยความหมายของคำว่า "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน" ดังนั้นตามคติและวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธศาสนาจึงมีคำว่า พรหม ประกอบคำศัพท์ เช่น "[[พรหมจรรย์]]", "[[พรหมบุตร]]" หรือ "[[พรหมวิหาร ๔|พรหมวิหาร]]" เป็นต้น<ref name="สนุก">[http://guru.sanook.com/search/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1/ พรหม จากสนุกดอตคอม]</ref>
โดยความหมายของคำว่า "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน" ดังนั้นตามคติและวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธศาสนาจึงมีคำว่า พรหม ประกอบคำศัพท์ เช่น "[[พรหมจรรย์]]", "[[พรหมบุตร]]" หรือ "[[พรหมวิหาร 4]]" เป็นต้น<ref name="สนุก">[http://guru.sanook.com/search/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1/ พรหม จากสนุกดอตคอม]</ref>


== [[พระพรหม(ศาสนาพุทธ)|ในคติพระพุทธศาสนา]] ==
== ในพระพุทธศาสนา ==
[[ไฟล์:001พระพรหม.jpg|thumb|left|พรหมในคติพุทธศาสนา: พรหมชั้น "รูปพรหม" ในไตรภูมิพระร่วง ฉบับกรุงธนบุรี]]
[[ไฟล์:001พระพรหม.jpg|thumb|left|พรหมในคติพุทธศาสนา: พรหมชั้น "รูปพรหม" ในไตรภูมิพระร่วง ฉบับกรุงธนบุรี]]
{{บทความหลัก|พระพรหม (ศาสนาพุทธ)}}
พระพรหม เป็นเทวดาชั้นสูงกว่าเทวดาทั่วไปใน[[ฉกามาพจร]] แต่มี[[การเวียนว่ายตายเกิด]]ด้วยอำนาจกิเลส (โลภะ โทสะ โมหะ แต่ในภพชาติก่อนจุติและปฏิสนธิเป็นพรหมมีกุศลมาก มีฌาณสมาบัติเป็นอารมณ์ เมื่อตายจึงไปเกิดที่สวรรค์ชั้นนี้) อยู่ในสวรรค์ที่เรียกว่าชั้นพรหม ([[พรหมภูมิ]])


พระพรหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พรหมที่มีรูป เรียกว่า "รูปพรหม" มีทั้งหมด 16 ชั้น และพรหมที่ไม่มีรูป เรียกว่า "อรูปพรหม" มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยอรูปพรหมจะสูงกว่ารูปพรหม
[[พระพรหม(ศาสนาพุทธ)|ในคติพระพุทธศาสนา]] พระพรหม เป็นชาวสวรรค์ชั้นสูงขั้นหนึ่งที่สูงกว่าเทวดาทั่วไป เรียกว่า "พรหม" พระพรหมยังอยู่ในกามาวจรภพ มีการวนเวียนว่ายตายเกิดด้วยอำนาจกิเลส (โลภะ โทสะ โมหะ แต่ในภพชาติก่อนจุติและปฏิสนธิเป็นพรหมมีกุศลมาก มีฌาณสมาบัติเป็นอารมณ์ เมื่อตายจึงไปเกิดที่สวรรค์ชั้นนี้) อยู่ในสวรรค์ที่เรียกว่าชั้นพรหม ([[พรหมภูมิ]])

พระพรหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พรหมที่มีรูป เรียกว่า "[[พรหมภูมิ|รูปพรหม]]" มีทั้งหมด 16 ชั้น และพรหมที่ไม่มีรูป เรียกว่า "[[พรหมภูมิ|อรูปพรหม]]" มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยอรูปพรหมจะสูงกว่ารูปพรหม

"พระพรหม" ในทางพระพุทธศาสนา เป็น "พระพรหมผู้วิเศษ" ล้วนแต่บุรุษเพศทั้งสิ้น ไม่ต้องกินไม่ต้องบริโภคอาหาร เหมือนสัตว์ในภูมิอื่น ด้วยว่าแช่มชื่นอิ่มเอิบโดยมีฌานสมาบัติเป็นอาหาร จึงไม่ต้องมีการถ่ายคูตรมูถ คืออุจจาระ ปัสสาวะอันลามกเหม็นร้าย สรีระร่างกายหน้าตาแห่งบรรดาพระพรหมนั้น มีสัณฐานกลมเกลี้ยงสวยงามนัก มีรัศมีออกจากกายตัวเลื่อม ประภัสสรรุ่งเรืองกว่ารัศมีพระอาทิตย์ และพระจันทร์ หลายพันเท่า เพียงแต่หัตถ์หนึ่งเล่าอันพระพรหมทั้งหลายเหยียดยื่นออกไปหวังจะให้ส่อง รัศมีไปทั่วห้วงจักรวาลก็ย่อมจักทำได้ อวัยวะร่างกายที่ต่อกัน คือ หัวเข่าก็ดี แขนก็ดี มีสัณฐานกลมเกลี้ยงเรียบงามนัก จักได้เห็นที่ต่อกันนั้นหามิได้ เกศเกล้าแห่งพระพรหมทั้งหลายนั้นงามนัก ปรากฏโดยมากมีศีรษะประดับด้วยชฎา สถิตย์เสวยสุขพรหมสมบัติอยู่ ณ พรหมภูมิที่ตนอุบัติตราบจน กว่าจะสิ้นอายุ ซึ่งเป็นเวลานานแสนนาน

(เป็นผู้วิเศษ ที่มีแต่เพศชาย ไม่ต้องกินดื่มอาหารใดๆ เหมือนสัตว์ในภูมิอื่นๆ จึงไม่ต้องมีการขับถ่ายของเสีย พระพรหมมีใบหน้ากลมเกลี้ยง มีแสงจากกายที่ส่องสว่างกว่าแสงพระอาทิตย์ และแสงพระจัทร์เป็นหลายพันเท่า โดยพิจารณาเพียงฝ่ามือข้างเดียวของพระพรหมที่แบออกนั้น ก็สามารถส่องแสงสว่างไปทั่วจักรวาลได้ อวัยวะใดๆที่ต้องมีรอยต่อกัน (เช่น บริเวณแขน ที่มีศอก และรอยพับ เชื่อมระหว่างแขนบน และแขนล่าง) ก็เกลี้ยง เรียบเนียน เส้นผมก็สวยงามมาก ซึ่งโดยมากจะมีชฏาประดับบนศีรษะ และอยู่เสวยสุขในชั้นพรหมของตนเอง จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ซึ่งก็เป็นเวลาแสนนาน)


พระพรหมไม่มีเพศ ไม่ต้องกินไม่ต้องบริโภคอาหาร เหมือน[[สัตวโลก]]ในภูมิอื่น ด้วยว่าแช่มชื่นอิ่มเอิบโดยมีฌานสมาบัติเป็นอาหาร จึงไม่ต้องขับถ่าย
พรหมอุบัติ (ในทางพระพุทธศาสนา) พระพรหม เกิดจากท่านผู้มีความเพียรกล้า ทรงไว้ซึ่งปัญญาเกินสามัญชน ปรารถนาจะพ้นจากกิเลสานุสัย เพราะเห็นว่ามีโทษพาให้ ยุ่งนัก ใคร่จักห้ามจิตมิให้ตกอยู่ในอำนาจกิเลส จึงสู้อุตสาหะพยายามบำเพ็ญสมถภาวนา ตามที่ท่านบุรพาจารย์สั่งสอนกันสืบๆ มา บางพวกเป็นชีป่าดาบส บางพวก ทรงพรตเป็นโยคี ฤๅษีในสมัยที่มีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น ในโลก บางพวกก็เป็นพระภิกษุสามเณร ต่างบำเพ็ญสมถภาวนา จนได้สำเร็จฌาน ครั้นถึงกาลกิริยาตายจากมนุษย์โลก จึงตรงไปอุบัติเกิดในพรหมวิมาน ณ พรหมโลก อันเป็นแดนซึ่งมีแต่สุขไม่มีเรื่องกามเข้าไปเกี่ยวข้อง ตามอำนาจฌานที่ได้บรรลุเป็นพระพรหมผู้วิเศษ


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
บรรทัด 59: บรรทัด 54:
{{เทพและคัมภีร์ในศาสนาฮินดู}}
{{เทพและคัมภีร์ในศาสนาฮินดู}}


[[หมวดหมู่:เทพเจ้าฮินดู]]
[[หมวดหมู่:พระพรหม| ]]
[[หมวดหมู่:ความเชื่อ]]
[[หมวดหมู่:บุคคลในศาสนาพุทธ]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:59, 19 กุมภาพันธ์ 2560

พระพรหม
ब्रह्मा
ตำแหน่งการสร้างสรรค์
จำพวกตรีมูรติ
สัตว์พาหนะหงส์ หรือ ห่าน
คู่ครองพระสรัสวดี
ศาสนา/ลัทธิศาสนาฮินดู

พระพรหม (สันสกฤต: ब्रह्मा; อังกฤษ: Brahma; เตลูกู: బ్రహ్మ; ) เป็นเทพเจ้าสูงสุด (ตรีมูรติ) ในคติของศาสนาฮินดู เป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ความเมตตา เป็นพระผู้สร้างโลกและให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล และให้กำเนิดคัมภีร์พระเวท[1]

พระพรหมมีสี่พักตร์ พระศอสวมลูกประคำ พระหัตถ์แต่ละข้างถือดอกบัว, คัมภีร์ และหม้อน้ำ มีพาหนะเป็นหงส์ หรือ ห่าน พระชายา คือ พระสุรัสวดี เทพีแห่งศิลปะวิทยาการและความรอบรู้

ในคัมภีร์มัตสยาปุราณะเล่าว่า พระพรหมเดิมทีมีถึงห้าพักตร์ การที่มีห้าพักตร์เกิดจาก การที่พระพรหมให้ได้กำเนิดผู้หญิงนางหนึ่งชื่อ ศตรูป ขึ้นมา ความงามของศตรูปทำให้พระองค์หลงใหล เมื่อศตรูปนี้เคลื่อนไปทางใด พระพรหมก็จะหันพระพักตร์เพื่อมองตามไปด้วย แต่ว่ามีครั้งหนึ่งที่พระพรหมไปดูแคลนพระศิวะเข้า ทำให้พระศิวะพิโรธ และใช้ไฟบรรลัยกัลป์จากพระเนตรที่สามที่กลางพระนลาฏเผาพระพักตร์ที่อยู่ด้านบนเศียรของพระพรหม จนเหลือเพียงสี่พักตร์ แต่อีกความเชื่อหนึ่งเล่าว่า เพราะพักตร์ด้านบนของพระพรหมนั้นเจิดจรัสมาก ทำให้พวกสุระและอสุระทนไม่ได้ จึงขอร้องให้พระศิวะเป็นผู้ตัดให้ [2]

และยังเชื่อด้วยว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างบุคคลในวรรณะต่าง ๆ จากอวัยวะแต่ละส่วน ได้แก่ พราหมณ์เกิดจากพระโอษฐ์, กษัตริย์ เกิดจากอก, แพศย์เกิดจากส่วนท้อง และศูทรเกิดจากเท้า[3]

ในคติของชาวไทยที่รับคติความเชื่อจากศาสนาพรหมณ์-ฮินดู เชื่อว่าพระพรหมเป็นผู้ลิขิต ชะตาชีวิตของบุคคลต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย เรียกว่า "พรหมลิขิต" และผู้ใดที่บูชาพระพรหมอยู่เป็นนิจ พระองค์จะประทานพรให้สมหวัง เรียกว่า "พรพรหม" หรือ "พรหมพร"[1] และยังเป็นเทพประจำทิศเบื้องบนอีกด้วย[4]

ด้วยเหตุดังนี้ พระพรหมจึงมีพระนามต่าง ๆ อาทิ "พรหมธาดา" หรือ "ประชาบดี" (ผู้สร้าง), "หงสรถ" หรือ "หงสวาหน" (ผู้มีหงส์เป็นพาหนะ), "จตุรพักตร์" (ผู้มีสี่หน้า), "ปรเมษฐ์" (ผู้ประเสริฐ) เป็นต้น[5] ส่วนในลิลิตโองการแช่งน้ำเรียกว่า "ขุนหงส์ทองเกล้าสี่"[6]

โดยความหมายของคำว่า "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน" ดังนั้นตามคติและวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธศาสนาจึงมีคำว่า พรหม ประกอบคำศัพท์ เช่น "พรหมจรรย์", "พรหมบุตร" หรือ "พรหมวิหาร 4" เป็นต้น[5]

ในพระพุทธศาสนา

พรหมในคติพุทธศาสนา: พรหมชั้น "รูปพรหม" ในไตรภูมิพระร่วง ฉบับกรุงธนบุรี

พระพรหม เป็นเทวดาชั้นสูงกว่าเทวดาทั่วไปในฉกามาพจร แต่มีการเวียนว่ายตายเกิดด้วยอำนาจกิเลส (โลภะ โทสะ โมหะ แต่ในภพชาติก่อนจุติและปฏิสนธิเป็นพรหมมีกุศลมาก มีฌาณสมาบัติเป็นอารมณ์ เมื่อตายจึงไปเกิดที่สวรรค์ชั้นนี้) อยู่ในสวรรค์ที่เรียกว่าชั้นพรหม (พรหมภูมิ)

พระพรหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พรหมที่มีรูป เรียกว่า "รูปพรหม" มีทั้งหมด 16 ชั้น และพรหมที่ไม่มีรูป เรียกว่า "อรูปพรหม" มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยอรูปพรหมจะสูงกว่ารูปพรหม

พระพรหมไม่มีเพศ ไม่ต้องกินไม่ต้องบริโภคอาหาร เหมือนสัตวโลกในภูมิอื่น ด้วยว่าแช่มชื่นอิ่มเอิบโดยมีฌานสมาบัติเป็นอาหาร จึงไม่ต้องขับถ่าย

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 พระพรหม
  2. "พระพรหม". ไทยรัฐ. 30 March 2014. สืบค้นเมื่อ 30 March 2014.
  3. ประวัติพระพรหม
  4. "ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง". บ้านจอมยุทธ์. สืบค้นเมื่อ 10 June 2014.
  5. 5.0 5.1 พรหม จากสนุกดอตคอม
  6. สุจิตต์ วงษ์เทศ. "พลังลาว" ชาวอีสาน มาจากไหน ?. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549, หน้า 104
  • นิตย์ จารุศร (รวบรวม และ เรียบเรียง). สารธรรม. กรุงเทพฯ : เหรียญบุญ การพิมพ์, 2547.
  • พระพานิช ญาณชีโว. ไตรภูมิพระร่วง (ฉบับย่อความ). กรุงเทพฯ : ตรงหัว,, 2539.
  • เสฐียรโกเศศ. ไตรภูมิกถา หรือ ไตรภูมิพระร่วง พระราชนิพนธ์ในพญาลิไทย. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2545.
  • เสฐียรโกเศศ. เล่าเรื่องในไตรภูมิ. ธนบุรี : โรงพิมพ์อักษรเพชรเกษม, 2512.