ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามปฏิวัติอเมริกา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 47: บรรทัด 47:
{{flagicon|Kingdom of Great Britain|naval}} [[Richard Howe, 1st Earl Howe|ริชาร์ด ฮาว]]<br />
{{flagicon|Kingdom of Great Britain|naval}} [[Richard Howe, 1st Earl Howe|ริชาร์ด ฮาว]]<br />
{{Flagicon image|Flag of Hesse.svg|size=23px}} [[Wilhelm von Knyphausen|วิลเฮล์ม คนึพเฮาเซิน]]<br />
{{Flagicon image|Flag of Hesse.svg|size=23px}} [[Wilhelm von Knyphausen|วิลเฮล์ม คนึพเฮาเซิน]]<br />
[[File:Brunswick-Lüneburg Arms.svg|19px]] [[Friedrich Adolph Riedesel|บารอนรีเดเซิล]{{Surrendered}}<br />
[[File:Brunswick-Lüneburg Arms.svg|19px]] [[Friedrich Adolph Riedesel|บารอนรีเดเซิล]]{{Surrendered}}<br />
<br /><small>''เป็นต้น''</small>
<br /><small>''เป็นต้น''</small>
|strength1=
|strength1=

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:59, 3 มกราคม 2560

สงครามปฏิวัติอเมริกา

เรียงตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย: การยอมจำนนของลอร์ดคอร์นวอลลิสหลังการล้อมยอร์กทาวน์, ยุทธการที่เทรนตัน, การเสียชีวิตของนายพลวอร์เรนยุทธการที่บังเกอร์ฮิล, ยุทธการที่ลองไอแลนด์, ยุทธการที่สำนักงานศาลกิลเฟิร์ด
วันที่19 เมษายน 1775 – 3 กันยายน 1783
(8 ปี 4 เดือน 15 วัน)
สัตยาบันมีผล: 12 พฤษภาคม 1784
สถานที่
ทวีปอเมริกาเหนือตะวันออก, ทะเลแคริบเบียน อนุทวีปอินเดีย อเมริกากลาง ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย
ผล

สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (ค.ศ. 1783)

  • บริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐอเมริกา
  • การสิ้นสุดของจักรวรรดิบริติชที่หนึ่ง
  • สมาพันธ์อิระควอยแตก
ดินแดน
เปลี่ยนแปลง
  • บริเตนใหญ่ยกพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี และทางใต้ของเกรตเลกส์และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ให้สหรัฐ
  • บริเตนใหญ่ยกอีสต์ฟลอริดา เวสต์ฟลอริดาและมินอร์กาให้สเปน
  • บริเตนใหญ่ยกโตเบโกและเซเนกัลให้ฝรั่งเศส
  • สาธารณรัฐดัตช์ยกนาคปัตตินัม (Negapatnam) ให้บริเตนใหญ่
  • คู่สงคราม

    สหอาณานิคม (ก่อนปี 1776)
    สหรัฐ (หลังปี 1776)
    เวอร์มอนต์ (หลังปี 1777)
    ราชอาณาจักรฝรั่งเศส ฝรั่งเศส (หลังปี 1778)


    สเปน สเปน (หลังปี 1779)
     เนเธอร์แลนด์[1]
    ไมซอ[2]

    อเมริกันพื้นเมือง[3]

    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ บริเตนใหญ่


    อเมริกันพื้นเมือง[4]

    ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ

    สหรัฐ จอร์จ วอชิงตัน
    สหรัฐ เนธาเนียล กรีน
    สหรัฐ โฮเรชิโอ เกตส์
    อีเซก ฮอปคินส์
    ราชอาณาจักรฝรั่งเศส เคานต์รอช็องโบ
    ราชอาณาจักรฝรั่งเศส เคานต์เดอกราส Surrendered

    เป็นต้น

    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ เซอร์วิลเลียม ฮาว
    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ทอมัส เกจ
    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ เซอร์กาย คาร์ลทัน
    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ เซอร์เฮนรี คลินตัน
    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ลอร์ดคอร์นอวลลิส Surrendered
    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ จอห์น เบอร์กอยน์ Surrendered
    ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ริชาร์ด ฮาว
    วิลเฮล์ม คนึพเฮาเซิน
    บารอนรีเดเซิล Surrendered


    เป็นต้น
    กำลัง

    ณ จุดสูงสุด:
    กองทัพภาคพื้นทวีป 35,000 นาย
    ทหารชาวบ้าน 44,500 คน
    กะลาสีกองทัพภาคพื้นทวีป 5,000 คน (สูงสุดใน ค.ศ. 1779)[5]
    เรือกองทัพเรือภาคพื้นทวีป 34 ลำ (สูงสุดใน ค.ศ. 1779)[6]; 53 ลำ (ณ บางจุดระหว่างสงคราม)[5]
    ฝรั่งเศส 10,000 นาย (ในอเมริกา)

    ฝรั่งเศสและสเปน ~60,000 นาย (ในยุโรป)[7]

    ณ จุดสูงสุด:
    อังกฤษ 56,000 นาย [ต้องการอ้างอิง]
    เรือราชนาวี 78 ลำ ใน ค.ศ. 1775[5] กะลาสี 171,000 คน[8]
    เยอรมัน 30,000 นาย[9]
    ฝ่ายภักดีอังกฤษ 50,000 คน[10]

    ชนพื้นเมือง 13,000 คน[11]
    ความสูญเสีย
    อเมริกัน 50,000± คน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ[12]

    กองทัพอังกฤษ 20,000± คน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กะลาสี 19,740 คน เสียชีวิต[8]
    กละาสี 42,000 คน เสียชีวิตด้วยความหิวโหย[8]

    เยอรมันเสียชีวิต 7,554 นาย

    สงครามปฏิวัติอเมริกา (อังกฤษ: American Revolutionary War; ค.ศ. 1775–1783) หรือเรียก สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา (อังกฤษ: American War of Independence) หรือสงครามปฏิวัติในสหรัฐ เป็นการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างบริเตนใหญ่และสิบสามอาณานิคมอเมริกาเหนือซึ่งหลังสงครามเปิดฉากประกาศอิสรภาพเป็นสหรัฐอเมริกา

    สงครามนี้มีจุดกำเนิดจากการต่อต้านภาษีบางชนิดและพระราชบัญญัติซึ่งชาวอเมริกันจำนวนมากอ้างว่าไม่ชอบธรรมและมิชอบด้วยกฎหมาย การประท้วงของแพทริอัต (Patriot) ลุกลามเป็นการคว่ำบาตร และในวันที่ 16 ธันวาคม 1773 พวกเขาทำลายการส่งสินค้าชาในท่าบอสตัน รัฐบาลบริเตนตอบโต้โดยปิดท่าบอสตัน แล้วผ่านมาตรการโดยมุ่งลงโทษอาณานิคมที่เป็นกบฏ แพทริอัตสนองโดยซัฟฟอล์กรีซอฟส์ (Suffolk Resolves) คือ การสถาปนารัฐบาลเงาซึ่งกำจัดการควบคุมมณฑลจากคราวน์นอกบอสตัน สิบสองอาณานิคมตั้งสภาภาคพื้นทวีปเพื่อประสานงานการต่อต้าน และสถาปนาคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ซึ่งยึดอำนาจชะงัด

    ความพยายามยึดยุทโธปกรณ์อเมริกันของบริเตนในเดือนเมษายน 1775 นำสู่การยุทธ์อย่างเปิดเผยระหว่างกำลังคราวน์และทหารอาสาสมัครแพทริอัต ทหารอาสาสมัครเดินหน้าล้อมกำลังบริติชในบอสตัน บังคับให้ต้องอพยพนครในเดือนมีนาคม 1776 สภาภาคพื้นทวีปตั้งจอร์จ วอชิงตันให้บังคับบัญชาทหารอาสาสมัคร ต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีปที่เพิ่งตั้ง ตลอดจนประสานงานหน่วยทหารอาสาสมัครของรัฐ ในเวลาเดียวกับการทัพบอสตัน ความพยายามบุกครองควิเบกของอเมริกาและปลุกการกบฏต่อพระมหากษัตริย์บริติชล้มเหลวโดยสิ้นเชิง วันที่ 2 กรกฎาคม 1774 สภาลงมติสนับสนุนเอกราชอย่างเป็นทางการ โดยออกคำประกาศในวันที่ 4 กรกฎาคม

    เซอร์วิลเลียม ฮาว (William Howe) เริ่มการตีโต้ตอบซึ่งมุ่งยึดนครนิวยอร์กคืน ฮาวชนะวอชิงตันด้วยอุบาย ทำให้ความมั่นใจของฝ่ายอเมริกาแตะจุดต่ำสุด วอชิงตันสามารถยึดกองทัพเฮชชัน (Hessian) ได้ที่เทรนตัน และขับบริเตนออกจากนิวเจอร์ซีย์ ฟื้นความมั่นใจของฝ่ายอเมริกา ในปี 1777 บริเตนส่งกองทัพใหม่โดยมีจอห์น เบอร์กอยน์ (John Burgoyne) เป็นผู้บังคับบัญชาให้ยกลงใต้จากแคนาดาและแยกอาณานิคมนิวอิงแลนด์ ทว่า ฮาวไม่สนับสนุนเบอร์กอยน์ แต่นำกองทัพของเขาในอีกการทัพหนึ่งต่อกรุงฟิลาเดลเฟีย เมืองหลวงฝ่ายปฏิวัติ เบอร์กอยน์หมดกำลังบำรุง ถูกล้อมและยอมจำนนในเดือนตุลาคม 1777

    ความปราชัยของบริเตนที่ซาราโทกา (Saratoga) มีผลใหญ่หลวง ฝรั่งเศสและสเปนได้จัดหาอาวุธ เครื่องกระสุนและกำลังบำรุงอื่นให้ชาวอาณานิคมอย่างลับ ๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน 1776 บัดนี้ฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามอย่างเป็นทางการในปี 1778 โดยลงนามพันธมิตรทางทหารซึ่งรับรองเอกราชของสหรัฐ บริเตนตัดสินใจยอมเสียอาณานิคมทางเหนือ และกู้อดีตอาณานิคมทางใต้ กำลังบริเตนโดยมีชาลส์ คอร์นวอลลิส (Charles Cornwallis) เป็นผู้บังคับบัญชายึดจอร์เจียและเซาท์แคโรไลนา ยึดกองทัพอเมริกาได้ที่ชาลส์ตัน เซาท์แคโรไลนา ยุทธศาสตร์นี้อาศัยการก่อการกำเริบของลอยัลลิสต์ (Loyalist) ติดอาวุธจำนวนมาก แต่มีผู้มาเข้าร่วมน้อยเกินไป ในปี 1779 สเปนเข้าร่วมสงครามเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสภายใต้สนธิสัญญาตระกูล (Pacte de Famille) โดยเจตนายึดยิบรอลตาร์และอาณานิคมบริติชในแคริบเบียน บริเตนประกาศสงครามต่อสาธารณรัฐดัตช์ในปี 1780

    ในปี 1781 หลังปราชัยอย่างเด็ดขาดสองครั้งที่คิงส์เมาน์เทนและคาวเพนส์ คอร์นวอลลิสถอยไปเวอร์จิเนียโดยตั้งใจอพยพ ชัยทางเรืออย่างเด็ดขาดของฝรั่งเศสในเดือนกันยายนตัดทางหนีของบริเตน กองทัพร่วมฝรั่งเศส-อเมริกาโดยมีเคาต์รอช็องโบ (Count Rochambeau) และวอชิงตันเป็นผู้นำล้อมกองทัพบริติชที่ยอร์กทาวน์ เมื่อเห็นว่าไม่มีการช่วยเหลือและสถานการณ์ป้องกันไม่อยู่ คอร์นวอลลิสยอมจำนนในเดือนตุลาคม และทหารถูกจับเป็นเชลยประมาณ 8,000 คน

    วิกในบริเตนคัดค้านฝ่ายข้างมากทอรีนิยมสงครามในรัฐสภาอย่างยาวนาน ทว่า ความปราชัยที่ยอร์กทาวน์ทำให้วิกเป็นฝ่ายเหนือกว่า ต้นปี 1782 พวกเขาลงมติยุติปฏิบัติการบุกทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือ แต่สงครามกับฝรั่งเศสและสเปนยังดำเนินต่อ โดยบริเตนชนะทั้งสองประเทศระหว่างการล้อมใหญ่ยิบรอลตาร์ นอกเหนือจากนี้ พวกเขาชนะฝรั่งเศสทางเรือหลายครั้งทโดยที่เด็ดขาดที่สุด คือ ยุทธนาวีที่ซานต์ (Battle of the Saintes) ในแคริบเบียนปีเดียวกัน วันที่ 3 กันยายน 1783 คู่สงครามลงนามสนธิสัญญากรุงปารีสซึ่งยุติสงคราม บริเตนตกลงรับรองเอกราชของสหรัฐเหนือดินแดนโดยมีขอบเขตคร่าว ๆ อยู่ที่แคนาดาทางเหนือ ฟลอริดาทางใต้และแม่น้ำมิสซิสซิปปีทางตะวันตก แม้การเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องของฝรั่งเศสมีผลชี้ขาดต่อสาเหตุของเอกราชอเมริกา แต่ได้ดินแดนเพียงเล็กน้อย และมีปัญหาหนี้สินมหาศาล สเปนได้อาณานิคมฟลอริดาของบริเตนและเกาะมินอร์กา แต่ไม่สามารถชิงยิบรอลตาร์คืนซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก ฝ่ายดัตช์มีแต่เสีย โดยถูกบังคับให้ยกดินแดนบางส่วนให้บริติช

    อ้างอิง

    1. (1780–83)
    2. (1780–84)
    3. Oneida, Tuscarora, Catawba, Lenape, Chickasaw, Choctaw, Mahican, Mi'kmaq (until 1779), Abenaki, Cheraw, Seminole, Pee Dee, Lumbee, Watauga Association
    4. Onondaga, Mohawk, Cayuga, Seneca, Mi'kmaq (from 1779), Cherokee, Odawa, Muscogee, Susquehannock, Shawnee
    5. 5.0 5.1 5.2 Jack P. Greene and J. R. Pole. A Companion to the American Revolution (Wiley-Blackwell, 2003), p. 328.
    6. Everett C. Dolman. The Warrior State: How Military Organization Structures Politics (Macmillan, 2004), p. 163.
    7. Montero[โปรดขยายความ] p. 356
    8. 8.0 8.1 8.2 Mackesy (1964), pp. 6, 176 (British seamen)
    9. A. J. Berry, A Time of Terror (2006) p. 252
    10. Claude, Van Tyne, The loyalists in the American Revolution (1902) pp. 182–3.
    11. Greene and Pole (1999), p. 393; Boatner (1974), p. 545
    12. American dead and wounded: Shy, pp. 249–50. The lower figure for number of wounded comes from Chambers, p. 849.

    ดูเพิ่ม