ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดไพรแวง"

พิกัด: 11°29′N 105°20′E / 11.483°N 105.333°E / 11.483; 105.333
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ponpan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: {{กล่องข้อมูล นิคม | name = ไพรแวง, เปรยเวง | native_name = {{nobold|{{lang|km|ខ...
 
Ponpan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 60: บรรทัด 60:
}}
}}
{{indic}}
{{indic}}
'''ไพรแวง'''<ref name="ราชบัณฑิตยสภา">สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. ''ชื่อบ้านนามเมือง''. สืบค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2559</ref> หรือ '''เปรยเวง'''<ref name="ราชบัณฑิตยสภา"/> ({{lang-km|ខេត្តព្រៃវែង}}) ''เขตฺตพฺไรแวง'') เป็น[[จังหวัดของประเทศกัมพูชา|จังหวัด]]หนึ่งใน 25 แห่งของ[[ประเทศกัมพูชา]] มีเมืองเอกใน[[ไพรแวง (เมือง)|ชื่อเดียวกัน]] มีพื้นที่ 4,883 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 947,000 คนในปี ค.ศ. 2008 ทำให้เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ
'''ไพรแวง'''<ref name="ราชบัณฑิตยสภา">สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. ''ชื่อบ้านนามเมือง''. สืบค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2559</ref> หรือ '''เปรยเวง'''<ref name="ราชบัณฑิตยสภา"/> ({{lang-km|ខេត្តព្រៃវែង}} ''เขตฺตพฺไรแวง'') เป็น[[จังหวัดของประเทศกัมพูชา|จังหวัด]]หนึ่งใน 25 แห่งของ[[ประเทศกัมพูชา]] มีเมืองเอกใน[[ไพรแวง (เมือง)|ชื่อเดียวกัน]] มีพื้นที่ 4,883 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 947,000 คนในปี ค.ศ. 2008 ทำให้เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ


จังหวัดไพรแวงตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของ[[แม่น้ำโขง]] เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและมีการตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่น ชื่อจังหวัดมีความหมายว่า "ป่าซึ่งยาว" หรือ "ป่าซึ่งใหญ่" ทว่าในความเป็นจริงพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ของจังหวัดหายไปตั้งแต่ราว 30 ปีก่อนเนื่องจากการขยายพื้นที่เกษตรกรรม
จังหวัดไพรแวงตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของ[[แม่น้ำโขง]] เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและมีการตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่น ชื่อจังหวัดมีความหมายว่า "ป่าซึ่งยาว" หรือ "ป่าซึ่งใหญ่" ทว่าในความเป็นจริงพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ของจังหวัดหายไปตั้งแต่ราว 30 ปีก่อนเนื่องจากการขยายพื้นที่เกษตรกรรม
บรรทัด 67: บรรทัด 67:
ช่วงต้นคริสตกาล พื้นที่จังหวัดเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของ[[อาณาจักรฟูนัน]] โดยตั้งอยู่ระหว่างเมืองหลวงในเชิงการปกครอง (ปัจจุบันตั้งอยู่ใน[[จังหวัดอานซาง]]ของ[[ประเทศเวียดนาม]]) กับเมืองหลวงด้านเศรษฐกิจ (นครบอเรย ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่[[จังหวัดตาแกว]]) ต่อมาเมื่อ[[อาณาจักรเจนละ]]เริ่มมีอำนาจในพื้นที่ ศูนย์กลางอาณาจักรจึงถูกย้ายไปทางตะวันตกไกล ไปยัง[[เกาะเกร]] (កោះកេរ្ដិ៍) และ[[เมืองพระนคร|พระนคร]] ทำให้แถบไพรแวงถูกลดบทบาทลง
ช่วงต้นคริสตกาล พื้นที่จังหวัดเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของ[[อาณาจักรฟูนัน]] โดยตั้งอยู่ระหว่างเมืองหลวงในเชิงการปกครอง (ปัจจุบันตั้งอยู่ใน[[จังหวัดอานซาง]]ของ[[ประเทศเวียดนาม]]) กับเมืองหลวงด้านเศรษฐกิจ (นครบอเรย ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่[[จังหวัดตาแกว]]) ต่อมาเมื่อ[[อาณาจักรเจนละ]]เริ่มมีอำนาจในพื้นที่ ศูนย์กลางอาณาจักรจึงถูกย้ายไปทางตะวันตกไกล ไปยัง[[เกาะเกร]] (កោះកេរ្ដិ៍) และ[[เมืองพระนคร|พระนคร]] ทำให้แถบไพรแวงถูกลดบทบาทลง


คริสต์ศตวรรษที่ 15 กษัตริย์อาณาจักรเขมรได้ย้ายเมืองหลวงกลับมาทางตะวันออก เนื่องจากตำแหน่งเดิมถูกรุกรานโดย[[สยาม]] ตั้งเป็น[[อุฎุงค์]] (ឧដុង្គ) [[อาณาจักรเขมรละแวก|ละแวก]] และ[[พนมเปญ]]ตามลำดับ ส่วนไพรแวงไม่ได้รับการตั้งเป็นศูนย์กลางเนื่องจากอยู่ใกล้[[มณฑลอันนัม|อาณาจักรอันนัม]]มากเกินไป อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1473 ได้ปรากฏการตั้งค่ายทหารขึ้นในบาภน็อมเพื่อต่อต้านการรุกรานของสยาม
คริสต์ศตวรรษที่ 15 กษัตริย์อาณาจักรเขมรได้ย้ายเมืองหลวงกลับมาทางตะวันออก เนื่องจากตำแหน่งเดิมถูกรุกรานโดย[[สยาม]] ตั้งเป็นกรุง[[อุฎุงค์]] (ឧដុង្គ) [[อาณาจักรเขมรละแวก|ละแวก]] และ[[พนมเปญ]]ตามลำดับ ส่วนไพรแวงไม่ได้รับการตั้งเป็นศูนย์กลางเนื่องจากอยู่ใกล้[[มณฑลอันนัม|อาณาจักรอันนัม]]มากเกินไป อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1473 ได้ปรากฏการตั้งค่ายทหารขึ้นในบาภน็อมเพื่อต่อต้านการรุกรานของสยาม


เมื่อครั้งที่กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของ[[ฝรั่งเศส]] เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเห็นว่าไพรแวงมีศักยภาพต่อการเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการประมง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับอาณานิคม[[โคชินไชนา]]ของฝรั่งเศสอีกด้วย ทำให้ต่อมาเกิดการแผ้วถางป่าครั้งใหญ่เพื่อแปลงเป็นพื้นที่การเกษตร
เมื่อครั้งที่กัมพูชาอยู่ภายใต้[[กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส|การปกครองของฝรั่งเศส]] เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเห็นว่าไพรแวงมีศักยภาพต่อการเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการประมง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับอาณานิคม[[โคชินไชนา]]ของฝรั่งเศสอีกด้วย ทำให้ต่อมาเกิดการแผ้วถางป่าครั้งใหญ่เพื่อแปลงเป็นพื้นที่การเกษตร


ในปี ค.ศ. 1975 ยุคที่[[เขมรแดง]]เรืองอำนาจ จังหวัดไพรแวงประสบภาวะ[[ทุพภิกขภัย]]เป็นครั้งแรก จนถึงปี ค.ศ. 1977 ชาวจังหวัดไพรแวงหลายพันคนถูกสังหารและฝังโดยเขมรแดงเป็นจำนวนมาก ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1979 กองทัพเวียดนามจึงเข้ายึดและปลดปล่อยไพรแวงจากอิทธิพลของเขมรแดงได้สำเร็จ ทำให้ไพรแวงเป็นพื้นที่แรก ๆ ของกัมพูชาที่ได้รับอิสระจากอิทธิพลเขมรแดง
ในปี ค.ศ. 1975 ยุคที่[[เขมรแดง]]เรืองอำนาจ จังหวัดไพรแวงประสบภาวะ[[ทุพภิกขภัย]]เป็นครั้งแรก จนถึงปี ค.ศ. 1977 ชาวจังหวัดไพรแวงหลายพันคนถูกสังหารและฝังโดยเขมรแดงเป็นจำนวนมาก ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1979 กองทัพเวียดนามจึงเข้ายึดและปลดปล่อยไพรแวงจากอิทธิพลของเขมรแดงได้สำเร็จ ทำให้ไพรแวงเป็นพื้นที่แรก ๆ ของกัมพูชาที่ได้รับอิสระจากอิทธิพลเขมรแดง

รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:45, 3 พฤศจิกายน 2559

ไพรแวง, เปรยเวง

ខេត្តព្រៃវែង
จังหวัด
สะพานเนกเลือง ข้ามแม่น้ำโขง
แผนที่ประเทศกัมพูชาเน้นจังหวัดไพรแวง
แผนที่ประเทศกัมพูชาเน้นจังหวัดไพรแวง
พิกัด: 11°29′N 105°20′E / 11.483°N 105.333°E / 11.483; 105.333
ประเทศธงของประเทศกัมพูชา กัมพูชา
ยกฐานะเป็นจังหวัดค.ศ. 1907
เมืองหลวงไพรแวง
การปกครอง
 • ผู้ว่าราชการChea Somethy (CPP)
พื้นที่
 • ทั้งหมด4,883 ตร.กม. (1,885 ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่16
ประชากร
 (2008)[1]
 • ทั้งหมด947,357 คน คน
 • อันดับ4
 • อันดับความหนาแน่น6
เขตเวลาUTC+7
รหัสต่อ+855
รหัส ISO 3166KH-14
อำเภอ12 แห่ง
ตำบล116 แห่ง
หมู่บ้าน1,139 แห่ง
บทความนี้มีอักษรในตระกูลอักษรพราหมีปรากฏอยู่ คุณอาจเห็นสัญลักษณ์อื่นแทนตัวอักษร หรือมองเห็นสระวางผิดตำแหน่ง หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่สามารถแสดงผลได้อย่างถูกต้อง

ไพรแวง[2] หรือ เปรยเวง[2] (เขมร: ខេត្តព្រៃវែង เขตฺตพฺไรแวง) เป็นจังหวัดหนึ่งใน 25 แห่งของประเทศกัมพูชา มีเมืองเอกในชื่อเดียวกัน มีพื้นที่ 4,883 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 947,000 คนในปี ค.ศ. 2008 ทำให้เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ

จังหวัดไพรแวงตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและมีการตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่น ชื่อจังหวัดมีความหมายว่า "ป่าซึ่งยาว" หรือ "ป่าซึ่งใหญ่" ทว่าในความเป็นจริงพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ของจังหวัดหายไปตั้งแต่ราว 30 ปีก่อนเนื่องจากการขยายพื้นที่เกษตรกรรม

ประวัติศาสตร์

ช่วงต้นคริสตกาล พื้นที่จังหวัดเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของอาณาจักรฟูนัน โดยตั้งอยู่ระหว่างเมืองหลวงในเชิงการปกครอง (ปัจจุบันตั้งอยู่ในจังหวัดอานซางของประเทศเวียดนาม) กับเมืองหลวงด้านเศรษฐกิจ (นครบอเรย ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาแกว) ต่อมาเมื่ออาณาจักรเจนละเริ่มมีอำนาจในพื้นที่ ศูนย์กลางอาณาจักรจึงถูกย้ายไปทางตะวันตกไกล ไปยังเกาะเกร (កោះកេរ្ដិ៍) และพระนคร ทำให้แถบไพรแวงถูกลดบทบาทลง

คริสต์ศตวรรษที่ 15 กษัตริย์อาณาจักรเขมรได้ย้ายเมืองหลวงกลับมาทางตะวันออก เนื่องจากตำแหน่งเดิมถูกรุกรานโดยสยาม ตั้งเป็นกรุงอุฎุงค์ (ឧដុង្គ) ละแวก และพนมเปญตามลำดับ ส่วนไพรแวงไม่ได้รับการตั้งเป็นศูนย์กลางเนื่องจากอยู่ใกล้อาณาจักรอันนัมมากเกินไป อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1473 ได้ปรากฏการตั้งค่ายทหารขึ้นในบาภน็อมเพื่อต่อต้านการรุกรานของสยาม

เมื่อครั้งที่กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเห็นว่าไพรแวงมีศักยภาพต่อการเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการประมง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับอาณานิคมโคชินไชนาของฝรั่งเศสอีกด้วย ทำให้ต่อมาเกิดการแผ้วถางป่าครั้งใหญ่เพื่อแปลงเป็นพื้นที่การเกษตร

ในปี ค.ศ. 1975 ยุคที่เขมรแดงเรืองอำนาจ จังหวัดไพรแวงประสบภาวะทุพภิกขภัยเป็นครั้งแรก จนถึงปี ค.ศ. 1977 ชาวจังหวัดไพรแวงหลายพันคนถูกสังหารและฝังโดยเขมรแดงเป็นจำนวนมาก ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1979 กองทัพเวียดนามจึงเข้ายึดและปลดปล่อยไพรแวงจากอิทธิพลของเขมรแดงได้สำเร็จ ทำให้ไพรแวงเป็นพื้นที่แรก ๆ ของกัมพูชาที่ได้รับอิสระจากอิทธิพลเขมรแดง

ภูมิศาสตร์

แม่น้ำโขงบริเวณตำบลเนกเลือง อำเภอเพียมรอ

จังหวัดไพรแวงทีอาณาเขตติดต่อดังนี้ เริ่มจากทิศตะวันตกเรียงตามเข็มนาฬิกา จังหวัดกันดาล จังหวัดกำปงจาม จังหวัดตโบงฆมุม จังหวัดสวายเรียง และประเทศเวียดนาม มีแม่น้ำที่สำคัญของประเทศไหลผ่านสองสายคือ แม่น้ำโขงและแม่น้ำบาสัก

จังหวัดไพรแวงมีพื้นที่ทั้งสิ้น 4,883 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 2.7% ของพื้นที่ประเทศกัมพูชา (181,035 ตารางกิโลเมตร) พื้นที่กว่า 3,100 ตร.กม. หรือคิดเป็น 63.5% ของพื้นที่จังหวัดเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนพื้นที่ป่าไม้มีเพียง 194.61 ตร.กม. หรือคิดเป็น 4% ของพื้นที่จังหวัด นอกเหนือจากนี้เป็นพื้นทีที่มีการตั้งถิ่นฐาน โครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่สาธารณะ แหล่งน้ำ และพื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

การแบ่งเขตการปกครอง

จังหวัดไพรแวงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ 116 ตำบล 1,139 หมู่บ้าน รายชื่ออำเภอมีดังนี้[3]

ในวงเล็บคือรหัสทางภูมิศาสตร์และชื่ออำเภอในภาษาเขมร
  • อำเภอบาภน็อม (1401, បាភ្នំ)
  • อำเภอก็อมจายมาร (1402, កំចាយមារ)
  • อำเภอก็อมพงตระแบก (1403, កំពង់ត្របែក)
  • อำเภอกัญจะเรียจ (1404, កញ្ច្រៀច)
  • อำเภอเมสาง (1405, មេសាង)
  • อำเภอเพียมชรอ (1406, ពាមជរ)
  • อำเภอเพียมรอ (1407, ពាមរ)
  • อำเภอเพียเรือง (1408, ពារាំង)
  • อำเภอพระสเฎจ (1409, ព្រះស្ដេច)
  • อำเภอไพรแวง (1410, ព្រៃវែង)
  • อำเภอโพธิ์เรียง (1411, ពោធិ៍រៀង)
  • อำเภอซีธรกัณฎาล (1412, ស៊ីធរកណ្ដាល)
  • อำเภอสวายอันทร (1413, ស្វាយអន្ទរ)

ประชากร

จังหวัดไพรแวงมีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 947,357 คน คิดเป็น 7.07% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มี 13,388,910 คน[1] ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมและการประมง (825,818 คน คิดเป็น 80.54% และ 140,685 คน คิดเป็น 13.72% ของจำนวนประชากรจังหวัดตามลำดับ) นอกจากนี้ทำอาชีพค้าขายและรับราชการ ความหนาแน่นของประชากรเท่ากับ 194 คน/ตร.กม.

ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดมีถิ่นกำเนิดในกัมพูชา มีชนกลุ่มน้อยเพียง 1.13% ของจำนวนประชากร ซึ่งได้แก่ ชาวญวน มุสลิมจาม และลาว

เศรษฐกิจ

นาข้าวในจังหวัดไพรแวง

เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการสะสมของตะกอนเมื่อเกิดน้ำท่วม จังหวัดไพรแวงจึงเป็นภูมิภาคที่เอื้อต่อการทำเกษตรและประมง จนได้รับฉายาว่าเป็น "เข็มขัดใหญ่สีเขียวของกัมพูชา"

จังหวัดไพรแวงมีพื้นที่ปลูกข้าวมากที่สุดในประเทศ ผลผลิตจากข้าวจากจังหวัดนี้มากถึง 10% ของผลผลิตจากพืชทั้งหมดของประเทศ นอกจากข้าวแล้วยังมีพืชชนิดอื่น เช่น ยาสูบ ถั่วเขียว อ้อยทำน้ำตาล ปาล์มทำน้ำตาล มันสำปะหลัง งา ผลไม้ เช่น มะพร้าว มะม่วง และมะม่วงหิมพานต์ ในอดีตเคยมีการปลูกยางพาราและเคยเป็นผลผลิตทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด แต่ได้ถูกละทิ้งไปในสมัยสงครามกลางเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน

ถึงแม้ว่าจังหวัดไพรแวงจะเป็นศูนย์กลางด้านเกษตรกรรม แต่อัตราความยากจนยังคงสูงมากเป็นลำดับต้นของประเทศ โดยประชากรกว่า 53% ของจังหวัดถูกจัดอยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน และกว่า 36% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้จังหวัดไพรแวงมีอัตราการย้ายถิ่นออกสูงกว่าย้ายเข้า

อ้างอิง

  • กระทรวงเกษตร การป่าไม้ และการประมงกัมพูชา

แหล่งข้อมูลอื่น