ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล สมเด็จพระสังฆราช
{{กล่องข้อมูล สมเด็จพระสังฆราช
| สีพิเศษ = Orange
| สีพิเศษ = Orange
| ภาพ = กรมหลวงชินวร.jpg
| ภาพ = สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์1.jpg
| พระนาม = พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
| พระนาม = พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
| สถิต = [[วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร]]
| สถิต = [[วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:54, 30 ตุลาคม 2559

พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 11
ดำรงพระยศ20 สิงหาคม พ.ศ. 2464 - 25 สิงหาคม พ.ศ. 2480 (16 ปี 5 วัน)
สมณุตตมาภิเษก20 สิงหาคม พ.ศ. 2464
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
ก่อนหน้าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ถัดไปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว)
สถิตวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
ราชวงศ์ราชวงศ์จักรี
ประสูติ16 ธันวาคม พ.ศ. 2402
สิ้นพระชนม์25 สิงหาคม พ.ศ. 2480 (77 ปี 253 วัน)
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
พระบิดาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชมพูนุท กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์
พระมารดาหม่อมปุ่น

พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (16 ธันวาคม พ.ศ. 2402 - 25 สิงหาคม พ.ศ. 2480 [1]) เป็นพระราชวงศ์ในราชสกุล ชมพูนุท ดำรงสมณศักดิ์สมเด็จพระสังฆราชเป็นพระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2465 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกอยู่ 16 ปี

พระประวัติ

ประสูติกาล

พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า มีพระนามเดิมว่าหม่อมเจ้าภุชงค์ เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชมพูนุท กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ กับหม่อมปุ่น ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2402 แรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ที่วังหน้าวัดราชบพิธฯ มุมถนนราชบพิธกับถนนเฟื่องนคร ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

การศึกษาขณะเป็นฆราวาส

เมื่อยังทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาอักขรสมัยไทย ในสำนักเจ้าจอมมารดาสัมฤทธิ์ผู้เป็นย่า เมื่อเข้าพิธีเกสากันต์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้า ฯ ให้ไปศึกษาที่โรงเรียน Raffles เมืองสิงคโปร์ เมื่อปี พ.ศ. 2414 เป็นเวลา 9 เดือน แล้วจึงเสด็จกลับพระนคร ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับเจ้านายขึ้นแล้ว ก็ทรงเข้าศึกษาต่อที่นี่โดยไม่กลับไปสิงคโปร์อีก นอกจากนี้ยังทรงศึกษาอักษรขอมจากพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จนผนวชในปี พ.ศ. 2416[2]

ผนวช

พ.ศ. 2416 เมื่อพระชนมายุได้ 14 พรรษา ผนวชเป็นสามเณร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ผนวชแล้วประทับ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

เมื่ออายุครบอุปสมบทในปี พ.ศ. 2422 ได้โปรดให้อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม (สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร เป็นพระบรรพชาจารย์[3] ได้รับพระนามฉายาว่า "สิริวฑฺฒโน" ผนวชแล้วกลับมาประทับที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามตามเดิม

การศึกษาขณะเป็นบรรพชิต

ขณะเป็นสามเณรได้ศึกษาภาษาบาลีกับพระครูบัณฑรธรรมสโมทาน (สด) ภาษาไทยกับพระยาโอวาทวรกิจ (แก่น) และภาษาสันสกฤตกับพราหมณ์ เมื่อผนวชเป็นพระภิกษุแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ขณะทรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมวโรดม ทรงเข้าสอบเปรียญ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2425 ได้เป็นเปรียญธรรม 4 ประโยค

ต่อมาในปี พ.ศ. 2430 ทรงเข้าแปลได้เพิ่มอีก 1 ประโยค รวมเป็นเปรียญธรรม 5 ประโยค พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานวัตถุจัตุปัจจัยมูลค่า 2 ชั่งเป็นรางวัล[4]

การสิ้นพระชนม์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ประชวรด้วยพระโรคเส้นพระโลหิตในกระเพาะพระบังคนเบาพิการ ทำให้บังคนเบาเป็นโลหิต สิ้นพระชนม์เมื่อวันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2480[5] แรม 3 ค่ำ เดือน 9 สิริรวมพระชนมายุได้ 79 พรรษา ดำรงสมณเพศได้ 59 พรรษา[6] ได้รับพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส[7]

สมณศักดิ์

  • พ.ศ. 2430 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรต[8]
  • พ.ศ. 2438 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่เสมอชั้นเทพ ในราชทินนามเดิม[9]
  • พ.ศ. 2442 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมปาโมกข์ มีราชทินนามตามจารึกในสุพรรณบัตรว่า หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรต อังคีรสธรรมปาโมกข์ ยุตโยคยตินายก ไตรปิฎกธารี ธรรมวาทีคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี[10]
  • พ.ศ. 2444 ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เป็นพระองค์ที่ 2 สืบต่อจากพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร
  • พ.ศ. 2449 ได้เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองในคณะกลาง มีสมณศักดิ์เสมอพระพรหมมุนี และมีพระอิสริยยศเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า มีราชทินนามตามจารึกในสุพรรณบัตรว่า 'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรต อังคีรสสาสนธำรง ราชวรพงษ์ศักดิ์พิบุลย์ สุนทรอรรถปริยัติโกศล โสภณศีลสมาจารวัตร มัชฌิมคณานุนายก สาสนดิลกบพิตร"[11]
  • พ.ศ. 2453 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่คณะกลาง มีราชทินนามว่า "พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ ขัตติยพงศ์พรหมจารี ประสาทนียคุณากร สถาพรพิริยพรต อังคีรสศาสนธำรง ราชวรวงศ์วิสุต วชิราวุธมหาราชอภินิษกรมณาจารย์ สุขุมญาณวิบุล สุนทรอรรถปริยัติโกศล โศภนศีลสมาจารวัตร มัชฌิมคณิศรมหาสังฆนายก พุทธศาสนดิลกสถาวีรบพิตร"[12]
  • พ.ศ. 2464 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก นับว่าเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์แรก มีพระนามว่า "พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรศิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า"[13]
  • พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เลื่อนพระอิสริยยศเป็นกรมหลวง มีราชทินนามว่า "พระเจ้าวรวงศเธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน ขัติยมหาเจษฎานุพงศ อริยวงศาคตญาณวิมลสกลมหาสงฆปรินายก ตรีปิฎกกลาโกศล ภัทรผลพลูสวัสดิสัทธรรมทีปกร ไทวภราดรมหาราชาภินิษกรมณาจารย์ ภุชงคบุราภิธานครุฐานิยมมหาบัณฑิต สุขสิทธิหิตรรถเมตตาขันตยาศรัย ศรีรัตนตรัยศรณาภิรัต สยามาธิปัตยามหาสังฆปาโมกขประธานาธิบดี ศรีสมณุดมบรมบพิตร"[14]

พระปรีชาสามารถ

พระองค์มีพระปรีชาสามารถทางพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง นับว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญพระองค์หนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงนิพนธ์ตำรา และหนังสือสำคัญทางพระพุทธศาสนาไว้มากมาย เช่น คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา หรือพจนานุกรมภาษาบาลีแปลเป็นไทย มหานิบาตชาดก นิทานต้นบัญญัติ สามเณรสิกขา เป็นต้น พระนิพนธ์เหล่านี้ ยังใช้เป็นคู่มือในการศึกษาภาษาบาลี และศึกษาพระพุทธศาสนาของภิกษุสามเณรมาจนถึงปัจจุบัน ทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตสืบต่อจากสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อน และทรงเป็นกรรมการชุดแรกของมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2436 สุดท้ายได้เป็นนายกกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 ตราบจนสิ้นพระชนม์

ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนวัดราชบพิธ พระองค์ที่ 2 ประทานคาถาภาษาบาลีเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจบรรดาครูและนักเรียนว่า "วิริเยน ทุกขมจฺเจติ" แปลว่า "คนล่วงทุกข์เสียได้ด้วยความเพียร" และได้ประทานตรา "ชส" ซึ่งเป็นพระนามย่อของพระองค์ให้แก่โรงเรียน ซึ่งปัจจุบัน ได้เป็นสัญลักษณ์บนเข็ม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนแห่งนี้

ครบ 150 ปี วันประสูติ

ตราสัญลักษณ์ ครบ 150 ปี วันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (16 ธันวาคม 2402 — 2552)

16 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ครบ 150 ปี วันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระองค์จึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับงานนี้ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์[15]

อ้างอิง

  1. ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
  2. สมมติอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ, เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑, กรมศิลปากร, 2545,
  3. ประวัติวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ : อัมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ, 2531, หน้า 149
  4. ราชกิจจานุเบกษา, การตั้งพระราชาคณะแลเปรียญที่แปลพระปริยัติธรรม, เล่ม 4 , ตอนที่ 22, 8 กันยายน 2430, หน้า 174-5
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก, เล่ม 54, ตอนที่ 0 ง, 30 สิงหาคม 2480, หน้า 1247
  6. ประวัติวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ : อัมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ, 2531, หน้า 154
  7. ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า, เล่ม 55, ตอนที่ 0 ง, 20 กุมภาพันธ์ 2481, หน้า 3901-3910
  8. ราชกิจจานุเบกษา, คำประกาศตั้งพระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร, เล่ม 4 ,หน้า 257
  9. ราชกิจจานุเบกษา, พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรแลเลื่อนตำแหน่งยศ, เล่ม 13, หน้า 15
  10. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม 16, 19 พฤศจิกายน 2442, หน้า 486
  11. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศตั้งพระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรต และเลื่อนตำแหน่งสมณศักดิ์, เล่ม ๒๓, ๖ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๕, หน้า ๑๑๘-๑๒๐
  12. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเฉลิมพระนาม พระวรวงษ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ง, ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๖๒๓
  13. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า, เล่ม ๓๘, ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๒๐๐
  14. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนากรมหมื่นชินวรสิริวัฒน ขึ้นเป็นกรมหลวง , เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ก, ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๑๐๘
  15. http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000153161


ก่อนหน้า พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ถัดไป
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ไฟล์:ฉัตรสามชั้น.jpg
สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
(พ.ศ. 2465 - พ.ศ. 2480)
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช
(แพ ติสฺสเทโว)
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ไฟล์:ธรรมยุตินิกาย.gif
เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
(พ.ศ. 2465 - พ.ศ. 2471)
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร
เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
(พ.ศ. 2444 - พ.ศ. 2480)
พระศาสนโศภน (ภา ภาณโก)