ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[ไฟล์:GDP_per_capita_PPP_2014-en.svg|400px|thumb|จีดีพีต่อหัว (พีพีพี) ในปี ค.ศ. 2014]] |
[[ไฟล์:GDP_per_capita_PPP_2014-en.svg|400px|thumb|จีดีพีต่อหัว (พีพีพี) ในปี ค.ศ. 2014]] |
||
'''ภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ''' ({{lang-en|purchasing power parity, PPP}}) หรือ '''ประสิทธิผลของเงิน''' เป็นค่าค่าหนึ่งที่เกิดจากการประมาณทางเทคนิคโดยใช้[[ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์]] |
'''ภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ''' ({{lang-en|purchasing power parity, PPP}}) หรือ '''ประสิทธิผลของเงิน''' เป็นค่าค่าหนึ่งที่เกิดจากการประมาณทางเทคนิคโดยใช้[[ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์]]เพื่อคำนวณหาระดับการบริโภคสินค้าและบริการในแต่ละประเทศ โดยใช้ราคาสินค้าและบริการใน[[สหรัฐอเมริกา]]เป็นฐานในการคำนวณ และแสดงผลในสกุลเงิน[[ดอลลาร์สหรัฐ]] |
||
== ในบริบทของจีดีพี == |
== ในบริบทของจีดีพี == |
||
[[จีดีพี]]แบบความเสมอภาคของอำนาจซื้อ จะสะท้อนว่าประเทศนั้นๆได้ผลิตสินค้าและบริการรวมกันมากน้อยแค่ไหนหากใช้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐอเมริหาเป็นฐานในการคำนวณ อาทิ ประเทศไทยผลิตน้ำตาลในหนึ่งปีได้หนึ่งแสนตัน การคำนวณแบบ PPP จะไม่สนว่าหนึ่งแสนตันนี้จะจำหน่ายในประเทศและส่งออกได้เงินเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่เราจะสนว่าราคาน้ำตาลในสหรัฐอเมริกาเป็นเท่าไหร่แล้วจึงนำราคานั้นมาคำนวณมูลค่า ก็จะได้เป็น PPP จากภาคอุตสาหกรรมน้ำตาลของไทย |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
{|class="wikitable" style="text-align: right" |
{|class="wikitable" style="text-align: right" |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:27, 11 ตุลาคม 2559
ภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ (อังกฤษ: purchasing power parity, PPP) หรือ ประสิทธิผลของเงิน เป็นค่าค่าหนึ่งที่เกิดจากการประมาณทางเทคนิคโดยใช้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เพื่อคำนวณหาระดับการบริโภคสินค้าและบริการในแต่ละประเทศ โดยใช้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐอเมริกาเป็นฐานในการคำนวณ และแสดงผลในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ในบริบทของจีดีพี
จีดีพีแบบความเสมอภาคของอำนาจซื้อ จะสะท้อนว่าประเทศนั้นๆได้ผลิตสินค้าและบริการรวมกันมากน้อยแค่ไหนหากใช้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐอเมริหาเป็นฐานในการคำนวณ อาทิ ประเทศไทยผลิตน้ำตาลในหนึ่งปีได้หนึ่งแสนตัน การคำนวณแบบ PPP จะไม่สนว่าหนึ่งแสนตันนี้จะจำหน่ายในประเทศและส่งออกได้เงินเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่เราจะสนว่าราคาน้ำตาลในสหรัฐอเมริกาเป็นเท่าไหร่แล้วจึงนำราคานั้นมาคำนวณมูลค่า ก็จะได้เป็น PPP จากภาคอุตสาหกรรมน้ำตาลของไทย
ดังนั้นจีดีพีแบบอำนาจซื้อจะสะท้อนอำนาจการบริโภคหรือชีวิตความเป็นอยู่ได้ดีกว่าจีดีพีแบบตัวเงิน ประเทศกำลังพัฒนา มักจะมีจีดีพี (พีพีพี) สูงกว่าจีดีพี (ตัวเงิน) อาทิ
ประเทศ | จีดีพีต่อหัว (ตัวเงิน) | จีดีพีต่อหัว (พีพีพี) | อัตราทด |
---|---|---|---|
อินเดีย | 1,630 ดอลลาร์สหรัฐ | 5,833 ดอลลาร์สหรัฐ | 3.58 |
ไทย | 5,560 ดอลลาร์สหรัฐ | 14,660 ดอลลาร์สหรัฐ | 2.63 |
แอฟริกาใต้ | 6,477 ดอลลาร์สหรัฐ | 13,046 ดอลลาร์สหรัฐ | 2.01 |
เดนมาร์ก | 60,634 ดอลลาร์สหรัฐ | 44,862 ดอลลาร์สหรัฐ | 0.74 |
จากข้อมูลข้างต้น จะพบว่า แอฟริกาใต้มีรายได้ตัวเงินต่อหัวสูงกว่าประเทศไทย แต่กลับมีอำนาจซื้อต่อหัวต่ำกว่าไทย ซึ่งสามารถสะท้อนได้ว่า "ในประเทศไทยสามารถใช้เงินในจำนวนที่น้อยกว่าเพื่อบริโภคสินค้าและบริการที่มากกว่าในประเทศแอฟริกาใต้" และเมื่อพิจารณาอัตราทดแล้ว (อำนาจซื้อต่อหัว/รายได้ตัวเงินต่อหัว) จะพบว่า ในบรรดาสี่ประเทศนี้ ชาวอินเดียสามารถใช้เงินได้มีประสิทธิผลมากที่สุด (สินค้าและบริการมีราคาถูกที่สุด) ในขณะที่ชาวเดนมาร์กนั้นมีราคาสินค้าและบริการแพงที่สุด
อ้างอิง
- ↑ GDP per capita (current US$) ธนาคารโลก
- ↑ GDP per capita, PPP (current international $) ธนาคารโลก