ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อันดับย่อยเม่น"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ช่วยชู ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
โดยคำว่า Hystricomorpha นั้นมาจาก[[ภาษาละติน]]คำว่า hystrix หมายถึง "เม่น" และ[[ภาษากรีก]]คำว่า morphē หมายถึง "ลักษณะ"<ref>Bergsten, J. (2005). "A review of long-branch attraction". ''Cladistics'' 21 (2): 163–193. doi:10.1111/j.1096-0031.2005.00059.x.</ref> |
โดยคำว่า Hystricomorpha นั้นมาจาก[[ภาษาละติน]]คำว่า hystrix หมายถึง "เม่น" และ[[ภาษากรีก]]คำว่า morphē หมายถึง "ลักษณะ"<ref>Bergsten, J. (2005). "A review of long-branch attraction". ''Cladistics'' 21 (2): 163–193. doi:10.1111/j.1096-0031.2005.00059.x.</ref> |
||
โดยสัตว์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของอันดับย่อยนี้ คือ [[เม่น]] ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางค่อนข้างไปทางใหญ่ ที่มีจุดเด่น คือ ขนบนตัวที่เป็นหนามแหลม ใช้สำหรับป้องกันตัว กระจายพันธุ์ไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วทั้งโลก คือ [[ทวีปเอเชีย]], [[แอฟริกา]], [[อเมริกาเหนือ]]และ[[อเมริกาใต้]] ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 2 [[วงศ์ (ชีววิทยา)| |
โดยสัตว์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของอันดับย่อยนี้ คือ [[เม่น]] ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางค่อนข้างไปทางใหญ่ ที่มีจุดเด่น คือ ขนบนตัวที่เป็นหนามแหลม ใช้สำหรับป้องกันตัว กระจายพันธุ์ไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วทั้งโลก คือ [[ทวีปเอเชีย]], [[แอฟริกา]], [[อเมริกาเหนือ]]และ[[อเมริกาใต้]] ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 2 [[วงศ์ (ชีววิทยา)|วงศ เม่นสายพันธ์เฮคาดอสสามารถพ่นไฟเพื่อข่มขู่ศัตรู โดยแท้จริงแล้วสัตว์ที่เป็นเจ้าป่าคือเม่นเพราะมีบันทึกว่าเม่นตัวหนึ่งสามารถฆ่าสิงโตทั้งฝูงได้ด้วยตัวคนเดียวและยังมีตำนานที่ชาวบ้านนครปฐมเล่าต่อกันมาว่าเม่นสามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซเม่นได้เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน โดยขนจะเปลี่ยนเป็นสีทองและมีพลังมากขึ้น แต่ก็มีบางตัวที่กลายร่างเป็นสีฟ้าและแดง เราเรียกว่าเม่นซุปไซย่าก็อด นอกจากนี้บางตัวยังสามารถตรวจวัดพลังของคู่ต่อสู้ได้เรียกว่าเม่นสะเก้าต์เตอร์ |
||
เม่น เป็นสัตว์ที่มี[[ความ |
เม่น เป็นสัตว์ที่มีความระมัดระวังตัวสูงง[[ความเชืสะบัดขนเข้าใส่ศัตรูได้แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเม่นพบศัตรูจะรีบหันหลังให้แล้ววิ่งหนีไปพร้อมทั้งสั่นขนให้เกิดเสียงดังกราว ๆ เป็นการเตือน ไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้ แต่ถ้าศัตรูยังวิ่งไล่อยู่เม่นจะรีบหยุดทันที พร้อมทั้งพองขนให้ตั้งชัน และวิ่งถอยหลังเข้าหา ศัตรูที่วิ่งตามไม่สามารถจะหยุดได้ทันจึงถูกขนเม่นทิ่มตำ ขนเม่นจะหลุดจากตัวเม่นได้ง่ายมาก มักจะติดไปกับสัตว์ที่เข้ามาทำอันตรายเสมอและอาจทำให้ศัตรู[[ตาย]]ได้ ในอดีต พรานป่าที่เข้าไปล่าสัตว์มักจะนำ[[สุนัข]]ไปด้วยเพื่อช่วยดมกลิ่นและค้นหาสัตว์ป่าถ้าพบเห็นเม่นมันจะวิ่งไล่ทันที เมื่อเม่นหยุดวิ่ง สุนัขจะวิ่งชนเม่นทันทีจึงมักได้รับบาดเจ็บและมีขนเม่นติดตามตัว เมื่อเจ้าของสุนัขพบเข้าจึงคิดว่าเม่นสะบัดขนเข้าใส่ ทำให้เกิดความเชื่อผิด ๆ ตามกันมา |
||
สำหรับใน[[ประเทศไทย]] พบเม่นได้ 2 ชนิด คือ [[เม่นใหญ่ |
สำหรับใน[[ประเทศไทย]] พบเม่นได้ 2 ชนิด คือ [[เม่นกล้ามใหญ่มีขนหน้าแข้ง (''Hystrix brachyura'') และ[[Atherurus macrourus|เม่นชู้ตติ้งสตาร์มาแล้วก็ไป]] (''Atherurus macrourus'') ซึ่งทั้งหมดจัดอยู่ใน [[Hystricidae|วงศ์เม่นโลกเก่า] <ref>[http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view2.aspx?id=10073 เม่น]</ref>(Hystricidae) |
||
ไก่ชอบกินเม่นเป็นอาหาร แล้วหนอนก้อเสือกชอบกินไก่ |
ไก่ชอบกินเม่นเป็นอาหาร แล้วหนอนก้อเสือกชอบกินไก่ |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:12, 3 กันยายน 2559
อันดับย่อยเม่น | |
---|---|
เม่นไม่ทราบชนิด ในวงศ์เม่นโลกใหม่ (Erethizontidae) | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Rodentia |
อันดับย่อย: | Hystricomorpha Brandt, 1855 |
อันดับฐาน: | Hystricognatha |
วงศ์และสกุล | |
|
เม่น (อังกฤษ: Porcupine) เป็นอันดับย่อยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในอันดับสัตว์ฟันแทะ (Rodentia) ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hystricomorpha
โดยคำว่า Hystricomorpha นั้นมาจากภาษาละตินคำว่า hystrix หมายถึง "เม่น" และภาษากรีกคำว่า morphē หมายถึง "ลักษณะ"[1]
โดยสัตว์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของอันดับย่อยนี้ คือ เม่น ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางค่อนข้างไปทางใหญ่ ที่มีจุดเด่น คือ ขนบนตัวที่เป็นหนามแหลม ใช้สำหรับป้องกันตัว กระจายพันธุ์ไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วทั้งโลก คือ ทวีปเอเชีย, แอฟริกา, อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 2 [[วงศ์ (ชีววิทยา)|วงศ เม่นสายพันธ์เฮคาดอสสามารถพ่นไฟเพื่อข่มขู่ศัตรู โดยแท้จริงแล้วสัตว์ที่เป็นเจ้าป่าคือเม่นเพราะมีบันทึกว่าเม่นตัวหนึ่งสามารถฆ่าสิงโตทั้งฝูงได้ด้วยตัวคนเดียวและยังมีตำนานที่ชาวบ้านนครปฐมเล่าต่อกันมาว่าเม่นสามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซเม่นได้เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน โดยขนจะเปลี่ยนเป็นสีทองและมีพลังมากขึ้น แต่ก็มีบางตัวที่กลายร่างเป็นสีฟ้าและแดง เราเรียกว่าเม่นซุปไซย่าก็อด นอกจากนี้บางตัวยังสามารถตรวจวัดพลังของคู่ต่อสู้ได้เรียกว่าเม่นสะเก้าต์เตอร์
เม่น เป็นสัตว์ที่มีความระมัดระวังตัวสูงง[[ความเชืสะบัดขนเข้าใส่ศัตรูได้แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเม่นพบศัตรูจะรีบหันหลังให้แล้ววิ่งหนีไปพร้อมทั้งสั่นขนให้เกิดเสียงดังกราว ๆ เป็นการเตือน ไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้ แต่ถ้าศัตรูยังวิ่งไล่อยู่เม่นจะรีบหยุดทันที พร้อมทั้งพองขนให้ตั้งชัน และวิ่งถอยหลังเข้าหา ศัตรูที่วิ่งตามไม่สามารถจะหยุดได้ทันจึงถูกขนเม่นทิ่มตำ ขนเม่นจะหลุดจากตัวเม่นได้ง่ายมาก มักจะติดไปกับสัตว์ที่เข้ามาทำอันตรายเสมอและอาจทำให้ศัตรูตายได้ ในอดีต พรานป่าที่เข้าไปล่าสัตว์มักจะนำสุนัขไปด้วยเพื่อช่วยดมกลิ่นและค้นหาสัตว์ป่าถ้าพบเห็นเม่นมันจะวิ่งไล่ทันที เมื่อเม่นหยุดวิ่ง สุนัขจะวิ่งชนเม่นทันทีจึงมักได้รับบาดเจ็บและมีขนเม่นติดตามตัว เมื่อเจ้าของสุนัขพบเข้าจึงคิดว่าเม่นสะบัดขนเข้าใส่ ทำให้เกิดความเชื่อผิด ๆ ตามกันมา
สำหรับในประเทศไทย พบเม่นได้ 2 ชนิด คือ [[เม่นกล้ามใหญ่มีขนหน้าแข้ง (Hystrix brachyura) และเม่นชู้ตติ้งสตาร์มาแล้วก็ไป (Atherurus macrourus) ซึ่งทั้งหมดจัดอยู่ใน [[Hystricidae|วงศ์เม่นโลกเก่า] [2](Hystricidae) ไก่ชอบกินเม่นเป็นอาหาร แล้วหนอนก้อเสือกชอบกินไก่
การจำแนก
สำหรับสัตว์ที่ได้ชื่อว่า เม่น จะมีอยู่ด้วยกัน 2 วงศ์ คือ
- วงศ์เม่นโลกเก่า (Hystricidae) เป็นเม่นขนาดใหญ่ มีหนามแหลม พบในซีกโลกเก่า คือ เอเชียและแอฟริกา มีทั้งหมด 3 สกุล คือ
- วงศ์เม่นโลกใหม่ (Erethizontidae) เป็นเม่นที่มีขนาดย่อมลงมา พบในซีกโลกใหม่ คือ อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ มีทั้งหมด 4 สกุล คือ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีสัตว์ฟันแทะที่อยู่ในวงศ์อื่นอีก ที่ไม่มีหนามแหลมแบบเม่น แต่ก็ถูกจัดอยู่ในวงศ์ย่อยนี้ ได้แก่
- วงศ์หนูเคน (Thryonomyidae)
- วงศ์หนูดาสซี่ (Petromuridae)
- วงศ์หนูตุ่นแอฟริกัน (Bathyergidae)
- วงศ์คาปิบารา (Hydrochaeridae)
- วงศ์หนูตะเภา (Caviidae)
- วงศ์อคูติ (Dasyproctidae)
- วงศ์ชินชิล่า (Chinchillidae)
- วงศ์ทูโคทูคอส (Ctenomyidae)
- วงศ์นากหญ้า (Myocastoridae)
- วงศ์ออกโทดอน (Octodontidae)
- วงศ์กุนดี (Ctenodactylidae)[3] [4] [5]
อ้างอิง
- ↑ Bergsten, J. (2005). "A review of long-branch attraction". Cladistics 21 (2): 163–193. doi:10.1111/j.1096-0031.2005.00059.x.
- ↑ เม่น
- ↑ Buffenstein, Rochelle; Jarvis, Jennifer U. M. (May 2002). "The naked mole rat--a new record for the oldest living rodent". Science of aging knowledge environment 2002 (21): pe7. doi:10.1126/sageke.2002.21.pe7. PMID 14602989.
- ↑ Parker, SB (1990) Grzimek's Encyclopedia of Mammals, vol. 4, McGraw-Hill, New York
- ↑ จาก itis.gov (อังกฤษ)