ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พีรวงค์ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
พีรวงค์ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
| สีพิเศษ = #ffcc00
| สีพิเศษ = #ffcc00
|ภาพ = ไฟล์:พระวิไชยราชา.jpg
|ภาพ = ไฟล์:พระวิไชยราชา.jpg
|ภาพกว้าง =
|ภาพกว้าง = 200px
|พระนาม = เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์
|พระนาม = เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์
|วันประสูติ =
|วันประสูติ =

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:32, 17 กรกฎาคม 2559

พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์)

เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์
พระวิไชยราชานครแพร่
พิราลัยพ.ศ. 2465
ชายาเจ้าคำป้อ แสนศิริพันธุ์
ราชวงศ์ราชวงศ์เทพวงศ์
พระบิดาเจ้าแสนเสมอใจ

พระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) หรือ เจ้าหนานขัติ พระวิไชยราชาองค์สุดท้ายแห่งนครแพร่ และอดีตเสนาคลังจังหวัดแพร่ เป็นราชบุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19

พระประวัติ

พระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) หรือ เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์ เป็นราชบุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19 เจ้าหนานขัติ ดำรงตำแหน่งเป็น พระวิไชยราชา พระวิไชยราชานครแพร่ และเสนาฝ่ายคลัง ในสมัยเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย ถือศักดินา 1,000 ไร่[1] เจ้าหนานขัติ เสกสมรสกับเจ้าคำป้อ ธิดาพระญาประเสริฐชนะสงครามราชภักดี เชื้อพระวงศ์เจ้านายฝ่ายเหนือ มีบุตรธิดาหนึ่งในนั้นคือเจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดแพร่ และอดีตสมาชิกขบวนการเสรีไทย[2]

การทำงาน

ด้านการทหาร

  • เจ้าพระวิไชยราชา ได้เป็นแม่ทัพคุมรี้พลจากเมืองนครแพร่ไปสมทบกับทัพหลวงของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีที่หัวพันทั้งห้าทั้งหก และทำศึกปราบฮ่ออยู่ที่เมืองหลวงพระบาง
  • เจ้าพระวิไชยราชา ยังเป็นผู้ที่ยืนขนาบเคียงข้างเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ เพื่อนำพาออกไปรับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีที่ยกทัพหลวงมาปราบพวกเงี้ยว และเชื้อเชิญให้เข้าสู่เมืองแพร่ วีรกรรมของพระวิไชยราชา ได้ทำให้ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด หวาดระแวงจากส่วนกลางที่มีต่อเมืองแพร่ จนสถานการณ์ดีขึ้น

ด้านการศาสนา

จากประวัติดศรีบุญเรืองด้กล่าวถึงพ่อเจ้าพระวิไชยราชา และแม่เจ้าคำป้อ ว่าทั้งสองท่านนี้นอกจากจะเป็นผู้มีประวัติอันดีเด่น กอปรด้วยความซื่อสัตว์สุจริตต่อแผ่นดิน มีจิตใจที่มันคงในการกุศลและมีวิริยะศรัทธาแรงกล้า ที่จะเสริมสร้างความเจริญให้แก่พระบวรพุทธศาสนาได้พยายามทุ่มเทสติปัญญา ความสารถ และกำลังทุนทรัพย์ด้วยความเมตตาจิต เข้ามาช่วยเหลือบำเพ็ญกรณียกิจให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณะกุศลทุกวิถีทาง และทุกๆปีที่คุ้มวิชัยราชาของท่านจะบวชเณรให้กับเด็กเมืองแพร่จำนวนมาก เล่ากันว่าในขณะที่พ่อเจ้าพระวิไชยราชาได้ป่วยหนักจนไม่สามารถลุกเดินได้นั้น ท่านยังมีความกังวลต่อการก่อสร้างวัตถุของวัดที่ยังไม่แล้วเสร็จในขณะนั้น ได้สั่งให้คนรับใช้หามท่านทั้งเก้าอี้นอนเพื่อไปดูการก่อสร้างที่วัด พร้อมทั้งเร่งรัดให้ช่างดำเนินการก่อสร้างวิหารให้เสร็จภายในเร็ววัน และหลังจากที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ ท่านถึงได้อสัญกรรมอในปีพ.ศ. 2465[3]

เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่

ในปีพ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว เจ้าพิริยเทพวงษ์จึงต้องเสด็จหลีภัยการเมืองไปประทับเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว[4] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2455 ส่วนเจ้านายองค์อื่นๆถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่กรุงเทพฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ร่วมถึงพระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) ซึ่งมีส่วนรู้เห็นแต่ไม่ได้รับโทษหนัก เพราะเป็นเจ้านายระดับรองลงมาที่ไม่ได้เป็นเจ้าชั้นใกล้ชิดกับเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เพียงแต่ถูกสยามควบคุมดูความประพฤติ ต่อมาได้ร่วมกับพระวังซ้าย (เจ้าหนานมหาจักร) พระสุริยะ (เจ้าน้อยมหาอินทร์) พระคำลือ ฯลฯ เจ้านายอื่นๆพร้อมกับบุตรหลานรวมจนถึงขุนนางในนครแพร่ พากันบริจาคเงินก้อนใหญ่รายละ 50 – 100 บาท เพื่อสร้างโรงพยาบาลทหารที่นครแพร่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2445 ตามความคิดของคุณหญิงเลี่ยม ภริยาของพลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี แม่ทัพใหญ่ปราบกบฏเงี้ยว[5]

อ้างอิง

  1. ภูเดช แสนสา. ศักดินาเจ้านายประเทศราชสมัยราชวงศ์ทิพจักร
  2. คุ้มวิชัยราชา
  3. หมู่บ้าน วังฟ่อน คุ้มวิชัยราชา
  4. องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่) เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556
  5. ภูเดช แสนสา กบฏเงี้ยว พ.ศ.๒๔๔๕” การต่อต้านสยามของประเทศราชล้านนา เริ่มที่เมืองลอง

{{ตายปี|2465}