ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาพิมพิสารราชา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พีรวงค์ (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 8: บรรทัด 8:
|ครองราชย์ = [[พ.ศ. 2490]] – [[พ.ศ. 2429]]<ref name="เจ้านาย">{{หนังสือ| ผู้แต่ง = วรชาติ มีชูบท| ชื่อหนังสือ = เจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะ| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สร้างสรรค์บุ๊คส์| ปี = 2556| ISBN = 978-616-220-054-0| จำนวนหน้า = 428| หน้า = 20}}</ref>
|ครองราชย์ = [[พ.ศ. 2490]] – [[พ.ศ. 2429]]<ref name="เจ้านาย">{{หนังสือ| ผู้แต่ง = วรชาติ มีชูบท| ชื่อหนังสือ = เจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะ| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สร้างสรรค์บุ๊คส์| ปี = 2556| ISBN = 978-616-220-054-0| จำนวนหน้า = 428| หน้า = 20}}</ref>
|รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยาอินทวิไชย]]
|รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยาอินทวิไชย]]
|รัชกาลถัดมา = [[เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์]]
|รัชกาลถัดมา = [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]]
|ฐานันดร = พระยา
|ฐานันดร = พระยา
|วันประสูติ = [[พ.ศ. 2356]]
|วันประสูติ = [[พ.ศ. 2356]]
บรรทัด 18: บรรทัด 18:
|พระมารดา = แม่เจ้าปิ่นแก้ว
|พระมารดา = แม่เจ้าปิ่นแก้ว
|มารดา =
|มารดา =
|พระชายา = [[แม่เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี]]
|พระชายา = [[แม่เจ้าแก้วไหลมา]]ราชเทวี
|ชายา = แม่เจ้าธิดา<br>แม่เจ้าคำใย้
|ชายา = แม่เจ้าธิดา<br>แม่เจ้าคำใย้
|หม่อม =
|หม่อม =
บรรทัด 30: บรรทัด 30:


==พระประวัติ==
==พระประวัติ==
พระยาพิมสารราชา หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสารขาเค''' ([[พ.ศ. 2356]] – [[พ.ศ. 2429]]) <ref name="เจ้านาย"/> มีพระนามเดิมว่า เจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับเจ้าปิ่นแก้ว น้องสาวพระยาแสนซ้าย (บิดา[[พระยาศรีสุริยวงศ์ (มังไชย)]]) '''''แต่ในหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 องค์สุดท้ายได้กล่าวว่า...เจ้าปิ่นแก้วเป็นราชธิดา[[พระยาเทพวงศ์]] เป็นขนิษฐาพระยาอินทวิไชย ดังนั้นพระยาพิมพิสารจึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงของ[[พระยาอินทวิไชย]]...''''' <ref>หมู่บ้าน วังฟ่อน. ประวัติเจ้าหลวงพิมพิสาร</ref> ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น''พระยาราชวงศ์'' เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นปิตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น''พระยาแพร่'' ขณะมีชนมายุ 34 ชันษา เมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค)| ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2555| ISBN = 978-616-7146-30-0| จำนวนหน้า = 2,136| หน้า = 1559}}</ref>
พระยาพิมสารราชา หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสารขาเค'''<ref name="เจ้านาย"/> ([[พ.ศ. 2356]] – [[พ.ศ. 2429]]) มีพระนามเดิมว่าเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับเจ้าปิ่นแก้ว ซึ่งพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นน้องสาวพระยาแสนซ้าย (บิดา[[พระยาศรีสุริยวงศ์ (มังไชย)]]) แต่ในหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 องค์สุดท้ายได้กล่าวว่าเจ้าปิ่นแก้วเป็นราชธิดา[[พระยาเทพวงศ์]] เป็นขนิษฐาพระยาอินทวิไชย ดังนั้นพระยาพิมพิสารจึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงของ[[พระยาอินทวิไชย]]<ref>หมู่บ้าน วังฟ่อน. ประวัติเจ้าหลวงพิมพิสาร</ref>
เจ้าพิมพิสารได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น''พระยาราชวงศ์'' เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นปิตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น''พระยาแพร่'' ขณะมีชนมายุ 34 ชันษา เมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค)| ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2555| ISBN = 978-616-7146-30-0| จำนวนหน้า = 2,136| หน้า = 1559}}</ref>


พระยาพิมพิสาร เป็นเจ้าเมืองที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี<ref name="เจ้าหลวง"/>
พระยาพิมพิสาร เป็นเจ้าเมืองที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี<ref name="เจ้าหลวง"/>


พระยาพิมพิสาร พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ.2429 ชนมายุ 73 ชันษา
พระยาพิมพิสาร ถึงแก่พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ.2429 ชันษา 73 ปี


== ชายา โอรส และธิดา==
== ชายา โอรส และธิดา==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:41, 15 พฤษภาคม 2559

พระยาพิมพิสารราชา

เจ้าพิมพิสาร
พระยาแพร่
ครองราชย์พ.ศ. 2490พ.ศ. 2429[1]
รัชกาลก่อนหน้าพระยาอินทวิไชย
รัชกาลถัดไปเจ้าพิริยเทพวงษ์
ประสูติพ.ศ. 2356
พิราลัยพ.ศ. 2429
พระชายาแม่เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี
พระนามเต็ม
พระยาพิมพิสารราชา
พระบุตร5 พระองค์
ราชวงศ์ราชวงศ์เทพวงศ์
พระบิดาพระยาวังขวา
พระมารดาแม่เจ้าปิ่นแก้ว

พระยาพิมพิสารราชา หรือ เจ้าหลวงพิมพิสาร ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 21 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้สืบตำแหน่งพระยาแพร่ต่อจาก พระยาอินทวิไชยผู้เป็นปิตุลาของพระองค์

พระประวัติ

พระยาพิมสารราชา หรือ เจ้าหลวงพิมพิสารขาเค[1] (พ.ศ. 2356พ.ศ. 2429) มีพระนามเดิมว่าเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับเจ้าปิ่นแก้ว ซึ่งพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นน้องสาวพระยาแสนซ้าย (บิดาพระยาศรีสุริยวงศ์ (มังไชย)) แต่ในหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 องค์สุดท้ายได้กล่าวว่าเจ้าปิ่นแก้วเป็นราชธิดาพระยาเทพวงศ์ เป็นขนิษฐาพระยาอินทวิไชย ดังนั้นพระยาพิมพิสารจึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงของพระยาอินทวิไชย[2]

เจ้าพิมพิสารได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชวงศ์ เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นปิตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นพระยาแพร่ ขณะมีชนมายุ 34 ชันษา เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน[3]

พระยาพิมพิสาร เป็นเจ้าเมืองที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี[4]

พระยาพิมพิสาร ถึงแก่พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ.2429 ชันษา 73 ปี

ชายา โอรส และธิดา

พระยาพิมพิสารมีชายาและโอรสธิดา ดังนี้[4]

  • เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี (มีหลักฐานในแผ่นศิลา-จารึกที่วัดหลวง) แต่ไม่ปรากฏมีโอรส-ธิดา ด้วยกันหรือไม่
  • แม่เจ้าธิดา มีโอรส-ธิดา 4 องค์ คือ
  • แม่เจ้าไข สมรสกับ เจ้าชัยลังกา ไม่มีบุตร-ธิดา
  • แม่เจ้าเบาะ สมรสกับ เจ้าหัวหน้า มีบุตรธิดา 2 คน
1.เจ้าฟองคำ สามีไม่ทราบนาม
2.เจ้าน้อยทวงศ์ สมรสกับแม่เจ้าขันคำ

รสเข้ม(ไม่มีบุตรธิดา)

  • แม่เจ้าอินทร์ลงเหลา สมรสกับเจ้าหนานศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) มีบุตรธิดา 3 คน
1.เจ้าศรีเมือง
2.แม่เจ้าฟอง บรรเลง สมรสกับนายหนานแสน บรรเลง
3.แม่เจ้าแก้ว เหลี่ยมเพชร
  • แม่เจ้าคำใย้ มีโอรส 1 องค์ คือ
  • เจ้าสุริยะจางวาง สมรส 4 ครั้ง
  • สมรสครั้งที่1 กับแม่เจ้าสุชาดา (ไม่มีบุตรธิดา)
  • สมรสครั้งที่2 กับนางฟองแก้ว มีธิดา 1 คน คือ
เจ้าบุญนำ วังซ้าย (สารศิริวงศ์)
  • สมรสครั้งที่3 กับนางเป็ง มีบุตร 1 คน คือ
เจ้าน้อย สารศิริวงศ์
  • สมรสครั้งที่4 กับนางแก้ว มีบุตร 1 คน คือ
เจ้านอยเป็ด สารศิริวงศ์

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 แม่แบบ:หนังสือ
  2. หมู่บ้าน วังฟ่อน. ประวัติเจ้าหลวงพิมพิสาร
  3. เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2555. 2,136 หน้า. หน้า 1559. ISBN 978-616-7146-30-0
  4. 4.0 4.1 "เจ้าหลวงพิมพิสาร (พิมสาร หรือขาเค)". วังฟ่อนดอทคอม. 18 สิงหาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)