ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 48: | บรรทัด 48: | ||
}} |
}} |
||
'''การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558''' จัดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 (โดยมีการออกเสียงลงคะแนนทางไปรษณีย์ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน) เพื่อเลือกตั้งรัฐสภาสหราชอาณาจักรที่ 56 ในการเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร มีการออกเสียงลงคะแนนใน |
'''การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558''' จัดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 (โดยมีการออกเสียงลงคะแนนทางไปรษณีย์ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน) เพื่อเลือกตั้งรัฐสภาสหราชอาณาจักรที่ 56 ในการเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร มีการออกเสียงลงคะแนนใน 650 เขตเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรเพื่อเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเข้าไปนั่งใน[[สภาสามัญชน]]ซึ่งเป็น[[สภาล่าง]]ของรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมืองหรือแนวร่วมพรรคการเมืองใหญ่สุดในสภาสามัญชนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเดียวกันในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ ยกเว้นเขตมหานครลอนดอน |
||
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ [[เดวิด คาเมรอน]]แห่ง[[พรรคอนุรักษนิยม (สหราชอาณาจักร)|พรรคอนุรักษนิยม]] ซึ่งปกครองนับแต่[[การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2553|การเลือกตั้งปี 2553]] ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและ[[พรรคแรงงาน (สหราชอาณาจักร)|พรรคแรงงาน]]ซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะเกิด |
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ [[เดวิด คาเมรอน]]แห่ง[[พรรคอนุรักษนิยม (สหราชอาณาจักร)|พรรคอนุรักษนิยม]] ซึ่งปกครองนับแต่[[การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2553|การเลือกตั้งปี 2553]] ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและ[[พรรคแรงงาน (สหราชอาณาจักร)|พรรคแรงงาน]]ซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใดได้ครองเสียงข้างมากหรือเกิดสภาแขวน (hung parliament) แต่ผลการเลือกตั้งจบลงโดยพรรคอนุรักษนิยมได้สมาชิกสภาสามัญชนเพิ่มขึ้นและกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้คาเมรอนเป็นนายกรัฐมนตรีต่อโดยไม่ต้องอาศัยรัฐบาลผสม |
||
[[พรรคชาติสกอต]]ได้ที่นั่งอย่างสำคัญในสกอตแลนด์ โดยได้สมาชิก |
[[พรรคชาติสกอต]]ได้ที่นั่งอย่างสำคัญในสกอตแลนด์ โดยได้สมาชิกสภาเพิ่มขึ้นอีก 50 คน รวมเป็น 56 จาก 59 ที่นั่งในสกอตแลนด์ ทำให้พรรคฯ เป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดอันดับสามในสภาสามัญชน พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียที่นั่งกว่า 48 ที่นั่ง และทำให้สัดส่วนคะแนนเสียงของพรรคลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่การเลือกตั้งทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์ 2517 |
||
การรณรงค์ทำให้พรรคเอกราชยูเคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งได้สัดส่วนคะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสาม (12.9%) แต่ได้สมาชิก |
การรณรงค์หาเสียงทำให้พรรคเอกราชยูเคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งได้สัดส่วนคะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสาม (12.9%) แต่ได้สมาชิกสภาเพียงคนเดียว แม้มีคะแนนเสียงของประชาชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ เพิ่มขึ้น 9.5% |
||
หลังการเลือกตั้ง เอ็ด มิลลิแบนด์ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแรงงาน และนิก เคล็กก์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย นิเกล ฟาราจ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอกราชยูเคหลังไม่สามารถชนะที่นั่งที่แทเน็ตเซาท์ แต่ถูกพรรคปฏิเสธ |
หลังการเลือกตั้ง เอ็ด มิลลิแบนด์ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแรงงาน<ref>[http://www.theguardian.com/politics/2015/may/08/ed-miliband-to-resign-as-labour-leader "Ed Miliband resigns as Labour leader"]- The Guardian</ref> และนิก เคล็กก์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย<ref>[http://www.theguardian.com/politics/2015/may/08/nick-clegg-resigns-as-lib-dem-leader "Nick Clegg resigns as Lib Dem leader"]- The Guardian</ref> นิเกล ฟาราจ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอกราชยูเคหลังไม่สามารถชนะที่นั่งที่แทเน็ตเซาท์ แต่ถูกพรรคปฏิเสธ |
||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
บรรทัด 62: | บรรทัด 62: | ||
== รูปแบบการเลือกตั้ง == |
== รูปแบบการเลือกตั้ง == |
||
สภาสามัญชนใช้ระบบเขตเพียงอย่างเดียวทั้ง 650 ที่นั่ง ผู้ที่มีคะแนนเสียงสูงสุดจะได้รับเลือกตั้งโดยไม่จำเป็นต้องได้เสียงข้างมาก แม้ว่าข้อตกลงการร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย กำหนดให้ทำประชามติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งเป็นแบบ Alternative Vote(Instant-runoff voting) (แบบหาผู้ชนะเสียงข้างมาก)ในปีพ.ศ. 2554<ref>[http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/politics/election_2010/8677933.stm "Full Text: Conservative-Lib Dem deal"]</ref> แต่ผลการลงประชามติ ประชาชนปฏิเสธการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งด้วย 67.9% ต่อ 32.1%<ref>[http://www.bbc.co.uk/news/uk-politics-13297573 "Vote 2011: UK rejects alternative vote"]</ref> |
สภาสามัญชนใช้ระบบเขตเพียงอย่างเดียวทั้ง 650 ที่นั่ง ผู้ที่มีคะแนนเสียงสูงสุดจะได้รับเลือกตั้งโดยไม่จำเป็นต้องได้เสียงข้างมาก แม้ว่าข้อตกลงการร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย กำหนดให้ทำประชามติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งเป็นแบบ Alternative Vote(Instant-runoff voting) (แบบหาผู้ชนะเสียงข้างมาก)ในปีพ.ศ. 2554<ref>[http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/politics/election_2010/8677933.stm "Full Text: Conservative-Lib Dem deal"]- [[BBC]]</ref> แต่ผลการลงประชามติ ประชาชนปฏิเสธการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 67.9% ต่อ 32.1%<ref>[http://www.bbc.co.uk/news/uk-politics-13297573 "Vote 2011: UK rejects alternative vote"]- [[BBC]]</ref> |
||
== การหยั่งเสียงความคิดเห็น == |
== การหยั่งเสียงความคิดเห็น == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:40, 2 กรกฎาคม 2558
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาสามัญชน ต้องการ 326 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ผู้ใช้สิทธิ | 66.1% | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558 จัดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 (โดยมีการออกเสียงลงคะแนนทางไปรษณีย์ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน) เพื่อเลือกตั้งรัฐสภาสหราชอาณาจักรที่ 56 ในการเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร มีการออกเสียงลงคะแนนใน 650 เขตเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรเพื่อเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเข้าไปนั่งในสภาสามัญชนซึ่งเป็นสภาล่างของรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมืองหรือแนวร่วมพรรคการเมืองใหญ่สุดในสภาสามัญชนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเดียวกันในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ ยกเว้นเขตมหานครลอนดอน
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ เดวิด คาเมรอนแห่งพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งปกครองนับแต่การเลือกตั้งปี 2553 ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคแรงงานซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใดได้ครองเสียงข้างมากหรือเกิดสภาแขวน (hung parliament) แต่ผลการเลือกตั้งจบลงโดยพรรคอนุรักษนิยมได้สมาชิกสภาสามัญชนเพิ่มขึ้นและกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้คาเมรอนเป็นนายกรัฐมนตรีต่อโดยไม่ต้องอาศัยรัฐบาลผสม
พรรคชาติสกอตได้ที่นั่งอย่างสำคัญในสกอตแลนด์ โดยได้สมาชิกสภาเพิ่มขึ้นอีก 50 คน รวมเป็น 56 จาก 59 ที่นั่งในสกอตแลนด์ ทำให้พรรคฯ เป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดอันดับสามในสภาสามัญชน พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียที่นั่งกว่า 48 ที่นั่ง และทำให้สัดส่วนคะแนนเสียงของพรรคลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่การเลือกตั้งทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์ 2517
การรณรงค์หาเสียงทำให้พรรคเอกราชยูเคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งได้สัดส่วนคะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสาม (12.9%) แต่ได้สมาชิกสภาเพียงคนเดียว แม้มีคะแนนเสียงของประชาชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ เพิ่มขึ้น 9.5%
หลังการเลือกตั้ง เอ็ด มิลลิแบนด์ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแรงงาน[1] และนิก เคล็กก์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย[2] นิเกล ฟาราจ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอกราชยูเคหลังไม่สามารถชนะที่นั่งที่แทเน็ตเซาท์ แต่ถูกพรรคปฏิเสธ
ประวัติ
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภาสามัญชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2517 จึงเกิดรัฐบาลผสมครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย[3]
รูปแบบการเลือกตั้ง
สภาสามัญชนใช้ระบบเขตเพียงอย่างเดียวทั้ง 650 ที่นั่ง ผู้ที่มีคะแนนเสียงสูงสุดจะได้รับเลือกตั้งโดยไม่จำเป็นต้องได้เสียงข้างมาก แม้ว่าข้อตกลงการร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย กำหนดให้ทำประชามติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งเป็นแบบ Alternative Vote(Instant-runoff voting) (แบบหาผู้ชนะเสียงข้างมาก)ในปีพ.ศ. 2554[4] แต่ผลการลงประชามติ ประชาชนปฏิเสธการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 67.9% ต่อ 32.1%[5]
การหยั่งเสียงความคิดเห็น
ผลการเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งทั้ง 650 เขตเป็นดังนี้[6]
ที่ | พรรค | คะแนนเสียง | ที่นั่ง | เปลี่ยนแปลง(ที่นั่ง) | |
---|---|---|---|---|---|
1 | พรรคอนุรักษนิยม | 11,334,920 (36.9%) | 331[7] (50.9%) | 28 | |
2 | พรรคแรงงาน | 9,344,328 (30.4%) | 232 (35.7%) | 24 | |
3 | พรรคชาติสกอต (Scottish National Party) |
1,454,436 (4.7%) | 56 (8.6%) | 50 | |
4 | พรรคเสรีประชาธิปไตย | 2,415,888 (7.9%) | 8 (1.2%) | 48 | |
5 | พรรคสหภาพประชาธิปไตย (Democretic Unionist Party) |
184,260 (0.6%) | 8 (1.2%) | ||
6 | พรรคซินน์เฟน (Sinn Fein) |
176,232 (0.6%) | 4(0.6%) | 1 | |
7 | พรรค Plaid Cymru | 181,694 (0.6%) | 3 (0.5%) | ||
8 | พรรคสังคมประชาธิปไตยและแรงงาน | 99,809 (0.3%) | 3 (0.5%) | ||
9 | พรรค Ulster Unionist | 114,935 (0.4%) | 2 (0.3%) | 2 | |
10 | พรรค UKIP (UK Independence Party) |
3,881,129 (12.9%) | 1 (0.2%) | 1 | |
11 | พรรคกรีน | 1,157,613 (3.8%) | 1 (0.2%) | ||
12 | อื่น ๆ | 346,436 (1.1%) | 1 (0.2%) |
อ้างอิง
- ↑ "Ed Miliband resigns as Labour leader"- The Guardian
- ↑ "Nick Clegg resigns as Lib Dem leader"- The Guardian
- ↑ "David Cameron and Nick Clegg pledge 'united' coalition" - BBC
- ↑ "Full Text: Conservative-Lib Dem deal"- BBC
- ↑ "Vote 2011: UK rejects alternative vote"- BBC
- ↑ "Election 2015 - BBC News
- ↑ รวมนายจอห์น เบอร์โคว ประธานสภาฯด้วย