ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประวัติศาสนาคริสต์"
DanMTaylor (คุย | ส่วนร่วม) |
ล เพิ่มเนื้อหา |
||
บรรทัด 10: | บรรทัด 10: | ||
โรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ได้มีการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก เช่น ยุโรป ในช่วง[[สมัยกลาง]] ศาสนาคริสต์ขยายตัวทั่วโลกในช่วงของ[[ยุคแห่งการสำรวจ]]ยุโรป<ref>Adherents.com, [http://www.adherents.com/Religions_By_Adherents.html ''Religions by Adherents'']</ref> จากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นต้นไป กลายเป็น[[ศาสนา|ศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก]]<ref>BBC Documentary: A History of Christianity by Diarmaid MacCulloch, Oxford University</ref> |
โรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ได้มีการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก เช่น ยุโรป ในช่วง[[สมัยกลาง]] ศาสนาคริสต์ขยายตัวทั่วโลกในช่วงของ[[ยุคแห่งการสำรวจ]]ยุโรป<ref>Adherents.com, [http://www.adherents.com/Religions_By_Adherents.html ''Religions by Adherents'']</ref> จากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นต้นไป กลายเป็น[[ศาสนา|ศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก]]<ref>BBC Documentary: A History of Christianity by Diarmaid MacCulloch, Oxford University</ref> |
||
== ประวัติศาสนาคริสต์ == |
|||
== พระเจ้า == |
|||
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดศาสนาหนึ่ง มีลักษณะเป็นศาสนา[[เทวนิยม]] ซึ่งนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ [[พระยาห์เวห์]] คำว่า "คริสต์" มาจาก[[ภาษากรีก]]ว่า "คริสตอล" แปลว่า ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เน้นการมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้พระเจ้าและให้มนุษย์ด้วยกัน เพราะหลักการของศาสนาคริสต์ถือว่ามนุษย์ทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า |
|||
⚫ | |||
* [[พระเจ้าพระบิดา|พระบิดา]] ([[พระยาห์เวห์]]) |
|||
* [[พระเจ้าพระบุตร|พระบุตร]] ([[พระเยซู]]) |
|||
* [[พระวิญญาณบริสุทธิ์]] |
|||
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่พัฒนาหรือปฏิรูปมาจาก[[ศาสนายูดาห์]] ดังนั้นการศึกษาศาสนาคริสต์จึงควรศึกษาที่ศาสนายูดาห์ด้วย เมื่อประมาณ 2,000 ปี ก่อนคริสต์กาล ชนเผ่าหนึ่งเป็นบรรบุรุษของชาวยิว ตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ ดินแดน[[เมโสโปเตเมีย]] มีหัวหน้าเผ่าชื่อ "[[อับราฮัม]]" (อับราฮัม เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์) ได้อ้างตนว่า ได้รับโองการจากพระเจ้าให้อพยพชนเผ่าไปอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า แผ่นดิน[[คานาอัน]] (บริเวณ[[ประเทศอิสราเอล]] ในปัจจุบัน) โดยอับราฮัมกล่าวว่า พระเจ้ากำหนดและสัญญาให้ชนเผ่านี้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ต่อไป การที่พระเจ้าสัญญาจึงก่อให้เกิดพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับชนชาวยิว ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงเรียกคัมภีร์ของศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ว่า "พันธสัญญา" |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
ต่อมาดินแดนคานาอัน ประสบความแห้งแล้งอย่างรุนแรง ชาวยิวจึงอพยพกลับไปอยู่ในดินแดนของ[[ประเทศอียิปต์]] และกลายเป็นทาสของอียิปต์ ชาวยิวทนความลำบากของสภาพทาสไม่ได้ จึงคิดอพยพกลับไปดินแดนคานาอัน การเดินทางครั้งนี้พระเจ้าทรงมีโองการให้ชาวยิวคนหนึ่งชื่อ "[[โมเสส]]" เป็นหัวหน้า ระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยความลำบาก และต้องรอนแรมกลางทะเลทรายหลายปี และชาวอียิปต์ได้ส่งทหารติดตามกวาดล้าง โดยคิดว่าชาวยิวจะก่อกบฏ เมื่อไล่ติดตามมาถึง[[ทะเลแดง]] ด้วยเดชแห่งอำนาจของพระเจ้า โมเสสได้แยกน้ำออกจากกันทำให้ชาวยิวหนีรอดมาได้ เหตุการณ์สำคัญนี้ ต่อมาได้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในงานฉลองประจำปีเรียกว่า งานฉลอง[[ปัสคา]] นอกจากนี้ พระเจ้าได้มอบ[[บัญญัติ 10 ประการ]]ให้แก่โมเสส เพื่อให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ บัญญัติ 10 ประการนี้ ถือเป็นหลักสำคัญของศาสนายูดาห์ และต่อมาถือเป็นหลักสำคัญของศาสนาคริสต์ด้วย โมเสสได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์ |
|||
ชาวยิวได้ตั้งอาณาจักรคานาอัน ต่อมาอาณาจักรนี้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักร[[บาบิโลน]] และเป็นเมืองขึ้นของ[[จักรวรรดิโรมัน]]ตามลำดับ ชาวยิวยังคงได้รับการกดขี่ข่มเหงจากจักรวรรดิโรมัน เราจะเห็นว่า ประวัติศาสตร์ของชาวยิว เป็นประวัติศาสตร์แห่งความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ชาวยิวจึงมีความเชื่อในคำทำนายของศาสดาพยากรณ์ว่า วันหนึ่งพระเจ้าจะส่งคนลงมาช่วยเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ยากทั้งหมดของชาวยิว หรือช่วยไถ่บาปให้กับชาวยิว เรียกบุคคลนี้ว่า "[[พระเมสสิยาห์]]" (Messiah) คำว่า เมสสิยาห์ เป็น[[ภาษาฮีบรู]] ตรงกับคำว่า คริสต์ (Christ) หรือ ไครสต์ ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ผู้ได้รับเลือก ให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวยิวมีความหวังในชีวิตเมื่อ [[พระเยซู]] (Jesus) ประสูติ ชาวยิวจำนวนหนึ่งจึงมีความเชื่อว่า พระเยซู ่คือ พระเมสสิยาห์ (Jesus Christ = จีซัส หรือ เยซู ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า) |
|||
พระเยซูมีเชื้อชาติยิว คริสต์ศาสนาถือว่าวันประสูติของพระองค์คือ วันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1 (ซึ่งถือเอาวันประสูติเป็นปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 543) ณ หมู่บ้าน[[เบธเลเฮม]] แคว้น[[ยูดาห์]] ในดินแดน[[ปาเลสไตน์]] (ประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน) มารดาชื่อ [[มารีย์]] ชาวคริสต์เชื่อว่านางมารีย์ตั้งครรภ์ไม่เหมือนสตรีอื่น ๆ เป็นการตั้งครรภ์โดยเดชแห่ง[[พระวิญญาณบริสุทธิ์]] มีบิดาเลี้ยงชื่อ [[โยเซฟ]] สมัยนั้นกษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ [[เฮโรด]] เมื่อได้ยินคำพยากรณ์ว่าจะมีผู้มีบุญมาเกิดจึงคิดกำจัด ดังนั้นโยเซฟและมารีย์จึงหนีไปอยู่อียิปต์เป็นการชั่วคราว เมื่อเรื่องราวสงบแล้วก็อพยพกลับถิ่นฐานเดิม พระเยซูเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมือง[[นาซาเรธ]] แคว้น[[กาลิลี]] เมื่อวัยเยาว์พระเยซูเป็นผู้สนใจในเรื่องศาสนธรรมและเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีอายุครบ 30 ปี ได้ท่องเทียวไปในดินแดนปาเลสไตน์ ณ ริม[[แม่น้ำจอร์แดน]] ทรงพบกับยอห์น (John the Baptism) ซึ่งหมายถึง [[ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา]] หลังที่ได้รับบัพติศมาแล้ว ได้เสด็จไปถิ่นกันดารเพียงพระองค์เดียว ทรงถือศีลอดโดยงดเว้นพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน จากนั้นพระองค์ก็เริ่มสอนประชาชนให้ทราบถึง[[ความรอด]]ของมนุษย์ ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์มีสาวกที่สำคัญ 12 คน (เนื่องจากชาวยิว มี 12 เผ่า) สาวกคนแรกที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาคือ [[ซีโมนเปโตร]] หรือที่คริสต์ศาสนิกชนเรียกว่า นักบุญเปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter) นักบุญอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทในการเผยแพร่ ศาสนาคริสต์คือ [[นักบุญเปาโล]] หรือ เซนต์ปอล (Saint Paul) เป็นนักบุญที่กลับใจจากการตามจับกุมและลงโทษพวกคริสเตียน มาเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ |
|||
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของศาสนาคริสต์ได้สร้างความหวั่นไหว และส่งผลสะเทือนต่อศาสนายิวเป็นอย่างยิ่ง ปุโรหิตผู้ดูแลวิหารเสียผลประโยชน์ เกรงว่าพระเยซูจะแย่งสาวกของตนไป เพราะคำสอนของศาสนาคริสต์ เน้นเรื่องจริยธรรมศีลธรรมมากกว่าพิธีกรรม ซึ่งพิธีกรรมของศาสนายิว ได้แก่ การบูชาพระเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เช่น เนื้อวัว แพะ แกะ นกพิราบ นกเขา ฯลฯ เป็นต้น ในที่สุด ผู้ปกครองชาวโรมันก็สั่งประหารชีวิตพระเยซู ด้วยการตรึงกับไม้กางเขน เพราะเกรงว่าชาวยิวที่คัดค้านพระเยซูจะไม่พอใจ ชาวคริสต์ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงความรักจากพระเยซู เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จึงประทานพระบุตร มาไถ่บาปของมนุษย์ด้วยการสละชีวิตพระบุตรของพระองค์เอง พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่เมืองกลโกธา (Golgotha) เมื่อพระชนม์ได้ 33 พรรษา ใช้เวลาในการประกาศศาสนาทั้งสิ้น 3 ปี |
|||
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูแล้ว ศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมัน ในปลายศตวรรษที่ 1 และปลายศตวรรษที่ 4 จากนั้นได้แพร่กระจายเป็นศาสนาประจำชาติของหลายประเทศในทวีปยุโรป |
|||
== หลักธรรมสำคัญของศาสนาคริสต์ == |
|||
ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าสร้าโลกและได้สร้างหญิงชายคู่หนึ่ง คือ [[อาดัม]] และ[[เอวา]] และทรงเนรมิตสร้างสวนเอเดนให้ทั้งคู่อยู่อย่างมีความสุข ต่อมามนุษย์ได้แอบกินผลไม้ต้องห้าม จึงถูกลงโทษ ด้วยการขับออกจากสวนเอเดนให้มาลำบากบนแผ่นดินโลก บาปของมนุษย์คู่นี้จึงตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคนด้วย บาปนี้เรียกว่า "[[บาปกำเนิด]] (Original Sin)" แม้มนุษย์จะทำบาปแต่พระเจ้าก็ทรงเมตตา โดยส่งพระเยซู ให้มารับสภาพมนุษย์มนุษย์ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ที่เชื่อในพระองค์ เพื่อให้มนุษย์หลุดพ้นจากความบาป และเพราะมนุษย์มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง จึงต้องพึ่งพระเจ้าและพระบุตรของพระองค์ เพื่อช่วยให้มนุษย์มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น |
|||
⚫ | |||
{{บทความหลัก|ตรีเอกภาพ}} |
|||
ศาสนาคริสต์สอนว่า มีพระเจ้าเดียว (Monotheism) ในพระเจ้าเดียวนี้แบ่งเป็น 3 พระบุคคล คือ |
|||
* [[พระเจ้าพระบิดา|พระบิดา]] ([[พระยาห์เวห์]]) คือ พระเจ้าผู้สร้างโลก เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นนิรันดร์ |
|||
* [[พระเจ้าพระบุตร|พระบุตร]] ([[พระเยซู]]) คือ พระเจ้า ซึ่งมารับสภาพมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้รับฟังคำสั่งสอนของพระเจ้าอย่างใกล้ชิด |
|||
* [[พระวิญญาณบริสุทธิ์]] คือ พระเจ้า ซึ่งปรากฏเป็นวิญญาณในมนุษย์ เพื่อการทรงนำให้มนุษย์อยู่บนทางของพระเจ้า |
|||
== หลักความรัก == |
|||
⚫ | |||
ความรักถือเป็นบทบัญญัติที่สำคัญของศาสนาคริสต์ ดังพระเยซูตรัสว่า "จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่าน และด้วยสุดกำลังของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" ความรักนี้ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่เป็นความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ศาสนาคริสต์ถือว่าทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า จึงควรรักกันเหมือนพี่น้อง |
|||
{{บทความหลัก|บัญญัติ 10 ประการ}} |
|||
บัญญัติ 10 ประการ เป็นหลักศีลธรรมของศาสนายูดาห์ ซึ่ง[[โมเสส]]เป็นผู้ได้รับจากพระเจ้า เพื่อประกาศให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ ซึ่งศาสนาคริสต์ก็รับ บัญญัติ 10 ประการ นี้ด้วย มีเนื้อหาดังนี้ |
|||
"[[เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า]] [[ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา]] [[ห้ามทำรูปเคารพสำหรับตน]] [[ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด]] [[จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์]] [[จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า]] [[ห้ามฆ่าคน]] [[ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา]] [[ห้ามลักขโมย]] [[ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน]] [[ห้ามโลภ]]" |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
* [[การประสูติของพระเยซู|การประสูติ]] |
* [[การประสูติของพระเยซู|การประสูติ]] |
||
* [[พระเยซูทรงรับบัพติศมา|การรับบัพติศมา]] |
* [[พระเยซูทรงรับบัพติศมา|การรับบัพติศมา]] |
||
บรรทัด 28: | บรรทัด 56: | ||
* [[การพิพากษาครั้งสุดท้าย]] |
* [[การพิพากษาครั้งสุดท้าย]] |
||
{{บทความหลัก|เทววิทยาศาสนาคริสต์}} |
|||
* [[การตกในบาป]] |
* [[การตกในบาป]] |
||
* [[ความรอด]] |
* [[ความรอด]] |
||
* [[หลักข้อเชื่อของอัครทูต]] |
* [[หลักข้อเชื่อของอัครทูต]] |
||
* [[บัญญัติ 10 ประการ|พระบัญญัติสิบประการ]] |
|||
⚫ | |||
== คัมภีร์ == |
== คัมภีร์ == |
||
{{บทความหลัก||คัมภีร์ไบเบิล}} |
|||
คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ เรียกว่า "คัมภีร์ไบเบิล (Bible)" ถือเป็น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นพระวจนะของพระเจ้า แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคพันธสัญญาเดิม และ ภาคพันธสัญญาใหม่ |
|||
* [[พันธสัญญาเดิม|ภาคพันธสัญญาเดิม]] |
|||
* [[พันธสัญญาใหม่|ภาคพันธสัญญาใหม่]] |
|||
* [[พันธสัญญาเดิม|ภาคพันธสัญญาเดิม]] (Old Teatament) ภาคนี้เป็นคัมภีร์ของศาสนายูดาห์ ต้นฉบับจารึกเป็นภาษาฮีบรู เล่าเรื่องพระเจ้าสร้างโลก จนถึงสมัยก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ เช่น ความเป็นมาของชนชาติยิว บัญญัติ 10 ประการ ศาสดาพยากรณ์ ฯลฯ เป็นต้น |
|||
* [[พระวรสาร]] |
|||
* [[พันธสัญญาใหม่|ภาคพันธสัญญาใหม่]] (New Testament) ต้นฉบับจารึกเป็นภาษากรีก เล่าเรื่องตั้งแต่พระเยซูคริสต์ประสูติ การเผยแพร่ศาสนา รวมถึงเรื่องราวของอัครทูต ภาคนี้ชาวยิวไม่ยอมรับว่าเป็นคัมภีร์ในศาสนาตน เพราะไม่ยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า |
|||
== ประวัติศาสตร์ == |
== ประวัติศาสตร์ == |
||
บรรทัด 90: | บรรทัด 117: | ||
== อัครทูต == |
== อัครทูต == |
||
{{บทความหลัก|อัครทูต}} |
|||
* [[ซีโมนเปโตร]] |
* [[ซีโมนเปโตร]] |
||
* [[นักบุญอันดรูว์|อันดรูว์]] |
* [[นักบุญอันดรูว์|อันดรูว์]] |
||
บรรทัด 103: | บรรทัด 130: | ||
* [[ซีโมนเศโลเท]] |
* [[ซีโมนเศโลเท]] |
||
* [[ยูดาส อิสคาริโอท|ยูดาส]] |
* [[ยูดาส อิสคาริโอท|ยูดาส]] |
||
* [[นักบุญมัทธีอัส|มัทธีอัส]] |
* [[นักบุญมัทธีอัส|มัทธีอัส]] |
||
* [[เปาโลอัครทูต|เปาโล]] |
* [[เปาโลอัครทูต|เปาโล]] |
||
บรรทัด 110: | บรรทัด 136: | ||
== นิกาย == |
== นิกาย == |
||
{{บทความหลัก|นิกายในศาสนาคริสต์}} |
|||
* [[โรมันคาทอลิก]] |
* [[โรมันคาทอลิก]] |
||
* [[โปรเตสแตนต์]] ([[ลูเทอแรน]] • [[เพรสไบทีเรียน]] • [[เมทอดิสต์]] • [[แบปทิสต์]] • [[แองกลิคัน]] • [[แอดเวนทิสต์]]) |
* [[โปรเตสแตนต์]] ([[ลูเทอแรน]] • [[เพรสไบทีเรียน]] • [[เมทอดิสต์]] • [[แบปทิสต์]] • [[แองกลิคัน]] • [[แอดเวนทิสต์]]) |
||
* [[ศาสนาคริสต์ตะวันออก|ตะวันออก]] |
|||
* [[ออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์]] |
* [[ออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์]] |
||
* [[อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์]] |
* [[อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์]] |
||
* [[อตรีเอกภาพนิยม]] |
|||
* [[พยานพระยะโฮวา]] |
* [[พยานพระยะโฮวา]] |
||
* [[มอรมอน]] |
* [[มอรมอน]] |
||
== พิธีกรรม == |
== พิธีกรรม == |
||
{{บทความหลัก|พิธีศักดิ์สิทธิ์}} |
|||
* [[พิธีรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน|พิธีบัพติศมา]] |
* [[พิธีรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน|พิธีบัพติศมา]] |
||
* [[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]] |
* [[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:57, 21 มิถุนายน 2558
ส่วนหนึ่งของ |
ศาสนาคริสต์ |
---|
สถานีย่อย |
ประวัติศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: History of Christianity) ศาสนาคริสต์ เกิดขึ้นบริเวณดินแดนเลแวนต์ ซึ่งปัจจุบันคือดินแดนอิสราเอลและปาเลสไตน์ ในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 1 ศาสนาคริสต์ได้เริ่มเผยแผ่ครั้งแรกจากกรุงเยรูซาเล็มตลอดจนดินแดนตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซีเรีย อัสซีเรีย เมโสโปเตเมีย ฟินิเชีย อานาโตเลีย ประเทศจอร์แดน และ ประเทศอียิปต์ ในช่วงคริสศตวรรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ได้รับเลือกให้เป็นศาสนาประจำชาติโดยราชวงศ์อาร์เมเนียในปี ค.ศ.301 จอร์เจียในปี ค.ศ.319[1][2] อาณาจักรอักซุมในปี ค.ศ.325[3][4] และจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ.380
หลังจากนั้น ในปี ค.ศ.431 สภาเมืองเอเฟซัสได้มีมติให้แยกคริสตจักรแห่งตะวันออก เป็นคริสตจักรอัสซีเรย โดยความแตกแยกของชาวเนสโตเรียน ในปี ค.ศ.1054 สภาชาล์วไซดอนได้มีมติให้แยกคริสตจักรแห่งตะวันออกอีกครั้ง เป็น คริสตจักรโรมันคาทอลิก และ คริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ จากความแตกแยกระหว่างฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก และในปี ค.ศ.1517 ได้มีความแตกแยกในคริสตจักรตะวันตก จึงได้มีการแบ่งเป็นคริสตจักรโปรเตสแตนต์โดยจัดตั้งคริสตจักรปฏิรูปขึ้น เพื่อการปฏิรูปความเสื่อมโทรมของคริสตจักรโรมันคาทอลิก
โรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ได้มีการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก เช่น ยุโรป ในช่วงสมัยกลาง ศาสนาคริสต์ขยายตัวทั่วโลกในช่วงของยุคแห่งการสำรวจยุโรป[5] จากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นต้นไป กลายเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก[6]
ประวัติศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดศาสนาหนึ่ง มีลักษณะเป็นศาสนาเทวนิยม ซึ่งนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระยาห์เวห์ คำว่า "คริสต์" มาจากภาษากรีกว่า "คริสตอล" แปลว่า ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เน้นการมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้พระเจ้าและให้มนุษย์ด้วยกัน เพราะหลักการของศาสนาคริสต์ถือว่ามนุษย์ทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่พัฒนาหรือปฏิรูปมาจากศาสนายูดาห์ ดังนั้นการศึกษาศาสนาคริสต์จึงควรศึกษาที่ศาสนายูดาห์ด้วย เมื่อประมาณ 2,000 ปี ก่อนคริสต์กาล ชนเผ่าหนึ่งเป็นบรรบุรุษของชาวยิว ตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ ดินแดนเมโสโปเตเมีย มีหัวหน้าเผ่าชื่อ "อับราฮัม" (อับราฮัม เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์) ได้อ้างตนว่า ได้รับโองการจากพระเจ้าให้อพยพชนเผ่าไปอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า แผ่นดินคานาอัน (บริเวณประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน) โดยอับราฮัมกล่าวว่า พระเจ้ากำหนดและสัญญาให้ชนเผ่านี้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ต่อไป การที่พระเจ้าสัญญาจึงก่อให้เกิดพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับชนชาวยิว ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงเรียกคัมภีร์ของศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ว่า "พันธสัญญา"
ต่อมาดินแดนคานาอัน ประสบความแห้งแล้งอย่างรุนแรง ชาวยิวจึงอพยพกลับไปอยู่ในดินแดนของประเทศอียิปต์ และกลายเป็นทาสของอียิปต์ ชาวยิวทนความลำบากของสภาพทาสไม่ได้ จึงคิดอพยพกลับไปดินแดนคานาอัน การเดินทางครั้งนี้พระเจ้าทรงมีโองการให้ชาวยิวคนหนึ่งชื่อ "โมเสส" เป็นหัวหน้า ระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยความลำบาก และต้องรอนแรมกลางทะเลทรายหลายปี และชาวอียิปต์ได้ส่งทหารติดตามกวาดล้าง โดยคิดว่าชาวยิวจะก่อกบฏ เมื่อไล่ติดตามมาถึงทะเลแดง ด้วยเดชแห่งอำนาจของพระเจ้า โมเสสได้แยกน้ำออกจากกันทำให้ชาวยิวหนีรอดมาได้ เหตุการณ์สำคัญนี้ ต่อมาได้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในงานฉลองประจำปีเรียกว่า งานฉลองปัสคา นอกจากนี้ พระเจ้าได้มอบบัญญัติ 10 ประการให้แก่โมเสส เพื่อให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ บัญญัติ 10 ประการนี้ ถือเป็นหลักสำคัญของศาสนายูดาห์ และต่อมาถือเป็นหลักสำคัญของศาสนาคริสต์ด้วย โมเสสได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์
ชาวยิวได้ตั้งอาณาจักรคานาอัน ต่อมาอาณาจักรนี้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรบาบิโลน และเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิโรมันตามลำดับ ชาวยิวยังคงได้รับการกดขี่ข่มเหงจากจักรวรรดิโรมัน เราจะเห็นว่า ประวัติศาสตร์ของชาวยิว เป็นประวัติศาสตร์แห่งความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ชาวยิวจึงมีความเชื่อในคำทำนายของศาสดาพยากรณ์ว่า วันหนึ่งพระเจ้าจะส่งคนลงมาช่วยเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ยากทั้งหมดของชาวยิว หรือช่วยไถ่บาปให้กับชาวยิว เรียกบุคคลนี้ว่า "พระเมสสิยาห์" (Messiah) คำว่า เมสสิยาห์ เป็นภาษาฮีบรู ตรงกับคำว่า คริสต์ (Christ) หรือ ไครสต์ ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ผู้ได้รับเลือก ให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวยิวมีความหวังในชีวิตเมื่อ พระเยซู (Jesus) ประสูติ ชาวยิวจำนวนหนึ่งจึงมีความเชื่อว่า พระเยซู ่คือ พระเมสสิยาห์ (Jesus Christ = จีซัส หรือ เยซู ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า)
พระเยซูมีเชื้อชาติยิว คริสต์ศาสนาถือว่าวันประสูติของพระองค์คือ วันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1 (ซึ่งถือเอาวันประสูติเป็นปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 543) ณ หมู่บ้านเบธเลเฮม แคว้นยูดาห์ ในดินแดนปาเลสไตน์ (ประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน) มารดาชื่อ มารีย์ ชาวคริสต์เชื่อว่านางมารีย์ตั้งครรภ์ไม่เหมือนสตรีอื่น ๆ เป็นการตั้งครรภ์โดยเดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีบิดาเลี้ยงชื่อ โยเซฟ สมัยนั้นกษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ เฮโรด เมื่อได้ยินคำพยากรณ์ว่าจะมีผู้มีบุญมาเกิดจึงคิดกำจัด ดังนั้นโยเซฟและมารีย์จึงหนีไปอยู่อียิปต์เป็นการชั่วคราว เมื่อเรื่องราวสงบแล้วก็อพยพกลับถิ่นฐานเดิม พระเยซูเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองนาซาเรธ แคว้นกาลิลี เมื่อวัยเยาว์พระเยซูเป็นผู้สนใจในเรื่องศาสนธรรมและเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีอายุครบ 30 ปี ได้ท่องเทียวไปในดินแดนปาเลสไตน์ ณ ริมแม่น้ำจอร์แดน ทรงพบกับยอห์น (John the Baptism) ซึ่งหมายถึง ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา หลังที่ได้รับบัพติศมาแล้ว ได้เสด็จไปถิ่นกันดารเพียงพระองค์เดียว ทรงถือศีลอดโดยงดเว้นพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน จากนั้นพระองค์ก็เริ่มสอนประชาชนให้ทราบถึงความรอดของมนุษย์ ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์มีสาวกที่สำคัญ 12 คน (เนื่องจากชาวยิว มี 12 เผ่า) สาวกคนแรกที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาคือ ซีโมนเปโตร หรือที่คริสต์ศาสนิกชนเรียกว่า นักบุญเปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter) นักบุญอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทในการเผยแพร่ ศาสนาคริสต์คือ นักบุญเปาโล หรือ เซนต์ปอล (Saint Paul) เป็นนักบุญที่กลับใจจากการตามจับกุมและลงโทษพวกคริสเตียน มาเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่พระเยซูสิ้นพระชนม์
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของศาสนาคริสต์ได้สร้างความหวั่นไหว และส่งผลสะเทือนต่อศาสนายิวเป็นอย่างยิ่ง ปุโรหิตผู้ดูแลวิหารเสียผลประโยชน์ เกรงว่าพระเยซูจะแย่งสาวกของตนไป เพราะคำสอนของศาสนาคริสต์ เน้นเรื่องจริยธรรมศีลธรรมมากกว่าพิธีกรรม ซึ่งพิธีกรรมของศาสนายิว ได้แก่ การบูชาพระเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เช่น เนื้อวัว แพะ แกะ นกพิราบ นกเขา ฯลฯ เป็นต้น ในที่สุด ผู้ปกครองชาวโรมันก็สั่งประหารชีวิตพระเยซู ด้วยการตรึงกับไม้กางเขน เพราะเกรงว่าชาวยิวที่คัดค้านพระเยซูจะไม่พอใจ ชาวคริสต์ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงความรักจากพระเยซู เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จึงประทานพระบุตร มาไถ่บาปของมนุษย์ด้วยการสละชีวิตพระบุตรของพระองค์เอง พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่เมืองกลโกธา (Golgotha) เมื่อพระชนม์ได้ 33 พรรษา ใช้เวลาในการประกาศศาสนาทั้งสิ้น 3 ปี
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูแล้ว ศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมัน ในปลายศตวรรษที่ 1 และปลายศตวรรษที่ 4 จากนั้นได้แพร่กระจายเป็นศาสนาประจำชาติของหลายประเทศในทวีปยุโรป
หลักธรรมสำคัญของศาสนาคริสต์
ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าสร้าโลกและได้สร้างหญิงชายคู่หนึ่ง คือ อาดัม และเอวา และทรงเนรมิตสร้างสวนเอเดนให้ทั้งคู่อยู่อย่างมีความสุข ต่อมามนุษย์ได้แอบกินผลไม้ต้องห้าม จึงถูกลงโทษ ด้วยการขับออกจากสวนเอเดนให้มาลำบากบนแผ่นดินโลก บาปของมนุษย์คู่นี้จึงตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคนด้วย บาปนี้เรียกว่า "บาปกำเนิด (Original Sin)" แม้มนุษย์จะทำบาปแต่พระเจ้าก็ทรงเมตตา โดยส่งพระเยซู ให้มารับสภาพมนุษย์มนุษย์ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ที่เชื่อในพระองค์ เพื่อให้มนุษย์หลุดพ้นจากความบาป และเพราะมนุษย์มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง จึงต้องพึ่งพระเจ้าและพระบุตรของพระองค์ เพื่อช่วยให้มนุษย์มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น
หลักตรีเอกภาพ
ศาสนาคริสต์สอนว่า มีพระเจ้าเดียว (Monotheism) ในพระเจ้าเดียวนี้แบ่งเป็น 3 พระบุคคล คือ
- พระบิดา (พระยาห์เวห์) คือ พระเจ้าผู้สร้างโลก เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นนิรันดร์
- พระบุตร (พระเยซู) คือ พระเจ้า ซึ่งมารับสภาพมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้รับฟังคำสั่งสอนของพระเจ้าอย่างใกล้ชิด
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ พระเจ้า ซึ่งปรากฏเป็นวิญญาณในมนุษย์ เพื่อการทรงนำให้มนุษย์อยู่บนทางของพระเจ้า
หลักความรัก
ความรักถือเป็นบทบัญญัติที่สำคัญของศาสนาคริสต์ ดังพระเยซูตรัสว่า "จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่าน และด้วยสุดกำลังของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" ความรักนี้ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่เป็นความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ศาสนาคริสต์ถือว่าทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า จึงควรรักกันเหมือนพี่น้อง
บัญญัติ 10 ประการ เป็นหลักศีลธรรมของศาสนายูดาห์ ซึ่งโมเสสเป็นผู้ได้รับจากพระเจ้า เพื่อประกาศให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ ซึ่งศาสนาคริสต์ก็รับ บัญญัติ 10 ประการ นี้ด้วย มีเนื้อหาดังนี้ "เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา ห้ามทำรูปเคารพสำหรับตน ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ห้ามฆ่าคน ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามลักขโมย ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ห้ามโลภ"
หลักความเชื่อ
- การประสูติ
- การรับบัพติศมา
- การถูกทดลอง
- อาหารค่ำมื้อสุดท้าย
- การตรึงที่กางเขน
- การคืนพระชนม์
- การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
- การมาครั้งที่สอง
- การพิพากษาครั้งสุดท้าย
คัมภีร์
คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ เรียกว่า "คัมภีร์ไบเบิล (Bible)" ถือเป็น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นพระวจนะของพระเจ้า แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคพันธสัญญาเดิม และ ภาคพันธสัญญาใหม่
- ภาคพันธสัญญาเดิม (Old Teatament) ภาคนี้เป็นคัมภีร์ของศาสนายูดาห์ ต้นฉบับจารึกเป็นภาษาฮีบรู เล่าเรื่องพระเจ้าสร้างโลก จนถึงสมัยก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ เช่น ความเป็นมาของชนชาติยิว บัญญัติ 10 ประการ ศาสดาพยากรณ์ ฯลฯ เป็นต้น
- ภาคพันธสัญญาใหม่ (New Testament) ต้นฉบับจารึกเป็นภาษากรีก เล่าเรื่องตั้งแต่พระเยซูคริสต์ประสูติ การเผยแพร่ศาสนา รวมถึงเรื่องราวของอัครทูต ภาคนี้ชาวยิวไม่ยอมรับว่าเป็นคัมภีร์ในศาสนาตน เพราะไม่ยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ประวัติศาสตร์
ยุคแรก (ค.ศ.33-325)
ปลายยุคแรก (ค.ศ.313–476)
ต้นสมัยกลาง (ค.ศ.476–799)
ปลายสมัยกลาง (ค.ศ.800–1299)
สงครามครูเสด (ค.ศ.1096–1299)
ปลายสมัยกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (ค.ศ.1300–1520)
การปฏิรูปและการปฏิรูปคริสตจักรโรมันคาทอลิก (ค.ศ.1561–1648)
ยุคการจัดตั้งคริสตจักรและการประกาศข่าวประเสริฐ (ค.ศ.1610–1800)
ยุคต้นร่วมสมัย (ค.ศ.1720–1850)
ยุคปลายร่วมสมัย (ค.ศ.1848–ปัจจุบัน)
อัครทูต
- ซีโมนเปโตร
- อันดรูว์
- ยากอบบุตรเศเบดี
- ยอห์น
- ฟีลิป
- บารโธโลมิว
- โธมัส
- มัทธิว
- ยากอบบุตรอัลเฟอัส
- ยูดา
- ซีโมนเศโลเท
- ยูดาส
- มัทธีอัส
- เปาโล
- บารนาบัส
- ยากอบ
นิกาย
- โรมันคาทอลิก
- โปรเตสแตนต์ (ลูเทอแรน • เพรสไบทีเรียน • เมทอดิสต์ • แบปทิสต์ • แองกลิคัน • แอดเวนทิสต์)
- ออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์
- อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์
- พยานพระยะโฮวา
- มอรมอน
พิธีกรรม
สังคมศาสนาคริสต์
ดูเพิ่มเติม
อ้างอิง
- ↑ The Church Triumphant: A History of Christianity Up to 1300, E. Glenn Hinson, p 223
- ↑ Georgian Reader, George Hewitt, p. xii
- ↑ Ethiopia, the Unknown Land: A Cultural and Historical Guide, by Stuart Munro-Hay, p. 234
- ↑ Prayers from the East: Traditions of Eastern Christianity, Richard Marsh, p. 3
- ↑ Adherents.com, Religions by Adherents
- ↑ BBC Documentary: A History of Christianity by Diarmaid MacCulloch, Oxford University