ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประวัติศาสนาคริสต์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
DanMTaylor (คุย | ส่วนร่วม)
Lephill (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มเนื้อหา
บรรทัด 10: บรรทัด 10:
โรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ได้มีการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก เช่น ยุโรป ในช่วง[[สมัยกลาง]] ศาสนาคริสต์ขยายตัวทั่วโลกในช่วงของ[[ยุคแห่งการสำรวจ]]ยุโรป<ref>Adherents.com, [http://www.adherents.com/Religions_By_Adherents.html ''Religions by Adherents'']</ref> จากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นต้นไป กลายเป็น[[ศาสนา|ศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก]]<ref>BBC Documentary: A History of Christianity by Diarmaid MacCulloch, Oxford University</ref>
โรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ได้มีการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก เช่น ยุโรป ในช่วง[[สมัยกลาง]] ศาสนาคริสต์ขยายตัวทั่วโลกในช่วงของ[[ยุคแห่งการสำรวจ]]ยุโรป<ref>Adherents.com, [http://www.adherents.com/Religions_By_Adherents.html ''Religions by Adherents'']</ref> จากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นต้นไป กลายเป็น[[ศาสนา|ศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก]]<ref>BBC Documentary: A History of Christianity by Diarmaid MacCulloch, Oxford University</ref>


== ประวัติศาสนาคริสต์ ==
== พระเจ้า ==
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดศาสนาหนึ่ง มีลักษณะเป็นศาสนา[[เทวนิยม]] ซึ่งนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ [[พระยาห์เวห์]] คำว่า "คริสต์" มาจาก[[ภาษากรีก]]ว่า "คริสตอล" แปลว่า ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เน้นการมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้พระเจ้าและให้มนุษย์ด้วยกัน เพราะหลักการของศาสนาคริสต์ถือว่ามนุษย์ทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า
* [[ตรีเอกภาพ]]
* [[พระเจ้าพระบิดา|พระบิดา]] ([[พระยาห์เวห์]])
* [[พระเจ้าพระบุตร|พระบุตร]] ([[พระเยซู]])
* [[พระวิญญาณบริสุทธิ์]]


ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่พัฒนาหรือปฏิรูปมาจาก[[ศาสนายูดาห์]] ดังนั้นการศึกษาศาสนาคริสต์จึงควรศึกษาที่ศาสนายูดาห์ด้วย เมื่อประมาณ 2,000 ปี ก่อนคริสต์กาล ชนเผ่าหนึ่งเป็นบรรบุรุษของชาวยิว ตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ ดินแดน[[เมโสโปเตเมีย]] มีหัวหน้าเผ่าชื่อ "[[อับราฮัม]]" (อับราฮัม เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์) ได้อ้างตนว่า ได้รับโองการจากพระเจ้าให้อพยพชนเผ่าไปอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า แผ่นดิน[[คานาอัน]] (บริเวณ[[ประเทศอิสราเอล]] ในปัจจุบัน) โดยอับราฮัมกล่าวว่า พระเจ้ากำหนดและสัญญาให้ชนเผ่านี้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ต่อไป การที่พระเจ้าสัญญาจึงก่อให้เกิดพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับชนชาวยิว ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงเรียกคัมภีร์ของศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ว่า "พันธสัญญา"
== ความเชื่อ ==

* [[พระคริสต์|พระเยซูคริสต์]]
ต่อมาดินแดนคานาอัน ประสบความแห้งแล้งอย่างรุนแรง ชาวยิวจึงอพยพกลับไปอยู่ในดินแดนของ[[ประเทศอียิปต์]] และกลายเป็นทาสของอียิปต์ ชาวยิวทนความลำบากของสภาพทาสไม่ได้ จึงคิดอพยพกลับไปดินแดนคานาอัน การเดินทางครั้งนี้พระเจ้าทรงมีโองการให้ชาวยิวคนหนึ่งชื่อ "[[โมเสส]]" เป็นหัวหน้า ระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยความลำบาก และต้องรอนแรมกลางทะเลทรายหลายปี และชาวอียิปต์ได้ส่งทหารติดตามกวาดล้าง โดยคิดว่าชาวยิวจะก่อกบฏ เมื่อไล่ติดตามมาถึง[[ทะเลแดง]] ด้วยเดชแห่งอำนาจของพระเจ้า โมเสสได้แยกน้ำออกจากกันทำให้ชาวยิวหนีรอดมาได้ เหตุการณ์สำคัญนี้ ต่อมาได้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในงานฉลองประจำปีเรียกว่า งานฉลอง[[ปัสคา]] นอกจากนี้ พระเจ้าได้มอบ[[บัญญัติ 10 ประการ]]ให้แก่โมเสส เพื่อให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ บัญญัติ 10 ประการนี้ ถือเป็นหลักสำคัญของศาสนายูดาห์ และต่อมาถือเป็นหลักสำคัญของศาสนาคริสต์ด้วย โมเสสได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์

ชาวยิวได้ตั้งอาณาจักรคานาอัน ต่อมาอาณาจักรนี้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักร[[บาบิโลน]] และเป็นเมืองขึ้นของ[[จักรวรรดิโรมัน]]ตามลำดับ ชาวยิวยังคงได้รับการกดขี่ข่มเหงจากจักรวรรดิโรมัน เราจะเห็นว่า ประวัติศาสตร์ของชาวยิว เป็นประวัติศาสตร์แห่งความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ชาวยิวจึงมีความเชื่อในคำทำนายของศาสดาพยากรณ์ว่า วันหนึ่งพระเจ้าจะส่งคนลงมาช่วยเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ยากทั้งหมดของชาวยิว หรือช่วยไถ่บาปให้กับชาวยิว เรียกบุคคลนี้ว่า "[[พระเมสสิยาห์]]" (Messiah) คำว่า เมสสิยาห์ เป็น[[ภาษาฮีบรู]] ตรงกับคำว่า คริสต์ (Christ) หรือ ไครสต์ ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ผู้ได้รับเลือก ให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวยิวมีความหวังในชีวิตเมื่อ [[พระเยซู]] (Jesus) ประสูติ ชาวยิวจำนวนหนึ่งจึงมีความเชื่อว่า พระเยซู ่คือ พระเมสสิยาห์ (Jesus Christ = จีซัส หรือ เยซู ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า)

พระเยซูมีเชื้อชาติยิว คริสต์ศาสนาถือว่าวันประสูติของพระองค์คือ วันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1 (ซึ่งถือเอาวันประสูติเป็นปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 543) ณ หมู่บ้าน[[เบธเลเฮม]] แคว้น[[ยูดาห์]] ในดินแดน[[ปาเลสไตน์]] (ประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน) มารดาชื่อ [[มารีย์]] ชาวคริสต์เชื่อว่านางมารีย์ตั้งครรภ์ไม่เหมือนสตรีอื่น ๆ เป็นการตั้งครรภ์โดยเดชแห่ง[[พระวิญญาณบริสุทธิ์]] มีบิดาเลี้ยงชื่อ [[โยเซฟ]] สมัยนั้นกษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ [[เฮโรด]] เมื่อได้ยินคำพยากรณ์ว่าจะมีผู้มีบุญมาเกิดจึงคิดกำจัด ดังนั้นโยเซฟและมารีย์จึงหนีไปอยู่อียิปต์เป็นการชั่วคราว เมื่อเรื่องราวสงบแล้วก็อพยพกลับถิ่นฐานเดิม พระเยซูเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมือง[[นาซาเรธ]] แคว้น[[กาลิลี]] เมื่อวัยเยาว์พระเยซูเป็นผู้สนใจในเรื่องศาสนธรรมและเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีอายุครบ 30 ปี ได้ท่องเทียวไปในดินแดนปาเลสไตน์ ณ ริม[[แม่น้ำจอร์แดน]] ทรงพบกับยอห์น (John the Baptism) ซึ่งหมายถึง [[ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา]] หลังที่ได้รับบัพติศมาแล้ว ได้เสด็จไปถิ่นกันดารเพียงพระองค์เดียว ทรงถือศีลอดโดยงดเว้นพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน จากนั้นพระองค์ก็เริ่มสอนประชาชนให้ทราบถึง[[ความรอด]]ของมนุษย์ ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์มีสาวกที่สำคัญ 12 คน (เนื่องจากชาวยิว มี 12 เผ่า) สาวกคนแรกที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาคือ [[ซีโมนเปโตร]] หรือที่คริสต์ศาสนิกชนเรียกว่า นักบุญเปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter) นักบุญอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทในการเผยแพร่ ศาสนาคริสต์คือ [[นักบุญเปาโล]] หรือ เซนต์ปอล (Saint Paul) เป็นนักบุญที่กลับใจจากการตามจับกุมและลงโทษพวกคริสเตียน มาเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่พระเยซูสิ้นพระชนม์

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของศาสนาคริสต์ได้สร้างความหวั่นไหว และส่งผลสะเทือนต่อศาสนายิวเป็นอย่างยิ่ง ปุโรหิตผู้ดูแลวิหารเสียผลประโยชน์ เกรงว่าพระเยซูจะแย่งสาวกของตนไป เพราะคำสอนของศาสนาคริสต์ เน้นเรื่องจริยธรรมศีลธรรมมากกว่าพิธีกรรม ซึ่งพิธีกรรมของศาสนายิว ได้แก่ การบูชาพระเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เช่น เนื้อวัว แพะ แกะ นกพิราบ นกเขา ฯลฯ เป็นต้น ในที่สุด ผู้ปกครองชาวโรมันก็สั่งประหารชีวิตพระเยซู ด้วยการตรึงกับไม้กางเขน เพราะเกรงว่าชาวยิวที่คัดค้านพระเยซูจะไม่พอใจ ชาวคริสต์ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงความรักจากพระเยซู เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จึงประทานพระบุตร มาไถ่บาปของมนุษย์ด้วยการสละชีวิตพระบุตรของพระองค์เอง พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่เมืองกลโกธา (Golgotha) เมื่อพระชนม์ได้ 33 พรรษา ใช้เวลาในการประกาศศาสนาทั้งสิ้น 3 ปี

หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูแล้ว ศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมัน ในปลายศตวรรษที่ 1 และปลายศตวรรษที่ 4 จากนั้นได้แพร่กระจายเป็นศาสนาประจำชาติของหลายประเทศในทวีปยุโรป

== หลักธรรมสำคัญของศาสนาคริสต์ ==
ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าสร้าโลกและได้สร้างหญิงชายคู่หนึ่ง คือ [[อาดัม]] และ[[เอวา]] และทรงเนรมิตสร้างสวนเอเดนให้ทั้งคู่อยู่อย่างมีความสุข ต่อมามนุษย์ได้แอบกินผลไม้ต้องห้าม จึงถูกลงโทษ ด้วยการขับออกจากสวนเอเดนให้มาลำบากบนแผ่นดินโลก บาปของมนุษย์คู่นี้จึงตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคนด้วย บาปนี้เรียกว่า "[[บาปกำเนิด]] (Original Sin)" แม้มนุษย์จะทำบาปแต่พระเจ้าก็ทรงเมตตา โดยส่งพระเยซู ให้มารับสภาพมนุษย์มนุษย์ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ที่เชื่อในพระองค์ เพื่อให้มนุษย์หลุดพ้นจากความบาป และเพราะมนุษย์มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง จึงต้องพึ่งพระเจ้าและพระบุตรของพระองค์ เพื่อช่วยให้มนุษย์มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น

== หลักตรีเอกภาพ ==
{{บทความหลัก|ตรีเอกภาพ}}
ศาสนาคริสต์สอนว่า มีพระเจ้าเดียว (Monotheism) ในพระเจ้าเดียวนี้แบ่งเป็น 3 พระบุคคล คือ

* [[พระเจ้าพระบิดา|พระบิดา]] ([[พระยาห์เวห์]]) คือ พระเจ้าผู้สร้างโลก เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นนิรันดร์
* [[พระเจ้าพระบุตร|พระบุตร]] ([[พระเยซู]]) คือ พระเจ้า ซึ่งมารับสภาพมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้รับฟังคำสั่งสอนของพระเจ้าอย่างใกล้ชิด
* [[พระวิญญาณบริสุทธิ์]] คือ พระเจ้า ซึ่งปรากฏเป็นวิญญาณในมนุษย์ เพื่อการทรงนำให้มนุษย์อยู่บนทางของพระเจ้า

== หลักความรัก ==
{{บทความหลัก|บัญญัติของพระเยซูคริสต์}}
ความรักถือเป็นบทบัญญัติที่สำคัญของศาสนาคริสต์ ดังพระเยซูตรัสว่า "จง​รัก​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​ผู้​เป็น​พระ‍เจ้า​ด้วย​สุด​ใจ​ของ​ท่าน ด้วย​สุด​จิต​ของ​ท่าน ด้วย​สุด​ความ​คิด​ของ​ท่าน และ​ด้วย​สุด​กำลัง​ของ​ท่าน และจง​รัก​เพื่อน‍บ้าน​เหมือน​รัก​ตน‍เอง" ความรักนี้ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่เป็นความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ศาสนาคริสต์ถือว่าทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า จึงควรรักกันเหมือนพี่น้อง

{{บทความหลัก|บัญญัติ 10 ประการ}}
บัญญัติ 10 ประการ เป็นหลักศีลธรรมของศาสนายูดาห์ ซึ่ง[[โมเสส]]เป็นผู้ได้รับจากพระเจ้า เพื่อประกาศให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ ซึ่งศาสนาคริสต์ก็รับ บัญญัติ 10 ประการ นี้ด้วย มีเนื้อหาดังนี้
"[[เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า]] [[ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา]] [[ห้ามทำรูปเคารพสำหรับตน]] [[ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด]] [[จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์]] [[จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า]] [[ห้ามฆ่าคน]] [[ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา]] [[ห้ามลักขโมย]] [[ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน]] [[ห้าม​โลภ​]]"

== หลักความเชื่อ ==
{{บทความหลัก|พระคริสต์|พระเยซูคริสต์}}
* [[การประสูติของพระเยซู|การประสูติ]]
* [[การประสูติของพระเยซู|การประสูติ]]
* [[พระเยซูทรงรับบัพติศมา|การรับบัพติศมา]]
* [[พระเยซูทรงรับบัพติศมา|การรับบัพติศมา]]
บรรทัด 28: บรรทัด 56:
* [[การพิพากษาครั้งสุดท้าย]]
* [[การพิพากษาครั้งสุดท้าย]]


* [[เทววิทยาศาสนาคริสต์|เทววิทยา]]
{{บทความหลัก|เทววิทยาศาสนาคริสต์}}
* [[การตกในบาป]]
* [[การตกในบาป]]
* [[ความรอด]]
* [[ความรอด]]
* [[หลักข้อเชื่อของอัครทูต]]
* [[หลักข้อเชื่อของอัครทูต]]
* [[บัญญัติ 10 ประการ|พระบัญญัติสิบประการ]]
* [[บัญญัติของพระเยซูคริสต์|พระบัญญัติของพระเยซูคริสต์]]


== คัมภีร์ ==
== คัมภีร์ ==
* [[คัมภีร์ไบเบิล]]
{{บทความหลัก||คัมภีร์ไบเบิล}}
คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ เรียกว่า "คัมภีร์ไบเบิล (Bible)" ถือเป็น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นพระวจนะของพระเจ้า แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคพันธสัญญาเดิม และ ภาคพันธสัญญาใหม่
* [[พันธสัญญาเดิม|ภาคพันธสัญญาเดิม]]

* [[พันธสัญญาใหม่|ภาคพันธสัญญาใหม่]]
* [[พันธสัญญาเดิม|ภาคพันธสัญญาเดิม]] (Old Teatament) ภาคนี้เป็นคัมภีร์ของศาสนายูดาห์ ต้นฉบับจารึกเป็นภาษาฮีบรู เล่าเรื่องพระเจ้าสร้างโลก จนถึงสมัยก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ เช่น ความเป็นมาของชนชาติยิว บัญญัติ 10 ประการ ศาสดาพยากรณ์ ฯลฯ เป็นต้น
* [[พระวรสาร]]
* [[พันธสัญญาใหม่|ภาคพันธสัญญาใหม่]] (New Testament) ต้นฉบับจารึกเป็นภาษากรีก เล่าเรื่องตั้งแต่พระเยซูคริสต์ประสูติ การเผยแพร่ศาสนา รวมถึงเรื่องราวของอัครทูต ภาคนี้ชาวยิวไม่ยอมรับว่าเป็นคัมภีร์ในศาสนาตน เพราะไม่ยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า


== ประวัติศาสตร์ ==
== ประวัติศาสตร์ ==
บรรทัด 90: บรรทัด 117:


== อัครทูต ==
== อัครทูต ==
* [[อัครทูต|สิบสองอัครทูต]]
{{บทความหลัก|อัครทูต}}
* [[ซีโมนเปโตร]]
* [[ซีโมนเปโตร]]
* [[นักบุญอันดรูว์|อันดรูว์]]
* [[นักบุญอันดรูว์|อันดรูว์]]
บรรทัด 103: บรรทัด 130:
* [[ซีโมนเศโลเท]]
* [[ซีโมนเศโลเท]]
* [[ยูดาส อิสคาริโอท|ยูดาส]]
* [[ยูดาส อิสคาริโอท|ยูดาส]]

* [[นักบุญมัทธีอัส|มัทธีอัส]]
* [[นักบุญมัทธีอัส|มัทธีอัส]]
* [[เปาโลอัครทูต|เปาโล]]
* [[เปาโลอัครทูต|เปาโล]]
บรรทัด 110: บรรทัด 136:


== นิกาย ==
== นิกาย ==
* [[ศาสนาคริสต์ตะวันตก|ตะวันตก]]
{{บทความหลัก|นิกายในศาสนาคริสต์}}
* [[โรมันคาทอลิก]]
* [[โรมันคาทอลิก]]
* [[โปรเตสแตนต์]] ([[ลูเทอแรน]] • [[เพรสไบทีเรียน]] • [[เมทอดิสต์]] • [[แบปทิสต์]] • [[แองกลิคัน]] • [[แอดเวนทิสต์]])
* [[โปรเตสแตนต์]] ([[ลูเทอแรน]] • [[เพรสไบทีเรียน]] • [[เมทอดิสต์]] • [[แบปทิสต์]] • [[แองกลิคัน]] • [[แอดเวนทิสต์]])

* [[ศาสนาคริสต์ตะวันออก|ตะวันออก]]
* [[ออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์]]
* [[ออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์]]
* [[อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์]]
* [[อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์]]

* [[อตรีเอกภาพนิยม]]
* [[พยานพระยะโฮวา]]
* [[พยานพระยะโฮวา]]
* [[มอรมอน]]
* [[มอรมอน]]


== พิธีกรรม ==
== พิธีกรรม ==
{{บทความหลัก|พิธีศักดิ์สิทธิ์}}
* [[พิธีรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน|พิธีบัพติศมา]]
* [[พิธีรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน|พิธีบัพติศมา]]
* [[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]]
* [[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:57, 21 มิถุนายน 2558

พระเยซู (พระเจ้าพระบุตรและศาสดาของศาสนาคริสต์)
โดมทองแห่งเยรูซาเลม ปัจจุบันเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลาม อดีตเป็นที่ตั้งพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาห์ เป็นจุดเริ่มต้นของศาสนาคริสต์และเป็นศาสนสถานที่สำคัญในกลุ่มศาสนาอับราฮัม ซึ่งตั้งอยู่บนเขาพระวิหาร(Temple Mount)ในกรุงเยรูซาเลม (ภาพถ่ายมุมสูงจากฝั่งใต้)
ภาพแสดงการเผยแผ่ศาสนาคริสต์บริเวณเมดิเตอร์เรเนียนและยุโรปใต้
  ปี ค.ศ.325
  ปี ค.ศ.600

ประวัติศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: History of Christianity) ศาสนาคริสต์ เกิดขึ้นบริเวณดินแดนเลแวนต์ ซึ่งปัจจุบันคือดินแดนอิสราเอลและปาเลสไตน์ ในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 1 ศาสนาคริสต์ได้เริ่มเผยแผ่ครั้งแรกจากกรุงเยรูซาเล็มตลอดจนดินแดนตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซีเรีย อัสซีเรีย เมโสโปเตเมีย ฟินิเชีย อานาโตเลีย ประเทศจอร์แดน และ ประเทศอียิปต์ ในช่วงคริสศตวรรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ได้รับเลือกให้เป็นศาสนาประจำชาติโดยราชวงศ์อาร์เมเนียในปี ค.ศ.301 จอร์เจียในปี ค.ศ.319[1][2] อาณาจักรอักซุมในปี ค.ศ.325[3][4] และจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ.380

หลังจากนั้น ในปี ค.ศ.431 สภาเมืองเอเฟซัสได้มีมติให้แยกคริสตจักรแห่งตะวันออก เป็นคริสตจักรอัสซีเรย โดยความแตกแยกของชาวเนสโตเรียน ในปี ค.ศ.1054 สภาชาล์วไซดอนได้มีมติให้แยกคริสตจักรแห่งตะวันออกอีกครั้ง เป็น คริสตจักรโรมันคาทอลิก และ คริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ จากความแตกแยกระหว่างฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก และในปี ค.ศ.1517 ได้มีความแตกแยกในคริสตจักรตะวันตก จึงได้มีการแบ่งเป็นคริสตจักรโปรเตสแตนต์โดยจัดตั้งคริสตจักรปฏิรูปขึ้น เพื่อการปฏิรูปความเสื่อมโทรมของคริสตจักรโรมันคาทอลิก

โรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ได้มีการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก เช่น ยุโรป ในช่วงสมัยกลาง ศาสนาคริสต์ขยายตัวทั่วโลกในช่วงของยุคแห่งการสำรวจยุโรป[5] จากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นต้นไป กลายเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก[6]

ประวัติศาสนาคริสต์

ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดศาสนาหนึ่ง มีลักษณะเป็นศาสนาเทวนิยม ซึ่งนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระยาห์เวห์ คำว่า "คริสต์" มาจากภาษากรีกว่า "คริสตอล" แปลว่า ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เน้นการมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้พระเจ้าและให้มนุษย์ด้วยกัน เพราะหลักการของศาสนาคริสต์ถือว่ามนุษย์ทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า

ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่พัฒนาหรือปฏิรูปมาจากศาสนายูดาห์ ดังนั้นการศึกษาศาสนาคริสต์จึงควรศึกษาที่ศาสนายูดาห์ด้วย เมื่อประมาณ 2,000 ปี ก่อนคริสต์กาล ชนเผ่าหนึ่งเป็นบรรบุรุษของชาวยิว ตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ ดินแดนเมโสโปเตเมีย มีหัวหน้าเผ่าชื่อ "อับราฮัม" (อับราฮัม เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์) ได้อ้างตนว่า ได้รับโองการจากพระเจ้าให้อพยพชนเผ่าไปอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า แผ่นดินคานาอัน (บริเวณประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน) โดยอับราฮัมกล่าวว่า พระเจ้ากำหนดและสัญญาให้ชนเผ่านี้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ต่อไป การที่พระเจ้าสัญญาจึงก่อให้เกิดพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับชนชาวยิว ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงเรียกคัมภีร์ของศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ว่า "พันธสัญญา"

ต่อมาดินแดนคานาอัน ประสบความแห้งแล้งอย่างรุนแรง ชาวยิวจึงอพยพกลับไปอยู่ในดินแดนของประเทศอียิปต์ และกลายเป็นทาสของอียิปต์ ชาวยิวทนความลำบากของสภาพทาสไม่ได้ จึงคิดอพยพกลับไปดินแดนคานาอัน การเดินทางครั้งนี้พระเจ้าทรงมีโองการให้ชาวยิวคนหนึ่งชื่อ "โมเสส" เป็นหัวหน้า ระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยความลำบาก และต้องรอนแรมกลางทะเลทรายหลายปี และชาวอียิปต์ได้ส่งทหารติดตามกวาดล้าง โดยคิดว่าชาวยิวจะก่อกบฏ เมื่อไล่ติดตามมาถึงทะเลแดง ด้วยเดชแห่งอำนาจของพระเจ้า โมเสสได้แยกน้ำออกจากกันทำให้ชาวยิวหนีรอดมาได้ เหตุการณ์สำคัญนี้ ต่อมาได้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในงานฉลองประจำปีเรียกว่า งานฉลองปัสคา นอกจากนี้ พระเจ้าได้มอบบัญญัติ 10 ประการให้แก่โมเสส เพื่อให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ บัญญัติ 10 ประการนี้ ถือเป็นหลักสำคัญของศาสนายูดาห์ และต่อมาถือเป็นหลักสำคัญของศาสนาคริสต์ด้วย โมเสสได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดาของศาสนายูดาห์

ชาวยิวได้ตั้งอาณาจักรคานาอัน ต่อมาอาณาจักรนี้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรบาบิโลน และเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิโรมันตามลำดับ ชาวยิวยังคงได้รับการกดขี่ข่มเหงจากจักรวรรดิโรมัน เราจะเห็นว่า ประวัติศาสตร์ของชาวยิว เป็นประวัติศาสตร์แห่งความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ชาวยิวจึงมีความเชื่อในคำทำนายของศาสดาพยากรณ์ว่า วันหนึ่งพระเจ้าจะส่งคนลงมาช่วยเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ยากทั้งหมดของชาวยิว หรือช่วยไถ่บาปให้กับชาวยิว เรียกบุคคลนี้ว่า "พระเมสสิยาห์" (Messiah) คำว่า เมสสิยาห์ เป็นภาษาฮีบรู ตรงกับคำว่า คริสต์ (Christ) หรือ ไครสต์ ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ผู้ได้รับเลือก ให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวยิวมีความหวังในชีวิตเมื่อ พระเยซู (Jesus) ประสูติ ชาวยิวจำนวนหนึ่งจึงมีความเชื่อว่า พระเยซู ่คือ พระเมสสิยาห์ (Jesus Christ = จีซัส หรือ เยซู ผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า)

พระเยซูมีเชื้อชาติยิว คริสต์ศาสนาถือว่าวันประสูติของพระองค์คือ วันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1 (ซึ่งถือเอาวันประสูติเป็นปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 543) ณ หมู่บ้านเบธเลเฮม แคว้นยูดาห์ ในดินแดนปาเลสไตน์ (ประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน) มารดาชื่อ มารีย์ ชาวคริสต์เชื่อว่านางมารีย์ตั้งครรภ์ไม่เหมือนสตรีอื่น ๆ เป็นการตั้งครรภ์โดยเดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีบิดาเลี้ยงชื่อ โยเซฟ สมัยนั้นกษัตริย์ผู้ครองเมืองชื่อ เฮโรด เมื่อได้ยินคำพยากรณ์ว่าจะมีผู้มีบุญมาเกิดจึงคิดกำจัด ดังนั้นโยเซฟและมารีย์จึงหนีไปอยู่อียิปต์เป็นการชั่วคราว เมื่อเรื่องราวสงบแล้วก็อพยพกลับถิ่นฐานเดิม พระเยซูเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองนาซาเรธ แคว้นกาลิลี เมื่อวัยเยาว์พระเยซูเป็นผู้สนใจในเรื่องศาสนธรรมและเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีอายุครบ 30 ปี ได้ท่องเทียวไปในดินแดนปาเลสไตน์ ณ ริมแม่น้ำจอร์แดน ทรงพบกับยอห์น (John the Baptism) ซึ่งหมายถึง ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา หลังที่ได้รับบัพติศมาแล้ว ได้เสด็จไปถิ่นกันดารเพียงพระองค์เดียว ทรงถือศีลอดโดยงดเว้นพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน จากนั้นพระองค์ก็เริ่มสอนประชาชนให้ทราบถึงความรอดของมนุษย์ ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์มีสาวกที่สำคัญ 12 คน (เนื่องจากชาวยิว มี 12 เผ่า) สาวกคนแรกที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาคือ ซีโมนเปโตร หรือที่คริสต์ศาสนิกชนเรียกว่า นักบุญเปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter) นักบุญอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทในการเผยแพร่ ศาสนาคริสต์คือ นักบุญเปาโล หรือ เซนต์ปอล (Saint Paul) เป็นนักบุญที่กลับใจจากการตามจับกุมและลงโทษพวกคริสเตียน มาเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่พระเยซูสิ้นพระชนม์

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของศาสนาคริสต์ได้สร้างความหวั่นไหว และส่งผลสะเทือนต่อศาสนายิวเป็นอย่างยิ่ง ปุโรหิตผู้ดูแลวิหารเสียผลประโยชน์ เกรงว่าพระเยซูจะแย่งสาวกของตนไป เพราะคำสอนของศาสนาคริสต์ เน้นเรื่องจริยธรรมศีลธรรมมากกว่าพิธีกรรม ซึ่งพิธีกรรมของศาสนายิว ได้แก่ การบูชาพระเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เช่น เนื้อวัว แพะ แกะ นกพิราบ นกเขา ฯลฯ เป็นต้น ในที่สุด ผู้ปกครองชาวโรมันก็สั่งประหารชีวิตพระเยซู ด้วยการตรึงกับไม้กางเขน เพราะเกรงว่าชาวยิวที่คัดค้านพระเยซูจะไม่พอใจ ชาวคริสต์ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงความรักจากพระเยซู เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จึงประทานพระบุตร มาไถ่บาปของมนุษย์ด้วยการสละชีวิตพระบุตรของพระองค์เอง พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่เมืองกลโกธา (Golgotha) เมื่อพระชนม์ได้ 33 พรรษา ใช้เวลาในการประกาศศาสนาทั้งสิ้น 3 ปี

หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูแล้ว ศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมัน ในปลายศตวรรษที่ 1 และปลายศตวรรษที่ 4 จากนั้นได้แพร่กระจายเป็นศาสนาประจำชาติของหลายประเทศในทวีปยุโรป

หลักธรรมสำคัญของศาสนาคริสต์

ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าสร้าโลกและได้สร้างหญิงชายคู่หนึ่ง คือ อาดัม และเอวา และทรงเนรมิตสร้างสวนเอเดนให้ทั้งคู่อยู่อย่างมีความสุข ต่อมามนุษย์ได้แอบกินผลไม้ต้องห้าม จึงถูกลงโทษ ด้วยการขับออกจากสวนเอเดนให้มาลำบากบนแผ่นดินโลก บาปของมนุษย์คู่นี้จึงตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคนด้วย บาปนี้เรียกว่า "บาปกำเนิด (Original Sin)" แม้มนุษย์จะทำบาปแต่พระเจ้าก็ทรงเมตตา โดยส่งพระเยซู ให้มารับสภาพมนุษย์มนุษย์ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ที่เชื่อในพระองค์ เพื่อให้มนุษย์หลุดพ้นจากความบาป และเพราะมนุษย์มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง จึงต้องพึ่งพระเจ้าและพระบุตรของพระองค์ เพื่อช่วยให้มนุษย์มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น

หลักตรีเอกภาพ

ศาสนาคริสต์สอนว่า มีพระเจ้าเดียว (Monotheism) ในพระเจ้าเดียวนี้แบ่งเป็น 3 พระบุคคล คือ

  • พระบิดา (พระยาห์เวห์) คือ พระเจ้าผู้สร้างโลก เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นนิรันดร์
  • พระบุตร (พระเยซู) คือ พระเจ้า ซึ่งมารับสภาพมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้รับฟังคำสั่งสอนของพระเจ้าอย่างใกล้ชิด
  • พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ พระเจ้า ซึ่งปรากฏเป็นวิญญาณในมนุษย์ เพื่อการทรงนำให้มนุษย์อยู่บนทางของพระเจ้า

หลักความรัก

ความรักถือเป็นบทบัญญัติที่สำคัญของศาสนาคริสต์ ดังพระเยซูตรัสว่า "จง​รัก​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​ผู้​เป็น​พระ‍เจ้า​ด้วย​สุด​ใจ​ของ​ท่าน ด้วย​สุด​จิต​ของ​ท่าน ด้วย​สุด​ความ​คิด​ของ​ท่าน และ​ด้วย​สุด​กำลัง​ของ​ท่าน และจง​รัก​เพื่อน‍บ้าน​เหมือน​รัก​ตน‍เอง" ความรักนี้ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่เป็นความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ศาสนาคริสต์ถือว่าทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า จึงควรรักกันเหมือนพี่น้อง

บัญญัติ 10 ประการ เป็นหลักศีลธรรมของศาสนายูดาห์ ซึ่งโมเสสเป็นผู้ได้รับจากพระเจ้า เพื่อประกาศให้ชาวยิวนำไปยึดถือปฏิบัติ ซึ่งศาสนาคริสต์ก็รับ บัญญัติ 10 ประการ นี้ด้วย มีเนื้อหาดังนี้ "เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา ห้ามทำรูปเคารพสำหรับตน ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ห้ามฆ่าคน ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามลักขโมย ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ห้าม​โลภ​"

หลักความเชื่อ

คัมภีร์

คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ เรียกว่า "คัมภีร์ไบเบิล (Bible)" ถือเป็น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นพระวจนะของพระเจ้า แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคพันธสัญญาเดิม และ ภาคพันธสัญญาใหม่

  • ภาคพันธสัญญาเดิม (Old Teatament) ภาคนี้เป็นคัมภีร์ของศาสนายูดาห์ ต้นฉบับจารึกเป็นภาษาฮีบรู เล่าเรื่องพระเจ้าสร้างโลก จนถึงสมัยก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ เช่น ความเป็นมาของชนชาติยิว บัญญัติ 10 ประการ ศาสดาพยากรณ์ ฯลฯ เป็นต้น
  • ภาคพันธสัญญาใหม่ (New Testament) ต้นฉบับจารึกเป็นภาษากรีก เล่าเรื่องตั้งแต่พระเยซูคริสต์ประสูติ การเผยแพร่ศาสนา รวมถึงเรื่องราวของอัครทูต ภาคนี้ชาวยิวไม่ยอมรับว่าเป็นคัมภีร์ในศาสนาตน เพราะไม่ยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า

ประวัติศาสตร์

ยุคแรก (ค.ศ.33-325)

ปลายยุคแรก (ค.ศ.313–476)

ต้นสมัยกลาง (ค.ศ.476–799)

ปลายสมัยกลาง (ค.ศ.800–1299)

สงครามครูเสด (ค.ศ.1096–1299)

ปลายสมัยกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (ค.ศ.1300–1520)

การปฏิรูปและการปฏิรูปคริสตจักรโรมันคาทอลิก (ค.ศ.1561–1648)

ยุคการจัดตั้งคริสตจักรและการประกาศข่าวประเสริฐ (ค.ศ.1610–1800)

ยุคต้นร่วมสมัย (ค.ศ.1720–1850)

ยุคปลายร่วมสมัย (ค.ศ.1848–ปัจจุบัน)

อัครทูต

นิกาย

พิธีกรรม

สังคมศาสนาคริสต์

ดูเพิ่มเติม


อ้างอิง

  1. The Church Triumphant: A History of Christianity Up to 1300, E. Glenn Hinson, p 223
  2. Georgian Reader, George Hewitt, p. xii
  3. Ethiopia, the Unknown Land: A Cultural and Historical Guide, by Stuart Munro-Hay, p. 234
  4. Prayers from the East: Traditions of Eastern Christianity, Richard Marsh, p. 3
  5. Adherents.com, Religions by Adherents
  6. BBC Documentary: A History of Christianity by Diarmaid MacCulloch, Oxford University