ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 51: | บรรทัด 51: | ||
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ [[เดวิด คาเมรอน]]แห่ง[[พรรคอนุรักษนิยม (สหราชอาณาจักร)|พรรคอนุรักษนิยม]] ซึ่งปกครองนับแต่[[การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2553|การเลือกตั้งปี 2553]] ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและ[[พรรคแรงงาน (สหราชอาณาจักร)|พรรคแรงงาน]]ซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะเกิดรัฐสภาแขวน (hung parliament) การเลือกตั้งจบลงโดยพรรคอนุรักษนิยมได้สมาชิกรัฐสภาเพิ่มขึ้นและกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้คาเมรอนยังเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องอาศัยรัฐบาลผสม |
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ [[เดวิด คาเมรอน]]แห่ง[[พรรคอนุรักษนิยม (สหราชอาณาจักร)|พรรคอนุรักษนิยม]] ซึ่งปกครองนับแต่[[การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2553|การเลือกตั้งปี 2553]] ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและ[[พรรคแรงงาน (สหราชอาณาจักร)|พรรคแรงงาน]]ซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะเกิดรัฐสภาแขวน (hung parliament) การเลือกตั้งจบลงโดยพรรคอนุรักษนิยมได้สมาชิกรัฐสภาเพิ่มขึ้นและกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้คาเมรอนยังเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องอาศัยรัฐบาลผสม |
||
[[พรรคชาติสกอต]]ได้ที่นั่งอย่างสำคัญในสกอตแลนด์ โดยได้สมาชิกรัฐสภา 50 คน รวมเป็น 56 จาก 59 ที่นั่งที่ลงสมัคร ทำให้พรรคฯ เป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดอันดับสามในรัฐสภา พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียกว่า 46 ที่นั่งเมื่อสัดส่วนคะแนนเสียงลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่การเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2517 |
|||
การรณรงค์ทำให้พรรคเอกราชยูเคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งได้สัดส่วนคะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสาม (13%) แต่ได้สมาชิกรัฐสภาเพียงคนเดียว แม้มีคะแนนเสียงของประชาชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในการเลือกตั้ง คือ เพิ่มขึ้น 9.5% |
|||
หลังการเลือกตั้ง มิลลิแบนด์ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแรงงาน อนาคตของพรรคเสรีประชาธิปไตยถูกตั้งคำถาม และนิก เคล็กก์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นิเกล ฟาราจ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอกราชยูเคหลังไม่สามารถชนะที่นั่งที่แทเน็ตเซาท์ |
|||
== ความเป็นมา == |
== ความเป็นมา == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:56, 8 พฤษภาคม 2558
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาสามัญชน ต้องการ 326 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ผู้ใช้สิทธิ | 66.1% | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558 จัดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 (โดยมีการออกเสียงลงคะแนนทางไปรษณีย์ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน) เพื่อเลือกตั้งรัฐสภาสหราชอาณาจักรที่ 56 ในการเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร มีการออกเสียงลงคะแนนในทุดเขตเลือกตั้งรัฐสภาของสหราชอาณาจักรเพื่อเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเข้าไปนั่งในสภาสามัญชนซึ่งเป็นสภาล่างของรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมืองหรือแนวร่วมพรรคการเมืองใหญ่สุดในสภาสามัญชนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเดียวกันในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ ยกเว้นเกรตเตอร์ลอนดอน เมื่อเวลา 14:20 น. ตามเวลามาตรฐานบริเตน มีการประกาศผลแล้ว 649 จาก 650 ที่นั่ง
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ เดวิด คาเมรอนแห่งพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งปกครองนับแต่การเลือกตั้งปี 2553 ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคแรงงานซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะเกิดรัฐสภาแขวน (hung parliament) การเลือกตั้งจบลงโดยพรรคอนุรักษนิยมได้สมาชิกรัฐสภาเพิ่มขึ้นและกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้คาเมรอนยังเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องอาศัยรัฐบาลผสม
พรรคชาติสกอตได้ที่นั่งอย่างสำคัญในสกอตแลนด์ โดยได้สมาชิกรัฐสภา 50 คน รวมเป็น 56 จาก 59 ที่นั่งที่ลงสมัคร ทำให้พรรคฯ เป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดอันดับสามในรัฐสภา พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียกว่า 46 ที่นั่งเมื่อสัดส่วนคะแนนเสียงลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่การเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2517
การรณรงค์ทำให้พรรคเอกราชยูเคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งได้สัดส่วนคะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสาม (13%) แต่ได้สมาชิกรัฐสภาเพียงคนเดียว แม้มีคะแนนเสียงของประชาชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในการเลือกตั้ง คือ เพิ่มขึ้น 9.5%
หลังการเลือกตั้ง มิลลิแบนด์ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแรงงาน อนาคตของพรรคเสรีประชาธิปไตยถูกตั้งคำถาม และนิก เคล็กก์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นิเกล ฟาราจ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอกราชยูเคหลังไม่สามารถชนะที่นั่งที่แทเน็ตเซาท์
ความเป็นมา
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภาสามัญชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2517 จึงเกิดรัฐบาลผสมครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย[1]
ผลสำรวจความคิดเห็น
ผลการเลือกตั้ง
ผลที่ประกาศแล้ว 649 จาก 650 เขตเลือกตั้งเป็นดังนี้[2]
ที่ | พรรค | คะแนนเสียง | ที่นั่ง |
---|---|---|---|
1 | พรรคอนุรักษนิยม | 11,316,429 (36.9%) | 330 (50.6%) |
2 | พรรคแรงงาน | 9,339,818 (30.5%) | 232 (35.7%) |
3 | พรรคชาติสกอต (Scottish National Party) |
1,454,436 (4.7%) | 56 (8.6%) |
4 | พรรคเสรีประชาธิปไตย | 2,399,866 (7.8%) | 8 (1.2%) |
5 | พรรคสหภาพประชาธิปไตย (Democretic Unionist Party) |
184,260 (0.6%) | 8 (1.2%) |
6 | พรรคซินน์เฟน (Sinn Fein) |
176,232 (0.6%) | 4(0.6%) |
7 | พรรค Plaid Cymru | 181,694 (0.6%) | 3 (0.5%) |
8 | พรรคสังคมประชาธิปไตยและแรงงาน | 99,809 (0.3%) | 3 (0.5%) |
9 | พรรค Ulster Unionist | 114,935 (0.4%) | 2 (0.3%) |
10 | พรรค UKIP (UK Independence Party) |
3,875,409 (12.6%) | 1 (0.2%) |
11 | พรรคกรีน | 1,154,562 (3.8%) | 1 (0.2%) |
12 | อื่น ๆ | 349,487 (1.1%) | 1 (0.2%) |