ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ"
ล แทนที่ ‘ราชบัณฑิตสถาน’ ด้วย ‘ราชบัณฑิตยสถาน’ |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
| สีพิเศษ = #ffcc00 |
| สีพิเศษ = #ffcc00 |
||
| สีอักษร = #8f5f12 |
| สีอักษร = #8f5f12 |
||
| ภาพ = | พระบรมนามาภิไธย = เจ้าฟ้าเพชร |
| ภาพ = |
||
| พระบรมนามาภิไธย = เจ้าฟ้าเพชร |
|||
| พระปรมาภิไธย = สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ |
| พระปรมาภิไธย = สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ |
||
| วันพระราชสมภพ =[[พ.ศ. 2221]] |
| วันพระราชสมภพ =[[พ.ศ. 2221]] |
||
บรรทัด 13: | บรรทัด 14: | ||
| พระราชโอรส/ธิดา = [[เจ้าฟ้าพระนเรนทร กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์]]<br>เจ้าฟ้าหญิงเทพ<br>เจ้าฟ้าหญิงประทุม<br>เจ้าฟ้าอภัย<br>เจ้าฟ้าปรเมศร์ |
| พระราชโอรส/ธิดา = [[เจ้าฟ้าพระนเรนทร กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์]]<br>เจ้าฟ้าหญิงเทพ<br>เจ้าฟ้าหญิงประทุม<br>เจ้าฟ้าอภัย<br>เจ้าฟ้าปรเมศร์ |
||
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]] |
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]] |
||
|ทรงราชย์ = [[พ.ศ. |
|ทรงราชย์ = [[พ.ศ. 2252]]-[[พ.ศ. 2275]] |
||
| พิธีบรมราชาภิเษก = |
| พิธีบรมราชาภิเษก = |
||
|ระยะเวลาครองราชย์ = 26 ปี |
|ระยะเวลาครองราชย์ = 26 ปี |
||
บรรทัด 20: | บรรทัด 21: | ||
|}} |
|}} |
||
'''สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9'''<ref name="พระนาม">ราชบัณฑิตยสถาน. ''[http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=968 พระนามพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา]''. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556</ref> หรือ '''พระเจ้าท้ายสระ'''<ref name="พระนาม"/> หรือ '''สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ''' หรือ '''สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ''' |
'''สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9'''<ref name="พระนาม">ราชบัณฑิตยสถาน. ''[http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=968 พระนามพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา]''. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556</ref> หรือ '''พระเจ้าท้ายสระ'''<ref name="พระนาม"/> หรือ '''สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ''' หรือ '''สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ''' พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 30 แห่ง[[อาณาจักรอยุธยา]] และเป็นพระองค์ที่สามแห่ง[[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]] ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2252 - พ.ศ. 2275<ref name="นามานุกรม">{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา | ชื่อหนังสือ = นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย| URL = http://www.sac.or.th/main/pdf/Thai_king_directories.pdf| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา| ปี = 2554| ISBN = 978-616-7308-25-8| จำนวนหน้า = 264| หน้า = 163-6}}</ref> |
||
==พระราชประวัติ== |
==พระราชประวัติ== |
||
⚫ | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 มีพระนามเดิมว่า'''เจ้าฟ้าเพชร''' เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน[[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8]] เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี [[พ.ศ. 2252]] จึงขึ้นครองราชย์ เฉลิมพระนามว่า '''สมเด็จพระภูมินทรมหาราชา''' โดยพระนามที่เป็นที่รู้จักกันคือพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แล้วสถาปนา[[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ|พระบัณฑูรน้อย เจ้าฟ้าพร]] พระราชอนุชาเป็น[[กรมพระราชวังบวรสถานมงคล]] |
||
== สวรรคต == |
|||
⚫ | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 เป็นพระราชโอรส |
||
⚫ | |||
ในขณะที่สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ทรงพระประชวรหนักนั้น พระองค์ตัดสินพระทัยทรงมอบราชสมบัติให้แก่[[เจ้าฟ้าอภัย]] แต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่ทรงยินยอม จึงเกิดเป็นสงครามแย่งชิงราชบัลลังก์<ref name="นามานุกรม"/> ที่สุดกรมพระราชวังบวรสถานมลคลเป็นฝ่ายชนะ ทรงสำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัย แล้วจึงครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ |
|||
===สงครามแย่งชิงราชสมบัติ=== |
|||
ในขณะที่สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ทรงพระประชวรหนักนั้น พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะทรงมอบราชสมบัติให้แก่ [[เจ้าฟ้านเรนทร]] พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นผนวชอยู่ แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่เต็มพระทัย เนื่องจากในขณะนั้นเจ้าฟ้าพร พระอนุชาในพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 จึงตัดสินพระทัยทรงมอบราชสมบัติให้แก่ [[เจ้าฟ้าอภัย]] แทน |
|||
ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ได้เกิดสงครามแย่งชิงราชสมบัติขึ้น เมื่อ เจ้าฟ้าอภัย และ[[เจ้าฟ้าปรเมศร์]] พระราชโอรสทั้ง 2 ของพระองค์ซึ่งทรงดำรงพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล มีสิทธิที่จะขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐา แต่เมื่อพระเชษฐาใกล้เสด็จสวรรคตกลับตัดสินพระทัยทรงมอบราชสมบัติแก่ เจ้าฟ้านเรนทรแทน แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่เต็มพระทัย จึงยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสพระองค์รอง เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงราชสมบัติจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง กินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี |
|||
== พระนาม == |
== พระนาม == |
||
* สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ มาจากนาม[[พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์]] ซึ่งพระองค์ใช้เป็นประทับอันอยู่ข้างสระน้ำท้ายพระบรมมหาราชวัง |
* สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ มาจากนาม[[พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์]] ซึ่งพระองค์ใช้เป็นประทับอันอยู่ข้างสระน้ำท้ายพระบรมมหาราชวัง |
||
* สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 |
* สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 |
||
บรรทัด 41: | บรรทัด 40: | ||
== พระราชกรณียกิจ == |
== พระราชกรณียกิจ == |
||
ในรัชสมัยของพระองค์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจคือ มีการแต่ง[[เรือสำเภา]]บรรทุกสินค้าไปค้าขายที่[[เมืองท่า]][[มะริด]] ไปจรดถึง[[ทวีปแอฟริกา]]ตอนเหนือ มีการขุด[[คลอง]]สำคัญอันเป็นเส้นทางคมนาคม คือ "คลองมหาไชย" และ "คลองเกร็ดน้อย" มีการแข่งกันสร้างวัด ระหว่างพระองค์กับพระอนุชา คือ [[วัดมเหยงค์]] |
ในรัชสมัยของพระองค์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจคือ มีการแต่ง[[เรือสำเภา]]บรรทุกสินค้าไปค้าขายที่[[เมืองท่า]][[มะริด]] ไปจรดถึง[[ทวีปแอฟริกา]]ตอนเหนือ มีการขุด[[คลอง]]สำคัญอันเป็นเส้นทางคมนาคม คือ "คลองมหาไชย" และ "คลองเกร็ดน้อย" มีการแข่งกันสร้างวัด ระหว่างพระองค์กับพระอนุชา คือ [[วัดมเหยงค์]]และ[[วัดกุฏีดาว]] มีการเคลื่อนย้ายพระนอนองค์ใหญ่ของ[[วัดป่าโมก]]เพื่อให้พ้นจากการถูกน้ำเซาะตลิ่ง เป็นต้น |
||
ในด้านการต่างประเทศ มีการส่งราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับ[[จีน]]ถึงสี่ครั้ง ทำให้การค้าขายระหว่าง[[ไทย]]กับ[[จีน]] ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในปี [[ |
ในด้านการต่างประเทศ มีการส่งราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับ[[จีน]]ถึงสี่ครั้ง ทำให้การค้าขายระหว่าง[[ไทย]]กับ[[จีน]] ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในปี [[พ.ศ. 2244]] เกิดความวุ่นวายใน[[เขมร]] อันเนื่องจากการแย่งราชสมบัติกันระหว่าง[[นักเสด็จ]]กับ[[นักแก้วฟ้าสะจอง]] นักเสด็จขอเข้ามาอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ส่วนพระแก้วฟ้านักสะจองผู้เป็นอนุชาฝักใฝ่อยู่กับฝ่าย[[ญวน]] ซึ่งพยายามแผ่อำนาจเข้าไปใน[[เขมร]] พระองค์ได้ส่งกองทัพ[[กรุงศรีอยุธยา]]เข้าไปถึง[[เมืองอุดงมีชัย]] ราชธานีของ[[เขมร]] และได้เกลี้ยกล่อมให้[[นักแก้วฟ้าสะจอง]]กลับมาอ่อนน้อมต่ออยุธยา เขมรจึงมีฐานะเป็น[[ประเทศราช]]ของอาณาจักรเช่นแต่ก่อน |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ คือ |
มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ คือ |
||
* เจ้าฟ้าหญิงเทพ |
* เจ้าฟ้าหญิงเทพ |
||
บรรทัด 55: | บรรทัด 55: | ||
* เจ้าฟ้าชายปรเมศร์ |
* เจ้าฟ้าชายปรเมศร์ |
||
; พระสนม |
|||
มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ คือ |
มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ คือ |
||
* พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง |
* พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง |
||
* พระองค์เจ้าชายปริก |
* พระองค์เจ้าชายปริก |
||
* พระองค์เจ้าชายเสฏฐา |
* พระองค์เจ้าชายเสฏฐา |
||
== เกร็ดที่น่าสนใจ == |
== เกร็ดที่น่าสนใจ == |
||
* |
* พระองค์โปรดเสวย[[ปลาตะเพียน]]มาก โดยออกพระราชกำหนดห้ามราษฎรจับหรือรับประทานปลาตะเพียน หากผู้ใดฝ่าฝืน มีบทลงโทษคือปรับเป็นเงิน 5 ตำลึง หรือ 20 บาท |
||
* พระราชทานท้องพระโรงแก่[[สมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)]] ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระองค์โดยล่องเรือจากอยุธยาไปเพชรบุรีแล้วไปสร้างที่[[วัดใหญ่สุวรรณาราม]] (วัดสุวรรณาราม บ้างก็เรียกวัดใหญ่) จึงทำให้คงเหลือพระราชวัง ท้องพระโรงที่แสดงถึงศิลปกรรมของอยุธยาที่เหลือรอดจากการเผาของ[[พม่า]]เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี |
* พระราชทานท้องพระโรงแก่[[สมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)]] ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระองค์โดยล่องเรือจากอยุธยาไปเพชรบุรีแล้วไปสร้างที่[[วัดใหญ่สุวรรณาราม]] (วัดสุวรรณาราม บ้างก็เรียกวัดใหญ่) จึงทำให้คงเหลือพระราชวัง ท้องพระโรงที่แสดงถึงศิลปกรรมของอยุธยาที่เหลือรอดจากการเผาของ[[พม่า]]เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี |
||
⚫ | |||
== ราชตระกูล == |
== ราชตระกูล == |
||
บรรทัด 104: | บรรทัด 103: | ||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
||
* [http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=26442&page=4 วิชาการ.คอม] |
|||
* [http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/king/ayuthaya/ayuthaya5.htm#top หอมรดกไทย] |
|||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
บรรทัด 116: | บรรทัด 113: | ||
|รูปภาพ = Seal of Ayutthaya (King Narai).png |
|รูปภาพ = Seal of Ayutthaya (King Narai).png |
||
|ตำแหน่ง = พระมหากษัตริย์แห่ง[[อาณาจักรอยุธยา]]<br>([[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]]) |
|ตำแหน่ง = พระมหากษัตริย์แห่ง[[อาณาจักรอยุธยา]]<br>([[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]]) |
||
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. |
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2252]] - [[พ.ศ. 2275]] |
||
|ก่อนหน้า = [[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8]]<br/>([[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]]) |
|ก่อนหน้า = [[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8]]<br/>([[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]]) |
||
|วาระก่อนหน้า = ([[พ.ศ. 2246]] - [[พ.ศ. |
|วาระก่อนหน้า = ([[พ.ศ. 2246]] - [[พ.ศ. 2252]]) |
||
|ถัดไป = [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]] <br/>([[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]]) |
|ถัดไป = [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]] <br/>([[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]]) |
||
|วาระถัดไป = ([[พ.ศ. 2275]] - [[พ.ศ. 2301]]) |
|วาระถัดไป = ([[พ.ศ. 2275]] - [[พ.ศ. 2301]]) |
||
บรรทัด 128: | บรรทัด 125: | ||
{{กรมพระราชวังบวรสถานมงคล}} |
{{กรมพระราชวังบวรสถานมงคล}} |
||
{{เรียงลำดับ|สรรเพชญ์ที่ 9}} |
|||
{{ประสูติปี|2221}}{{สิ้นพระชนม์ปี|2275}} |
{{ประสูติปี|2221}}{{สิ้นพระชนม์ปี|2275}} |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
[[หมวดหมู่:กรมพระราชวังบวรสถานมงคล]] |
[[หมวดหมู่:กรมพระราชวังบวรสถานมงคล]] |
||
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]] |
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์บ้านพลูหลวง]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:27, 7 พฤษภาคม 2558
สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ | |
---|---|
เจ้าฟ้าเพชร สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ | |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2252-พ.ศ. 2275 |
รัชสมัย | 26 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ |
ประสูติ | พ.ศ. 2221 |
สวรรคต | พ.ศ. 2275 |
พระอัครมเหสี | กรมหลวงราชานุรักษ์ (พระนามเดิม เจ้าฟ้าทองสุก)[1] |
พระราชบุตร | เจ้าฟ้าพระนเรนทร กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ เจ้าฟ้าหญิงเทพ เจ้าฟ้าหญิงประทุม เจ้าฟ้าอภัย เจ้าฟ้าปรเมศร์ |
สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์บ้านพลูหลวง |
พระราชบิดา | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 |
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9[2] หรือ พระเจ้าท้ายสระ[2] หรือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ หรือ สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่สามแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2252 - พ.ศ. 2275[3]
พระราชประวัติ
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 มีพระนามเดิมว่าเจ้าฟ้าเพชร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี พ.ศ. 2252 จึงขึ้นครองราชย์ เฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระภูมินทรมหาราชา โดยพระนามที่เป็นที่รู้จักกันคือพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แล้วสถาปนาพระบัณฑูรน้อย เจ้าฟ้าพร พระราชอนุชาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
สวรรคต
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 เสด็จสวรรคตด้วยพระโรคมะเร็งที่พระชิวหาและพระศอในปี พ.ศ. 2275 รวมระยะเวลาครองราชย์ 24 ปี
ในขณะที่สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ทรงพระประชวรหนักนั้น พระองค์ตัดสินพระทัยทรงมอบราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย แต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่ทรงยินยอม จึงเกิดเป็นสงครามแย่งชิงราชบัลลังก์[3] ที่สุดกรมพระราชวังบวรสถานมลคลเป็นฝ่ายชนะ ทรงสำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัย แล้วจึงครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
พระนาม
- สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ มาจากนามพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ ซึ่งพระองค์ใช้เป็นประทับอันอยู่ข้างสระน้ำท้ายพระบรมมหาราชวัง
- สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
- สมเด็จพระภูมินทราธิราช
- ขุนหลวงทรงปลา
พระราชกรณียกิจ
ในรัชสมัยของพระองค์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจคือ มีการแต่งเรือสำเภาบรรทุกสินค้าไปค้าขายที่เมืองท่ามะริด ไปจรดถึงทวีปแอฟริกาตอนเหนือ มีการขุดคลองสำคัญอันเป็นเส้นทางคมนาคม คือ "คลองมหาไชย" และ "คลองเกร็ดน้อย" มีการแข่งกันสร้างวัด ระหว่างพระองค์กับพระอนุชา คือ วัดมเหยงค์และวัดกุฏีดาว มีการเคลื่อนย้ายพระนอนองค์ใหญ่ของวัดป่าโมกเพื่อให้พ้นจากการถูกน้ำเซาะตลิ่ง เป็นต้น
ในด้านการต่างประเทศ มีการส่งราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับจีนถึงสี่ครั้ง ทำให้การค้าขายระหว่างไทยกับจีน ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2244 เกิดความวุ่นวายในเขมร อันเนื่องจากการแย่งราชสมบัติกันระหว่างนักเสด็จกับนักแก้วฟ้าสะจอง นักเสด็จขอเข้ามาอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ส่วนพระแก้วฟ้านักสะจองผู้เป็นอนุชาฝักใฝ่อยู่กับฝ่ายญวน ซึ่งพยายามแผ่อำนาจเข้าไปในเขมร พระองค์ได้ส่งกองทัพกรุงศรีอยุธยาเข้าไปถึงเมืองอุดงมีชัย ราชธานีของเขมร และได้เกลี้ยกล่อมให้นักแก้วฟ้าสะจองกลับมาอ่อนน้อมต่ออยุธยา เขมรจึงมีฐานะเป็นประเทศราชของอาณาจักรเช่นแต่ก่อน
พระราชโอรส-ธิดา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระมีพระราชโอรสธิดารวมกัน 8 พระองค์ เป็นพระราชโอรส 5 พระองค์ เป็นพระราชธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าฟ้าทองสุก กรมหลวงราชานุรักษ์
มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ คือ
- เจ้าฟ้าหญิงเทพ
- เจ้าฟ้าหญิงประทุม
- เจ้าฟ้าพระนเรนทร กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์
- เจ้าฟ้าชายอภัย
- เจ้าฟ้าชายปรเมศร์
- พระสนม
มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ คือ
- พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง
- พระองค์เจ้าชายปริก
- พระองค์เจ้าชายเสฏฐา
เกร็ดที่น่าสนใจ
- พระองค์โปรดเสวยปลาตะเพียนมาก โดยออกพระราชกำหนดห้ามราษฎรจับหรือรับประทานปลาตะเพียน หากผู้ใดฝ่าฝืน มีบทลงโทษคือปรับเป็นเงิน 5 ตำลึง หรือ 20 บาท
- พระราชทานท้องพระโรงแก่สมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระองค์โดยล่องเรือจากอยุธยาไปเพชรบุรีแล้วไปสร้างที่วัดใหญ่สุวรรณาราม (วัดสุวรรณาราม บ้างก็เรียกวัดใหญ่) จึงทำให้คงเหลือพระราชวัง ท้องพระโรงที่แสดงถึงศิลปกรรมของอยุธยาที่เหลือรอดจากการเผาของพม่าเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
ราชตระกูล
พระราชตระกูลในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง | ||||||||||||||||
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช | ||||||||||||||||
พระราชเทวี สิริกัลยาณี | ||||||||||||||||
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) | ||||||||||||||||
พระแสนเมือง (พระเจ้าเชียงใหม่) | ||||||||||||||||
พระนางกุสาวดี | ||||||||||||||||
ไม่ทราบ | ||||||||||||||||
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 | ||||||||||||||||
ไม่ทราบ | ||||||||||||||||
อ้างอิง
- ↑ เล็ก พงษ์สมัครไทย. เฉลิมพระยศ เจ้านายฝ่ายในในรัชกาลที่ 1-9. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2552. หน้า 16
- ↑ 2.0 2.1 ราชบัณฑิตยสถาน. พระนามพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556
- ↑ 3.0 3.1 มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. หน้า 163-6. ISBN 978-616-7308-25-8
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2246 - พ.ศ. 2252) |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2252 - พ.ศ. 2275) |
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2275 - พ.ศ. 2301) |