ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สตี (พิธีกรรม)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: '''พิธีสตี''' : พิธีโดดเข้ากองไฟ คำว่า '''“สตี”''' เป็นภาษาสันสกฤต...
 
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''พิธีสตี''' : พิธีโดดเข้ากองไฟ
'''พิธีสตี''' : พิธีโดดเข้ากองไฟ
คำว่า '''“สตี”''' เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “ภรรยาผู้ซื่อสัตย์” การเป็นสตรีผู้ทรงคุณความดีนั้นต้องซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างสูง และต้องเมตตากรุณาต่อญาติพี่น้อง


ส่วน'''พิธีสตี''' หมายถึงประเพณีการทำศพของชาว[[ฮินดู]] พบใน[[ประเทศอินเดีย]] พิธีนี้เป็นการบูชายัญตนเองของหญิงหม้าย เนื่องในพิธีศพของสามี บางครั้งก็เต็มใจ แต่บางครั้งก็ถูกคนอื่นบังคับ
คำว่า '''“สตี”''' เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “ภรรยาผู้ซื่อสัตย์” การเป็นสตรีผู้ทรงคุณความดีนั้นต้องซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างสูง และต้องเมตตากรุณาต่อญาติพี่น้อง
ส่วน'''พิธีสตี''' หมายถึงประเพณีการทำศพของชาว[[ฮินดู]] พบใน[[ประเทศอินเดีย]] พิธีนี้เป็นการบูชายัญตนเองของหญิงหม้าย เนื่องในพิธีศพของสามี บางครั้งก็เต็มใจ แต่บางครั้งก็ถูกคนอื่นบังคับ
หญิงหม้ายที่ทำจะถูกยกย่องให้เป็นมหาเทวีสตีมาตา และเรียกพื้นที่ที่ประกอบพิธีว่า สตีสถล (สตีสะถะละ) แล้วสร้างโบสถ์หรือวัดเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาต่อไป
หญิงหม้ายที่ทำจะถูกยกย่องให้เป็นมหาเทวีสตีมาตา และเรียกพื้นที่ที่ประกอบพิธีว่า สตีสถล (สตีสะถะละ) แล้วสร้างโบสถ์หรือวัดเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาต่อไป


'''พิธีการกระโดดเข้ากองไฟของหญิงหม้าย''' มีอยู่ 2 ลักษณะ ดังนี้
'''พิธีการกระโดดเข้ากองไฟของหญิงหม้าย''' มีอยู่ 2 ลักษณะ ดังนี้
1.กลุ่มหญิงหม้ายที่มีฐานะต่ำต้อย หากสามีของหญิงหม้ายเสียชีวิต จะมีการจัดงานศพของเขาแบบกลางแจ้งนอกเมือง ซึ่งมีกองไฟกองใหญ่กองไว้ เมื่อศพของสามีกำลังถูกเผาอยู่นั้น
1.กลุ่มหญิงหม้ายที่มีฐานะต่ำต้อย
หากสามีของหญิงหม้ายเสียชีวิต จะมีการจัดงานศพของเขาแบบกลางแจ้งนอกเมือง ซึ่งมีกองไฟกองใหญ่กองไว้ เมื่อศพของสามีกำลังถูกเผาอยู่นั้น ในขณะเดียวกันภารรยาก็จะกระโจนเข้าไปในกองไฟและถูกเผาตายตามไปด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกันภารรยาก็จะกระโจนเข้าไปในกองไฟและถูกเผาตายตามไปด้วยเช่นกัน
2.กลุ่มหญิงที่มีฐานะ หากสามีของหญิงหม้ายที่มีฐานะ และมีทรัพย์สินมากเสียชีวิต ภรรยาของเขาจะจัดงานศพให้สามีเป็นอย่างดี มีการขุดหลุมลึกเท่าความสูงของสามี นำศพไปวาง ใส่เครื่องหอมลงไปและจุดไฟเผาภายในหลุมนั้น
2.กลุ่มหญิงที่มีฐานะ
หากสามีของหญิงหม้ายที่มีฐานะ และมีทรัพย์สินมากเสียชีวิต ภรรยาของเขาจะจัดงานศพให้สามีเป็นอย่างดี มีการขุดหลุมลึกเท่าความสูงของสามี นำศพไปวาง ใส่เครื่องหอมลงไปและจุดไฟเผาภายในหลุมนั้น ส่วนหญิงหม้ายก็จะจัดงานรื่นเริง ร่วมงานกันอย่างสนุกสนาน โดยผู้ที่มาร่วมงานก็จะปลอบโยนเธอ โดยหญิงหม้ายก็จะแจกทรัพย์สินเงินทองให้กับญาติพี่น้องและคนที่มาร่วมงาน ต่อจากนั้นก็จะนำหญิงหม้ายขึ้นบนหลังม้า(ต้องเป็นสีเทาหรือขาวเท่านั้น) จากนั้นให้เธอขึ้นนั่งบนหลังม้าและเดินไปยังหลุมที่เผาสามี ระหว่างทางก็จะปลอบโยนเธอตลอดทางด้วยจนถึงหลุมเผาศพ
ส่วนหญิงหม้ายก็จะจัดงานรื่นเริง ร่วมงานกันอย่างสนุกสนาน โดยผู้ที่มาร่วมงานก็จะปลอบโยนเธอ โดยหญิงหม้ายก็จะแจกทรัพย์สินเงินทองให้กับญาติพี่น้องและคนที่มาร่วมงาน
ต่อจากนั้นก็จะนำหญิงหม้ายขึ้นบนหลังม้า(ต้องเป็นสีเทาหรือขาวเท่านั้น) จากนั้นให้เธอขึ้นนั่งบนหลังม้าและเดินไปยังหลุมที่เผาสามี ระหว่างทางก็จะปลอบโยนเธอตลอดทางด้วยจนถึงหลุมเผาศพ
<ref>วิสุทธ์ บุษยกุล. (ม.ป.ป.) วิสุทธนิพนธ์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. 2</ref>
<ref>วิสุทธ์ บุษยกุล. (ม.ป.ป.) วิสุทธนิพนธ์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. 2</ref>
<ref>สุนทร ณ รังสี. (2545). ปรัชญาอินเดียและลัทธิ.(พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
<ref>สุนทร ณ รังสี. (2545). ปรัชญาอินเดียและลัทธิ.(พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:22, 30 เมษายน 2558

พิธีสตี : พิธีโดดเข้ากองไฟ คำว่า “สตี” เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “ภรรยาผู้ซื่อสัตย์” การเป็นสตรีผู้ทรงคุณความดีนั้นต้องซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างสูง และต้องเมตตากรุณาต่อญาติพี่น้อง

ส่วนพิธีสตี หมายถึงประเพณีการทำศพของชาวฮินดู พบในประเทศอินเดีย พิธีนี้เป็นการบูชายัญตนเองของหญิงหม้าย เนื่องในพิธีศพของสามี บางครั้งก็เต็มใจ แต่บางครั้งก็ถูกคนอื่นบังคับ หญิงหม้ายที่ทำจะถูกยกย่องให้เป็นมหาเทวีสตีมาตา และเรียกพื้นที่ที่ประกอบพิธีว่า สตีสถล (สตีสะถะละ) แล้วสร้างโบสถ์หรือวัดเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาต่อไป

พิธีการกระโดดเข้ากองไฟของหญิงหม้าย มีอยู่ 2 ลักษณะ ดังนี้ 1.กลุ่มหญิงหม้ายที่มีฐานะต่ำต้อย หากสามีของหญิงหม้ายเสียชีวิต จะมีการจัดงานศพของเขาแบบกลางแจ้งนอกเมือง ซึ่งมีกองไฟกองใหญ่กองไว้ เมื่อศพของสามีกำลังถูกเผาอยู่นั้น ในขณะเดียวกันภารรยาก็จะกระโจนเข้าไปในกองไฟและถูกเผาตายตามไปด้วยเช่นกัน 2.กลุ่มหญิงที่มีฐานะ หากสามีของหญิงหม้ายที่มีฐานะ และมีทรัพย์สินมากเสียชีวิต ภรรยาของเขาจะจัดงานศพให้สามีเป็นอย่างดี มีการขุดหลุมลึกเท่าความสูงของสามี นำศพไปวาง ใส่เครื่องหอมลงไปและจุดไฟเผาภายในหลุมนั้น ส่วนหญิงหม้ายก็จะจัดงานรื่นเริง ร่วมงานกันอย่างสนุกสนาน โดยผู้ที่มาร่วมงานก็จะปลอบโยนเธอ โดยหญิงหม้ายก็จะแจกทรัพย์สินเงินทองให้กับญาติพี่น้องและคนที่มาร่วมงาน ต่อจากนั้นก็จะนำหญิงหม้ายขึ้นบนหลังม้า(ต้องเป็นสีเทาหรือขาวเท่านั้น) จากนั้นให้เธอขึ้นนั่งบนหลังม้าและเดินไปยังหลุมที่เผาสามี ระหว่างทางก็จะปลอบโยนเธอตลอดทางด้วยจนถึงหลุมเผาศพ [1] [2]

  1. วิสุทธ์ บุษยกุล. (ม.ป.ป.) วิสุทธนิพนธ์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. 2
  2. สุนทร ณ รังสี. (2545). ปรัชญาอินเดียและลัทธิ.(พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.