ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เลโอ บาเกอลันด์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 25: | ||
หลังจากนั้นเบคแลนด์ก็หันมาสนใจในด้าน[[พลาสติก]] เขามองหาสิ่งที่จะเอามาใช้แทน[[เชลแล็ก]] และเริ่มทดลองกับฟีนอลและ[[ฟอร์มาลดีไฮด์]] จนในปี ค.ศ. 1909 เขาก็ได้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "[[เบคิไลต์]]"<ref>[http://www.worldint.com/science/bakelite.html HOW DO I KNOW IF IT IS BAKELITE?]</ref> ซึ่งต่อมาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และก่อให้เกิดกระแสการทำ[[อุตสาหกรรม]]พลาสติกในภายหลัง |
หลังจากนั้นเบคแลนด์ก็หันมาสนใจในด้าน[[พลาสติก]] เขามองหาสิ่งที่จะเอามาใช้แทน[[เชลแล็ก]] และเริ่มทดลองกับฟีนอลและ[[ฟอร์มาลดีไฮด์]] จนในปี ค.ศ. 1909 เขาก็ได้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "[[เบคิไลต์]]"<ref>[http://www.worldint.com/science/bakelite.html HOW DO I KNOW IF IT IS BAKELITE?]</ref> ซึ่งต่อมาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และก่อให้เกิดกระแสการทำ[[อุตสาหกรรม]]พลาสติกในภายหลัง |
||
ในช่วงบั้นปลายชีวิต เบคแลนด์มีพฤติกรรมแปลกแยกและเก็บตัว เขาเสียชีวิตด้วยอาการ[[เลือดออกในสมองใหญ่]] |
ในช่วงบั้นปลายชีวิต เบคแลนด์มีพฤติกรรมแปลกแยกและเก็บตัว เขาเสียชีวิตด้วยอาการ[[เลือดออกในสมองใหญ่]]ที่สถานพักฟื้นผู้ป่วยเรื้อรัง ในเมืองบีคอน [[รัฐนิวยอร์ก]] ขณะมีอายุได้ 80 ปี |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:11, 24 กุมภาพันธ์ 2558
ลีโอ เบคแลนด์ | |
---|---|
เบคแลนด์ในปี ค.ศ. 1916 | |
เกิด | ลีโอ เฮนริคัส อาร์เธอร์ เบคแลนด์ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1863 เกนต์ เบลเยียม |
เสียชีวิต | 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 บีคอน รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา | (80 ปี)
สัญชาติ | เบลเยียม/อเมริกัน |
มีชื่อเสียงจาก | เบคิไลต์ |
รางวัล | เหรียญจอห์น สก็อต (ค.ศ. 1910) รางวัลวิลลาร์ด กิบส์ (ค.ศ. 1913) เหรียญเพอร์กิน (ค.ศ. 1916) |
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | เคมี |
ลีโอ เบคแลนด์ (ดัตช์: Leo Baekeland; 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1863 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944) เป็นนักเคมีและนักประดิษฐ์ชาวเบลเยียม/อเมริกัน
ประวัติ
ลีโอ เบคแลนด์ เกิดในปี ค.ศ. 1863 ที่เมืองเกนต์ ประเทศเบลเยียม บิดาของเขาเป็นช่างทำรองเท้า ส่วนมารดาเป็นแม่บ้าน[1] เบคแลนด์เรียนจบจาก Ghent Municipal Technical School และได้รับทุนไปเรียนต่อด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยเกนต์ เขาสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมขณะมีอายุแค่ 21 ปีเท่านั้น[2] ต่อมาเบคแลนด์ได้รับตำแหน่งรองศาสตราจารย์ที่นั่นและแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของหัวหน้าสาขาวิชาของเขา
ขณะที่ไปฮันนีมูนที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เบคแลนด์ได้พบกับริชาร์ด แอนโทนี เจ้าของบริษัทถ่ายภาพ แอนโทนีสนใจในตัวเบคแลนด์จึงเสนองานให้เขา เบคแลนด์ย้ายมาทำงานที่บริษัทของแอนโทนี พร้อมรับตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ขณะทำงานที่นั่น เขาได้พัฒนากระดาษถ่ายภาพ Velox ซึ่งเขาขายให้กับบริษัทโกดัก
หลังจากนั้นเบคแลนด์ก็หันมาสนใจในด้านพลาสติก เขามองหาสิ่งที่จะเอามาใช้แทนเชลแล็ก และเริ่มทดลองกับฟีนอลและฟอร์มาลดีไฮด์ จนในปี ค.ศ. 1909 เขาก็ได้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "เบคิไลต์"[3] ซึ่งต่อมาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และก่อให้เกิดกระแสการทำอุตสาหกรรมพลาสติกในภายหลัง
ในช่วงบั้นปลายชีวิต เบคแลนด์มีพฤติกรรมแปลกแยกและเก็บตัว เขาเสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในสมองใหญ่ที่สถานพักฟื้นผู้ป่วยเรื้อรัง ในเมืองบีคอน รัฐนิวยอร์ก ขณะมีอายุได้ 80 ปี