ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้ามหานามะ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nack bossa (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
สำคัญเพราะช่วยทำให้รู้ที่มาของพระมหานามะที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและพระเจ้าสุทโธนะ
บรรทัด 7: บรรทัด 7:
|วันสวรรคต =
|วันสวรรคต =
|พระอิสริยยศ = พระมหากษัตริย์แห่งศากยราชวงศ์
|พระอิสริยยศ = พระมหากษัตริย์แห่งศากยราชวงศ์
|พระราชบิดา = พระเจ้าอมิโตทนะ
|พระราชบิดา = [[พระเจ้าอมิโตทนะ]]
|พระราชมารดา =
|พระราชมารดา =
|พระมเหสี =
|พระมเหสี =
|พระราชสวามี =
|พระราชสวามี =
|พระราชโอรส/ธิดา = วาสภขัตติยา
|พระราชโอรส/ธิดา = [[วาสภขัตติยา]]
|ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์ศากยะ]]
|ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์ศากยะ]]
|ทรงราชย์ =
|ทรงราชย์ =
บรรทัด 21: บรรทัด 21:
}}
}}


'''พระเจ้ามหานามศากยราชา''' เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าอมิโตทนะ มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ [[เจ้าชายอนุรุทธะ]] และมีพระกนิษฐภคินี หนึ่งพระองค์ คือ พระนางโรหิณี ตามชื่อแม่น้ำโรหิณี ทรงมีพระชายาเป็นนางทาสีชื่อ นาคมณฑาล และมีพระธิดาที่เป็นจัณฑาลมีนามว่า พระนางวาสภขัตติยา
'''พระเจ้ามหานามศากยราชา''' เป็นพระราชโอรสของ [[พระเจ้าอมิโตทนะ]] มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ [[เจ้าชายอนุรุทธะ]] และมีพระกนิษฐภคินี หนึ่งพระองค์ คือ พระนางโรหิณี ตามชื่อแม่น้ำโรหิณี ทรงมีพระชายาเป็นนางทาสีชื่อ นาคมณฑาล และมีพระธิดาที่เป็นจัณฑาลมีนามว่า พระนางวาสภขัตติยา


== ครองกรุงกบิลพัสดุ์ ==
== ครองกรุงกบิลพัสดุ์ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:09, 20 ตุลาคม 2557

พระเจ้ามหานามะ

เจ้าชายมหานามะ
พระเจ้ามหานามะศากยราชา
พระมหากษัตริย์แห่งศากยราชวงศ์
ราชาภิเษก40 ปีก่อน พุทธศก
รัชกาลก่อนหน้าพระเจ้าภัททิยะศากยราชา
รัชกาลถัดไปไม่ระบุ
พระราชบุตรวาสภขัตติยา
พระเจ้ามหานามะศากยราชา
ราชวงศ์ราชวงศ์ศากยะ
พระราชบิดาพระเจ้าอมิโตทนะ

พระเจ้ามหานามศากยราชา เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าอมิโตทนะ มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ เจ้าชายอนุรุทธะ และมีพระกนิษฐภคินี หนึ่งพระองค์ คือ พระนางโรหิณี ตามชื่อแม่น้ำโรหิณี ทรงมีพระชายาเป็นนางทาสีชื่อ นาคมณฑาล และมีพระธิดาที่เป็นจัณฑาลมีนามว่า พระนางวาสภขัตติยา

ครองกรุงกบิลพัสดุ์

เมื่อพระโพธิสัตว์โคดมได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงเสด็จมาโปรดพระประยูรญาติ ในวันที่พระพุทธเจ้าใกล้เสด็จมาถึง เจ้าชายมหานามะเมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จมาก็ตั้งใจรอด้วยจิตที่ศรัทธาเลื่อมใสยิ่งและได้ออกจากพระราชวังไปต้อนรับพระพุทธเจ้าด้วยพระองค์เองเพียงลำพังในเย็นวันนั้นเอง และได้จัดหาที่พักถวายพระพุทธเจ้าตามพระราชประสงค์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาพระพุทธองค์ก็ได้แสดงธรรมโปรดเจ้าชายมหานามะอยู่เรื่อยๆในพระนครกบิลพัสดุ์นั่นเอง

ครั้นเมื่อพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาได้บรรลุพระอรหัตผลและดับขันธปรินิพพานแล้ว เจ้าชายภัททิยะก็ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมาแต่เจ้าชายอนุรุทธซึ่งเป็นพระสหายได้ชวนพระองค์ออกผนวชทำให้ราชสมบัติขาดผู้สืบทอด บรรดาพราหมณ์ปุโรหิตทั้งหลาย จึงอัญเชิญเจ้าชายมหานามเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ามหานามศากยราชาสืบต่อมา ทุกครั้งที่พระองค์ปรารถนาจะฟังธรรม พระองค์จะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ นิโครธาราม เมื่อครั้งเสด็จกลับจะทรงพระดำเนินกลับเพียงลำพัง ชาวบ้านที่พบพระองค์ในระหว่างทางก็มีความปราบปลื้มโสมนัสใจเป็นอย่างยิ่ง

ถวายทานมีรสประณีต

ต่อมาสมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จจำพรรษา ณ เมืองเวรัญชา พร้อมด้วยหมู่พระภิกษุสงฆ์ ตามคำอาราธนาของเวรัญชพราหมณ์ ภิกษุสงฆ์ได้รับความลำบาก ด้วยการเที่ยวภิกขาจาร เพราะขาดทายกและทายิกาที่จะถวายอาหารบิณฑบาตตลอดทั้งพรรษา

ครั้นออกพรรษาแล้ว พระพุทธองค์ทรงพาภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ เสด็จเข้า ประทับ ณ นิโครธาราม พระเจ้ามหานามศากยราชา ทรงทราบจึงเสด็จไปเฝ้า กราบถวายบังคมแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่อันสมควร กราบว่าพระพุทธองค์ และภิกษุสงฆ์ได้รับความลำบากด้วย ภิกขาจารในพรรษาที่ผ่านมา จึงกราบทูลขอพระวโรกาส ถวายภัตตาหารอันมีรสประณีตแด่พระพุทธองค์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เป็นระยะเวลา 4 เดือน

ครั้นทราบว่า พระพุทธองค์ทรงรับโดยดุษณีภาพแล้ว ตั้งแต่วันรุ่งขึ้น ก็ได้บำรุงภิกษุสงฆ์ โดยมีพระพุทธองค์เป็นประมุข ด้วยโภชนาหารอันประณีต และของมีรสอร่อย 4 ชนิด ทุก ๆ วัน ครั้นครบกำหนด 4 เดือนแล้ว ได้กราบทูลขอรับปฏิญญาต่อไปอีก 4 เดือน รวมเป็น 8 เดือน และก็ขอรับปฏิญญาต่ออีก 4 เดือน รวมทั้งสิ้นเป็น 1 ปี

เมื่อครบกำหนดวาระ 1 ปีแล้ว พระพุทธองค์ไม่ทรงรับอาราธนาเกินไปกว่านั้น ส่วนพระเจ้ามหานามศากยราชา ก็ทรงปลาบปลื้มปีติยินดี กับสักการทานที่พระองค์บำเพ็ญถวาย ตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น เกียรติคุณของพระเจ้ามหานาม ก็ฟุ้งขจรไปทั่วทั้งชมพูทวีป

ต่อมา พระพุทธองค์ประทับ ณ วัดพระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้สถาปนาพระเจ้ามหานามศากยราชา ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลาย[1] ในฝ่ายผู้ถวายอาหารมีรสอันประณีต

บั้นปลายชีวิต

ตลอดชีวิตที่ทรงครองราชย์สมบัติ พระองค์ทรงห่วงใยและดูแลพสกนิกรให้มีความผาสุขกันถ้วนหน้าและยังทรงมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พระพุทธศาสนาในกรุงกบิลพัสดุ์มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก พระองค์ดำรงขันธ์อยู่พอสมควรจึงเสด็จสวรรคต ท่ามกลางความเศร้าโศกของพสกนิกรชาวกบิลพัสดุ์ เพราะพระองค์เป็นโสดาบันประเภทสัตตักขัตตุปรมัง จึงไปบังเกิดอีกเจ็ดครั้งเป็นเทวดาบ้างมนุษย์บ้าง แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

อ้างอิง