ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้ามหานามะ"
Nack bossa (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
สำคัญเพราะช่วยทำให้รู้ที่มาของพระมหานามะที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและพระเจ้าสุทโธนะ |
||
บรรทัด 7: | บรรทัด 7: | ||
|วันสวรรคต = |
|วันสวรรคต = |
||
|พระอิสริยยศ = พระมหากษัตริย์แห่งศากยราชวงศ์ |
|พระอิสริยยศ = พระมหากษัตริย์แห่งศากยราชวงศ์ |
||
|พระราชบิดา = พระเจ้าอมิโตทนะ |
|พระราชบิดา = [[พระเจ้าอมิโตทนะ]] |
||
|พระราชมารดา = |
|พระราชมารดา = |
||
|พระมเหสี = |
|พระมเหสี = |
||
|พระราชสวามี = |
|พระราชสวามี = |
||
|พระราชโอรส/ธิดา = วาสภขัตติยา |
|พระราชโอรส/ธิดา = [[วาสภขัตติยา]] |
||
|ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์ศากยะ]] |
|ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์ศากยะ]] |
||
|ทรงราชย์ = |
|ทรงราชย์ = |
||
บรรทัด 21: | บรรทัด 21: | ||
}} |
}} |
||
'''พระเจ้ามหานามศากยราชา''' เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าอมิโตทนะ มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ [[เจ้าชายอนุรุทธะ]] และมีพระกนิษฐภคินี หนึ่งพระองค์ คือ พระนางโรหิณี ตามชื่อแม่น้ำโรหิณี ทรงมีพระชายาเป็นนางทาสีชื่อ นาคมณฑาล และมีพระธิดาที่เป็นจัณฑาลมีนามว่า พระนางวาสภขัตติยา |
'''พระเจ้ามหานามศากยราชา''' เป็นพระราชโอรสของ [[พระเจ้าอมิโตทนะ]] มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ [[เจ้าชายอนุรุทธะ]] และมีพระกนิษฐภคินี หนึ่งพระองค์ คือ พระนางโรหิณี ตามชื่อแม่น้ำโรหิณี ทรงมีพระชายาเป็นนางทาสีชื่อ นาคมณฑาล และมีพระธิดาที่เป็นจัณฑาลมีนามว่า พระนางวาสภขัตติยา |
||
== ครองกรุงกบิลพัสดุ์ == |
== ครองกรุงกบิลพัสดุ์ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:09, 20 ตุลาคม 2557
พระเจ้ามหานามะ | |
---|---|
เจ้าชายมหานามะ พระเจ้ามหานามะศากยราชา | |
พระมหากษัตริย์แห่งศากยราชวงศ์ | |
ราชาภิเษก | 40 ปีก่อน พุทธศก |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าภัททิยะศากยราชา |
รัชกาลถัดไป | ไม่ระบุ |
พระราชบุตร | วาสภขัตติยา |
พระเจ้ามหานามะศากยราชา | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ศากยะ |
พระราชบิดา | พระเจ้าอมิโตทนะ |
พระเจ้ามหานามศากยราชา เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าอมิโตทนะ มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ เจ้าชายอนุรุทธะ และมีพระกนิษฐภคินี หนึ่งพระองค์ คือ พระนางโรหิณี ตามชื่อแม่น้ำโรหิณี ทรงมีพระชายาเป็นนางทาสีชื่อ นาคมณฑาล และมีพระธิดาที่เป็นจัณฑาลมีนามว่า พระนางวาสภขัตติยา
ครองกรุงกบิลพัสดุ์
เมื่อพระโพธิสัตว์โคดมได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงเสด็จมาโปรดพระประยูรญาติ ในวันที่พระพุทธเจ้าใกล้เสด็จมาถึง เจ้าชายมหานามะเมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จมาก็ตั้งใจรอด้วยจิตที่ศรัทธาเลื่อมใสยิ่งและได้ออกจากพระราชวังไปต้อนรับพระพุทธเจ้าด้วยพระองค์เองเพียงลำพังในเย็นวันนั้นเอง และได้จัดหาที่พักถวายพระพุทธเจ้าตามพระราชประสงค์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาพระพุทธองค์ก็ได้แสดงธรรมโปรดเจ้าชายมหานามะอยู่เรื่อยๆในพระนครกบิลพัสดุ์นั่นเอง
ครั้นเมื่อพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาได้บรรลุพระอรหัตผลและดับขันธปรินิพพานแล้ว เจ้าชายภัททิยะก็ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมาแต่เจ้าชายอนุรุทธซึ่งเป็นพระสหายได้ชวนพระองค์ออกผนวชทำให้ราชสมบัติขาดผู้สืบทอด บรรดาพราหมณ์ปุโรหิตทั้งหลาย จึงอัญเชิญเจ้าชายมหานามเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ามหานามศากยราชาสืบต่อมา ทุกครั้งที่พระองค์ปรารถนาจะฟังธรรม พระองค์จะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ นิโครธาราม เมื่อครั้งเสด็จกลับจะทรงพระดำเนินกลับเพียงลำพัง ชาวบ้านที่พบพระองค์ในระหว่างทางก็มีความปราบปลื้มโสมนัสใจเป็นอย่างยิ่ง
ถวายทานมีรสประณีต
ต่อมาสมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จจำพรรษา ณ เมืองเวรัญชา พร้อมด้วยหมู่พระภิกษุสงฆ์ ตามคำอาราธนาของเวรัญชพราหมณ์ ภิกษุสงฆ์ได้รับความลำบาก ด้วยการเที่ยวภิกขาจาร เพราะขาดทายกและทายิกาที่จะถวายอาหารบิณฑบาตตลอดทั้งพรรษา
ครั้นออกพรรษาแล้ว พระพุทธองค์ทรงพาภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ เสด็จเข้า ประทับ ณ นิโครธาราม พระเจ้ามหานามศากยราชา ทรงทราบจึงเสด็จไปเฝ้า กราบถวายบังคมแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่อันสมควร กราบว่าพระพุทธองค์ และภิกษุสงฆ์ได้รับความลำบากด้วย ภิกขาจารในพรรษาที่ผ่านมา จึงกราบทูลขอพระวโรกาส ถวายภัตตาหารอันมีรสประณีตแด่พระพุทธองค์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เป็นระยะเวลา 4 เดือน
ครั้นทราบว่า พระพุทธองค์ทรงรับโดยดุษณีภาพแล้ว ตั้งแต่วันรุ่งขึ้น ก็ได้บำรุงภิกษุสงฆ์ โดยมีพระพุทธองค์เป็นประมุข ด้วยโภชนาหารอันประณีต และของมีรสอร่อย 4 ชนิด ทุก ๆ วัน ครั้นครบกำหนด 4 เดือนแล้ว ได้กราบทูลขอรับปฏิญญาต่อไปอีก 4 เดือน รวมเป็น 8 เดือน และก็ขอรับปฏิญญาต่ออีก 4 เดือน รวมทั้งสิ้นเป็น 1 ปี
เมื่อครบกำหนดวาระ 1 ปีแล้ว พระพุทธองค์ไม่ทรงรับอาราธนาเกินไปกว่านั้น ส่วนพระเจ้ามหานามศากยราชา ก็ทรงปลาบปลื้มปีติยินดี กับสักการทานที่พระองค์บำเพ็ญถวาย ตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น เกียรติคุณของพระเจ้ามหานาม ก็ฟุ้งขจรไปทั่วทั้งชมพูทวีป
ต่อมา พระพุทธองค์ประทับ ณ วัดพระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้สถาปนาพระเจ้ามหานามศากยราชา ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลาย[1] ในฝ่ายผู้ถวายอาหารมีรสอันประณีต
บั้นปลายชีวิต
ตลอดชีวิตที่ทรงครองราชย์สมบัติ พระองค์ทรงห่วงใยและดูแลพสกนิกรให้มีความผาสุขกันถ้วนหน้าและยังทรงมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พระพุทธศาสนาในกรุงกบิลพัสดุ์มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก พระองค์ดำรงขันธ์อยู่พอสมควรจึงเสด็จสวรรคต ท่ามกลางความเศร้าโศกของพสกนิกรชาวกบิลพัสดุ์ เพราะพระองค์เป็นโสดาบันประเภทสัตตักขัตตุปรมัง จึงไปบังเกิดอีกเจ็ดครั้งเป็นเทวดาบ้างมนุษย์บ้าง แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน