ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรีโกรี รัสปูติน"
บรรทัด 52: | บรรทัด 52: | ||
[[ไฟล์:2005-08-11 Kiev Pechersk Lavra 158.JPG|thumb|upright=1|การเดินทางครั้งที่สองของรัสปูตินในการมาเยือน [[Kiev Pechersk Lavra|Monastery of the Caves]] ที่เมือง[[เคียฟ]], เกือบ 3,000 กิโลเมตรจากหมู่บ้านของเขา]] |
[[ไฟล์:2005-08-11 Kiev Pechersk Lavra 158.JPG|thumb|upright=1|การเดินทางครั้งที่สองของรัสปูตินในการมาเยือน [[Kiev Pechersk Lavra|Monastery of the Caves]] ที่เมือง[[เคียฟ]], เกือบ 3,000 กิโลเมตรจากหมู่บ้านของเขา]] |
||
รัสปูตินอ้างว่าวิสัยทัศน์ของพระแม่แห่งคาซานนำเขาไปสู่ชีวิตความ |
รัสปูตินอ้างว่าวิสัยทัศน์ของพระแม่แห่งคาซานนำเขาไปสู่ชีวิตความศรัทธาด้านศาสนา ในช่วงราวปี[[ค.ศ. 1893]] เขาได้เดินทางมายังภูเขา Athos แต่เขานั้นตกใจอย่างสุดขีดและทำให้กระจ่างขึ้นมา ในขณะที่เขาบอก Makary<ref>J.T. Fuhrmann (2013), p. 22; B. Moynahan, p. 32.</ref> |
||
ในปี [[ค.ศ. 1900]] เขาระบุว่าเป็น strannik (ผู้แสวงบุญทางศาสนาในรัสเซีย) , นักบุญพเนจร<ref>M. Nelipa (2010), p. 17.</ref> อย่างไรก็ตามรัสปูตินมักจะกลับบ้านมาช่วยเหลือครอบครัวในการเก็บเกี่ยวผลผลิต และได้รับถูกเรียกว่า ผู้มาใหม่ , yurodiviy (คนโง่เขลาที่ศักดิ์ศักดิ์)<ref>Spencer C. Tucker, Priscilla Mary Roberts (2005), "The Encyclopedia of World War I: A Political, Social, and Military History, p. 967 [http://books.google.nl/books?id=2YqjfHLyyj8C&lpg=PA484&ots=BRkaZdVJ0I&dq=The%20Encyclopedia%20of%20World%20War%20I%3A%20A%20Political%2C%20Social%2C%20and%20Military%20History&hl=nl&pg=PA967#v=onepage&q=Rasputin&f=false].</ref> โดยเหล่าผู้ติดตามที่เชื่อว่าสามารถจะหยั่งรู้และรักษาผู้คนได้<ref name="Mad Monk">''Rasputin: The Mad Monk'' [DVD]. USA: A&E Home Video. 2005.</ref> , แต่ถึงกระนั้นรัสปูตินก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ใช่ที่ปรึกษาในคริสตจักรภาคตะวันออกหรือครูสอนเกี่ยวกับศาสนา<ref>M. Nelipa (2010) ''The Murder of Grigorii Rasputin. A Conspiracy That Brought Down the Russian Empire'', p. 16.</ref> (ภาษาอังกฤษ : starets) , โดยรัสปูตินนั้นพยายามที่จะเรียนรู้ภาษาไซบีเรียอยู่หลายครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้รัสปูตินเข้าใจภาษาไซบีเรียได้อยู่ดี<ref name="alexanderpalace.org">[http://www.alexanderpalace.org/realtsaritsa/1chap5.html The Real Tsaritsa by Madame Lili Dehn]</ref> และการเทศนาหลักธรรมสอนที่ไม่บ่อยนัก |
ในปี [[ค.ศ. 1900]] เขาระบุว่าเป็น strannik (ผู้แสวงบุญทางศาสนาในรัสเซีย) , นักบุญพเนจร<ref>M. Nelipa (2010), p. 17.</ref> อย่างไรก็ตามรัสปูตินมักจะกลับบ้านมาช่วยเหลือครอบครัวในการเก็บเกี่ยวผลผลิต และได้รับถูกเรียกว่า ผู้มาใหม่ , yurodiviy (คนโง่เขลาที่ศักดิ์ศักดิ์)<ref>Spencer C. Tucker, Priscilla Mary Roberts (2005), "The Encyclopedia of World War I: A Political, Social, and Military History, p. 967 [http://books.google.nl/books?id=2YqjfHLyyj8C&lpg=PA484&ots=BRkaZdVJ0I&dq=The%20Encyclopedia%20of%20World%20War%20I%3A%20A%20Political%2C%20Social%2C%20and%20Military%20History&hl=nl&pg=PA967#v=onepage&q=Rasputin&f=false].</ref> โดยเหล่าผู้ติดตามที่เชื่อว่าสามารถจะหยั่งรู้และรักษาผู้คนได้<ref name="Mad Monk">''Rasputin: The Mad Monk'' [DVD]. USA: A&E Home Video. 2005.</ref> , แต่ถึงกระนั้นรัสปูตินก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ใช่ที่ปรึกษาในคริสตจักรภาคตะวันออกหรือครูสอนเกี่ยวกับศาสนา<ref>M. Nelipa (2010) ''The Murder of Grigorii Rasputin. A Conspiracy That Brought Down the Russian Empire'', p. 16.</ref> (ภาษาอังกฤษ : starets) , โดยรัสปูตินนั้นพยายามที่จะเรียนรู้ภาษาไซบีเรียอยู่หลายครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้รัสปูตินเข้าใจภาษาไซบีเรียได้อยู่ดี<ref name="alexanderpalace.org">[http://www.alexanderpalace.org/realtsaritsa/1chap5.html The Real Tsaritsa by Madame Lili Dehn]</ref> และการเทศนาหลักธรรมสอนที่ไม่บ่อยนัก |
||
บรรทัด 60: | บรรทัด 60: | ||
รัสปูตินได้เดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อพบปะกับ John of Kronstadt , Pierre Gilliard ได้เขียนไว้ว่ารัสปูตินได้เดินทางมาถึงในปี [[ค.ศ. 1905]]<ref>[http://www.alexanderpalace.org/gilliard/V.html Alexanderpalace]</ref> , M. Nelipa คิดว่าฤดูใบ้ไม้ผลิจะเกิดขึ้นในปี[[ค.ศ. 1904]] Iliodor (เป็นชื่อนามแฝงของ Sergei Trufanov ซึ่งเดิมเป็นนักโบสถ์ซึ่งมารู้จักกับรัสปูตินแล้วก็ได้มาแต่งหนังสือชีวประวัติในบั้นปลายชีวิต) เชื่อว่าฤดูใบ้ไม้ผลิจะมาตอนปี[[ค.ศ. 1903]] ประมาณธันวาคม <ref>[https://archive.org/stream/madmonkofrussiai00trufuoft#page/91/mode/2up Iliodor (1918), p. 91]</ref> |
รัสปูตินได้เดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อพบปะกับ John of Kronstadt , Pierre Gilliard ได้เขียนไว้ว่ารัสปูตินได้เดินทางมาถึงในปี [[ค.ศ. 1905]]<ref>[http://www.alexanderpalace.org/gilliard/V.html Alexanderpalace]</ref> , M. Nelipa คิดว่าฤดูใบ้ไม้ผลิจะเกิดขึ้นในปี[[ค.ศ. 1904]] Iliodor (เป็นชื่อนามแฝงของ Sergei Trufanov ซึ่งเดิมเป็นนักโบสถ์ซึ่งมารู้จักกับรัสปูตินแล้วก็ได้มาแต่งหนังสือชีวประวัติในบั้นปลายชีวิต) เชื่อว่าฤดูใบ้ไม้ผลิจะมาตอนปี[[ค.ศ. 1903]] ประมาณธันวาคม <ref>[https://archive.org/stream/madmonkofrussiai00trufuoft#page/91/mode/2up Iliodor (1918), p. 91]</ref> |
||
เขาได้แนะนำให้รู้จักกับ Ivan Stragorodsky อธิการบดีของ Theological Faculty (เป็นโรงเรียนสอนศาสนา), รัสปูตินพักอยู่ที่ Alexander Nevsky Lavra ชั่วคราว , และเขาก็พบกับ Hermogenes และ Theophanes of Poltava ผู้ที่ศรัทธาในด้านจิตวิทยาของรัสปูตินและความเฉียบแหลมคมของเขา , รัสปูตินถูกเชื้อเชิญโดยเจ้าหญิงมิลคา (ภาษาอังกฤษ :Princess Milica of Montenegro) จากเมือง[[ประเทศมอนเตเนโกร]] |
เขาได้แนะนำให้รู้จักกับ Ivan Stragorodsky อธิการบดีของ Theological Faculty (เป็นโรงเรียนสอนศาสนา), รัสปูตินพักอยู่ที่ Alexander Nevsky Lavra ชั่วคราว , และเขาก็พบกับ Hermogenes และ Theophanes of Poltava ผู้ที่ศรัทธาในด้านจิตวิทยาของรัสปูตินและความเฉียบแหลมคมของเขา , รัสปูตินถูกเชื้อเชิญโดยเจ้าหญิงมิลคา (ภาษาอังกฤษ :Princess Milica of Montenegro) จากเมือง[[ประเทศมอนเตเนโกร]] |
||
และเจ้าหญิงอนาตาเซีย (ภาษาอังกฤษ : Princess Anastasia of Montenegro) แห่งประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นน้องสาวของเจ้าหญิงมิลคาเอง ซึ่งเจ้าหญิง |
และเจ้าหญิงอนาตาเซีย (ภาษาอังกฤษ : Princess Anastasia of Montenegro) แห่งประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นน้องสาวของเจ้าหญิงมิลคาเอง ซึ่งเจ้าหญิงอนาตาเซียมีความสนใจในเวทมนตร์เปอร์เซีย<ref>E. Radzinsky, p. 57.</ref> |
||
เจตนิยมและการใช้เวทมนตร์คาถา เจ้าหญิงมิลคาได้นำเสนอเรื่องรัสปูตินไปยัง[[ซาร์นีโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย]] และภรรยาของอเล็กซานเดอร์ในวันที่ [[1 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 1905]] .<ref>{{cite web|url=http://www.rus-sky.com/history/library/diaris/1905.htm |title=Nicolas' diary 1905 (in Russian) |publisher=Rus-sky.com |date= |accessdate=2013-04-28}}</ref> |
เจตนิยมและการใช้เวทมนตร์คาถา เจ้าหญิงมิลคาได้นำเสนอเรื่องรัสปูตินไปยัง[[ซาร์นีโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย]] และภรรยาของอเล็กซานเดอร์ในวันที่ [[1 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 1905]] .<ref>{{cite web|url=http://www.rus-sky.com/history/library/diaris/1905.htm |title=Nicolas' diary 1905 (in Russian) |publisher=Rus-sky.com |date= |accessdate=2013-04-28}}</ref> |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:01, 16 กันยายน 2557
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
กรีโกรี รัสปูติน | |
---|---|
กริกอรี รัสปูติน | |
เกิด | 21 มกราคม ค.ศ. 1869 หมู่บ้าน Pokrovskoye, Tyumen Oblast, ไซบีเรีย จักรวรรดิรัสเซีย |
เสียชีวิต | 30 ธันวาคม ค.ศ. 1916 (อายุ 47) เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก |
สาเหตุเสียชีวิต | ฆาตกรรม |
อาชีพ | ชาวนา คนเร่ร่อน ผู้รักษา ที่ปรึกษา |
คู่สมรส | Praskovia Fedorovna Dubrovina |
บุตร | Dmitri (1895–1937) Matryona (1898–1977) Varvara (1900–1925) |
บุพการี | Efim Vilkin Rasputin Anna Parshukova |
กรีกอรี เอฟีโมวิช รัสปูติน[ก] ([Григо́рий Ефи́мович Распу́тин (Grigoriy Efimovič Rasputin)] ข้อผิดพลาด: {{Lang-xx}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ); อังกฤษ: Grigori Yefimovich Rasputin; 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1869 – 30 ธันวาคม ค.ศ. 1916) เป็นชาวนา นักรหัสยลัทธิ ผู้รักษาโรคด้วยศรัทธา (faith healing) และเป็นผู้ถวายคำแนะนำอย่างลับ ๆ แก่ราชวงศ์โรมานอฟ ต่อมา กลายเป็นผู้มีอิทธิพลในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หลังจากเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1915 ซาร์นีโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียทรงบังคับบัญชากองทัพในสงครามโลกครั้งที่ 1
ชีวิตช่วงต้น
กริกอรี รัสปูตินเกิดในฐานะลูกชาวนาในหมู่บ้านเล็กๆของ Pokrovskoye ซึ่งมีฐานะค่อนข้างดีในเมือง Tobolsk , Guberniya (ปัจจุบันกลายเป็นเขตแดน Yarkovsky ใน Tyumen Oblast) ในพื้นที่กว้างบริเวณ ไซบีเรียตะวันตกที่ราบ มีการลงทะเบียนเลือกตั้งเขตศาสนาต่างๆในวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1869 ในหมู่บ้านของ Pokrovskoe ในครอบครัวของชาวนา
Yefim Yakovlevich Rasputin (หรืออีกชื่อคือ Efim Yakovlevich Rasputin) กับภรรยาของเขา โดยทั้งสองได้ทำการปฏิบัติตามขนบประเพณีอย่างถูกต้อง และกำเนิดเด็กชายที่มีนามว่า Grigory[2]
(หรือเรียกว่า Griogi )หนึ่งวันต่อมา เด็กชายถูกตั้งชื่อใหม่ หลังจาก Gregory of Nyssa ได้จัดงานเลี้ยงฉลองเมื่อวันที่ 10 มกราคม (แต่ไม่ทราบปี)[3]
กริกอริเกิดในลำดับคนที่ห้าจากพี่น้องทั้งหมดเก้าคน เขาไม่ค่อยตั้งใจหรือสนใจในด้านการศึกษา จากการสำรวจในปี ค.ศ. 1897 พบว่าประชาชนในหมู่บ้านส่วนมากเป็นผู้ไม่รู้หนังสือ[4] ในเมือง Pokrovskoye เด็กชายรัสปูตินถูกมองว่าเป็นคนนอกในหมู่บ้านนี้ ชายปริศนาได้บริจาคของขวัญลึกลับมา แขนและขาของเขาดูกระตุก เขาเดินลากเท้าไปมา และเก็บอะไรไว้ในมือ อย่างไรก็ตามแม้จะมีนิสัยตลบแตลง เขาก็มักจะคิดถึงการเอาใจใส่[5] เรื่องเล็กน้อยๆในวัยเด็กถูกส่งผ่านต่อยอดมายังลูกสาวของเขา มาเรีย[6] ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1887 กริกอรีคบภรรยาที่มีอายุน้อยกว่าตนเองถึง 3 ปี Praskovia Fyodorovna Dubrovina โดยทั้งคู่ได้มีลูกด้วยกันสามคน ได้แก่ ดิมิตรี (Dmitri), วัววารา(Varvara) และ มาเรีย (Maria) ลูกชายของเขาเสียชีวิตในเยาววัยเมื่อปี ค.ศ. 1892[7]
กริกอริออกจากหมู่บ้าน และลาจากญาติของเขา เขาใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการอยู่วัดใน Verkhoturye Spiridovich ชี้แนะหลังการเสียชีวิตของหลานของกริกอรี[8]
โดยตัววัดได้ถูกเพิ่มเสริมให้มีความยิ่งใหญ่ขึ้นในปีที่ผ่านมาจะได้รับผู้แสวงบุญ[9] ด้านนอกของวัดเป็นที่อาศัยของฤๅษี (ซึ่งมีชื่อว่า Brother Makary) Makary มีอิทธิพลต่อกริกอรี และทำให้กริกอรีได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติตนเอง หลังจากที่เขาได้กลับบ้านไปเขาได้เรียนรู้และอ่านและเขียน และกลายเป็นผู้เปลี่ยนความคิดและการเป็นคนกระตือรือร้นขึ้นมา
ก้าวสู่ชีวิตทางศาสนา
รัสปูตินอ้างว่าวิสัยทัศน์ของพระแม่แห่งคาซานนำเขาไปสู่ชีวิตความศรัทธาด้านศาสนา ในช่วงราวปีค.ศ. 1893 เขาได้เดินทางมายังภูเขา Athos แต่เขานั้นตกใจอย่างสุดขีดและทำให้กระจ่างขึ้นมา ในขณะที่เขาบอก Makary[10]
ในปี ค.ศ. 1900 เขาระบุว่าเป็น strannik (ผู้แสวงบุญทางศาสนาในรัสเซีย) , นักบุญพเนจร[11] อย่างไรก็ตามรัสปูตินมักจะกลับบ้านมาช่วยเหลือครอบครัวในการเก็บเกี่ยวผลผลิต และได้รับถูกเรียกว่า ผู้มาใหม่ , yurodiviy (คนโง่เขลาที่ศักดิ์ศักดิ์)[12] โดยเหล่าผู้ติดตามที่เชื่อว่าสามารถจะหยั่งรู้และรักษาผู้คนได้[13] , แต่ถึงกระนั้นรัสปูตินก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ใช่ที่ปรึกษาในคริสตจักรภาคตะวันออกหรือครูสอนเกี่ยวกับศาสนา[14] (ภาษาอังกฤษ : starets) , โดยรัสปูตินนั้นพยายามที่จะเรียนรู้ภาษาไซบีเรียอยู่หลายครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้รัสปูตินเข้าใจภาษาไซบีเรียได้อยู่ดี[15] และการเทศนาหลักธรรมสอนที่ไม่บ่อยนัก
ในปี ค.ศ. 1903 เขาใช้เวลาส่วนมากอยู่ในเคียฟซึ่งเขาได้ไปเยี่ยมเยือนวัด Monastery of thé Caves (ซึ่งปัจจุบันปลี่ยนชื่อเป็น Kiev Pechersk Lavra) ในเมือง Kazan ซึ่งเขาได้ดึงดูดความสนใจแก่เหล่าพวกบาทหลวงและสมาชิกชั้นสูงต่างๆ [16]
รัสปูตินได้เดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อพบปะกับ John of Kronstadt , Pierre Gilliard ได้เขียนไว้ว่ารัสปูตินได้เดินทางมาถึงในปี ค.ศ. 1905[17] , M. Nelipa คิดว่าฤดูใบ้ไม้ผลิจะเกิดขึ้นในปีค.ศ. 1904 Iliodor (เป็นชื่อนามแฝงของ Sergei Trufanov ซึ่งเดิมเป็นนักโบสถ์ซึ่งมารู้จักกับรัสปูตินแล้วก็ได้มาแต่งหนังสือชีวประวัติในบั้นปลายชีวิต) เชื่อว่าฤดูใบ้ไม้ผลิจะมาตอนปีค.ศ. 1903 ประมาณธันวาคม [18] เขาได้แนะนำให้รู้จักกับ Ivan Stragorodsky อธิการบดีของ Theological Faculty (เป็นโรงเรียนสอนศาสนา), รัสปูตินพักอยู่ที่ Alexander Nevsky Lavra ชั่วคราว , และเขาก็พบกับ Hermogenes และ Theophanes of Poltava ผู้ที่ศรัทธาในด้านจิตวิทยาของรัสปูตินและความเฉียบแหลมคมของเขา , รัสปูตินถูกเชื้อเชิญโดยเจ้าหญิงมิลคา (ภาษาอังกฤษ :Princess Milica of Montenegro) จากเมืองประเทศมอนเตเนโกร และเจ้าหญิงอนาตาเซีย (ภาษาอังกฤษ : Princess Anastasia of Montenegro) แห่งประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นน้องสาวของเจ้าหญิงมิลคาเอง ซึ่งเจ้าหญิงอนาตาเซียมีความสนใจในเวทมนตร์เปอร์เซีย[19] เจตนิยมและการใช้เวทมนตร์คาถา เจ้าหญิงมิลคาได้นำเสนอเรื่องรัสปูตินไปยังซาร์นีโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย และภรรยาของอเล็กซานเดอร์ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1905 .[20]
ก่อนที่จะมีการประชุมกับรัสปูติน , ซารนิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียต้องรับมือกับสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น , วันอาทิตย์ทมิฬ , การปฏิวัติรัสเซีย พ.ศ. 2448 มีเหตุชุลมุนมากมายหลายที่และการพังทลายของตึกต่างๆ บริเวณในเมืองที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงเหล่าจักรพรรดิ์และผู้มีอำนาจทั้งหลายถูกบังคับ เมื่อวันที่ 17 โดย Sergei Witte ได้ออกลงนามแถลงการณ์เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งจะเป็นการยอมรับที่จะได้สถาปนารัฐดูมาและจะให้เป็นส่วนหนึ่งของเขาในระบอบผเด็จการ [21] หกเดือนต่อมา Sergei Witte ได้ถูกรับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี , แต่ถูกปกครองที่แท้จริงคือนายพล Dmitri Trepov
รักษาอเล็กซานเดอร์
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1906 มีคำสั่งจากพระเจ้าซาร์ , รัสปูตินเข้าเยี่ยมลูกสาวของนายกรัฐมนตรี Pyotr Stolypin ที่มีอาการบาดเจ็บ, ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น มีประชากรจำนวน 29 คนเสียชีวิตด้วยแรงของระเบิดซึ่งนั้นรวมถึงลูกสาวของนายกรัฐมนตรี Pyotr Stolypin อีกด้วย [22] ไม่กี่เดือนต่อมา,
... ในวันที่ 15 ธันวาคม, รัสปูตินขอร้องอ้อนว่าต่อพระเจ้าซาร์, เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย. กริกอริอธิบายว่าสมาชิกในครอบครัวหกคน ในเมือง Pokrovskoye ไม่ชอบนามสกุลรัสปูติน, และนี่คือสิ่งที่สร้างขึ้น การแบ่งประเภทก็อาจนำไปสู่ความโกลาหลได้ รัสปูตินถามนิโคลัส "วิธีที่จะยุติความหยุ่งเหยิงโกลาหลครั้งนี้ได้ด้วยควรอนุญาตให้ผมเปลี่ยนชื่อและลูกหลานใช้ชื่อว่า Rasputin-Novyi (Новый ซึ่งหมายถึง รัสปูตินคนใหม่ หรือ รัสปูตินแบบใหม่."[23]
ในเดือน เมษายน ค.ศ. 1907 รัสปูตินถูกเชื้อเชิญอีกครั้งโดย Tsarskoye Selo , ในครั้งนี้เพื่อพบกับ Tsarevich Alexe ซึ่งเป็นเด็กที่มีอาการบาดเจ็บจากโรคฮีโมฟีเลียบี , ซึ่งแน่นอนไม่เป็นที่รู้กันอย่างสาธารณะว่ารัชทายาทจะติดโรคฮีโมฟีเลียบี โดยโรคนี้ค่อนข้างจะแพร่หลายในพระบรมวงศานุวงศ์ในแถบยุโรป.[24] เมื่อแพทย์ไม่รักษาได้จึงทำให้เกิดความหมดหวัง Tsarina นั้นยังคงรอคอยความช่วยเหลือจากใครสักคน โดยเธอได้สูญเสียแม่ ,พี่ชาย , น้องสาว เมื่อเธอยังเป็นเด็ก รัสปูตินบอกสามารถที่จะรักษาได้โดยการอธิษฐานภาวนาแด่พระเจ้า ซึ่งนั้นทำให้ญาติของเธอมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก็ช่วยเบาบางจิตใจของเด็กและอาการได้อย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์จากหมอว่าเธอจะตายในเร็ววัน โดย Tsarevich แสดงให้เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ[25]
เชิงอรรถ
ก. ^ ที่ถูก คำ "Rasputin" ตามสำเนียงรัสเซีย อ่านว่า "ระสฺปูติน" ("ระ-สฺปู-ติน") โดย "ระ" กับ "สฺปู" นั้นเป็นคนละพยางค์กัน (/rʌˈsputyɪn/; Ra·spu·tin) ส่วนสำเนียงอังกฤษว่า "แรสพฺยูทิน" (ræˈspyutɪn) อนึ่ง ชื่อเต็มคือ "Grigori Yefimovich Rasputin" นั้น สำเนียงรัสเซียว่า "กริกอรี ยิฟีเมอวิช ระสฺปูติน" (/gryɪˈgɔryi yɪˈfyiməvyɪtʃ rʌˈsputyɪn/) ส่วนสำเนียงอังกฤษว่า "กริกอรี อิฟีเมอะวิช แรสพฺยูทิน" (/grɪˈgɔri ɪˈfiməvɪtʃ ræˈspyutɪn/)
อ้างอิง
- Fuhrmann, Joseph T (1990). Rasputin: A Life (illustrated ed.). New York: Praeger. p. 276. ISBN 027593215X. OCLC 19269485.
{{cite book}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า s:|laysummary=
และ|laydate=
(help) - Massie, Robert K (2004) [originally in New York : Atheneum Books, 1967]. Nicholas and Alexandra: An Intimate Account of the Last of the Romanovs and the Fall of Imperial Russia (Common Reader Classic Bestseller ed.). United States: Tess Press. p. 672. ISBN 157912433X. OCLC 62357914.
{{cite book}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า s:|laydate=
และ|laysummary=
(help) - Radzinsky, Edvard (2000) [originally in London : Weidenfeld & Nicolson, 2000]. Rasputin: The Last Word. translator Judson Rosengrant. St Leonards, New South Wales, Australia: Allen & Unwin. p. 704. ISBN 1865085294. OCLC 155418190.
{{cite book}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า s:|laydate=
,|laysummary=
และ|trans_title=
(help)
- ↑ Fuhrmann, p. xiii
- ↑ Demystifying the life of Grigory Rasputin; "Royal Russia News: Demystifying the life of Grigory Rasputin". Angelfire.com. สืบค้นเมื่อ 2013-04-28.
- ↑ อ้างอิงจาก The Rasputin File หน้า 25, 29.
- ↑ J.T. Fuhrm ann (2013), p. 9.
- ↑ J.T. Fuhrmann (2013), p. 11-13.
- ↑ M. Rasputin (1934) My father.
- ↑ M. Nelipa (2010), p. 16.
- ↑ Spiridovitch, A. (1935) Raspoutine (1863-1916), p. 15.
- ↑ [1]
- ↑ J.T. Fuhrmann (2013), p. 22; B. Moynahan, p. 32.
- ↑ M. Nelipa (2010), p. 17.
- ↑ Spencer C. Tucker, Priscilla Mary Roberts (2005), "The Encyclopedia of World War I: A Political, Social, and Military History, p. 967 [2].
- ↑ Rasputin: The Mad Monk [DVD]. USA: A&E Home Video. 2005.
- ↑ M. Nelipa (2010) The Murder of Grigorii Rasputin. A Conspiracy That Brought Down the Russian Empire, p. 16.
- ↑ The Real Tsaritsa by Madame Lili Dehn
- ↑ Amalrik, A. (1988) Biografie van de Russische monnik 1863-1916, p. 45; J.T. Fuhrmann (2013), p. 24; B. Moynahan (1997) Rasputin. The saint who sinned, p. 43.
- ↑ Alexanderpalace
- ↑ Iliodor (1918), p. 91
- ↑ E. Radzinsky, p. 57.
- ↑ "Nicolas' diary 1905 (in Russian)". Rus-sky.com. สืบค้นเมื่อ 2013-04-28.
- ↑ J.T. Fuhrmann (2013), p. 33.
- ↑ J.T. Fuhrmann (2013), p. 41
- ↑ J.T. Fuhrmann (2013), p. 42; M. Nelipa (2010), p. 24; Iliodor, p. 112.[3].
- ↑ R.C. Moe, p. 149.
- ↑ The Atlantic; "Memories of the Russian Court - an online book on Romanov Russia - Chapter VI". Alexanderpalace.org. สืบค้นเมื่อ 2013-04-28.
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- King, Greg (1998) [Originally by Carol Pub. in 1995]. The Man Who Killed Rasputin: Prince Felix Youssoupov and the Murder That Helped Bring Down the Russian Empire (illustrated ed.). Secaucus, New Jersey: Citadel Press. ISBN 0806519711.
{{cite book}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า s:|month=
,|laysummary=
และ|laydate=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
- Photographs and films about Grigorii Yefimovich Rasputin
- The Alexander Palace Time Machine Bios-Rasputin - bio of Rasputin
- Rasputin documentary (Discovery Channel)
- Okhrana Surveillance Report on Rasputin - from the Soviet Krasnyi Arkiv
- Rasputin, Grigory Yefimovich, Microsoft Encarta Online Encyclopedia (Archived 2009-10-31)
- Russian Revolutions of 1917 (Archived 2009-10-31)
- The Murder of Rasputin
- Rasputin the Musical by Michael Rapp
- BBC's Rasputin murder reconstruction
- RASPUTIN Grigory Efimovich - article about Rasputin at Encyclopaedia of Saint Petersburg
- Mark 16:18 - a bible verse believed by some Christians to ascribe Rasputin-like powers to some Christians